เถียนเสี่ยวอวี่ขอบคุณคงจิ้งในใจ“ใต้เท้า!”เสียงของเถียนเสี่ยวอวี่ดังกว่าเดิม เรี่ยวแรงและเสียงของนางดังและมากพอกันเถียนเสี่ยวอวี่ที่กำลังบ้าคลั่ง ตอนเฉินฝานเสพสุข เขาอยากหัวเราะเล็กน้อยเขาและเถียนเสี่ยวอวี่ร่วมหฤหรรษ์กันสองครั้ง ล้วนเป็นเพราะเหตุผลเดียวกันช่างเถอะไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใด มีความสุขก่อนค่อยว่ากันมือข้างหนึ่งประคอง มือข้างหน้าปิด...ทั้งสองบ้าไปแล้วนี่เป็นการเดินทางแสนพิเศษที่เปี่ยมไปด้วยความสุข...ตอนเฉินฝานออกมาจากห้องของเถียนเสี่ยวอวี่ จางหย่าเชาจัดการเรื่องของสวี่ซื่อเจี๋ยเรียบร้อยแล้ว ทางด้านจางหย่งเชามีองครักษ์เงา ‘ดูแลความปลอดภัย’ ส่งกลับเมืองหลวงเฉินฝานอยากพาเถียนเสี่ยวอวี่กลับเมืองหลวงไปด้วยกัน แต่เถียนเสี่ยวอวี่ปฏิเสธอีกครั้งการได้มีช่วงเวลาแสนพิเศษกับเฉินฝานสองครั้ง ชีวิตนี้นางรู้สึกพอใจมากแล้วเป็นภรรยาของเขา นางไม่คู่ควรเพราะเถียนเสี่ยวอวี่ทำความผิด จึงจำต้องบวชใหม่อีกครั้ง พร้อมกับพักนอกสำนักระยะหนึ่งหลังจากเฉินฝานจัดการเรื่องที่พักให้เถียนเสี่ยวอวี่เสร็จ เขาก็ออกเดินทางด้านนอกเรือนของเถียนเสี่ยวอวี่ หวงหวั่นเอ๋อร์นั่งอยู่บนรถม้ารอ
ม้าตายทำให้รถม้าล้มลงเฉินฝานจำต้องกระโดดออกมาจากรถม้าเฉินฝานเงยหน้ามองรอบๆ โดยรอบมืดสนิท ไร้ผู้คน“แม่นางหวง ดูสิ เจ้าไม่ยอมฟังข้า ตอนนี้ม้าตายแล้วจะทำอย่างไรดี”หวงหวั่นเอ๋อร์ที่ปากเก่งมาโดยตลอด ทั้งยังเจ้าเล่ห์และร้ายกาจ แต่ตอนนี้กลับไม่ยอมตอบคำถามของเฉินฝานเฉินฝานฉงนยิ่งนัก “แม่นางหวง แม่นางหวง!”หลังจากจุดพับไฟเสร็จ ก็ตามหาอยู่นานพักใหญ่ กว่าเฉินฝานจะเจอตัวหวงหวั่นเอ๋อร์หวงหวั่นเอ๋อร์นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ห่างจากรถม้าประมาณสิบเมตร ไม่ว่าเฉินฝานจะร้องเรียกนางอย่างไร นางก็ไม่ตอบ เอาแต่ก้มหน้านั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นหวงหวั่นเอ๋อร์ที่เป็นเช่นนี้ เฉินฝานไม่เคยพบเจอมาก่อนทำตัวผิดปกติ ต้องมีเรื่องบางอย่างแน่นอน!เฉินฝานเดินไปหาหวงหวั่นเอ๋อร์ ก้มหน้าร้องเรียกนาง “แม่นางหวง”หวงหวั่นเอ๋อร์ยังคงไม่สนใจเฉินฝาน ตัวของนางกำลังสั่นเทา แม้จะสั่นเทาเพียงเล็กน้อย แต่เฉินฝานก็ยังดูออก“แม่นางหวง เจ้าไม่สบายหรือ?”เฉินฝานเป็นห่วง คนที่ปกติร่าเริง กลับเงียบกะทันหัน เกรงว่าคงจะล้มป่วยแล้ว“แม่นางหวง เจ้าไม่สบายตรงไหน?”เฉินฝานยื่นมือไปเปิดหมวกของหวงหวั่นเอ๋อร์“อย่าแตะต้องข้า!”เฉินฝาน
