ถึงอย่างไรไฟก็ลุกลามมาถึงที่แห่งนี้อยู่ดีถึงแม้ว่าแร่เหล็กจะไม่ได้ผลกระทบมากนัก ทว่าคนที่อยู่ในยุคศักดินาเหล่านี้มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า หากถูกเผาไปแล้ว ความโชคดีก็จะหายไปด้วยฝูงชนเดินมาถึงไหล่เขาแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงยอดเขาแล้ว อีกด้านหนึ่งของยอดเขาคือเขตเหมืองแร่โอวหยางน่าหลันสัมผัสถึงอารมณ์เดือดดาลทั่วบริเวณที่เริ่มปะทุอีกครั้งได้อย่างชัดเจนผู้คนยังคงเดือดดาลที่เฉินฝานให้พวกเขาล่าถอย“ท่านพี่ฝาน อีกประเดี๋ยวเมื่อถึงยอดเขาแล้ว ท่านขยับมาอยู่ใกล้ข้าหน่อยนะ”เฉินฝานอมยิ้มเล็กน้อย “ได้เลย!”เขารู้ว่าโอวหยางน่าหลันกังวลความปลอดภัยของเขา“แต่...”เฉินฝานยื่นมือไปโอบกอดโอวหยางน่าหลันอย่างนุ่มนวล กระซิบปลอบประโลมด้วยเสียงอ่อนโยนข้างหูนาง “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก วางใจเถอะ ตอนนี้แคว้นหลู่ก็เป็นบ้านของข้าเช่นกัน ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้บ้านของพวกเราล่มสลาย และจะไม่ปล่อยให้เจ้าตกเป็นเหยื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงอีกแล้ว”“ไฟไหม้ครั้งใหญ่ของแคว้นหลู่ครั้งนี้ ข้าสามารถดับได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปากท้อง อำนาจหรือเรื่องใดๆก็ตามของแคว้นหลู่ ย่อมไม่เสื่อมโทรมลงเพียงไฟไหม้ใหญ่ครั้งนี้
“เขา เขาคือ ท่าน ท่านอัครเสนาบดีคนนั้น!”คนที่จำเฉินฝานได้ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก“เขาคือท่านอัครเสนาบดีงั้นรึ?”“อัครเสนาบดีคนที่ทำให้พวกเราแคว้นหลู่ทำให้ทรวงสวรรค์โกรธหนะหรือ?”“ชู่ว! พูดเบาๆหน่อยสิ เจ้าอยากตายหรือกระไร”“ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ลมแรง ข้าไม่ได้ยินอันใดทั้งนั้น” เฉินฝานอมยิ้มเฉินฝานมองชายหนุ่มสองสามคน “พวกเจ้าสองสามคนนั้นมาทางนี้ ข้าจะสอนพวกเจ้า จากนั้นพวกเจ้าก็ไปสอนคนอื่นต่ออีกที”เฉินฝานใช้คำแทนตัวเองแบบธรรมดา ไม่ได้ใช้คำแทนตนสูงส่งเหมือนกับที่เหล่าขุนนางใช้การใช้คำพูดอย่างสามัญชนของเขา ทำให้เหล่าชายหนุ่มปฏิบัติตัวได้อย่างไร้กังวลเฉินฝานสอนวิธีขุดดินให้กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเขาสอนไปด้วยสาธิตทำจริงให้ดูไปด้วย ในตอนที่เขาสอนก็ขุดหลุมได้พื้นที่กว้างขึ้นไปอีกคนหนุ่มสาวเรียนรู้ไว เฉินฝานสอนเพียงเล็กน้อย ชายหนุ่มเหล่านั้นก็ทำเป็นทันที หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายไปสอนคนอื่นหลังจากที่สอนเสร็จแล้วเฉินฝานก็ช่วยเหล่าฝูงชนด้านข้างขุดอุโมงค์ต่อ“ผู้เฒ่า ข้าให้พวกเจ้าพักผ่อนอยู่ด้านข้างไม่ใช่รึ? ไฉนจึงออกมาขุด? และยังยกดินโคลนหนักปานนั้นอีก มาๆ ข้ายกเอง”“สาวน้อย เจ้าจับจ
