เฉินฝานมิยอมให้โอวหยางน่าหลันไปต้าชิ่งกับเขา ทว่าก็ยังยืนกรานจะไปส่งออกจากวังหลวงช่วงเวลาที่ประตูวังเปิดออก...“ลูกเขยที่แสนดีของข้า!”อ๋องตวนตะโกนเสียงดังเป็นคนแรกด้านนอกวังหลวงมีราษฎรคุกเข่าอยู่ด้านนอกมากมายสุดลุกหูลูกตาเมื่อเฉินฝานออกมา ก็มีเสียงเกรียวกราวดังขึ้นทันที่“ส่งเสด็จใต้เท้าขอรับ!”“รอคอยให้ใต้เท้ากลับมาแคว้นหลู่โดยเร็ว!”เรื่องที่เฉินฝานจะกลับต้าชิ่งไปแพร่กระจายไปเหล่าราษฎรแล้ว เมื่อเหล่าราษฎรได้ยินว่าเฉินฝานจะกลับต้าชิ่ง ก็รีบหยุดทำงานตรงหน้า รีบมาส่งเสด็จที่ด้านนอกประตูวังตลอดระยะเวลาที่เฉินฝานมาอยู่ที่นี้ แคว้นหลู่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ไฟไหม้ใหญ่ครั้งนั้นเผาทำลายป่าไม้แคว้นหลู่เกินกว่าแปดในสิบ ทำลายหนทางทำมาหากินของราษฎรแคว้นหลู่ส่วนใหญ่ ตอนที่ทั้งแคว้นหลู่เข้าสู่สภาวะสิ้นหวัง เฉินฝานก็ปรากฏตัวขึ้นมิใช่ทุกคนที่เชื่อว่าเทพเจ้าพิโรธ ทว่าคนที่สิ้นหวังส่วนใหญ่ล้วนเอาความเดือดดาลไปลงที่เฉินฝานเฉินฝานกลับไม่กลัดกลุ้มไม่โมโห เขาแบกรับความกดดันอันใหญ่หลวง ภายใต้สายตาความแค้นเคืองของเหล่าราษฎร เดินเท้าไปดับไฟในแค้วนหลู่เมืองแล้วเมืองเล่า และเขามิ
แต่งงานถูกคนแล้ว ได้รับการยอมรับจากราษฎรทั้งแคว้น โอวหยางน่าหลันรู้สึกโชคดีหาสิ่งใดเปรียบเทียบมิได้แน่นอนว่า คนที่ตื่นเต้นดีใจที่สุดคืออ๋องตวน เขายืนลูบเคราตนเองภาคภูมิใจกับผลงงานตนเองเขามิได้มีความสามารถอันใด ทว่าเขาเลือกลูกเขยได้ดี ฮ่า ๆ ๆ ๆ !ตอนที่ขึ้นรถม้า เฉินฝานก็เตรียมใจปลอบประโลมโอวหยางน่าหลันไว้แล้ว ดูจากภายนอกแล้วนางที่คนที่เข้มแข็งตรงไปตรงมา แต่ความจริงในบรรดาภรรยาของเฉินฝานนางเป็นคนที่ติดสามีที่สุดคนหนึ่ง ติดยิ่งกว่าฉินเย่ว์โหรวเสียอีก“เอ๋?”หลังจากที่ขึ้นรถม้าไปแล้ว เฉินฝานมองโอวหยางน่าหลันที่ปล่อยมือและยืนอยู่ด้านนอกรถม้าอย่างว่าง่ายด้วยความประหลาดใจอย่างมากเฉินฝานกำลังจะถามหยอกล้อนางว่าเบื่อเขาแล้วหรือกระไร ทว่าโอวหยางน่าหลันก็ชิงพูดก่อน“ท่านพี่ฝาน พี่รีบกลับไปเถอะ ราษฎรต้าชิ่งต้องการพี่ ยิ่งไปกว่าพี่น้องตระกูลฉินก็ต้องการพี่เช่นกัน”น้ำเสียงของโอวหยางน่าหลันอบอุ่นเกินคาด“รีบไปเถอะ!”ระหว่างที่พูด โอวหยางน่าหลันก็หยิบแส้ของคนขับรถม้าฟาดลงไปที่ตัวม้าอย่างรุนแรงทันที“ฮี่ ๆ!”ม้าที่ถูกแส้ม้าตี ร้องเสียงดังวิ่งไปด้านหน้าจึงทำให้รถม้าที่เฉินฝานนั่งเคลื่อนท
