ศึกครั้งนี้ ต้องสูญเสียสหายสามถึงห้าพันนายแน่นอน ทว่าจะรักษาทหารลาดตระเวนเอาไว้ได้ รักษาหรงตูไว้ได้ นี่เป็นราคาที่ถูกที่สุดในการจ่ายแล้ว“ท่านแม่ทัพ พี่จื่อหลิน!” เฉินฝานหันไปพูดกับพ่อลูกตระกูลเหอ “ข้านำทหารกลุ่มหนึ่งบุกโจมตีเมืองฝูตู พวกท่านนำคนที่เหลือ ทำตามวิธีการเมื่อครู่ ซ่อนตัวในป่าริมแม่น้ำ หลังจากทหารหนึ่งแสนสามหมื่นนายของเหยียนเชียงและหลีเทียนไป ค่อยข้ามแม่น้ำ มุ่งหน้าไปยังหรงตู”เฉินฝานยังพูดไม่จบ เย่ว์หนูพูดด้วยความร้อนใจ “นายท่าน เย่ว์หนูนำทหหารหญิงร่วมโจมตีเมืองฝูตูกับท่านเองเจ้าค่ะ”“ไม่ได้ พวกเจ้าข้ามแม่น้ำไปพร้อมกับแม่ทัพเหอซะ นี่เป็นคำสั่ง!”ทหารหญิงเก้าสิบเก้าคนที่เย่ว์หนูคอยดูแล เทียบเท่าทหารลาดตระเวนกองกำลังหนึ่งแล้ว เฉินฝานไม่อาจปล่อยให้พวกนางไปร่วมเสี่ยงกับตนเอง“นายท่าน พวกข้าเป็นกองกำลังทหารของท่าน ท่านอยู่ที่ใด พวกข้าก็อยู่ที่นั่นเจ้าค่ะ!”เย่ว์หนูที่เชื่อฟังคำสั่งมาโดยตลอด ไม่ฟังคำสั่งของเฉินฝาน ดึงดันจะไปด้วย“ไม่ได้!”“เช่นนั้นนายท่านก็สังหารพวกข้าเถอะ!” สีหน้าของเย่ว์หนูฉายความดื้อดึง น้ำตาคลอเบ้าเดิมทีพวกนางเป็นเพียงสตรีเร่ร่อนไร้ที่พึ่งพิง เฉินฝ
“ได้ขอรับ!”คนแรกที่ตอบเฉินฝาน คือเสี่ยวซื่อเสี่ยวซื่อชักนำทหารคนอื่นๆ“ได้ขอรับ!”“ได้ขอรับ!”เสียงร้องตะโกนทหารกองกำลังห้า ราวกับฟ้าคำรามเดิมทีพวกเขาคือกองกำลังทหารที่อ่อนแอที่สุด ตอนนี้กลับร้องตะโกนส่งเสียงมีพลังที่สุดทหารกองกำลังอื่นๆ สายตาที่มองกองกำลังทหารของตน ด้วยความรู้สึกเจ็บใจไม่มากก็น้อย เจ็บใจที่พวกเขาไม่อาจได้รับโอกาสนี้“ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง!”เฉินฝานตีกลองสงครามด้วยตนเอง“ฆ่ามัน!”ทหารห้าพันกว่านายของทหารกองกำลังห้า ร้องฆ่าพร้อมกัน“จับเป็นกบฏอ๋องเจิ้นหนาน!”เหอจื่อหลินตวัดดาบใหญ่ ขี่ม้านำออกไปเป็นคนแรกมองทหารกองกำลังห้าที่ไปไกลเรื่อยๆ เหอกังแอบเช็ดหางตาเหอจื่อหลินเป็นลูกชายคนเดียวของเขาเขาไปครั้งนี้ มีโอกาสตายสูง!ภาพเหอกังแอบเช็ดน้ำตา เฉินฝานมองเห็นทุกอย่างถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่อาจทำอะไรได้ ทำได้เพียงขอให้สวรรค์มีตา เหอจื่อหลินรอดพ้นอันตรายหลังจากพวกเหอจื่อหลินไปประมาณหนึ่งชั่วยาม ทหารหนึ่งแสนสามหมื่นนายของเหยียนเชียงและหลีเทียนก็ไล่ตามมาทหารเตียนตูหนึ่งแสนสามหมื่นนายจากไปประมาณครึ่งก้านธูป เฉินฝานก็ออกคำสั่งให้ข้ามแม่น้ำทหารลาดตระเวนสองหมื่นกว
