“พวกเจ้าก็เฝ้าไว้ให้ดี ถามมากเพื่ออะไร?”ทันใดนั้นก็มือใหญ่ข้างหนึ่งก็ฟาดลงบนศีรษะของทหารร่างสูงและร่างเตี้ยอย่างแรงฟาดไปอีกสองที“เขาเป็นใครอีกเล่า?”ทหารทั้งสองมองอ๋องตวนที่ตามเฉินฝานเข้าไปในเมืองตงเจียว ก่อนจะทำสีหน้างุนงงวันนี้พวกเขาช่างโชคร้ายเสียจริง.....กระโจมของโอวหยางน่าหลัน“ฝานหลาง ฝานหลาง!”โอวหยางน่าหลันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นนางมองไปยังกระโจมที่ว่างเปล่าไม่มีผู้ใดสักคนที่อยู่เบื้องหน้า แล้วอดหัวเราะหยันกับตัวเองไม่ได้เมื่อครู่นางถึงกับคิดไปเองว่านางเห็นเฉินฝานตอนนั้น นางถูกควันไฟรมจนลืมตาไม่ขึ้น ลมหายใจก็รู้สึกลำบาก นางกุมหน้าอกรู้สึกทรมานมากจนแทบจะยืนไม่อยู่แล้วในตอนนั้นเอง เขาก็วิ่งตรงมาหานางจากท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง ปกป้องนางไว้ในอ้อมแขนเสียงของเขาเร่งร้อนและโกรธเกรี้ยวมาก ตำหนินางไม่หยุดเฉินฝานตำหนิว่าอะไรไปบ้างนั้น โอวหยางน่าหลันจำไม่ได้แล้วเพราะในตอนนั้น นางมองเฉินฝานแล้วยิ้มอย่างโง่งมหลังจากนั้น...นางก็พบว่าตนเองนอนอยู่ในกระโจมโอวหยางน่าหลันส่ายหน้าหัวเราะหยันตนเองอีกครั้งไม่นึกเลยว่านางก็กลายเป็นหญิงสาวที่เฝ้าคิดถึงสามีทุกวี่วันไ
ที่แท้นางไม่ได้คิดไปเอง เป็นเฉินฝาน เฉินฝานมาแล้วจริง ๆ“ท่านพี่ฝาน! ท่านพี่ฝาน!”โอวหยางน่าหลันตื่นเต้นจนวิ่งออกไปข้างนอก ผลปรากฏว่ายังเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกบรรดานางกำนัลขวางไว้ ไม่เพียงแต่นางกำนัลที่ขวางไว้ แม้แต่ทหารองครักษ์ข้างกายนางที่อยู่ด้านนอกกระโจมก็เข้ามาขวางไว้เช่นกัน“องค์หญิง ท่านอัครเสนาบดีบอกว่าท่านจะเข้าไปในเมืองไม่ได้!”“พวกเจ้ารีบหลีกไปนะ!”“ข้าเป็นองค์หญิง พวกเจ้าต้องเชื่อฟังข้า!”“พวกหม่อมฉันเชื่อฟังท่านอัครเสนาบดีเพคะ”“...”โอวหยางน่าหลันโกรธมาก แต่ในใจก็มีความรู้สึกปีติยินดีอย่างเต็มเปี่ยมนางที่เกิดในราชวงศ์แห่งแคว้นหลู่ เมื่อเกิดมาก็มีผู้คนรายล้อมมากมาย ทุกคนล้วนให้ความเคารพนาง ทุกคนปฏิบัติกับนางอย่างระมัดระวังและดียิ่ง กลัวนางจะชนหรือกระแทกแต่นางไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรักจากการปกป้องอย่างระมัดระวังเหล่านั้นเลยนางรู้ดีว่าที่คนเหล่านั้นปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดีก็เพราะฐานะของนาง เพราะเกรงกลัวนางไม่เคยมีใครกล้าพูดเสียงดังใส่นาง ไม่เคยมีใครกล้าห้ามไม่ให้นางออกไปไหนความแข็งกร้าวของเฉินฝานในตอนนี้ นางไม่เพียงไม่โกรธ ตรงกันข้ามในใจกลับรู้สึกอบอุ่น น