โอวหยางน่าหลันค่อย ๆ เยื้องย่างมาด้านข้างเฉินฝานดวงตาคู่งามนั้นแพร่รังสีเย็นยะเยือกนางมาเดินมาออกช่วยเหลือเฉินฝานเป็นไปตามคาดเสียงที่กรนด่าเฉินฝานทั่วบริเวณเงียบสนิท ผู้คนทำได้เพียงหน้าชื่นอกตรม“ขอบใจมากเมียข้า!”เฉินฝานยกยิ้มมุมปากความรู้สึกที่ถูกปกป้องและทะนุถนอมจากภรรยาช่างดีเสียนี่กระไรโอวหยางน่าหลันไม่เข้าใจว่าเมียคือสิ่งใด ทว่าเฉินฝานยิ้มแล้ว เช่นนั้นก็ต้องเป็นคำชมแน่นอน เฉินฝานมีความสุขนางก็มีความสุขไปด้วยเฉินฝานไม่ได้พูดอันใด คนทั่วบริเวณล้วนเงียบเพราะหวาดกลัวโอวหยางน่าหลัน ทั้ง ๆ ที่บนยอดเขามีคนนับแสนกลับเงียบเป็นเป่าสาก ได้ยินเพียงเสียงลมและเสียงไฟเผาไหม้ที่ลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆ ดังเซ็งแซ่มาจากที่ไกล ๆเฉินฝานกุมมือโอวหยางน่าหลันไว้ หันกลับไปมองทะเลเพลิงที่อยู่ไม่ไกลทะเลเพลิงไม่มีท่าทีจะอ่อนกำลังลงแม้แต่น้อย มีแต่ทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมทะเลเพลิงค่อยคืบคลานเข้ามา บนยอดเขาที่เงียบเป็นเป่าสาก บรรยากาศอึดอัดฟุ้งกระจายไปทุกหนแห่ง คนส่วนมากจวนจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้วทันใดนั้น!“เปลี่ยนแล้ว ๆ!”เฉินฝานชูมือหนึ่งข้างขึ้นสูงพลางตะโกนลั่นด้วยความดีใจสายต
“แม่ทัพใหญ่อวิ๋นเต๋อ เจ้ายอมรับสงครามที่เมืองลู่ตูครั้งนั้นหรือไม่?” เฉินฝานกล่าวถามอวิ๋นเต๋อทำมือเคารพให้เฉินฝาน “ท่านอัครเสนาบดีไม่เพียงแต่สร้างระเบิดมือที่มีอานุภาพน่ากลัว และยังมียุทธวิถีที่หลักแหลมแม่นยำ ข้าน้อยเคารพนับถือ เพียงแต่ว่า...”อวิ๋นเต๋อมองเฉินฝานอย่างเย็นชา “ในตอนนี้เรื่องที่ใต้เท้าขอให้ทำคงจะไม่เหมาะสมเท่าใดนัก หากใต้เท้าอยากฟังคำชมของข้าน้อย เช่นนั้นรอให้ทะเลเพลิงมอดดับเสียก่อน ข้าน้อยจะไปหาท่านกล่าวชมท่านทุกคืนวันก็ย่อมได้”อวิ๋นเต๋อลอบประชดประชัน เฉินฝานกลับไม่ได้ใส่ใจ ทำเพียงยิ้มจาง ๆ“ได้ เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะรอแม่ทัพใหญ่ที่จวนพำนัก สำหรับเรื่องที่เจ้าบอกว่าเรื่องที่ข้าขอให้ทำไม่เหมาะสม ข้าอยากจะบอกเจ้าว่าไม่ได้มีเพียงการสู้รบที่ข้าเหนือชั้นกว่าเจ้าเท่านั้นการดับไฟก็เหนือชั้นกว่าเช่นกัน!”ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือ โจมตีด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง กลัวคนโบราณเหล่านี้จะไม่เข้าใจ เฉินฝานจึงไม่เลือกใช้คำนี้เฉินฝานไม่ได้คุยโวโอ้อวด ในยุคปัจจุบัน เขาเคยพากองกำลังขึ้นเขาไปดับไฟสำเร็จได้อย่างงดงามหัวหน้าให้เขาดับไฟให้ได้ภายในเจ็ดวัน ไม่ถึงสามวันเขาก็สามารถดับไฟได้แล้ว สิ่
