“ปึก!”เสียงเฆี่ยนตีอันหนักหน่วงดังขึ้น“อ้าก!”เฉินเจียงรู้สึกเจ็บปวดที่ใบหน้าสุดขีด เจ็บปวดจนเขาแทบจะหมดสติไปหากมิใช่เฉินฝานกังวลเรื่องท้องของโอวหยางน่าหลัน เกรงว่าตอนนี้แส้หางม้าคงจะฟาดหน้าเขาเป็นครั้งที่สองไปแล้ว“หลันเอ๋อร์ อย่าก่อความวุ่นวาย”เฉินฝานสาวเท้ารุดหน้ามาแย่งแส้หางม้าในมือโอวหยางน่าหลัน“ข้าก่อความวุ่นวายที่ไหนกัน ก็เห็นอยู่เจ้าคนผู้นี้ปากเสีย ปากเสียเช่นนี้หากมิเฆี่ยนตีจะปล่อยไว้เพื่ออันใด?”โอวหยางน่าหลันที่เป็นหญิงแกร่งดั่งเหล็กกล้า มิชอบพูดเรื่องเหตุผล ขอเพียงฝ่ายตรงข้ามทำผิด ก็จะลงมือทันที“เขาน่ารังเกียจจนต้องเฆี่ยนตีก็จริง ทว่ามิใช่เจ้าที่ต้องตี” เฉินฝานชี้ไปที่ท้องใหญ่โตมโหฬาร “ระวังลูกในท้องด้วยสิ”หลังจากที่เฉินฝานกล่าวจบ จู่ ๆ โอวหยางน่าหลันบนหลังม้าก็หยุดนิ่งทันที“เป็นอันใดไป?” เฉินฝานกล่าวถามด้วยความกังวล เขารู้นิสัยโอวหยางน่าหลันดี นางคงจะมิได้ยอมเชื่อฟังเพียงเพราะประโยคเดียวของเขาหรอก หรือว่า...เฉินฝานมองท้องใหญ่โตของโอวหยางน่าหลัน “เจ้าคงจะมิได้...”“อื้อ~” โอวหยางน่าหลันพยักหน้าอย่างว่าง่าย ใบหน้าอันงดงามขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับเด็กที่ทำ
“แต่ว่าให้ท่านคลอดลูกในสภาพแวดล้อมทรุดโทรมธรรมดาเช่นนี้ รู้สึกสงสารท่านนักและมันก็ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าใด”“ไม่ต้องสงสารข้า ไม่ต้องสงสารข้าแม้แต่น้อย!” ถ้อยคำนี้โอวหยางน่าหลันไม่ได้โกหกแม้แต่น้อย ช่วยเฉินฝานหลุดจากสถานการณ์ตึงเครียด ช่วยแคว้นต้าชิ่งกำจัดคนชั่ว นางรู้สึกภาคภูมิใจยิ่งนัก“สุขภาพร่างกายของข้าแข็งแรง สภาพแวดล้อมทรุดโทรมไปหน่อย ทว่าไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด หากท่านไม่ตามใจข้า เช่นนั้นข้าก็จะไม่ตั้งใจคลอดลูกแล้ว”โอวหยางน่าหลันที่ใกล้คลอด ปวดท้องแทบแย่แล้ว แต่ยังฝืนล้อเฉินฝานเล่นเฉินฝานส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา “ไม่อาจเถียงท่านได้จริงๆ!”เป็นเช่นนี้ ห้องคลอดของโอวหยางน่าหลัน คือพื้นกว้างด้านอกโรงเตี๊ยม ซึ่งใช้เพียงฉากกั้นปิดล้อมเอาไว้ภายในฉากกั้น เสียงคลอดลูกด้วยความเจ็บปวดของโอวหยางน่าหลันดังขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังดังถี่ขึ้นอย่างต่อเนื่องนอกฉากกั้น เฉินฝานกังวลจนหายใจไม่ทั่วท้อง หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบถลนออกมาจากตาบรรดาสาววิ่งเข้าวิ่งออก ยกเลือดออกมากะละมังแล้วกะละมังเล่า“เลือดไหลมากเช่นนี้ เกรงว่าคงใช่ทารกน้อยตัวใหญ่เกินไปจึงคลอดยาก เลือดจึงไหลทะลักระมัง”“จากสถานการณ์แ