อัคคีภัยครั้งนี้ไร้หนทางยับยั้งแล้ว ทว่าคนเหล่านี้ยังยืนกรานที่จะดับไฟไม่ว่าโอวหยางน่าหลันจะอยู่ที่แห่งนี้หรือไม่ ฝูงชนมักจะเป็นเช่นนี้เสมอไม่ว่าเฉินฝานจะพูดเกลี้ยกล่อมอย่างไร ล้วนไม่มีผู้ใดฟังเขาและยังด่าเขาว่าหากเขากลัวตายก็ให้รีบหนีตายเหมือนคนที่ขี้ขลาดตาขาวเหล่านั้นไปเสียไฟมหึมาลุกลามขยายวงกว้างด้วยความรวดเร็วสุดขีด ทำให้โอกาสรอดชีวิตของผู้ที่เข้าไปช่วยดับไฟริบหรี่ลงไปทุกทีไม่ได้มีเพียงเหล่าทหาร เสนาบดีจำนวนมากก็เข้าไปช่วยสาเหตุที่ฝูงชนทุ่มเทสุดชีวิต ถึงขั้นยอมสละชีพก็ต้องดับไฟให้ได้ปานนั้นเป็นเพราะทุกคนในแค้วนหลู่ล้วนคิดว่าเมืองตงเจียวเป็นอาณาบริเวณที่รากฐานการครองบัลลังก์ของแคว้นหลู่สถิตอยู่บรรพบุรุษที่ก่อตั้งแคว้นหลู่ เกิดที่เมืองตงเจียว แร่เหล็กที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นหลู่ก็ถูกค้นพบที่เมืองตงเจียวเป็นที่แรกเช่นกันหากเมืองตงเจียวมอดไหม้ รากฐานของแคว้นหลู่ก็มอดไหม้เช่นกัน“ออกจากเมือง ทุกคนจงออกจากเมือง!”เฉินฝานที่ถือตราพยัคฆ์ออกคำสั่งทันที“เจ้าเป็นใครกันแน่? ไฉนจึงพร่ำกล่าวให้พวกเราออกจากเมืองอยู่ได้?”“หากขลาดกลัว ก็ออกไปเองสิ อยู่ที่นี้ไปก็เกะกะเปล่าๆ”เหล
“ท่าน ท่าน ท่านอัครเสนาบดีงั้นรึ?”ขุนนางที่เร่งเร้าให้อวิ๋นเต๋อจัดการกับเฉินฝานเมื่อครู่ ขาอ่อนยวบทั้งสองข้างทรุดตัวลงไปทันที“เจ้านามว่าอันใด? ตำแหน่งอันใด?” อ๋องตวนเตะพลางกล่าวถามขุนนางที่ทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นผู้นั้น“ข้า ข้าน้อยเป็นเลขาธิการกรมพิธีการเซี่ยซวินชางขอรับ!”“เสี่ยวฝาน” อ๋องตวนหันหน้าไปพูดกับเฉินฝาน “เลขาธิการกรมพิธีการทุกคนล้วนชอบเอะอะโวยวายหรือกระไร ควรจะจัดการดีหรือไม่?”“เอะอะโวยวายจริง ๆ” เฉินฝานกล่าวอย่างเรียบนิ่งตอนนี้เขายังไม่มีเวลามาจัดการกับเซี่ยซวินชาง ต้องให้ความสำคัญกับไฟไหม้ก่อน“อวิ๋นเต๋อ ข้าขอให้สั่งให้เจ้าอพยพคนออกจากเมืองตงเจียวทั้งหมด อย่าลืมล่ะ ต้องอพยพทุกคนที่อยู่ด้านในนั้นของเจ้าด้วย!”“ขอรับ ท่านอัครเสนาบดี!”อวิ๋นเต๋อเพิ่งจะหันกายไปเตรียมที่ออกคำสั่ง ฝูงชนกลับคุกเข่าตะโกนคัดค้านทันทีคนที่คุกเข่าขอร้องมีทั้งราษฎรเมืองตงเจียวและเสนาบดีในราชสำนัก“ท่านแม่ทัพ จะออกคำสั่งไม่ได้นะขอรับ หากพวกเราอพยพออกจะเมืองตงเจียวไปเมืองนี้ก็จะสูญสิ้นแล้ว”“หากสูญสิ้นเมืองตงเจียวแล้ว รากฐานการปกครองของแคว้นหลู่ของพวกเราก็สูญสิ้นเช่นกัน”“อัครเสนาบดี