“กรึก กรึก กรึก!”เสียงเกือกม้าดังก้องตอบคำถามให้กับเฉินฝานแล้ว“ทหารเตียนตู คือทหารเตียนตู พวกเขาไล่ตามมาแล้ว!” ทหารข้างกายเหอกังร้องตะโกนเฉินฝานหันไปมอง...ฝุ่นตลบสูงถึงหนึ่งจั้ง พุ่งมาจากที่ไกลด้วยความเร็วแสงอาทิตย์อัสดง ทอแสงส่องกระทบฝุ่นควันนั้น รู้สึกราวกับเป็นพายุทะเลทรายน่าสะพรึงกลัว กำลังจะกลืนกินอำเภอเหออันเล็กๆ นี้อย่างรวดเร็ว มวลฝุ่นกลมๆ เหล่านั้นก็มาถึงระยะที่มองเห็นได้ชัดจากเครื่องแบบของทหารม้า เฉินฝานดูออกว่า นั่นคือทหารเตียนตูที่อยู่ภายใต้คำสั่งของหลีเทียนด้านหลังทหารม้ามีทหารอีกจำนวนมากทหารสามหมื่นนายของหลีเทียน ไล่ตามมาทั้งหมดแล้วตอนทราบข่าวว่าทหารลาดตระเวนจะโจมตีเมืองฝูตู ให้เขารีบกลับไปคุ้มกันอ๋องเจิ้นหนาน หนีเทียนอยู่ใกล้เมืองฝูตูมากกว่าเหยียนเชียงอย่างเห็นได้ชัด แต่กองกำลังของเขากลับช้ากว่าของเหยียนเชียงเพราะหลีเทียนรู้สึกว่าการที่ทหารลาดตระเวนจะโจมตีเมืองฝูตู เป็นเรื่องน่าแปลกยิ่งนักทหารลาดตระเวนเป็นทหารเหนื่อยล้า พวกเขาจะมีความสามารถในการโจมตีเมืองฝูตูได้อย่างไร เขาคิดว่าอาจจะเป็นกลลวงของเฉินฝานตอนทหารลาดตระเวนข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ย หลีเทียนที
ขณะหลีเทียนพูดอยู่นั้น หญิงชราถือไม้กวาดในมือ เดินสั่นงันงกไปถึงประตูเมือง “พวกเจ้าเป็นลูกหลานตระกูลไหน? ขืนยังไม่เข้ามา ข้าจะปิดประตูเมืองแล้ว”หญิงชราพูดไม่นาน มือของหลีเทียน ยกขึ้นสูงอีกครั้ง...“ถอยหลัง!”ทหารเตียนตูสามหมื่นนายถอยหลังไปไกลกว่าสิบเมตร“เฮ้อ!”หญิงชราส่ายหน้า “ช่างเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองจริงๆ ช่างเถอะ ข้าจะบอกทหารเฝ้าเมือง วันนี้ไม่ลงกลอนประตูเมืองแล้ว เมื่อเล่นจนหนำใจ พวกเจ้าก็เข้ามานะ”พูดจบ หญิงชราถือไม้กวาดในมือ เดินสั่นงันงกเข้าไปในอำเภอเหออัน สุดท้ายเดินลับหายไปที่มุมหนึ่งของทางเดินเก่าๆ นี้ค่ำคืนมาเยือนลมก่อตัวพื้นดินก็หนาวเย็นแล้วยามลมพัดผ่านไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หลีเทียนจึงรู้สึกหนาว“ทางเหนือมียอดหญิงงาม ทั่วแผ่นดินมีเพียงหนึ่งเดียว ชม้ายคราแรกล่มเมือง ชายตาอีกคราล่มชาติ”ประตูเมือง จู่ๆ ก็มีเสียงเพลงไพเราะดังขึ้น“ท่านแม่ทัพ ดูนั่นสิขอรับ!”มีคนชี้ไปที่กำแพงเมืองหลีเทียนจับเชือกนั่น เมื่อม้าถูกดึง จึงถอยหลังหลายก้าวบนกำแพงเมืองอำเภอเหออันเฉินฝานนั่งพิงเก้าอี้ เขาดื่มเหล้า พร้อมกับฟังหญิงงามตรงหน้าขับร้องเพลง สีหน้าของเขาดูมีความสุขย