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง มือทั้งสองข้างของนางยื่นไปที่คอของเฉินฝานดูจากท่าทางของนางแล้ว คล้ายกำลังจะกอดคอเฉินฝานเฉินฝานยื่นคอไปให้นางอย่างว่าง่าย“ไสหัวไปซะ!”ทันใดนั้นเองมือของหวงหวั่นเอ๋อร์เปลี่ยนทิศทาง ผลักเฉินฝานอย่างแรง นางมีกำลังภายในสูง เฉินฝานจึงกระเด็นไปไกลหลังจากเดินโซซัดโซเซอยู่หลายตลบ เฉินฝานก็ทรงตัวได้“เอื๊อก!”หวงหวั่นเอ๋อร์อาเจียนเป็นเลือดอีกครั้ง“ชิ้ง!” หวงหวั่นเอ๋อร์ทิ่มดาบลงไปบนพื้น ทิ้งน้ำหนักตัวไปที่ดาบ นางที่กำลังคุกเข่าอยู่นั้นหายใจหอบภายใต้แสงจันทร์ พวงแก้มของนางแดงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ให้ตายสิหวงหวั่นเอ๋อร์สบถในใจยาของคงจิ้งคนต่ำช้านั่นช่างรุนแรงเสียจริง นางใช้กำลังภายในขับพิษอยู่นาน แต่กลับขับได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นตอนนี้หวงหวั่นเอ๋อร์ไม่กล้าใช้กำลังภายในขับพิษแล้ว ขืนขับอีก ยาไม่ได้ขับออกมา แต่อวัยวะภายในของนางจะพังหมดเฉินฝานก็เห็นแล้วว่าหวงหวั่นเอ๋อร์ทรมานอย่างมาก เขาเดินไปหานาง“ปล่อยข้า!”เฉินฝานไม่เพียงไม่ปล่อยหวงหวั่นเอ๋อร์ตามคำสั่งนาง เขาโค้งตัวลงแล้วแบกหวงหวั่นเอ๋อร์ขึ้นมา“ปล่อยข้า!”ยิ่งหวงหวั่นเอ๋อร์ร้องตะโกน เฉินฝานก็เดินเร
“หา เจ้าว่าอะไรนะ? เสียงเบายิ่งนัก พูดอีกครั้งสิ!” เฉินฝานกล่าวเขาได้ยินแล้วจริงๆ แต่จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน อาศัยโอกาสนี้เล่นงานเด็กน้อยหวงหวั่นเอ๋อร์คว้าผมของเฉินฝาน “คนบ้า ข้าไม่เชื่อว่าท่านไม่ได้ยิน”“อ๊าก เจ็บๆ เจ้าทึ้งผมข้าเจ็บเช่นนี้ ประเดี๋ยว หากข้าไม่ออกแรงมากหน่อย จะคลายความเจ็บนี้อย่างไร” เฉินฝานก็ไม่เกรงใจ ยังคงพูดจาเหลวไหลหวงหวั่นเอ๋อร์ปล่อยเฉินฝานอย่างว่าง่าย ไม่กล้าพูดอะไรอีกเฉินฝานแบกหวงหวั่นเอ๋อร์เดินหน้า ทั้งสองต่างฝ่ายต่างเงียบ มีเพียงเสียงฝีเท้าและเสียงครางที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ของหวงหวั่นเอ๋อร์เท่านั้น“ท่านจะเดินไปที่ใดอีก? ข้ายอมเข้าหอกับท่านแล้วไม่ใช่หรือ?”“เจ้าจะถอนหมั้นไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ตกลงแต่งงานกับข้าแล้วหรือ?” เฉินฝานตอบไม่ตรงคำถาม“ใครจะแต่งงานกับท่าน?”หวงหวั่นเอ๋อร์กัดฟันแน่นจนเสียงดัง นางแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว นางอยากจูบเฉินฝานยิ่งนักเมื่อก่อนรู้สึกว่าชายคนนี้เหม็นเหงื่อยิ่งนัก เหตุใดตอนนี้แม้กระทั่งเหงื่อของเขาก็มีกลิ่นหอมนี่มันเวลาไหนแล้ว เขายังจะพูดเช่นนี้อีก“เจ้าตกลงเข้าหอแล้วไม่ใช่หรือ?”“เข้าหอต้องแต่งงานเท่านั้นหรือ?”“เข้า