“ทุกคนฟังคำสั่ง จงออกจากเมืองเดี๋ยวนี้!”ในที่สุดอวิ๋นเต๋อก็ยอมฟังเฉินฝาน ออกคำสั่งอพยพอย่างแข็งกร้าวถึงแม้ว่าคนจำนวนมากจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยอมอพยพตามคำสั่งตอนที่อพยพออกจากเมือง สายตาของเหล่าราษฎรและพลทหารแคว้นหลู่ที่มองเฉินฝานซับซ้อนสุดขีดทั้งเคียดแค้นและหวาดกลัวเคียดแค้นเพราะเฉินฝานทำแคว้นหลู่ต้องทำผิดต่อสรวงสวรรค์หวาดกลัวเพราะเขาบอกว่าไฟจะลุกโชนมากกว่าเดิม ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ บอกว่าโรงเตี๊ยมจะพังถล่มก็พังลงมาจริงๆ เขาไม่ต่างอันกับปีศาจที่จำแลงกายมาหลังจากที่ออกจากเมืองไปแล้ว เฉินฝานก็ออกคำสั่งที่สองทันที!“ทุกคน อย่ากลับไปที่ค่ายทหาร ต้องล่าถอยไปอีกสิบลี้ นี่คือคำสั่ง!”“อะไรกัน? แม้กระทั่งค่ายทหารยังกลับไม่ได้ และยังต้องล่าถอยไปอีกงั้นรึ?”“ความหมายของใต้เท้าคือเพราะไฟโหมลุกลามปานนี้แล้ว พวกเราต้องละทิ้งเมืองตงเจียวจริงๆแล้วงั้นรึ?”เมื่อได้ยินคำสั่งที่สองของเฉินฝาน เหล่าเสนาบดีก็รุดหน้าออกมาโต้แย้ง ไม่รู้เป็นเพราะอยู่ในสภาวะปลอดภัยชั่วคราวหรือไม่ การโต้แย้งครั้งนี้ของเหล่าเสนาบดีดุดันเป็นพิเศษ“ใต้เท้า ท่านจะออกคำสั่งส่งเดช เพียงเพราะท่านไม่ใช่คนแคว้นหลู่อย่างพวกเ
“เจ็บนะเจ้าคะ!” โอวหยางน่าหลันหน้านิ่วคิ้วขมวด“ข้าสั่งห้ามไว้แล้วมิใช่รึ? ใครอนุญาตให้เจ้าออกมา?” เฉินฝานแสร้งทำเป็นโกรธ“ท่านพี่ฝาน ท่านออกคำสั่งให้ล่าถอยไปอีกสิบลี้มิใช่หรือ? ข้าก็ต้องออกอยู่แล้วสิ!”“......ได้ ในเมื่อเจ้าออกมาแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็รีบออกคำสั่งเถอะ!”“ได้เจ้าค่ะ!”“จ๊วบ!”ก่อนที่จะลงจากอ้อมกอดเฉินฝานไปโอวหยางน่าหลันก็จูบเฉินฝานไปหนึ่งที“บัดสีบัดเถลิง ๆ!”