เฉินฝานเปิดผ้าม่านมองหงอิงด้านหน้าด้วยความสงสัย ตลอดทางมานี้ คนที่รีบร้อนที่สุดก็คือนาง ไฉนเมื่อเข้าใกล้เมืองลู่ตูแล้ว นางกลับไม่ให้เขาเข้าไป“ใต้เท้า!”หงอิงขี่ม้าไปด้านข้างเฉินฝาน อธิบายสถานการณ์ตอนนี้ที่ต้าชิ่งมองว่าเขาเป็นศัตรู“ใต้เท้า ฝ่าบาทยังรับสั่งอีกว่า รอให้ฝ่าบาทจัดการความโกลาหลในต้าชิ่ง มั่นใจว่าท่านจะปลอดภัยให้ได้ก่อน ข้าน้อยจึงจะสามารถพาท่านกลับต้าชิ่งได้”“เจ้าพูดอันใดของเจ้า เจ้ากล้าขวางทางพวกเรางั้นรึ?”อ๋องตวนยกขาถีบขาคู่ ง้างหมัดพุ่งไปทางหงอิง หงอิงกระโดดลงหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว เพื่อหลบหมัดของอ๋องตวนหงอิงยังไม่ทันทรงตัวได้ดี อ๋องตวนก็ง้างหมัดออกไปอีกรอบ...“ปึก!”“โอ้ย!”อ๋องตวนถูกสวนกลับ ม้าที่เขาขี่ตกใจจนวิ่งพล่านไปทั่ว โชคดีที่อ๋องตวนมีทักษะการขี่ม้าขั้นสูง มิเช่นนั้นตอนนี้เขาคงจะถูกสะบัดตกหลังม้าไปแล้วคนที่สวนกลับอ๋องตวนไม่ใช่หงอิงแต่เป็นเฉินฝาน“เสี่ยวฝานเจ้า...”อ๋องตวนมองเฉินฝานด้วยสีหน้าตื่นตกใจ เขารู้ว่าเฉินฝานใช้ปืนได้เก่งกาจ มิคิดว่าทักษะทางร่างกายก็เก่งกาจปานนั้นเช่นกันเขามีพลังเทพมาตั้งแต่กำเนิด การโจมตีของเขา คนอื่นทำได้เพียงหลบเลี่ยง
“ใต้เท้า ท่านอ๋อง พวกท่านอย่าเข้าไปในแคว้นต้าชิ่งสุ่มสี่สุ่มห้า อันตรายเจ้าค่ะ!” หงอิงไล่ตามไปเวลาเพียงหนึ่งจิบน้ำชา หงอิงก็ไล่ตามพวกเฉินฝานทันกล่าวให้ถูกต้องคือ หงอิงไม่ได้ไล่ตามทัน แต่เฉินฝานและอ๋องตวนยืนนิ่งไม่ยอมเดินมองเฉินฝานและอ๋องตวนที่ยืนอยู่ไม่ไกล หงอิงถอนหายใจเบาๆโชคดี เฉินฝานยังฟังที่นางห้ามปราม ทุกคนในเมืองลู่ตูกำลังรอเขาด้วยไอสังหาร หากพรวดพราดเข้าไปในเวลานี้ อันตรายมากจริงๆ“ใต้เท้า ท่านอ๋อง พวกท่านรอข้าที่นี่ก่อน ข้าจะเข้าไปปูทางให้พวกท่านเรียบร้อยเสียก่อน พวกท่านค่อยเข้ามา” หงอิงขี่ม้าผ่านหน้าเฉินฝานและอ๋องตวนไป“หงอิง เจ้าคิดว่าพวกข้าไม่อยากไปหรือ? มีคนขวางทางพวกเราอยู่” เสียงดังฟังชัดราวกับฟ้าคำรามของอ๋องตวนดังขึ้น“ฮุยเอ๋อร์ ฮุยเอ๋อร์”สิ้นเสียงอ๋องตวนไม่นาน ด้านหน้าก็มีเสียงร้องของลาดังขึ้นเวลานี้ หงอิงเพิ่งพบว่าทางด้านหน้า มีลาตัวหนึ่งยืนอยู่ บนหลังลามีสตรีชุดน้ำเงินนั่งอยู่มองจากรูปร่างของสตรีคนนั้น เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อายุไม่มากนัก อย่างมากก็แค่สิบหกถึงสิบเจ็ดปีเท่านั้น หญิงสาวในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงิน สวมหมวกปีกกว้างบดบังใบหน้า หมวกปีกกว้างของ
