ณ ช่วงเวลานี้ ที่จางหย่นชุนพูดทั้งหมดคือ ค่ายชิงหลงที่จะถูกเขาบุกโจมตี“โจวอวี่!” มองก้อนหินขนาดใหญ่ที่แม่นยำและทรงพลังกว่าเมื่อครู่พวกนั้น โจวลี่เหรินเงยหน้าตะโกนเสียงดัง พวกเขาจะลากรถยิงหินเข้ามาใกล้หรือไม่?”“ถูกต้องแล้ว คุณท่าน อย่างน้อยก็ลากมาใกล้ห้าฉื่อ” เสียงของโจวอวี้ดังมาจากยอดถ้ำ“เยี่ยม!” โจวลี่เหรินแววตาเปล่งประกายขึ้นทันที “บดขยี้พวกเขาให้ราบคาบ!”“ไม่มีปัญหา คุณท่าน ดูข้าไว้ให้ดีๆ”ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!ลูกธนูที่รวดเร็วและอานุภาพรุนแรงพุ่งข้ามศีรษะโจวลี่เหรินไปทีละลูก“ดีมาก! ต่อแต่นี้ก็แล้วแต่โชคชะตาฟ้าลิขิตแล้ว”โจวลี่เหรินยกมือค้างไว้ในอากาศมาโดยตลอดหลังจากนั้นสองนาที เขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย และค่อยๆฉีกยิ้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ“ทิศทางลมเปลี่ยนแล้ว ทิศทางลมเปลี่ยนแล้ว”เขาชำเลืองมองประตูค่ายที่กำลังมอดไหม้ และกำแพงค่ายที่ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ผนวกกับเสียงฆ่าฟันที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ รอยยิ้มบนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเหยียดหยามขุนนางที่บัญชาการอยู่ด้านล่างเขานั้นคงจะเป็นจางหย่งชุนล่ะสิเขาก็ยังคงโง่ดักดานเหมือนกับครั้งก่อนๆ!อยู่ๆในค่ายชิงหลงก็เงียบสงบขึ้นเยอะ ไม่มีเสีย
พลทหารนับหมื่นนับพันที่ร่างติดไฟ บ้างล้มด้วยความเจ็บปวด บ้างวิ่งหนีตายไปทุกหนทุกแห่ง พลทหารที่ร่างไม่ติดไฟพากันร่นถอยไปท่ามกลางความอลหม่าน มีพลทหารจำนวนไม่น้อยลื่นล้ม กลายเป็นถูกเหยียบพลทหารส่วนใหญ่ไม่โดนเผาตาย ก็โดนลูกธนูโจรภูเขายิงตาย หรือไม่ก็ถูกพวกเดียวกันเหยียบตาย“เหล่าพี่น้องที่ไม่ได้รับบาดเจ็บจงรีบลุกขึ้นมา ออกไปจัดการพวกสวะพวกนั้นกัน!”ในค่ายชิงหลง มังกรตาเดียวตะโกนกู่ก้อง“จัดการพวกสวะให้สิ้นซาก!”“ยิงธนู!”ลูกธนูมหาศาลถูกยิงออกจากไปค่ายชิงหลง“ผลักหิน!”ก้อนหินลูกใหญ่ลูกแล้วลูกเล่ากลิ้งลงไปจากค่ายชิงหลงลูกธนูที่ยิงใส่ร่างพลทหารเมื่อครู่ ตอนนี้เป็นบ่อแห่งลูกธนูสุดลูกหูลูกตาของโจรภูเขาแล้วหินกำแพงค่ายที่ถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดีก็กลายเป็นหินกลิ้งที่ไม่มีวันใช้หมด“เหล่าพี่น้อง ตามข้ามา!” ถูซิงซุนเองก็ตะโกนลั่น เขาเข็นรถขนลูกไฟชนกับประตูค่ายที่ถูกเผาจนมอดไหม้ไปแล้ว“เพิ่มคบไฟเข้าไปอีกหนึ่งอัน เผาพวกเขาให้ตาย แก้แค้นให้กับพี่น้องที่ตายไป!”“เผาพวกเขาให้ตาย แก้แค้นให้กับพี่น้องที่ตายไป!”โจรภูเขาที่อยู่ด้านหลังถูซิงซุน ฮึกเหิมราวกับฉีดเลือดไก่ พากันรถขนลูกไฟพุ่ง