การกระทำของโอวหยางน่าหลัน ทำให้ฝูงชนแตกตื่นโดยเฉพาะเหล่าคนที่อายุเยอะ ข่มอารมณ์จนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเฉินฝานลอบส่ายหน้าทั้ง ๆที่โอวหยางน่าหลันผู้นี้เป็นคนยุคโบราณแท้ ๆ กลับมีความคิดเปิดกว้างคล้ายคลึงกับคนยุคปัจจุบันอย่างมากดังนั้น ช่วงก่อนเฉินฝานลอบทดสอบโอวหยางน่าหลัน จงใจใช้ภาษาอังกฤษทักทายโอวหยางน่าหลัน ตอนที่นางรบเร้าให้เขาสอน ‘คาถา’ที่น่าสนุกให้ เฉินฝานจึงมั่นใจว่านางเป็นคนยุคโบราณอย่างแท้จริงเมื่อลงจากอ้อมอกเฉินฝานมาเผชิญกับเหล่าเสนาบดีและราษฎรที่ก้มคำนับ โอวหยางน่าหลันมิมีท่าทีออดอ้อนเหมือนกับตอนที่อยู่ต่อหน้าเฉินฝานแล้วสีหน้าของนางจริงจังแววตาเคร่งขรึม“หากข้าได้ยินใครพูดจาส่งเดชอีก มิว่าจะ
“ท่านพี่ฝาน พวกเราควรจะ...”“ล่าถอยต่อไป!” เฉินฝานกล่าวอย่างหนักแน่นเด็ดขาดโอวหยางน่าหลันชำเลืองมองเฉินฝานเล็กน้อย หลังจากนั้นหันหน้าไปออกคำสั่งกับอวิ๋นเต๋อทันที “ให้เหล่าทหารหามเหล่าคนแก่พวกนี้ล่าถอยไปพร้อมกับท่านอัครเสนาบดี หากท่านอัครเสนาบดีไม่สั่งให้หยุด พวกเจ้าจงล่าถอยต่อไปเรื่อย ๆ”คนจำนวนมากไม่พอใจกับการตัดสินใจของโอวหยางน่าหลัน ทว่าทำได้เพียงหน้าชื่นอกตรม“ข้าไม่ไป ต่อให้ทุบตีข้าจนตายก็ไม่ไป!”“ข้าก็ไม่ไปเช่นกัน!”คนแก่เริ่มต่อต้าน ผลักเหล่าพลทหารที่จะแบกตนเองออกตลอด เมื่อเห็นว่าตนเองสู้แรงเหล่าทหารไม่ได้จึงเอาหัวโขกกับขอนไม้หรือก้อนหินทันทีเพียงในพริบตาเดียว มีคนแก่จำนวนมากที่หัวแตกเลือดไหลอาบ บางคนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต“ท่านพ่อ!”“ท่านปู่!”บรรดาญาติๆของคนแก่เหล่านั้นล้วนพากันกรีดร้องด้วยความโศกเศร้า พวกเขามองเฉินฝานด้วยสายตาเคียดแค้น ถึงขั้นมีบางคนที่อารมณ์มุทะลุกระโจนตัวใส่เฉินฝานโอวหยางน่าหลันใช้อำนาจเด็ดขาดในการปกครองแคว้น สถานการณ์เช่นนี้นางเจอมานับไม่ถ้วนแล้ว ตอนที่ออกคำสั่งให้เหล่าทหารไปแบกคนแก่ในขณะเดียวกันก็สั่งให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ไปปกป้องเฉินฝาน
ถึงอย่างไรไฟก็ลุกลามมาถึงที่แห่งนี้อยู่ดีถึงแม้ว่าแร่เหล็กจะไม่ได้ผลกระทบมากนัก ทว่าคนที่อยู่ในยุคศักดินาเหล่านี้มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า หากถูกเผาไปแล้ว ความโชคดีก็จะหายไปด้วยฝูงชนเดินมาถึงไหล่เขาแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงยอดเขาแล้ว อีกด้านหนึ่งของยอดเขาคือเขตเหมืองแร่โอวหยางน่าหลันสัมผัสถึงอารมณ์เดือดดาลทั่วบริเวณที่เริ่มปะทุอีกครั้งได้อย่างชัดเจนผู้คนยังคงเดือดดาลที่เฉินฝานให้พวกเขาล่าถอย“ท่านพี่ฝาน อีกประเดี๋ยวเมื่อถึงยอดเขาแล้ว ท่านขยับมาอยู่ใกล้ข้าหน่อยนะ”เฉินฝานอมยิ้มเล็กน้อย “ได้เลย!”