“เจ็บนะเจ้าคะ!” โอวหยางน่าหลันหน้านิ่วคิ้วขมวด“ข้าสั่งห้ามไว้แล้วมิใช่รึ? ใครอนุญาตให้เจ้าออกมา?” เฉินฝานแสร้งทำเป็นโกรธ“ท่านพี่ฝาน ท่านออกคำสั่งให้ล่าถอยไปอีกสิบลี้มิใช่หรือ? ข้าก็ต้องออกอยู่แล้วสิ!”“......ได้ ในเมื่อเจ้าออกมาแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็รีบออกคำสั่งเถอะ!”“ได้เจ้าค่ะ!”“จ๊วบ!”ก่อนที่จะลงจากอ้อมกอดเฉินฝานไปโอวหยางน่าหลันก็จูบเฉินฝานไปหนึ่งที“บัดสีบัดเถลิง ๆ!”การกระทำของโอวหยางน่าหลัน ทำให้ฝูงชนแตกตื่นโดยเฉพาะเหล่าคนที่อายุเยอะ ข่มอารมณ์จนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเฉินฝานลอบส่ายหน้าทั้ง ๆที่โอวหยางน่าหลันผู้นี้เป็นคนยุคโบราณแท้ ๆ กลับมีความคิดเปิดกว้างคล้ายคลึงกับคนยุคปัจจุบันอย่างมากดังนั้น ช่วงก่อนเฉินฝานลอบทดสอบโอวหยางน่าหลัน จงใจใช้ภาษาอังกฤษทักทายโอวหยางน่าหลัน ตอนที่นางรบเร้าให้เขาสอน ‘คาถา’ที่น่าสนุกให้ เฉินฝานจึงมั่นใจว่านางเป็นคนยุคโบราณอย่างแท้จริงเมื่อลงจากอ้อมอกเฉินฝานมาเผชิญกับเหล่าเสนาบดีและราษฎรที่ก้มคำนับ โอวหยางน่าหลันมิมีท่าทีออดอ้อนเหมือนกับตอนที่อยู่ต่อหน้าเฉินฝานแล้วสีหน้าของนางจริงจังแววตาเคร่งขรึม“หากข้าได้ยินใครพูดจาส่งเดชอีก มิว่าจะ
“ท่านพี่ฝาน พวกเราควรจะ...”“ล่าถอยต่อไป!” เฉินฝานกล่าวอย่างหนักแน่นเด็ดขาดโอวหยางน่าหลันชำเลืองมองเฉินฝานเล็กน้อย หลังจากนั้นหันหน้าไปออกคำสั่งกับอวิ๋นเต๋อทันที “ให้เหล่าทหารหามเหล่าคนแก่พวกนี้ล่าถอยไปพร้อมกับท่านอัครเสนาบดี หากท่านอัครเสนาบดีไม่สั่งให้หยุด พวกเจ้าจงล่าถอยต่อไปเรื่อย ๆ”คนจำนวนมากไม่พอใจกับการตัดสินใจของโอวหยางน่าหลัน ทว่าทำได้เพียงหน้าชื่นอกตรม“ข้าไม่ไป ต่อให้ทุบตีข้าจนตายก็ไม่ไป!”“ข้าก็ไม่ไปเช่นกัน!”คนแก่เริ่มต่อต้าน ผลักเหล่าพลทหารที่จะแบกตนเองออกตลอด เมื่อเห็นว่าตนเองสู้แรงเหล่าทหารไม่ได้จึงเอาหัวโขกกับขอนไม้หรือก้อนหินทันทีเพียงในพริบตาเดียว มีคนแก่จำนวนมากที่หัวแตกเลือดไหลอาบ บางคนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต“ท่านพ่อ!”“ท่านปู่!”บรรดาญาติๆของคนแก่เหล่านั้นล้วนพากันกรีดร้องด้วยความโศกเศร้า พวกเขามองเฉินฝานด้วยสายตาเคียดแค้น ถึงขั้นมีบางคนที่อารมณ์มุทะลุกระโจนตัวใส่เฉินฝานโอวหยางน่าหลันใช้อำนาจเด็ดขาดในการปกครองแคว้น สถานการณ์เช่นนี้นางเจอมานับไม่ถ้วนแล้ว ตอนที่ออกคำสั่งให้เหล่าทหารไปแบกคนแก่ในขณะเดียวกันก็สั่งให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ไปปกป้องเฉินฝาน