“เฉินฝาน แค่ปัญญาชนหนึ่งอย่างเขา จะมาทำลายสถานการณ์อะไรกัน? จะทำลายอย่างไร? ใช้เหยือกสุราพวกนั้นหรือ?”จางหย่งชุนแยกเขี้ยวยิงฟัน และอีกอย่างเขาก็ไม่เชื่อว่าเฉินฝานจะทำลายสถานการณ์ได้ ต่อให้ทำลายสถานการณ์ได้จริงๆ เขาก็ไม่ให้เฉินฝานมาสู้รบเขาเป็นนายกองที่พากองกำลังทหารมาสามพันคน หลีกทางให้ปัญญาชนคนหนึ่ง พูดไปคนก็ต้องหัวเราะเยาะเป็นแน่?อีกอย่างคือ...จางหย่งชุนรู้สึกกระวนกระวายใจถึงแม้ความเป็นไปได้ในการทำลายสถานการณ์จะไม่มากนัก ทว่าไอหนุ่มนี่ชอบเล่นพิเรนทร์อย่างมากครั้งก่อนที่เขาไปหมู่บ้านซานเหอกับหลี่ซางเตรียมที่จะจับกุมเขา เขาก็ได้รู้ตัวแล้วทั้งๆที่เพิ่งจะร่ำเรียนได้แค่สองเดือนเท่านั้น ก็สามารถครอบครองคนสอบอันแรกได้ ทั้งๆที่อายุยังไม่เยอะ ทว่าอ่านตำรามากกว่าเริ่นรุ่ยฟ่านเสียอีก ทั้งๆที่เป็นปัญญาชนที่ไม่อำนาจอันใด ก็ยังสามารถหลบการจับกุมของมือปราบได้อย่างรวดเร็วถ้าหากฉุกละหุกขึ้นมา ถ้าไอหนุ่มนี่มันเล่นพิเรนทร์อีกครั้งแล้วทำลายสถานการณ์ได้จริงๆ บุกทะลวงเข้าไปในค่ายชิงหลงได้ เช่นนั้น เขาก็จะคงต้องอับอายกว่าการหลีกทางให้ปัญญาชนคนหนึ่งอีกไม่ใช่หรือ?“ถอยไปให้หมด!” หลี่ห
“ได้!” เพ่ยจี้มอบป้ายแขวนเอวให้เฉินฝานเสียอย่างนั้น “นับตั้งแต่เสี้ยวนาทีนี้ต่อไป เจ้าจะเป็นผู้บังคับบัญชาคนปัจจุบันกองกำลังรักษาหรงตู!”หลี่หงโห่วและจางหย่งชุนตกตะลึงตาค้างกันหมด เมื่อเห็นป้ายแขวนเอวก็เท่ากับว่าเจอกับเพ่ยจี้มีป้ายแขวนเอวนั้นอยู่ในมือ ไม่เพียงแค่กองกำลังรักษาหรงตู กองกำลังหมาป่าที่รักษาหรงตูก็สามารถบังคับบัญชาได้ทั้งนั้น“ใต้เท้า ข้าน้อยไม่มีความจำเป็นต้องใช้ป้ายแขวนเอวของท่าน โจมตีภูเขานี้ไม่จำเป็นต้องใช้กองกำลังของหรงตู!”ระหว่างเฉินฝานพูด ก็วิ่งตรงไปที่ด้านล่างเขา “เย่ว์เจียว!”หลังจากที่หลี่หงโห่วส่งต่อภารกิจปราบโจรให้กับจางหย่งชุน เฉินฝานก็วานให้ฉินเย่ว์เจียวพาหญิงสาวหนึ่งร้อยกว่าคนไปพักที่ล่างเขา“เสี่ยวฝาน!”เหลือบมองแผ่นหลังที่วิ่งไปของเฉินฝาน หลูเฉิงกวงกระวนกระวายใจจนอยากกระโดดถีบเจ้าหนุ่มเบาปัญญานี่ ป้ายแขวนเอวของนายพลนั้นช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์เหลือเกิน ต่อให้หลังจากนั้นก้ต้องส่งคืนกลับไป ทว่าเขาเคยใช้ป้ายแขวนเอวท่านนายพลบังคับบัญชากองกำลังทหารหรงตูสามพันคน หลังจากนี้เขาก็สามารถเดินในหรงตูอย่างสง่าผ่าเผยไม่เกรงกลัวใคร แม้แต่หลี่หงโห่วก็ไม่กล้ามายุ่ง