เนื่องจากบริเวณโดยรอบของสองกองไฟไม่มีวัตถุที่เผาไหม้ได้แล้ว ออกซิเจนในการเผาไหม้ก็ไม่มีแล้วเช่นกัน ไฟจึงมอดดับลงไปวิธีการใช้ไฟดับไฟ เฉินฝานไม่อยากจะอธิบายเท่าใดนัก เพราะเมื่ออธิบายไปแล้ว ก็ไม่แน่ว่าคนเหล่านี้จะเข้าใจ“พ่อจ๋า ลูกว่าท่านอัครเสนาบดีเป็นเทพเจ้า!”เสียงเด็กใสแจ๋วของเด็กน้อยดังขึ้นจากท่ามกลางฝูงชน“ข้าก็คิดแบบนั้นเช่นกัน หากเขาไม่ใช่เทพเจ้าไฉนจะอ่อนโยนปานนั้น เมื่อครู่ใต้เท้าไม่เพียงขุดหลุมร่วมกับพวกเราเท่านั้น ท่าทางก็ยังคล่องแคล่วกว่าพวกเราอีกด้วย”“ถูกต้อง ทำงานได้คล่องแคล่ว เป็นกันเองกับราษฎร ใช้เวลาสองชั่วยามสั้นๆดับไฟได้อย่างปาฏิหาริย์ ใต้เท้าต้องเป็นเทพเจ้าอย่างแน่แท้”ราษฎรที่ขุดพื้นที่กักกันโดยรอบเฉินฝานเมื่อครู่พูดไปพลาง คุกเข่าไปทางเฉินฝานเมื่อคนเหล่านั้นคุกเข่าคนทั่วบริเวณก็พากันทำตามเมื่อเห็นว่าเหล่าราษฎรคุกเข่าแล้ว เหล่าพลทหารก็ทำตามท้ายที่สุด เหล่าเสนาบดีก็ทำตาม แน่นอนว่าพวกเขาส่วนใหญ่ทำเป็นพิธีเท่านั้นไม่ได้ยอมรับเฉินฝานจากใจจริง“เฮ้อ!” เฉินฝานส่ายหน้า ดูเหมือนจะล้อเล่นเลยเถิดไปไกลแล้ว “พวกเจ้ารีบลุกขึ้นเถอะ ๆ ข้าไม่ใช่เทพเจ้าอันใดหรอก เมื่อครู
“จากสถานการณ์ตอนนี้ มีเพียงข้าเท่านั้นที่ใช้ได้ อวิ๋นเต๋อ” เฉินฝานหันไปพูดกับอวิ๋นเต๋อ “ประเดี๋ยวกินเสร็จแล้ว เจ้าไปแคว้นหลู่กับข้า ถนนหนทางในแคว้นหลู่ข้าไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนัก”“ขอรับ ใต้เท้า!” เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นเต๋อตอบเร็วเช่นนี้“กินเสร็จแล้วไป?” โอวหยางน่าหลันคว้ามือเฉินฝานทันที “ข้าจะไปกับคุณชายหลาน”“ไม่ได้!”เฉินฝานปฏิเสธทันที อีกทั้งท่าทีของเขายังหนักแน่นอย่างมาก“เวลานี้แคว้นหลู่กำลังเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ องค์หญิงไม่อาจไปจากราชสำนักได้”รู้สึกคล้ายว่าตนจะทำเกินกว่าเหตุเล็กน้อย เฉินฝานจึงพูดเสริม“ก็ได้ ข้าเชื่อฟังท่านพี่ฝาน” โอวหยางน่าหลันทำปากจู๋เล็กน้อยอวิ๋นเต๋ออายุมากกว่าโอวหยางน่าหลันไม่มากเท่าใดนัก แต่เขาเห็นโอวหยางน่าหลันตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นนางทำท่าทีเหมือนหญิงสาววินาทีนี้ เขารู้ว่าตนแพ้ราบคาบเฉินฝานไม่เพียงเก่งด้านสู้รบ ยามคับขันเขาก็แก้ไขปัญหาเก่งมาก ทั้งยังเก่งว่าตนหลายเท่าเขาเอาอะไรมาเทียบกับเฉินฝานอวิ๋นเต๋อค่อยๆ ออกมาจากกระโจม นี่เป็นเหตุผลที่โอวหยางน่าหลันให้ความสำคัญกับอวิ๋นเต๋อ เขามีความสามารถโดดเด่น จงรักภักดีเป็นที่สุด ทั้