ฉินเย่ว์เจียวที่แทบจะทนรอบรรเลงเพลงรักกับเฉินฝานไม่ไหว ฉีกเสื้อผ้าตนเองจนขาดวิ่นโชคดีที่เฉินฝานถอดเสื้อผ้าเร็ว มิเช่นนั้นเสื้อผ้าของเขาต้องถูกฉีกจนขาดเช่นเดียวกัน“อีกเรื่องหนึ่ง ใต้เท้าหวู่ ท่านต้อง...” เฉินฝานชะงักครู่หนึ่งแล้วค่อยพูดต่อ “ท่านต้องยกเตียงใหม่เข้าไป”เตียงถูกเย่ว์เจียวขย่มจนหักแล้วเหอกังเร่งให้หวู่ซือชิงที่กำลังตกตะลึงอยู่นั้นรีบไปจัดการ หลังจากหวู่ซือชิงออกไป เหอกังตบหัวไหล่เฉินฝานด้วยความดีใจ “ใต้เท้าเฉิน คนของหลีเทียนถอยไปจริงๆ ทั้งยังถอยไปไกลกว่าสามลี้ กางกระโจมที่นั่น วันนี้พวกเขาไม่มีทางโจมตีแน่นอน!”“เช่นนั้นก็ดี!” เฉินฝานพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบตอนเขาเดินลงจากกำแพงเมือง หลีเทียนยังอยู่“เจ้าหนุ่มคนนี้ ช่างใจกล้ายิ่งนัก เปิดประตูเมืองไว้เช่นนี้หรือ? ไม่กลัวหลีเทียนบุกเข้ามาจริงๆ หรือ?”เพียงคิดถึงเมื่อครู่ที่ทหารสามหมื่นนายของหลีเทียนอยู่นอกประตูเมือง แล้วประตูเมืองของพวกเขายังเปิดกว้าง เหอกังก็รู้สึกกลัว“หลีเทียนเหมือนซือหม่าอี่ ฉลาด ทว่ากังวลมาก ดังนั้นเขากล้าเข้ามาแน่นอน”“สิ่งนี้เรียกว่ากลยุทธ์เมืองว่าง!”เฉินฝานกล่าวอย่างผ่อนคลาย“ซือหม่าอี้?
“หากว่า...” มุมปากของเฉินฝานฉีกยิ้มทะเล้น “หลีเทียนชาญฉลาดช่างกังวล ที่กล่าวว่าช่างกังวลนั้นฟังดูไพเราะ แต่แท้จริงแล้วเขาขลาดเขลา”“ทว่า ก็ไม่ได้ขี้ขลาดมากพอ หากขี้ขลาดมากกว่านี้เล็กน้อย ไปตั้งแต่เมื่อคืน ทหารสามหมื่นนายของเขายังถอยทัพได้ ตอนนี้...”“เขาไม่อาจถอยทัพได้แล้ว!”“ใต้เท้า ความหมายของท่านคือให้พวกเราโจมตีพวกเขาหรือ?” เหอกังถาม“ใต้เท้า โปรดมีคำสั่ง ทหารกองกำลังหนึ่งของเราเตรียมความพร้อมแล้ว โจมตีได้ทุกเมื่อ!”“ทหารกองกำลังสองของพวกข้าก็เช่นเดียวกันขอรับ”“ทหารกองกำลังสามก็เช่นเดียวกัน!”“ทหารกองกำลังสี่ก็เช่นเดียวกัน!”ทุกกองกำลังแย่งกันจะออกไปทหารลาดตระเวนในตอนนี้ ห้าวหาญมากขึ้นถูกทหารเตียนตูไล่ตามมาหลายวันหลายคืน อยู่อย่างหลบๆ ซ่อนมาหลายวัน ทหารลาดตระเวนทุกนายต่างรู้สึกอัดอั้นยิ่งนัก อยากต่อสู้กับทหารเตียนตูสักคราให้สาแก่ใจเฉินฝานส่ายมือ ยิ้มบางๆ แล้วพูด “ไม่รีบร้อน พวกเจ้าได้สู้รบแน่นอน แต่อย่าเพิ่งใจร้อน รอพวกหลีเทียนมาก่อนค่อยว่ากัน”เหอกังชะงัก “หลีเทียนจะถอยทัพแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วจะมาได้อย่างไร?”“ตู้ม!”“ปั้ง ปั้ง!”สิ้นเสียงของเหอกังไม่นาน ด้านนอกก