เพ่ยจี้สะบัดมือ “ใช่การเล่นตลกหรือไม่ ข้ามีตาตัดสินเองได้!”ตอนที่เห็นเฉินฝานนำทัพเหล่าหญิงสาวมา ในใจเพ่ยจี้เองก็มีข้อกังขาอย่างมากทว่าจะใช้คนก็อย่าระแวง หากระแวงใครก็อย่าใช้เขา นี่เป็นบรรทัดฐานของเขาเฉินฝานชูมือขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นสัญญาณมือของเฉินฝาน ฉินเย่ว์เจียวที่นำทัพตะโกนก้อง “ทุกคน หยุดฝีเท้า!”พวกหญิงสาวรีบหยุดฝีเท้าที่จะรุดหน้าทันที แยกตัวยืนเป็นห้าแถว ยืนตรงตระหง่านอยู่ตรงนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นหญิงสาวทั้งหมด ทว่าหลูเฉิงกวงมองดูแล้วสบายตากว่าทหารผู้ชายสามพันคนที่จางหย่งชุนนำทัพมาเป็นไหนๆสองสามวันมานี่ เฉินฝานให้หญิงสาวพวกนี้ทำอยู่สามเรื่อง ขุดหลุม ซ้อมขบวนรบ โยนถุงทรายเมื่อเพ่ยจี้มองไปก็รู้สึกแปลกใหม่เจ้าหนุ่มนี่นำทัพหญิงสาวมาก็แปลกพอแล้ว คำสั่งในการตั้งขบวนรบก็แปลกเช่นกันทว่าจะว่าแปลกก็แปลก การตั้งขบวนรบ การออกคำสั่งเช่นนี้ทำให้ทั้งกองกำลังดูแล้วทรงพลังอย่างมาก ผู้หญิงก็สามารถตั้งขบวนทัพให้ทรงพลังได้ขนาดนี้ ผู้ชายก็จะไม่น่าตื่นตระหนกมากกว่าหรอกหรือ?หลังจากที่เขากลับกองทัพไป เขาก็ลองทำบ้าง?“ท่านนายพล!”ตอนที่เพ่ยจี้กำลังพินิจพิเคราะห์กลยุทธ์การตั้งขบวนรบ
หลี่หงโห่วก็ไม่ได้ห้ามปรามจางหย่งชุน เขาอยากให้เพ่ยจี้ได้ยิน การที่เพ่ยจี้เลือกใช้เฉินฝานเป็นเรื่องผิดมหันต์เพ่ยจี้ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้พูดอะไร สีหน้าเรียบเฉย ไม่สุขไม่ทุกข์ และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ทว่าจะบอกเขาไม่กังวลใจอย่างแน่นอน คงจะเป็นเรื่องโกหก“ใต้เท้า ท่านให้เหล่าพี่น้องถอยทัพไปด้านหน้าค่ายพลธนู แบ่งออกเป็นสามกลุ่ม กองกำลังกลุ่มหนึ่งใช้โล่ป้องกันพลธนู ให้พลธนูยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง กองกำลังอีกหนึ่งกลุ่มใช้มีดของพวกเขาขุดทางแยกไว้!”“ทำเป็นเชือกกั้นทางเหมือนกับบนถาดทรายของข้า กว้างประมาณแปดฉือ”เฉินฝานใช้มือวาดให้ดูว่าถาดทรายที่ไม่มีป้ายของเขาต้องกว้างแค่ไหน เพราะในตอนนั้นไม่ได้คิดมาก่อนว่าจางหย่งชุนจะนำกองกำลังมา“กลุ่มสุดท้าย หามคนเจ็บลงไปตามลำดับ!”เมื่อฟังเสียงเฉินฝานที่รีบเร่งทว่าไม่ลนลาน สีหน้าแต่เดิมที่ดูไม่ออกว่าอารมณ์ไหนของเพ่ยจี้ รอยยิ้มปลื้มอกปลื้มใจพลันปรากฎขึ้นเขาไม่เข้าใจว่าอะไรคือเชือกกั้นทาง ทว่าปกป้องพลธนู ลำเลียงคนบาดเจ็บลงไปตามลำดับสองจุดนี้เฉินฝานทำได้ดีมากจริงๆขอเพียงพลธนูยังอยู่ โจรภูเขาบนนั้นก็ออกมาจากประตูค่ายไม่ได้ลำเ