“ท่านคงไม่ได้...” เฉินฝานลุกขึ้นแล้วนั่งลงข้างโอวหยางน่าหลัน มองท้องน้อยที่นูนขึ้นมา แววตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นระมัดระวัง “ตั้งครรภ์หรือ?”“เจ้าค่ะ”พวงแก้มของโอวหยางน่าหลันแดงระเรื่อเล็กน้อย ดวงตางดงามเปี่ยมไปด้วยความรักของแม่ นางคว้ามือเฉินฝานขึ้นมาอีกครั้ง วางลงบนท้องน้อย “สามเดือนกว่าแล้วเจ้าค่ะ”เมื่อสามเดือนก่อน เฉินฝานจะไปเมืองเฟิ่งหวง โอวหยางน่าหลันเดินทางไกล ไปถึงเมืองหลวงต้าชิ่ง อยากตามเฉินฝานไปเมืองเฟิ่งหวงเฉินฝานไม่ให้นางไป ก่อนออกเดินทาง เพื่อปลอบโยนโอวหยางน่าหลันที่เดินทางมาไกล พวกเขาบรรเลงเพลงรักสุดเร่าร้อนบนรถม้านานหนึ่งชั่วยามกว่าเด็กน้อยในครรภ์ของโอวหยางน่าหลัน น่าจะมาจากตอนนั้นเฉินฝานก้มหน้าลงประทับจุมพิตลงบนท้องน้อยที่นูนขึ้นมาของโอวหยางน่าหลัน“เจ้าตั้งครรภ์แล้ว เราไม่อาจทำอะไรพร่ำเพรื่อได้”ขณะพูด เฉินฝานสวมเสื้อผ้าให้โอวหยางน่าหลัน ทว่าคิดไม่ถึง โอวหยางน่าหลันคว้ามือของเขา นางจับมือเฉินฝาน เลื่อนสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายวางมือเขาไว้ที่ยอดประทุม“?”เฉินฝานมองโอวหยางน่าหลันด้วยความฉงนเพราะตั้งครรภ์ยอดประทุมทั้งสองของนาง จึงอวบอิ่มกว่าเดิม เต่งตึงกว่าเ
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?” โอวหยางน่าหลันขมวดคิ้วเป็นปมแคว้นหลู่มากไปด้วยภูเขาทว่าพื้นดินน้อย รายได้หลักมาจากการขายเครื่องมือเหล็กและฟืน อุตสาหกรรมอื่นๆ นั้น ล้วนอาศัยสองอุตสาหกรรมนี้ในการดำรงชีวิตไฟป่า เผาทำลายพื้นที่ป่ากว่าเจ็ดในสิบส่วนของแคว้นหลู่ชาวบ้านไม่มีต้นไม้ เช่นนั้นก็ไม่มีรายได้ช่างเหล็กไม่มีฟืน เช่นนั้นก็ไม่อาจทำเครื่องมือเหล็กได้ และไม่มีรายได้ช่างเหล็กและชาวบ้านที่ครอบครองผืนป่าไม่พอใจ เช่นนั้นก็เท่ากับชาวแคว้นหลู่ไม่พอใจเฉินฝาน“องค์หญิง ราษฎรคือแหล่งน้ำของแคว้น น้ำทำให้เรือแล่นและทำให้เรือจมได้เช่นเดียวกัน องค์หญิง ต้องคลายโทสะของชาวบ้านให้ได้พ่ะย่ะค่ะ” เหมียวเหลียงจื้อพูดด้วยสีหน้าลำบากใจโอวหยางน่าหลันมองเหมียวเหลียงจื้อด้วยแววตาเย็นชา “คลายโทสะของราษฎรที่เจ้าพูดถึง คืออยากให้ข้าถอดยศอัครเสนาบดีของเฉินฝาน แล้วให้เจ้าขึ้นเป็นอัครเสนาบดีแทนใช่หรือไม่?”“องค์หญิง!” เหมียวเหลียงจื้อรีบคุกเข่าทันที “กระหม่อมไม่กล้าคิดเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมตระหนักรู้ดีว่าตนไม่มีความสามารถเทียบใต้เท้าเฉินได้!”โอวหยางน่าหลันถลึงตามองเหมียวเหลียงจื้อ “ข้าว่าเจ้าก็คงไม่กล้า”เม
เมื่อคนเหล่านั้นคุกเข่าลง พวกเขาก็คุกเข่าตามเช่นกัน พวกเขายังนึกว่าเหมียวเหลียงจื้อเปลี่ยนวิธีการแล้ว“คนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่มากับพวกเจ้าหรือ?” เหมียวเหลียงจื้อกระวนกระวายใจขึ้นเรื่อย ๆ คนผู้นั้นส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ขอรับ!” เหมียวเหลียงจื้อยิ่งร้อนรน “เช่นนั้นพวกเขามาจากที่ใด?”คนผู้นั้นส่ายศีรษะอีกครั้ง“ส่ายหัว ส่ายหัว นอกจากส่ายหัวแล้ว เจ้ายังทำอะไรเป็นอีกบ้าง?”