“ท่านอัครเสนาบดี ท่านกำลังทำสิ่งใด หากชนเข้ากับนายน้อยจะทำเช่นไรเจ้าคะ?”เฉินฝานไม่ทันได้ฟังว่าหมัวมัวพูดสิ่งใด ตอนนี้เขาคิดถึงแต่โอวหยางน่าหลันเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาผลักหมัวมัวออกห่างแล้วเดินเข้าไปด้านใน “หลันเอ๋อร์ หลันเอ๋อร์”“ท่านอัครเสนาบดี ท่านไม่อาจเข้าไป บุรุษเห็นเลือดเป็นเรื่องอัปมงคล!”หมัวมัวไล่ตามหลังเฉินฝานพร้อมกับพูดด้วยความร้อนใจตอนอยู่ข้างนอก เฉินฝานไม่สนใจเรื่องงมงายเหล่านี้ นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่เข้ามาแล้ว เขายิ่งไม่สนใจ“ขวางท่านใต้เท้าเอาไว้!”สาวใช้คนสนิทของโอวหยางน่าหลันรีบวิ่งไปขวางเฉินฝานทันที ส่วนสาวใช้คนอื่นๆ รีบโยกย้ายฉากกั้น ปิดห้องคลอดจนแน่นหนา ไม่เหลือช่องว่างให้เฉินฝานมองเข้าไปแม้แต่น้อย“เวลานี้แล้ว เหตุใดพวกเจ้าจึงยังเชื่อเรื่องพวกนี้ ข้าไม่ไปดูอาการองค์หญิงต่างหาก ที่จะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น!”“ถอยไปให้หมด!” เฉินฝานโมโหมากจริงๆ เขาตะคอกพร้อมคิดที่จะฝ่าทุกคนอีกครั้ง“แต่ว่า...ท่านพี่ ข้าเชื่อเจ้าค่ะ!” เสียงอ่อนแรงทว่าอ่อนโยนดังมาจากด้านหลังฉากกั้นเฉินฝานนิ่งงันอยู่นานกว่าจะดึงสติกลับมาได้ เขาดีใจจนสองมือสั่นเทา มองฉากกั้นตรงหน้าแล้วพูดด้ว
“ไม่ใช่แค่คนเดียว? ความหมายของหม่าหมัวมัวคือองค์หญิงโอวหยางคลอดลูกครั้งนี้ไม่ใช่แค่คนเดียว?”หม่าหมัวมัวยังพูดไม่จบ ก็มีคนพูดแทรกหลังจากมีคนพูดแทรก หม่าหมัวมัวโมโหอย่างมาก นางเกลียดคนพูดขัดนางที่สุด จึงด่ากราดทันที“เจ้าถามคำถามไร้สาะอะไรกัน เจ้าไม่เคยมีลูก แต่ก็น่าจะเคยได้ยินมาก่อนกระมัง คลอดหลายคนในคราเดียวไม่ใช่เรื่องที่พบเจอบ่อยๆ หรือ?”“จากเสียงร้องไห้ข้าก็รู้แล้วว่า ครั้งนี้องค์หญิงโอวหยางให้กำเนิดทารกสี่คน นอกจากนี้ทั้งสี่คนล้วนพกมีดมาด้วยตนเอง!”ตอนหม่าหมัวมัวบอกว่าสี่คน ทำให้ทุกคนตกใจมากแล้ว นอกจากนี้ล้วนพกมีดมาเองทุกคน ยิ่งเป็นเรื่องเยี่ยมยอดยิ่งนัก“หม่าหมัวมัว ท่านไม่ได้พูดผิดกระมัง องค์หญิงโอวหยางให้กำเนิดลูกสี่คน ทั้งยังเป็นเด็กผู้ชายทั้งสี่คน?”หม่าหมัวมัวตอบ แต่เสียงของนางถูกอีกเสียงหนึ่งที่ดังกว่ากลบทันที“มีเรื่องน่ายินดีแล้ว มีเรื่องน่ายินดีแล้ว!”หมัวมัวคนสนิทของโอวหยางน่าหลันเดินออกมาจากฉากกั้นพร้อมสาวใช้สี่คนสาวใช้ทั้งสี่คน อุ้มทารกคนละหนึ่งคน“แม่นางทั้งหลาย เผยไข่ทองคำของนายน้อยให้ทุกคนได้เห็น”เสียงของหมัวมัวจบลง ทุกคนเปิดเสื้อของทารกน้อยทันที‘ช