“คนสารเลว ต้องเห็นก่อนถึงจะทำได้หรือไร!”หวงหวั่นเอ๋อร์จ้องกองไฟนั้น ก่นด่าเฉินฝานเบา ๆ นางนึกว่าเมื่อครู่นี้เฉินฝานไม่ยอมมีอะไรกับนางตรงนั้นเป็นเพราะว่ามองไม่เห็นเฉินฝานชะงักฝีเท้า ก่อนจะเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มทะเล้นว่า “โอ้ ที่แท้แม่นางหวงก็เข้าใจเรื่องรักใคร่ถึงเพียงนั้น ใช่แล้ว เมื่อครู่นี้ตรงนั้นมืดมิด มองอะไรไม่เห็นเลย ไม่เร้าใจจริง ๆ” “แม่นางหวงงดงามตั้งแต่เกิด ทรวดทรงโดดเด่น หากไม่อาจมอง ก็ดูจะเสียของ”เฉินฝานพูดพลางเดินมาอยู่ข้างกายหวงหวั่นเอ๋อร์ เขาโน้มตัวลงมากระซิบถามข้างหูหวงหวั่นเอ๋อร์ว่า “เจ้าว่าใช่หรือไม่? แม่นางหวง”ตูม!หวงหวั่นเอ๋อร์รู้สึกเพียงว่าเหมือนสมองดังวิ้ง ๆ นางที่เดิมทีร่างกายร้อนรุ่มอยู่แล้ว ยิ่งยากจะทนไหว สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือว่าจิตใจอันดีงามของหวงหวั่นเอ๋อร์ต่างถูกเฉินฝานยั่วเย้าจนแทบทนไม่ไหวแล้วในขณะที่หวงหวั่นเอ๋อร์เขินอายไม่หยุดนั้น เฉินฝานก็อุ้มนางขึ้นมาหวงหวั่นเอ๋อร์มุดศีรษะเข้าไปในอ้อมอกของเฉินฝาน ฝังหน้าลงกับคอของเฉินฝาน แล้วอ้อนวอนเสียงเบาไปเรื่อย ๆ ว่า “ต้องเบา ๆ หน่อย ต้องเบา ๆ หน่อยนะ”หวงหวั่นเอ๋อร์เป็นสตรีที่เต็มไปด้วยคว
“โอ้ว” เฉินฝานหัวเราะ “แม่นางหวงนี่ไม่ใส่อะไรเลยสินะ สมกับเป็นลูกสาวของเจี้ยนหวง ไม่ยึดติดในกรอบจริงๆ พวกสาว ๆ ในหอนางโลมยังไม่กล้าเปลือยเช่นนี้เลย เจ้าไม่กลัวว่าบุรุษอื่นจะมองเลยหรือไร” “ใครกล้ามองข้า ข้าจะควักลูกตาของมันให้ได้!” หวงหวั่นเอ๋อร์เอ่ยอย่างอำมหิตอาจเป็นเพราะอยู่ในน้ำ อีกทั้งยังไม่มีเสื้อผ้าอยู่บนร่าง เวลานี้หวงหวั่นเอ๋อร์ดูขาวเนียนเยาว์วัย ทำท่าทางเหมือนนักเลง โกรธแบบเด็กน้อย ไม่มีความน่าเกรงขามเลยสักนิดเดียว เมื่อเห็นเฉินฝานไม่กลัว แต่มองนางด้วยรอยยิ้ม หวงหวั่นเอ๋อร์พลันขวยเขินขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับว่าทำเรื่องน่าอายแล้วโดนคนเห็นเข้าจ๋อม ๆหวงหวั่นเอ๋อร์มุดลงไปในน้ำแสร้งตายเฉินฝานลูบคางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “อืม พวกบุรุษไม่กล้ามอง แล้วเจ้าเปลือยไว้แบบนั้น ตอนเดินจะไม่ส่ายหรือ? แบบนั้นมันสบายด้วยหรือ?” จ๋อม ๆฟองอากาศบนผิวน้ำเพิ่มมากขึ้น“อ๊าก!”หวงหวั่นเอ๋อร์โผล่ออกมาจากในน้ำทันใด ก่อนจะถลึงตาใส่เฉินฝานแล้วเอ่ยอย่างฉุนเฉียวว่า “คนสารเลว เจ้าจะหยุดได้หรือยัง?” “เฮ้อ ก็ข้าเป็นห่วงว่าเจ้ากลั้นหายใจในน้ำนานเกินไปจนแย่ไปแล้วหรือไม่? เจ้าออกมาแล้ว เช่นนั้นข้าก็จ