ใบหน้าของเหมียวเหลียงจื้อเต็มไปด้วยความเดือดดาล เขาแทบอยากจะฉีกคนทิ้ง ทว่าตอนนี้ผู้คนจ้องมองอยู่ เขาไม่กล้าระเบิดโทสะออกมาตรง ๆ “ท่านเทพเซียน ท่านเทพเซียน!”หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยาม เสียงคุกเข่ากราบไหว้ขอบคุณของชาวบ้านไม่เพียงไม่ลดลง ตรงกันข้ามกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ“ไม่ใช่เทพเซียนอันใด ข้าเป็นคนธรรมดามีเลือดมีเนื้อเช่นเดียวกับพวกท่าน รีบลุกขึ้นเถิด รีบลุกขึ้นเถิด!” ขณะที่เฉินฝานเอ่ย เขายังโน้มตัวไปพวกประคองพวกชาวบ้านที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นไม่ยอมเชื่อฟังเลย พอถูกประคองให้ลุกขึ้นก็รีบคุกเข่าลงมาอีกครั้งเฉินฝานบอกว่าครรภ์ขององค์หญิงใหญ่แล้ว ร่างกายไม่สะดวก เขาต้องประคององค์หญิงกลับไปก่อน
ฝูงชนที่เนืองแน่นเบื้องหน้าเฉินฝานต่างคุกเข่าลงบนพื้นกันหมด“อวิ๋นเต๋อสั่งให้ยิงธนูแล้วหรือ?” โอวหยางน่าหลันหันหน้าไปถามนางกำนัลข้างกาย “องค์หญิง แม่ทัพอวิ๋นเต๋อไม่ได้ออกคำสั่งให้ยิงธนูเพคะ หลังจากที่คนพวกนั้นพุ่งไปหาท่านอัครเสนาบดีเมื่อครู่นี้ จู่ ๆ ก็พากันคุกเข่าลงเพคะ” นางกำนัลตอบกลับทันที“ไม่ได้ยิงธนู คนพวกนั้นก็คุกเข่าเอง?”โอวหยางน่าหลันทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อโอวหยางน่าหลันเบิกตาโต มองอยู่หลายนาทีเต็ม ๆ ถึงค่อยกล้าเชื่อคำพูดของนางกำนัลแต่นางไม่เข้าใจ คนเหล่านี้บุกประตูวังโดยไม่คำนึงว่าต้องแลกด้วยอะไร บุกเข้ามาในวังโดยที่ไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่าง หลังจากนั้นกลับไม่ได้มาหาเรื่องเฉินฝาน แต่มาคุกเข่าแทน หรือว่าคนพวกนี้จะเปลี่ยนแผนการ ไม่กล่าวประณาม แต่มาขอร้องอ้อนวอนแทน?ขอให้เฉินฟานสละตำแหน่งอัครเสนาบดีหรือ?โอวหยางน่าหลันพลันอารมณ์ดิ่งลงอย่างถึงที่สุดนางรู้จักเฉินฝานดี เฉินฝานเป็นคนใจดีมีเมตตา รักและใส่ใจชาวประชา หากผู้คนต่อต้านเขาอย่างรุนแรง เขาไม่เพียงจะไม่ยอมทำตาม แต่ยังจะจับตัวผู้บงการออกมาด้วยแต่ถ้าคุกเข่าอ้อนวอน มีความเป็นไปได้สูงว่าเฉินฝานจะใจอ่อน สละตำแห
โจวหยางชิงลอบชูนิ้วโป้งให้เหมียวเหลียงจื้อ “ใต้เท้าเหมียว ผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ จัดการเรื่องนี้ได้สวยจริง ๆ”เหมียวเหลียงจื้อพยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณใต้เท้าที่ชื่นชม นี่ไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เป็นความโกรธแค้นของราษฎรเท่านั้น” เหมียวเหลียงจื้อปีติยินดี ขณะเดียวกันก็รู้สึกพิศวงด้วยเนื่องจากคนของเขาบอกเขาว่า ได้จัดเตรียมประชาชนราวห้าหมื่นคนให้มาประท้วง แต่ตอนนี้ดูน่าจะมากกว่าห้าหมื่นแล้ว ฝูงชนเนื่องแน่นสุดลูกหูลูกตา อย่างน้อยก็มีสองสามแสนคน“เขานี่แหละ!” มีคนด้านนอกวังชี้มาที่เฉินฝาน“เขาก็คือเฉินฝาน”เสียงของคนผู้นั้นยังไม่ทันสิ้นสุดลง ชาวบ้านที่อัดแน่นตรงหน้าประตูพระราชวังก็พุ่งมาหาเฉินฝานราวกับน้ำทะเลที่โหมกระหน่ำ“คุ้มกันใต้เท้า คุ้มกันใต้เท้า!”