“ท่านคิดว่าพูดเช่นนี้แล้ว ข้าจะไม่สังหารท่านหรือ?”หญิงชุดสีน้ำเงินเสียงอ่อนหวาน แม้จะพูดจาข่มขู่ แต่กลับไม่น่ากลัวเลยสักนิด“แม่นาง แม้เจ้าจะทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ แต่เจ้าก็เป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง!” เฉินฝานพูดด้วยรอยยิ้ม“ผู้ใดเป็นเด็ก!”ปลายดาบขยับลึกไปด้านหน้าอีกเล็กน้อย เสื้อตัวนอกของเฉินฝานถูกดาบของหญิงชุดสีน้ำเงินแทงทะลุแล้ว คำพูดของเฉินฝานทำให้นางโมโหยิ่งนัก “ปีนี้ข้าอายุสิบเจ็ดแล้ว ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว”“อื้ม!” เฉินฝานพยักหน้า “อายุสิบเจ็ดไม่เด็กเท่าไรแล้ว หญิงสาวหลายคนอายุสิบเจ็ดก็มีลูกแล้ว แม่นาง หญิงสาวเช่นเจ้าตีรันฟันแทงไปเพื่อการใด กลับไปมีลูกกับสามีไม่ดีกว่าหรือ”“คนขายแคว้นค้าชาติเช่นท่าน ปล่อยให้ยาพิษของแคว้นหลู่มาทำลายแคว้นต้าชิ่ง ต่อให้เรามีสัญญาหมั้นหมายกัน ข้าก็ไม่มีวันแต่งงานกับท่าน!”“...หมั้นหมาย?” เฉินฝานชะงัก “ข้าเคยหมั้นหมายกับเจ้าเมื่อใดกัน? เจ้าเป็นใคร?”“วันนี้ข้าจะสังหารท่าน!”สตรีชุดสีน้ำเงินไม่ตอบคำถาม ร้องตะโกนเสียงดัง มือขาวดั่งหยกจับดาบแน่นแล้วพุ่งมาด้านหน้า...“ติ้ง!”“ตึ้ง !”ดาบของหญิงชุดสีน้ำเงินถูกปืนของเฉินฝานยิงจนร่วงหล่น“ปั้ง!”เสียงปืน
ถึงอย่างไรหญิงชุดสีน้ำเงินก็เป็นคนมีฝีมือ นางหลุดออกจากพันธนาการของเฉินฝานอย่างรวดเร็ว“ข้าจะสังหารท่าน!” หญิงสาวตะโกนขึ้น เหาะขึ้นกลางอากาศพุ่งตัวไปยังดาบที่ถูกเฉินฝานยิงทิ้งเมื่อครู่ จากนั้นเก็บดาบขึ้นมาแล้วพุ่งตัวไปหาเฉินฝานการจู่โจมครั้งนี้ของหญิงชุดสีน้ำเงิน รวดเร็วกว่าครั้งก่อนหน้า เพียงชั่วพริบตา นางก็ปรากฏตัวตรงหน้าเฉินฝานแล้วหากเฉินฝานไม่มีดาบในมือ เกรงว่าจะกลายเป็นวิญญาณภายใต้ดาบของหญิงสาวไปนานแล้ว“ปั้ง!”หญิงสาวถอยหลังอีกครั้งเพราะถูกเฉินฝานยิงหญิงสาวที่ถูกเฉินฝานโต้กลับ ตีลังกากลับหลังกลางอากาศสามตลบ สุดท้ายร่อนลงพื้นอย่างแผ่วเบาหญิงสาวชุดสีน้ำเงินที่ยืนอยู่บนพื้นดิน แขนเสื้อของนางยังคงพลิ้วไหวไปตามแรงลม“แม่นางช่างตัวเบาจริงๆ” เฉินฝานอดไม่ได้ที่จะพูดแต่คล้ายหญิงสาวไม่ได้ยินคำชมของเขาอย่างไรอย่างนั้น นางที่มือถือดาบ แววตาสงสัยระคนตกใจ จับจ้องปืนขนาดเล็กในมือเฉินฝาน “อาวุธของท่านคืออะไร?”ครั้งแรกที่เฉินฝานยิง นางไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก นางคิดว่าตนประมาทเกินไป นางยังคงคิดว่าสำหรับตนแล้วการสังหารเฉินฝาน เป็นเพียงเรื่องขี้ประติ๋วนางไม่ได้โอหัง แต่นางเป็นคนเก่งจร