เหล่าหญิงสาวเดินผ่านพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บกำลังล่าถอยไปด้านล่างเขา พวกเขาพากันขยี้ตาตัวเองพวกเขาโดนไฟรมควันจนตาพร่ามัวไปแล้วกระมังที่แบบนี้ เวลาแบบนี้ จะมีหญิงสาวมาปรากฏตัวได้อย่างไรกันตอนที่พวกเขารู้ว่าหญิงสาวเหล่านี้ขึ้นเขาไปโจมตีค่ายชิงหลง สีหน้าตื่นตกใจเข้าไปใหญ่ไฟไม่เพียงแต่ทำให้ตาของพวกเขาพร่ามัว ยังทำให้หูของพวกเขาผิดเพี้ยนไปอีก?ภายใต้ดอกไม้ไฟมหาศาลและการสู้รบอย่างบ้าคลั่งระหว่างโจรภูเขาและกองกำลังอำพรางรักษา ฉินเย่ว์โหรวแอบลักลอบพาเหล่าหญิงสาวเข้าไปในสนามรบเหล่าหญิงสาวเดินมุ่งเข้าไป จนไปถึงสถานที่ห่างจากค่ายชิงหลงประมาณห้าสิบเมตร พวกนางจึงหยุดฝีเท้าหลังจากที่หยุดฝีเท้าแล้ว พวกนางไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าก้มตาขุดอุโมงค์ทันทีองครักษ์ของเพ่ยจี้และหลี่หงโห่ว วิ่งขึ้นภูเขาไปทีละคนพวกเขาโดนสั่งให้ไปสืบเสาะการกระทำของหญิงสาวเหล่านั้น“ขุดอุโมงค์?”ตอนที่ได้ยินว่าหญิงสาวเหล่านั้นไม่ทำอะไรเลยนอกจากขุดอุโมงค์ เพ่ยจี้และหลี่หงโห่วตะโกนออกมาพร้อมกันเสียงดัง“ข้าน้อยก็บอกแล้วไงว่าปัญญาชนคนหนึ่งจะเข้าใจการปราบโจรได้อย่างไร!”จางหย่งชุนยิ้มแทบปากจะฉีกถึงหู ในใจเขาโคตรจะม
เหล่าทหารเห็นพวกนาง สีหน้าเกินจริงกว่าคนบาดเจ็บที่เพิ่งจะลงเขาไปเสียอีกล้วนแล้วแต่ตกตะลึงตาค้างตื่นตกใจ สับสน!ผู้หญิง?พวกนางมาทำอะไรที่นี่?มาช่วยพวกเขาขุดทางแยก?ผู้ชายมากมายอย่างพวกเขา ต้องการความช่วยเหลือจากผู้หญิงที่ใดกัน?เมื่อได้ยินว่าเหล่าหญิงสาวไม่ได้มาช่วย ทว่ามาบุกโจมตีค่ายโจร ตาค้างยิ่งกว่าเดิม พลธนูหลายคนลืมยิงธนูกันแล้วโจรภูเขาของค่ายชิงหลงเองก็พบว่ามีความผิดปกติลูกธนูในฟากฟ้า พลันแปรเปลี่ยนเป็นน้อยลงทันควันด้านล่างเขาหยุดการโจมตีแล้วหรือ?โจรภูเขาจำนวนไม่น้อยชะโงกหน้าไปดูด้านล่างณ ทางเดินที่ไม่ห่างจากค่ายชิงหลงมากนัก มีดินโคลนมากมายที่ถูกขุดโยนขึ้นไปด้านบน“ทหารหลวงเหล่านั้นกำลังทำอะไร ดูแล้วเหมือนกับกำลังขุดอุโมงค์เลย”“พวกเขาจะขุดอุโมงค์ขึ้นมาโจมตีพวกเรา?”“ฮ่าฮ่า!” ถูซิงซุนหัวเราะดังลั่น“เช่นนั้นก็ให้พวกเขาขุดไปเถอะ อีกประเดี๋ยวพวกเรากลิ้งลูกไปลงในอุโมงค์ของพวกเขา ต้มพวกเขาให้สุกไปเลย”“ผู้นำที่ห้าพูดถูก ต้มพวกเขาให้หมด”“รีบมารีบมาเข้าสิ ข้าน่ะชอบฟังเสียงโอดครวญของคนอื่น”โจรภูเขาพากันคล้อยตามอย่างฮึกเหิม“เหอะ!” มังกรตาเดียวพิงกำแพงยิ้มอย่า
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