ถึงอย่างไรไฟก็ลุกลามมาถึงที่แห่งนี้อยู่ดีถึงแม้ว่าแร่เหล็กจะไม่ได้ผลกระทบมากนัก ทว่าคนที่อยู่ในยุคศักดินาเหล่านี้มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า หากถูกเผาไปแล้ว ความโชคดีก็จะหายไปด้วยฝูงชนเดินมาถึงไหล่เขาแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงยอดเขาแล้ว อีกด้านหนึ่งของยอดเขาคือเขตเหมืองแร่โอวหยางน่าหลันสัมผัสถึงอารมณ์เดือดดาลทั่วบริเวณที่เริ่มปะทุอีกครั้งได้อย่างชัดเจนผู้คนยังคงเดือดดาลที่เฉินฝานให้พวกเขาล่าถอย“ท่านพี่ฝาน อีกประเดี๋ยวเมื่อถึงยอดเขาแล้ว ท่านขยับมาอยู่ใกล้ข้าหน่อยนะ”เฉินฝานอมยิ้มเล็กน้อย “ได้เลย!”เขารู้ว่าโอวหยางน่าหลันกังวลความปลอดภัยของเขา“แต่...”เฉินฝานยื่นมือไปโอบกอดโอวหยางน่าหลันอย่างนุ่มนวล กระซิบปลอบประโลมด้วยเสียงอ่อนโยนข้างหูนาง “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก วางใจเถอะ ตอนนี้แคว้นหลู่ก็เป็นบ้านของข้าเช่นกัน ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้บ้านของพวกเราล่มสลาย และจะไม่ปล่อยให้เจ้าตกเป็นเหยื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงอีกแล้ว”“ไฟไหม้ครั้งใหญ่ของแคว้นหลู่ครั้งนี้ ข้าสามารถดับได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปากท้อง อำนาจหรือเรื่องใดๆก็ตามของแคว้นหลู่ ย่อมไม่เสื่อมโทรมลงเพียงไฟไหม้ใหญ่ครั้งนี้
“เขา เขาคือ ท่าน ท่านอัครเสนาบดีคนนั้น!”คนที่จำเฉินฝานได้ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก“เขาคือท่านอัครเสนาบดีงั้นรึ?”“อัครเสนาบดีคนที่ทำให้พวกเราแคว้นหลู่ทำให้ทรวงสวรรค์โกรธหนะหรือ?”“ชู่ว! พูดเบาๆหน่อยสิ เจ้าอยากตายหรือกระไร”“ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ลมแรง ข้าไม่ได้ยินอันใดทั้งนั้น” เฉินฝานอมยิ้มเฉินฝานมองชายหนุ่มสองสามคน “พวกเจ้าสองสามคนนั้นมาทางนี้ ข้าจะสอนพวกเจ้า จากนั้นพวกเจ้าก็ไปสอนคนอื่นต่ออีกที”เฉินฝานใช้คำแทนตัวเองแบบธรรมดา ไม่ได้ใช้คำแทนตนสูงส่งเหมือนกับที่เหล่าขุนนางใช้การใช้คำพูดอย่างสามัญชนของเขา ทำให้เหล่าชายหนุ่มปฏิบัติตัวได้อย่างไร้กังวลเฉินฝานสอนวิธีขุดดินให้กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเขาสอนไปด้วยสาธิตทำจริงให้ดูไปด้วย ในตอนที่เขาสอนก็ขุดหลุมได้พื้นที่กว้างขึ้นไปอีกคนหนุ่มสาวเรียนรู้ไว เฉินฝานสอนเพียงเล็กน้อย ชายหนุ่มเหล่านั้นก็ทำเป็นทันที หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายไปสอนคนอื่นหลังจากที่สอนเสร็จแล้วเฉินฝานก็ช่วยเหล่าฝูงชนด้านข้างขุดอุโมงค์ต่อ“ผู้เฒ่า ข้าให้พวกเจ้าพักผ่อนอยู่ด้านข้างไม่ใช่รึ? ไฉนจึงออกมาขุด? และยังยกดินโคลนหนักปานนั้นอีก มาๆ ข้ายกเอง”“สาวน้อย เจ้าจับจ