“อันตรายยิ่งนัก พวกเราเกือบทำร้ายใต้เท้าเฉิน ใต้เท้าเฉินอยากให้พกวเรามีลูกชายกันจริงๆ”ชาวบ้านต่างเริ่มโทษตัวเอง หลี่ซานที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางชาวบ้านพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาพูดเสียงดัง “ทั้งหมดนี้เป็นแผนของเสิ่นหมิงหยวน เขาเป็นคนวางแผนให้ไป่ชงซานวางยาลงในแหล่งน้ำแล้วป้ายสีใต้เท้าเฉิน”“หลังจากใต้เท้าเฉินรู้ความจริง เสิ่นหมิงหยวนส่งเฉินเจียงออกมาทันที กล่าวหาใต้เท้าเฉินด้วยคำโกหกแสนร้ายกาจว่าใต้เท้าเฉินนั้นไร้น้ำยา ลอบบอกทุกคนว่าใต้เท้าเฉินมีแรงจูงใจไม่บริสุทธิ์ในการนำแหล่งน้ำเข้ามา เสิ่นหมิงหยวนพยายามใช้แผนนี้ในการบรรเทาโทษของตนเอง รอให้ใต้เท้าเฉินเก็บกระเป๋ากลับบ้านเพราะไม่มีหน้าพบปะผู้คนเรื่องไร้น้ำชา เขาก็จะกลับมาผงาดอีกครั้ง”“อ่อ” คนข้างหลี่ซานสีหน้าของเขาฉายความเข้าใจทันที “หลังจากฟังที่ท่านพูด ข้าเข้าใจแล้ว ช่างร้ายกาจจริงๆ หลังจากรอให้ใต้เท้าเฉินฝานทิ้งตำแหน่งของตน เสิ่นหมิงหวนต้องอาศัยโอกาสนี้กลับเข้าสู่ราชสำนักอย่างแน่นอน”หลี่ซานพยักหน้า “ถูกต้อง อีกทั้งความสงสัยที่เรามีต่อใต้เท้าเฉิน และการหัวเราะเยาะของเรา คือหมากที่เสิ่นหมิงหยวนใช้ในการโค่นล้มใต้เท้าเฉิน!”ชาวบ้านที
วิธีการนี้ของเสิ่นหยวนเลี่ยงอำมหิตยิ่งนัก เขารู้ว่าด้วยวรยุทธ์ของนางเหอ แม้กระทั่งทหารม้าทมิฬก็ไม่สังหารนางได้ ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้สตรีในยุคสมัยนี้เสียความบริสุทธิ์ ทั้งยังเสียความบริสุทธิ์ให้กับผู้ชายหลายคนในเวลาเดียวกัน แม้จะเป็นสตรีที่เข้มแข็งเพียงใดก็ไม่อาจรับได้ จบเรื่องนี้ได้เพียงวิธีการเดียวซึ่งก็คือปลิดชีพตนเองนางเหอไม่รู้ว่าตนถูกวางยา นางรู้สึกเสียใจต่อเสิ่นหยวนเลี่ยงที่ตนทำงานล้มเหลว จึงไปดื่มสุราที่ร้านอาหารถูกบุรุษขืนใจ นางเข้าใจมาโดยตลอดว่าเป็นเพราะตนดื่มสุรามากเกินไป ทำให้พวกบุรุษชั่วเหล่านั้นสบโอกาสหวงหวั่นเอ๋อร์จับตัวคนชั่วเหล่านั้นมาตรงหน้านางเหอที่กำลังจะฆ่าตัวตาย หลังจากฟังคำสารภาพของพวกเขา นางเพิ่งรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเสิ่นหยวนเลี่ยงนางเหอที่รู้ความจริง แม้จะเกลียดและแค้นเสิ่นหยวนเลี่ยงมาก แต่คนที่นางเกลียดและแค้นมากยิ่งกว่าคือเฉินฝาน เพราะนางรู้สึกว่าเฉินฝานเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดหากไม่มีเฉินฝาน เสิ่นหยวนเลี่ยงก็ไม่มีทางวางแผนทำร้ายนาง นางที่ได้รู้ความจริง บ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม ขอเพียงมีโอกาสเล็กน้อยก็คิดที่จะลอบสังหารเฉินฝานแต