อวิ๋นเต๋อที่เป็นห่วงความปลอดภัยของเฉินฝาน ตะโกนเสียงดังพลางวิ่งมาหาเฉินฝานทหารรักษาพระองค์กว่าพันนายล้อมรอบเฉินฝานไว้ คุ้มกันด้านในสามชั้น ด้านนอกสามชั้นภายนอกเป็นราษฎร ภายในเป็นทหารรักษาพระองค์ ทางเข้าพระราชวังที่เดิมทีกว้างขวางมากเปลี่ยนเป็นแออัดในพริบตา แม้ว่ามีทหารรักษาพระองค์กว่าพันนาย แต่ราษฎรด้านนอกมีมากเกินไปจริง
เมื่อเฉินฝานออกคำสั่ง เหมียวเหลียงจื้อกับโจวหยางชิงก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาพอดีเหล่าขุนนางที่ตามหลังพวกเฉินฝานต่างก้มหน้าพูดคุยแสดงความเห็นกันเบา ๆ “เปิดประตูเมืองโดยตรง เขากล้าดีอย่างไร ไม่กลัวชาวบ้านด้านนอกจะพุ่งเข้ามาทำร้ายเขาหรือไร?”“ท่านอัครเสนาบดีมีความมั่นใจกระมัง”“มั่นใจเกินไปก็จะเป็นความทะนงตน”“ข้าเองก็คิดว่าเขาทระนงตนแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่พวกราษฎรอารมณ์อ่อนไหวถึงเพียงนั้น ขึ้นไปที่หอด้านบนประตูเมืองคงจะดีกว่า” “เอาไว้รอให้เปิดประตูแล้ว พวกเรายืนห่าง ๆ เสียหน่อยจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย” “ท่านกล่าวได้ถูกต้อง”เมื่อฟังคำวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาขุนนางโดยรอบ นัยน์ตาโจวหยางชิงก็ฉายแววทะมึน เขาหันหน้าไปถามเหมียวเหลียงจื้อเสียงต่ำว่า “เตรียมการเสร็จหมดแล้วหรือยัง?”เหมียวเหลียงจื้อพยักหน้า “เตรียมการเสร็จหมดแล้ว ส่วนมากผู้ที่มาล้วนเป็นช่างตีเหล็กและกรรมกรป่าไม้”“อืม” โจวหยางชิงพยักหน้า สายตาของเขาทอดมองไปที่เฉินฝานอีกครั้ง แววตาดูโหดเหี้ยมชั่วร้ายเฉินฝาน เจ้าอย่าโทษที่ข้าอำมหิตเลย หากจะโทษก็ได้แต่โทษที่เจ้าละโมบมากเกินไป อภิเษกกับองค์หญิงยังไม่พ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหตุใดจึงกระวนกระวายเช่นนี้?”เมื่อเห็นคนคนนั้น อวิ๋นเต๋อรีบเดินไปถามทันที คนที่มาคือหัวหน้าทหารเวรรักษาพระองค์ในวันนี้“ผู้นำอวิ๋น จู่ๆ นอกวังหลวงก็มีชาวบ้านมากมายมา พวกเขาต้องการเข้าพบท่านอัครเสนาบดีขอรับ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น โอวหยางน่าหลันที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรโมโหเล็กน้อย “เรื่องเล็กแค่นี้ กลับกระวนกระวายขั้นนี้ อวิ๋นเต๋อ เอาตัวเขาออกไป!”เมื่อครั้นโอวหยางน่าหลันเพิ่งครอบครองอำนาจ มักจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้นโอวหยางน่าหลันจึงเคยชินแล้ว สำหรับนางนี่เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ“องค์หญิง!”