โอวหยางน่าหลันค่อย ๆ เยื้องย่างมาด้านข้างเฉินฝานดวงตาคู่งามนั้นแพร่รังสีเย็นยะเยือกนางมาเดินมาออกช่วยเหลือเฉินฝานเป็นไปตามคาดเสียงที่กรนด่าเฉินฝานทั่วบริเวณเงียบสนิท ผู้คนทำได้เพียงหน้าชื่นอกตรม“ขอบใจมากเมียข้า!”เฉินฝานยกยิ้มมุมปากความรู้สึกที่ถูกปกป้องและทะนุถนอมจากภรรยาช่างดีเสียนี่กระไรโอวหยางน่าหลันไม่เข้าใจว่าเมียคือสิ่งใด ทว่าเฉินฝานยิ้มแล้ว เช่นนั้นก็ต้องเป็นคำชมแน่นอน เฉินฝานมีความสุขนางก็มีความสุขไปด้วยเฉินฝานไม่ได้พูดอันใด คนทั่วบริเวณล้วนเงียบเพราะหวาดกลัวโอวหยางน่าหลัน ทั้ง ๆ ที่บนยอดเขามีคนนับแสนกลับเงียบเป็นเป่าสาก ได้ยินเพียงเสียงลมและเสียงไฟเผาไหม้ที่ลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆ ดังเซ็งแซ่มาจากที่ไกล ๆเฉินฝานกุมมือโอวหยางน่าหลันไว้ หันกลับไปมองทะเลเพลิงที่อยู่ไม่ไกลทะเลเพลิงไม่มีท่าทีจะอ่อนกำลังลงแม้แต่น้อย มีแต่ทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมทะเลเพลิงค่อยคืบคลานเข้ามา บนยอดเขาที่เงียบเป็นเป่าสาก บรรยากาศอึดอัดฟุ้งกระจายไปทุกหนแห่ง คนส่วนมากจวนจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้วทันใดนั้น!“เปลี่ยนแล้ว ๆ!”เฉินฝานชูมือหนึ่งข้างขึ้นสูงพลางตะโกนลั่นด้วยความดีใจสายต
“แม่ทัพใหญ่อวิ๋นเต๋อ เจ้ายอมรับสงครามที่เมืองลู่ตูครั้งนั้นหรือไม่?” เฉินฝานกล่าวถามอวิ๋นเต๋อทำมือเคารพให้เฉินฝาน “ท่านอัครเสนาบดีไม่เพียงแต่สร้างระเบิดมือที่มีอานุภาพน่ากลัว และยังมียุทธวิถีที่หลักแหลมแม่นยำ ข้าน้อยเคารพนับถือ เพียงแต่ว่า...”อวิ๋นเต๋อมองเฉินฝานอย่างเย็นชา “ในตอนนี้เรื่องที่ใต้เท้าขอให้ทำคงจะไม่เหมาะสมเท่าใดนัก หากใต้เท้าอยากฟังคำชมของข้าน้อย เช่นนั้นรอให้ทะเลเพลิงมอดดับเสียก่อน ข้าน้อยจะไปหาท่านกล่าวชมท่านทุกคืนวันก็ย่อมได้”อวิ๋นเต๋อลอบประชดประชัน เฉินฝานกลับไม่ได้ใส่ใจ ทำเพียงยิ้มจาง ๆ“ได้ เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะรอแม่ทัพใหญ่ที่จวนพำนัก สำหรับเรื่องที่เจ้าบอกว่าเรื่องที่ข้าขอให้ทำไม่เหมาะสม ข้าอยากจะบอกเจ้าว่าไม่ได้มีเพียงการสู้รบที่ข้าเหนือชั้นกว่าเจ้าเท่านั้นการดับไฟก็เหนือชั้นกว่าเช่นกัน!”ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือ โจมตีด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง กลัวคนโบราณเหล่านี้จะไม่เข้าใจ เฉินฝานจึงไม่เลือกใช้คำนี้เฉินฝานไม่ได้คุยโวโอ้อวด ในยุคปัจจุบัน เขาเคยพากองกำลังขึ้นเขาไปดับไฟสำเร็จได้อย่างงดงามหัวหน้าให้เขาดับไฟให้ได้ภายในเจ็ดวัน ไม่ถึงสามวันเขาก็สามารถดับไฟได้แล้ว สิ่