เฉินฝานเป่าปืนในมือ พูดกับหญิงชุดสีน้ำเงินต่อ“แม่นางคิดอยากจะสังหารข้า เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ อีกอย่าง ข้าคิดว่าเจ้าคงถูกตาเฒ่าหวงโถวหลอกแล้วแน่ๆ ข้ากับเขาไม่เคยสัญญาหมั้นหมายใดๆ กันมาก่อน”“เจ้าในตอนนั้นเป็นแค่เด็ก ย่อมไม่ได้ทำสัญญาหมั้นหมายกับเจ้า” หญิงชุดสีน้ำเงินพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด“ไม่ได้ทำกับเจ้าพ่อและเจ้าแม่ของข้าด้วย” เฉินฝานตอบด้วยความมั่นใจเช่นเดียวกันพ่อแม่เจ้าของร่างเดิม เป็นเพียงคู่สามีภรรยาธรรมดาทั่วไป พวกเขาไม่มีทางรู้จักเซียนเจี้ยนหวงที่เป็นถึงผู้มีชื่อเสียงของบู๊ลิ้ม“พ่อกับแม่เจ้าไม่ได้ทำสัญญา ทว่าพ่อบุญธรรมของเจ้าทำ”“พ่อบุญธรรม?”เฉินฝานถึงกับพูดไม่ออก เขามีพ่อบุญธรรมตั้งแต่เมื่อใด เหตุใดเขาจึงไม่รู้ฟังคำพูดของเฉินฝาน หญิงชุดสีน้ำเงินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ดูเหมือนเจ้าเองก็ไม่อยากแต่งงานกับข้า เช่นนั้นก็ดีเหมือนกัน ขอเพียงเจ้าฉีกสัญญาหมั้นหมายต่อหน้าข้า เช่นนั้นการหมั้นหมายระหว่างเรา ถือว่าจบสิ้น”“สัญญาหมั้นหมาย? ข้าไม่เคยพบเจอมาก่อน” เฉินฝานตกตะลึงเล็กน้อย หญิงชุดสีน้ำเงินเป็นเพียงเด็กสาววัยสิบเจ็ดที่วางตัวเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น นางไม่ได้เจ้าเล่ห์เพทุบาย ส
ชาวบ้านที่ปิดล้อมเขา เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่ถูกคนชั่วหลอกเท่านั้น เฉินฝานไม่สะดวก และไม่อาจกราดยิงชาวบ้านได้ ชาวบ้านมากมายเช่นนี้ หากไม่ใช้ปืนก็ยากจะหลบหนีออกมาหากได้รับการช่วยเหลือจากหญิงชุดสีน้ำเงิน เช่นนั้นจะดีขึ้นมากวรยุทธ์ของหญิงชุดสีน้ำเงินอยู่ในระดับเดียวกับเซียนเจี้ยนหวง ไม่เพียงวิชาดาบอยู่ในระดับขั้นสูง วิชาตัวเบาก็เช่นเดียวกัน เฉินฝานจำต้องอาศัยวิชาตัวเบาของหญิงสาวในการฝ่าวงล้อมออกไป“ฮ่าๆ!” หญิงชุดสีน้ำเงินหัวเราะด้วยความเย็นชา“ช่วยท่านออกไป ท่านเห็นข้าเป็นคนโง่หรือ? ข้าจะสังหารท่านเดี๋ยวนี้ เมื่อท่านตายสัญญาหมั้นหมายของเราเป็นอันยุติ อีกทั้งข้ายังช่วยชาวบ้านกำจัดคนชั่วได้อีกด้วย”ขณะที่หญิงชุดสีน้ำเงินกำลังพูดอยู่นั้น นางถือดาบชี้ไปที่เฉินฝานอีกครั้งเฉินฝานหลบพร้อมกับพูด “แม่นาง เจ้าช่างโง่เขลาจริงๆ เหตุใดซูซิวฉีจึงฝังสัญญาหมั้นหมายลงไปในโลงศพด้วย การกระทำของข้าไม่เพียงให้เราแต่งงานกันในโลกนี้ ทั้งยังให้เราแต่งงานกันในโลกแห่งความตาย ซึ่งก็หมายความว่า แม้เจ้าจะสังหารข้า แต่เพราะก่อนตายข้าไม่ได้ทำลายสัญญาหมั้นหายด้วยตนเอง เช่นนั้นเจ้าก็จะยังเป็นภรรยาของข้าอยู่”“
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