หัวหน้าทหารเวรคุกเข่าลง สีหน้าลำบากใจ“ครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่ากระหม่อมจะใช้วิธีการใด พวกชาวบ้านก็ไม่ยอมไป ยิ่งไล่พวกเขาก็ยิ่งบุกเข้ามา กล่าวว่าแม้พวกเขาต้องตาย พวกเขาก็ต้องขอพบท่านอัครเสนาบดีให้ได้!”โอวหยางน่าหลันโบกมือด้วยความรำคาญ “เช่นนั้นก็ไล่ด้วยวิธีที่รุนแรงขึ้นอีก หากมีคนตาย เช่นนั้นก็ส่งอาหารสำหรับสามปีไปให้ครอบครัวเขา เจ้าไปจัดการด้วยตนเอง!”นี่คือวิธีการที่โอวหยางน่าหลันใช้เป็นประจำ เมื่อก่อนให้เงิน ตอนนี้ข้าวสารล้ำค่ากว่าเงิน เช
เสียงฟิ้วดังขึ้นสองครั้ง โอวหยางกว่างเซวียนใช้หนังสติ๊กยิงก้อนหินออกไปแล้วสองก้อนเหตุเพราะเป็นการใช้หนังสติ๊กครั้งแรก ก้อนหินที่ยิงออกไป จึงไกลเพียงสองสามเมตรเท่านั้น“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?”ริมฝีปากของโอวหยางกว่างเซวียนจู๋เล็กน้อย สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ ถามเฉินฝาน “เหตุใดท่านจึงยิงไกลเช่นนั้น”เฉินฝานยิ้ม “เพราะข้าใช้เป็นประจำ ยกหนังสติ๊กให้ท่านแล้ว วันข้างหน้าท่านฝึกฝนทุกวัน ต้องยิงได้ไกลแน่นอน”“แต่ว่า...” โอวหยางกว่างเซวียนขมวดคิ้วเป็นปม “ท่านบอกให้ข้าใช้หนังสติ๊กยิงคนที่พูดถ้อยคำเหล่านั้นกับข้าไม่ใช่หรือ?”“ถูกต้อง แต่ข้าไม่ให้ท่านอยู่ห่างไกลเช่นนี้!”เฉินฝานยังพูดไม่จบ โอวหยางกว่างเซวียนก็พุ่งตัวออกมาราวกับฟ้าแลบเสียงฟิ้วดังขึ้นสองครั้งโอวหยางกว่างเซวียนใช้หนังสติ๊กยิงหัวหน้าเลขากรมขุนนางเหมียวเหลียงจื้อและราชครูโจวหยางชิง“พวกเจ้าสองคนนี่เอง ทหาร!”โอวหยางน่าหลันร้องตะโกนเสียงดัง“เอาตัวขุนนางชั่วพูดจาให้ร้ายผู้อื่น ทั้งสองคนออกไป จับพวกเขากักขังในคุกหลวง!”“องค์หญิง กระหม่อมถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ”เหมียวเหลียงจื้อและโจวหยางชิงคุกเข่าอ้อนวอนทันที“องค์หญิง
เฉินฝานโน้มตัวลง พูดกับโอวหยางกว่างเซวียนด้วยความอ่อนโยน “วังหลวงแคว้นหลู่คือบ้านของเซวียนเอ๋อร์ตลอดไป ข้าจะไล่ท่านออกไปได้อย่างไร?”“ข้าไม่เชื่อท่านหรอก พวกเขาบอกว่า แรกเริ่มท่านต้องพูดเช่นนี้กับข้าแน่นอน แต่หลังจากผ่านไปนานวันเข้า ท่านต้องเห็นว่าข้าขวางหูขวางตา แล้วไล่ข้าออกไปจากวังหลวง”“เซวียนเอ๋อร์ ถ้อยคำเหล่านี้ผู้ใดเป็นคนบอกเจ้า?” โอวหยางน่าหลันที่ยืนฟังอู่ข้างๆ ยิ่งฟังก็ยิ่งโมโห “เจ้าบอกพี่มา ข้าจะไปฉีกปากพวกเขา”“พวกเขา...” ทันใดนั้นเองโอวหยางกว่างเซวียนก็ปิดปากเงียบสนิท ไม่ว่าโอวหยางน่าหลันจะใช้ลูกไม้ได้ ถึงขั้นตำหนิ เขาก็ไม่อมพูดเฉินฝานเข้าใจแล้ว ทว่าเป็นเที่ยงตรงและกล้าคิดกล้าทำแม้โอวหยางกว่างเซวียนจะปัญญานิ่ม ทว่าเขาเป็นคนเที่ยงตรงและกล้าคิดกล้าทำราชวงศ์โอวหยางแคว้นหลู่ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ล้วนเป็นคนเที่ยงตรงและกล้าคิดกล้าทำ ทว่าพวกเขาค่อนข้างให้ความสำคัญกับสายเลือด ชอบให้ญาติมิตรสนิทชิดเชื้อแต่งงานกัน เมื่อถึงรุ่นของโอวหยางน่าหลัน มารดาของโอวหยางน่าหลัน มีลูกชายสามคนติดกัน สองคนแรกอายุไม่ถึงหนึ่งขวบก็สิ้นใจ ไม่ง่ายเลยอุตส่าห์เลี้ยงดูโอวหยางกว่างเซวียนจนเติบโต