เนื่องจากบริเวณโดยรอบของสองกองไฟไม่มีวัตถุที่เผาไหม้ได้แล้ว ออกซิเจนในการเผาไหม้ก็ไม่มีแล้วเช่นกัน ไฟจึงมอดดับลงไปวิธีการใช้ไฟดับไฟ เฉินฝานไม่อยากจะอธิบายเท่าใดนัก เพราะเมื่ออธิบายไปแล้ว ก็ไม่แน่ว่าคนเหล่านี้จะเข้าใจ“พ่อจ๋า ลูกว่าท่านอัครเสนาบดีเป็นเทพเจ้า!”เสียงเด็กใสแจ๋วของเด็กน้อยดังขึ้นจากท่ามกลางฝูงชน“ข้าก็คิดแบบนั้นเช่นกัน หากเขาไม่ใช่เทพเจ้าไฉนจะอ่อนโยนปานนั้น เมื่อครู่ใต้เท้าไม่เพียงขุดหลุมร่วมกับพวกเราเท่านั้น ท่าทางก็ยังคล่องแคล่วกว่าพวกเราอีกด้วย”“ถูกต้อง ทำงานได้คล่องแคล่ว เป็นกันเองกับราษฎร ใช้เวลาสองชั่วยามสั้นๆดับไฟได้อย่างปาฏิหาริย์ ใต้เท้าต้องเป็นเทพเจ้าอย่างแน่แท้”ราษฎรที่ขุดพื้นที่กักกันโดยรอบเฉินฝานเมื่อครู่พูดไปพลาง คุกเข่าไปทางเฉินฝานเมื่อคนเหล่านั้นคุกเข่าคนทั่วบริเวณก็พากันทำตามเมื่อเห็นว่าเหล่าราษฎรคุกเข่าแล้ว เหล่าพลทหารก็ทำตามท้ายที่สุด เหล่าเสนาบดีก็ทำตาม แน่นอนว่าพวกเขาส่วนใหญ่ทำเป็นพิธีเท่านั้นไม่ได้ยอมรับเฉินฝานจากใจจริง“เฮ้อ!” เฉินฝานส่ายหน้า ดูเหมือนจะล้อเล่นเลยเถิดไปไกลแล้ว “พวกเจ้ารีบลุกขึ้นเถอะ ๆ ข้าไม่ใช่เทพเจ้าอันใดหรอก เมื่อครู
“จากสถานการณ์ตอนนี้ มีเพียงข้าเท่านั้นที่ใช้ได้ อวิ๋นเต๋อ” เฉินฝานหันไปพูดกับอวิ๋นเต๋อ “ประเดี๋ยวกินเสร็จแล้ว เจ้าไปแคว้นหลู่กับข้า ถนนหนทางในแคว้นหลู่ข้าไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนัก”“ขอรับ ใต้เท้า!” เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นเต๋อตอบเร็วเช่นนี้“กินเสร็จแล้วไป?” โอวหยางน่าหลันคว้ามือเฉินฝานทันที “ข้าจะไปกับคุณชายหลาน”“ไม่ได้!”เฉินฝานปฏิเสธทันที อีกทั้งท่าทีของเขายังหนักแน่นอย่างมาก“เวลานี้แคว้นหลู่กำลังเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ องค์หญิงไม่อาจไปจากราชสำนักได้”รู้สึกคล้ายว่าตนจะทำเกินกว่าเหตุเล็กน้อย เฉินฝานจึงพูดเสริม“ก็ได้ ข้าเชื่อฟังท่านพี่ฝาน” โอวหยางน่าหลันทำปากจู๋เล็กน้อยอวิ๋นเต๋ออายุมากกว่าโอวหยางน่าหลันไม่มากเท่าใดนัก แต่เขาเห็นโอวหยางน่าหลันตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นนางทำท่าทีเหมือนหญิงสาววินาทีนี้ เขารู้ว่าตนแพ้ราบคาบเฉินฝานไม่เพียงเก่งด้านสู้รบ ยามคับขันเขาก็แก้ไขปัญหาเก่งมาก ทั้งยังเก่งว่าตนหลายเท่าเขาเอาอะไรมาเทียบกับเฉินฝานอวิ๋นเต๋อค่อยๆ ออกมาจากกระโจม นี่เป็นเหตุผลที่โอวหยางน่าหลันให้ความสำคัญกับอวิ๋นเต๋อ เขามีความสามารถโดดเด่น จงรักภักดีเป็นที่สุด ทั้
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