“ท่านแม่ทัพ เวลาประสบสถานการณ์เช่นนี้ ปกติพวกท่านโจมตีอย่างไร?” เฉินฝานถามเหอกัง“ย่อมปล่อยให้พวกเขาเข้ามาใกล้ๆ จากนั้นใช้นักยิงธนูจู่โจม คนหลบลูกธนูได้แล้วพุ่งเข้ามาจนใกล้บันได ใช้พลโยนหินโจมตี”“ใต้เท้าเฉิน มีกลยุทธ์การรบที่ดีกว่าหรือไม่?”“ไม่มีขอรับ!” เฉินฝานส่ายหัว พลวางระเบิดหญิงที่โจวอวี่นำทัพ ล้วนอยู่ข้างหลังพวกหลีเทียน ลูกระเบิดโถสุราของทหารหญิงในเมืองมีไม่มากแล้ว ยุคสมัยอาวุธเย็น จะต่อกรกับศัตรูที่โจมตีเมืองด้วยกำลังอันแข็งแกร่ง วิธีการของเหอกังนับว่าดีมากแล้วเฉินฝานเพียงเสนอคำแนะนำเล็กๆ กับพลโยนหิน ว่าให้ถูน้ำมันและจุดไฟบนก้อนหิน ทำก้อนหินให้ลูกไฟตอนนั้นที่บุกภูเขาวิฬาร์ เฉินฝานรู้สึกได้ว่าการทำลายล้างของลูกไฟของโจรป่าภูเขาวิฬาร์สูงมากถ้าไม่ใช่เพราะได้ผลิตลูกระเบิดโถสุราออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะโจรป่าวบนภูเขาวิฬาร์เหล่านั้นดูถูกทหารหญิง เฉินฝานจะไม่สามารถบุกทะลวงรังของพวกโจรด้วยเวลาสั้นๆ เพียงเท่านั้นได้แน่ทหารเตียนตูสามหมื่นของหลีเทียนห่างจากหอด้านบนประตูเมืองไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร“พลยิงธนูเตรียมตัว!”ครั้นธงแดงเล็กในมือเหอกังร่วงลง“ยิง!”ลูกธนูประหนึ่งห่าฝน ลอยออก
“ปกป้องนายท่าน!”ยามห่าฝนลูกธนูจู่โจม ฉินเย่ว์เจียวพาเย่ว์หนูกับทหารอารักขาหญิงไม่กี่คนชูโล่ขึ้น ก่อเป็นกำแพงบังข้างหน้าเฉินฝานทหารจำนวนมากที่อยู่หอด้านบนประตูเมืองไม่สามารถปกป้องได้ง่ายเหมือนเฉินฝาน ก่อนหน้านี้ทหารลาดตระเวนต้องการหลบหนีจากการล้อมของทหารเตียนตู จึงทิ้งโล่กำบังไปจำนวนมาก ในอำเภอเหออันสถานที่เล็กๆ เช่นนี้ เติมลูกธนูได้สักหน่อยก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แต่โล่กำบังนั้นเป็นไปไม่ได้เลย“อ๊าก!”“อ๊าก อ๊าก!”“หมอบลง หมอบลง!”ในหูของเฉินฝาน มีเสียงโอดร้องอย่างเจ็บปวดจากการถูกยิง กับเสียงออกคำสั่งอันเร่งรีบของเหล่าผู้นำทัพดังขึ้นเสียงแล้วเสียงเล่ากลุ่มพลยิงธนูหมอบลงทำให้หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บได้ชั่วขณะ แต่ข้างใต้หอด้านบนประตูเมือง เสียงของทหารเตียนตูที่พุ่งเข้ามา กลับดังขึ้นกว่าเดิมทุกครั้งเฉินฝานถึงกระทั่งเห็นบันไดของทหารเตียนตูวางไว้ตรงหอด้านบนประตูเมืองเรียบร้อย“พลลูกไฟประจำการ!”ภายใต้คำสั่งการของเหอกัง ลูกไฟนับไม่ถ้วนกลิ้งจากหอด้านบนประตูเมืองลงไปทหารเตียนตูที่ปีนป่ายบันไดชุดแรกถูกตีกลับไปทั้งหมดลูกไฟล้วนเป็นก้อนหินที่ห่อด้วยหญ้าและทาน้ำมันเอาไว้ เพียงสัมผัสถูกคนไฟ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