ท่านราชครูบอกให้เซวียนเอ๋อร์มาขอรับ”“ท่านราชครู? โจวหยางชิงบอกให้เจ้ามา”โจวหยางชิงเป็นราชครูของโอวหยางกว่างเซวียน และเคยสอนเหมียวเหลียงจื้อ ภรรยาเป็นชาวเมืองหลวงแคว้นต้าชิ่ง“ขอรับ!” โอวหยางกว่างเซวียนพยักหน้า “ท่านราชครูกล่าวว่า เซวียนเอ๋อร์เป็นจักรพรรดิแคว้นหลู่ อายุสิบสามแล้ว ควรค่อยๆ ศึกษาการปกครองแคว้นหลู่ อย่าให้ท่านพี่เหนื่อยเช่นนี้ แต่ว่า...”จู่ๆ โอวหยางกว่างเซวียนก็ทำหน้ามุ่ย สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเสียใจ“ฮือ!” โอวหยางกว่างเซวียนร้องไห้เสียงดัง แล้วกอดโอวหยางน่าหลัน “เซวียนเอ๋อร์ไม่อยากนั่งเก้าอี้ตัวนั้น เพราะเซวียนเอ๋อร์อยากไปชิ้งฉ่อง แต่ท่านราชครูบอกว่าไม่อาจไปได้หากยังไม่จบการประชุมราชสำนัก ทั้งยังไม่อาจเล่นกับแมลงได้”“ท่านพี่ ท่านรักเซวียนเอ๋อร์ที่สุด ท่านไปตำหนิราชครูได้หรือไม่ เซวียนเอ๋อร์ไม่อยากประชุมราชสำนักจริงๆ ขอรับ”โอวหยางกว่างเซวียนจับแขนเสื้อของโอวหยางน่าหลันแล้วอ้อนวอน สำหรับเขา ท่านแม่นอกจากใจดีกับเขาและท่านพ่อท่านแม่แล้ว ล้วนดุร้ายกับทุกคน อีกทั้งคนพวกนั้นก็กลัวท่านพี่มาก ขอเพียงท่านพี่ดุเล็กน้อย พวกเขาก็เชื่อฟังท่านพี่แล้วโอวหยางน่าหลันไม่ได้ตอบ
“ท่านพี่ฝาน ท่านหมายความว่า...” โอวหยางน่าหลันเงยหน้าขึ้น “ชาวต้าชิ่งช่วยเขาคิดแผนการนี้หรือ?”“มีความเป็นไปได้สูง” แววตาของเฉินฝานเย็นยะเยือก “พุ่งเป้ามาที่ข้าได้ แต่เอาสตรีของข้าเข้ามาข้องเกี่ยว เอาชาวแคว้นหลู่มาข้องเกี่ยว เช่นนั้นไม่ได้”“ท่านพี่ฝาน ฟังจากที่ท่านพูดหมายความว่า...” แววตาของโอวหยางน่าหลันแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหดเช่นเดียวกัน “ไฟป่าแคว้นหลู่ในครั้งนี้ มีคนตั้งใจทำให้เกิดขึ้น”เฉินฝานพยักหน้าตลอดสี่เดือนที่ผ่านมานี้ เขาวิ่งวุ่นไปทั่วทุกเมืองของแคว้นหลู่ ไฟป่าทั้งรุนแรงและไม่รุนแรง เขาดับมามากมายกว่าพันแห่ง เขามั่นใจว่า ไฟป่าแคว้นหลู่ในครั้งนี้ เป็นฝีมือมนุษย์“ข้าจะมีราชโองการ ให้กรมยุติธรรมไปสืบเดี๋ยวนี้!”โอวหยางน่าหลันกำลังจะเอ่ยปาก ให้นางกำนัลคนสนิทนำม้วนหนังสือราชโองการ พู่กันและหมึกมา ก็ถูกเฉินฝานปราม“ต้องรีบสืบหาความจริง แต่ไม่อาจสืบหาเช่นนี้ ต้องดำเนินการอย่างลับๆ ท่านมีรับสั่งลับ ให้คนของอวิ๋นเต๋อไปสืบด้วยตนเอง”“ได้ ท่านพี่ฝาน ข้าฟังท่าน”ตอนโอวหยางน่าหลันมีรับสั่งลับ นางถามเฉินฝานอีกครั้ง “ท่านพี่ฝาน ท่านว่า เสิ่นหมิงหยวนจากแคว้นต้าชิ่งอยู่เบื้องหลัง