“นี่ แม่นางหวง อย่าดับไฟ ๆ” เสียงรีบร้อนของเฉินฝานดังมาจากด้านหลังหวงหวั่นเอ๋อร์รีบหันกลับไป นัยน์ตาที่เดิมทีนิ่งเรียบพลันส่องประกายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“คนสารเลว เจ้ากลับเมืองหลวงไปแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงกลับมาอีกเล่า?”หวงหวั่นเอ๋อร์ไม่รู้ตัวเลยว่า ตอนที่นางด่าเฉินฝาน ทั่วทั้งร่างดูเบาสบายขึ้นเฉินฝานปรายตามองหวงหวั่นเอ๋อรแล้วแย้มยิ้ม “แม่นางหวงอยากให้ข้าไปหรือ? ข้าว่าหวังให้ข้ากลับมามากกว่ากระมัง”“ใครหวังให้เจ้ากลับมา!”หวงหวั่นเอ๋อร์ที่โดนแฉความคิดก็หน้าแดงขึ้นมาแล้วนางเพิ่งคิดจริง ๆ ว่าเฉินฝานทิ้งนางเดินทางกลับเมืองหลวงไปก่อนแล้ว ในใจรู้สึกผิดหวังถึงขีดสุด“เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว เช่นนี้พอไปถึงเมืองหลวงก็รีบไปขุดหลุมศพของซูซิวฉี แล้วเอาหนังสือสมรสออกมา”“พอทำลายหนังสือสมรสแล้ว ข้าก็จะฆ่าเจ้า ตอนที่ข้าเพิ่งพบเจ้าก็พูดกับเจ้าไว้เช่นนี้ ข้าพูดแล้วต้องทำให้ได้”หวงหวั่นเอ๋อร์กลับมามีท่าทางเจ้าเล่ห์มากเหมือนเช่นเคย เฉินฝานส่ายหัวไม่ได้ใส่ใจ เขาเดินผ่านหวงหวั่นเอ๋อร์ไปที่ทะเลสาบ “แช่น้ำเย็นมาทั้งคืน คงหิวแล้วกระมัง ข้าเพิ่งไปจับปลามาหลายตัว พวกเราปิ้งปลากินกัน” เวลานี้เอง
“ไม่มีพริกป่น น่าเสียดายจัง”“เฮ้อ ช่างเถอะ โรยเกลือนิดหน่อย รสชาติก็นับว่าใช้ได้ กินแบบนี้ไปก็แล้วกัน”เฉินฝานล้วงถุงใบเล็กออกจากกระเป๋าออกมา ถุงใบเล็กบรรจุเกลือไว้เล็กน้อยคนยุคโบราณมีนิสัยพกเกลือติดตัวนิดหน่อยตอนออกเดินทาง ตอนนี้เฉินฝานก็มีนิสัยนี้เช่นกันเฉินฝานโรยเกลือบนปลาที่ปิ้งสุกดีแล้ว จากนั้นก็ดึงส่วนท้องปลาลงมาแล้วเอาก้างออก ก่อนจะยื่นให้หวงหวั่นเอ๋อร์หวงหวั่นเอ๋อร์ลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วรับปลาจากมือของเฉินฝานนางอ้าปากเล็กน้อยแล้วเม้มปากลงไป ก่อนจะเริ่มกินคำที่สองทันทีเฉินฝานพอใจท่าทางของหวงหวั่นเอ๋อร์มาก เขาก้มหน้าเลื่อนปลาปิ้งในมือมาถึงริมฝีปาก ตั้งใจว่าจะเริ่มกิน“...” เฉินฝานมองมือที่ว่างเปล่าของตนเองอย่างตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะพบว่าปลาของเขาอยู่ในมือหวงหวั่นเอ๋อร์แล้วแย่งเฉินฝานแล้วก็เริ่มกินอย่างอดใจรอไม่ไหว“เฮ้ย เจ้าอย่าสิ กินปลาแบบนี้ไม่ได้นะ!”โชคยังดีที่เฉินฝานมือไวมากพอ ไม่อย่างนั้นหวงหวั่นเอ๋อร์คงโดนก้างปลาทิ่มคอแล้ว “อะไร เจ้าอยากกินคนเดียวหรือ?” หวงหวั่นเอ๋อร์มองปลาในมือเฉินฝาน กะพริบตาปริบ ๆ ดูสงสารเล็กน้อยเฉินฝาน “ข้าไม
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