ท่ามกลางฝูงชนมีสตรีเริ่มพูดคุยกัน“ว้าว ใต้เท้าเสี่ยวเสิ่นไม่เพียงรูปหล่อ ยังหนุ่มยังแน่นก็เป็นขุนนางใหญ่แล้ว นอกจากนี้ยังรักภรรยายิ่งนัก การได้เป็นภรรยาของเขา ถือเป็นความโชคดีสามชาติสามภาพ”“ใช่ หากเป็นข้า ข้าไม่มีทางดื้อรั้นอย่างแน่นอน”“เฮ้อ คนบางคนไม่เห็นค่าสิ่งที่ตนได้รับ!”ตอนได้ยินบทสนทนาของพวกหญิงสาว ในที่สุดสีหน้านิ่งสงบของนางเหอก็มีอารมณ์แล้ว เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาเย็นชามองไปที่หญิงสาวพวกนั้นนางเหอเป็นคนฝึกวรยุทธ์ อีกทั้งวรยุทธ์ของนางใกล้เคียงกับหวงหวั่นเอ๋อร์ ดังนั้นแววตาของนางจึงแตกต่างจากหญิงสาวทั่วไปวินาทีที่สบตากับนางเหอ สตรีเหล่านั้นรู้สึกหนาวไปทั้งตัว พวกนางก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัว“หวังว่าอนาคตสามีของพวกเจ้า ก็อ่อนโยนและรักจริงเช่นนี้!”อ่อนโยนและรักจริงถ้อยคำนี้ นางเหอกัดฟันพูดเน้นเสียง ความแค้นที่ตายไปจากหัวใจ ก่อตัวขึ้นมาช้าๆ แล้วค่อยแผ่ซ่าน มือที่ซ่อนอยู่ในชายเสื้อกำหมัดแน่นอีกครั้งหากไม่ใช่เถียนเสี่ยวอวี่บอกว่า คนที่ออกบวชแล้วอย่างพวกนางไม่อาจตัดสินโทษผู้อื่น นางคงตบอีกฝ่ายไปนานแล้ว นางจะทำลายหน้ากากจอมปลอมนี้นางเหอมองไปอีกทาง สายตาของนางหยุ
ชิงหนิง หากเจ้าสังหารเขา สวรรค์ไม่อาจต้อนรับเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าไม่อาจเป็นแม้กระทั่งแม่ชี รีบปล่อยเขาเร็วเข้า!”เถียนเสี่ยวอวี่คอยเกลี้ยกล่อมอยู่ข้างๆ ทว่าเหอเสี่ยวเยี่ยนไม่ยอมรับฟังสิ่งที่นางพูด นางต้องการให้เสิ่นหยวนเลี่ยงตายเฉินฝานหันกลับมา โน้มลำตัวให้หวงหวั่นเอ๋อร์ที่อยู่บนหลังคาเล็กน้อย “แม่นางหวง รบกวนท่านด้วย”หวงหวั่นเอ๋อร์มองเฉินฝานปราดหนึ่ง “ช่วยท่านเป็นครั้งสุดท้าย!”มวยเมฆสีน้ำเงินถลาตัวลงมาจากบนหลังคา“นายท่าน เหตุใดต้องช่วยเสิ่นหยวนเลี่ยงด้วย เสิ่นหยวนเลี่ยงสมควรตาย!”ฉินเย่ว์เจียวพูดด้วยความขุ่นเคือง“เสิ่นหยวนเลี่ยงย่อมต้องตาย แต่ต้องไม่ตายเช่นนี้” เฉินฝานกล่าวหากเสิ่นหยวนเลี่ยงตายไปเช่นนี้ เช่นนั้นการตายของเขาก็ต้องเกี่ยวพันกับเหอเสี่ยวเยี่ยนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เสิ่นหมิงหยวนสามารถที่จะยอมรับความผิดทั้งหมดแต่เพียงลำพัง เพื่อให้เสิ่นหยวนเลี่ยงบุตรชายของตนรอดเป้าหมายของเฉินฝานในวันนี้ไม่ใช่แค่เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยง แต่เป็นอำนาจทั้งหมดของตระกูลเสิ่น เพียงโค่นล้มอำนาจทั้งหมดของตระกูลเสิ่นสำเร็จ ตระกูลเสิ่นก็ไม่อาจผงาดกลับมาได้อีกครั้ง“ท่านเกลียดผู้ชา
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