เขารู้ว่าโอวหยางน่าหลันกังวลความปลอดภัยของเขา“แต่...”เฉินฝานยื่นมือไปโอบกอดโอวหยางน่าหลันอย่างนุ่มนวล กระซิบปลอบประโลมด้วยเสียงอ่อนโยนข้างหูนาง “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก วางใจเถอะ ตอนนี้แคว้นหลู่ก็เป็นบ้านของข้าเช่นกัน ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้บ้านของพวกเราล่มสลาย และจะไม่ปล่อยให้เจ้าตกเป็นเหยื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงอีกแล้ว”“ไฟไหม้ครั้งใหญ่ของแคว้นหลู่ครั้งนี้ ข้าสามารถดับได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปากท้อง อำนาจหรือเรื่องใดๆก็ตามของแคว้นหลู่ ย่อมไม่เสื่อมโทรมลงเพียงไฟไหม้ใหญ่ครั้งนี้
“ท่านพี่ฝาน ท่านหมายความว่า...” โอวหยางน่าหลันเงยหน้าขึ้น “ชาวต้าชิ่งช่วยเขาคิดแผนการนี้หรือ?”“มีความเป็นไปได้สูง” แววตาของเฉินฝานเย็นยะเยือก “พุ่งเป้ามาที่ข้าได้ แต่เอาสตรีของข้าเข้ามาข้องเกี่ยว เอาชาวแคว้นหลู่มาข้องเกี่ยว เช่นนั้นไม่ได้”“ท่านพี่ฝาน ฟังจากที่ท่านพูดหมายความว่า...” แววตาของโอวหยางน่าหลันแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหดเช่นเดียวกัน “ไฟป่าแคว้นหลู่ในครั้งนี้ มีคนตั้งใจทำให้เกิดขึ้น”เฉินฝานพยักหน้าตลอดสี่เดือนที่ผ่านมานี้ เขาวิ่งวุ่นไปทั่วทุกเมืองของแคว้นหลู่ ไฟป่าทั้งรุนแรงและไม่รุนแรง เขาดับมามากมายกว่าพันแห่ง เขามั่นใจว่า ไฟป่าแคว้นหลู่ในครั้งนี้ เป็นฝีมือมนุษย์“ข้าจะมีราชโองการ ให้กรมยุติธรรมไปสืบเดี๋ยวนี้!”โอวหยางน่าหลันกำลังจะเอ่ยปาก ให้นางกำนัลคนสนิทนำม้วนหนังสือราชโองการ พู่กันและหมึกมา ก็ถูกเฉินฝานปราม“ต้องรีบสืบหาความจริง แต่ไม่อาจสืบหาเช่นนี้ ต้องดำเนินการอย่างลับๆ ท่านมีรับสั่งลับ ให้คนของอวิ๋นเต๋อไปสืบด้วยตนเอง”“ได้ ท่านพี่ฝาน ข้าฟังท่าน”ตอนโอวหยางน่าหลันมีรับสั่งลับ นางถามเฉินฝานอีกครั้ง “ท่านพี่ฝาน ท่านว่า เสิ่นหมิงหยวนจากแคว้นต้าชิ่งอยู่เบื้องหลัง
หลังจากฟังคำอธิบายของเฉินฝานจบ โอวหยางน่าหลันโมโหจนตบโต๊ะ “เหมียวเหลียงจื้อ ช่างร้ายกาจเสียจริง ข้าจะประหารเจ้า”“อย่าโมโหขนาดนั้น เด็กในครรภ์ของท่านจะไม่สบายเอาได้” เฉินฝานรีบปลอบโอวหยางน่าหลัน“คุณชายฝาน ท่านพูดถูก ข้าไม่อาจทำร้ายลูกของเราเพราะคนร้ายกาจเช่นนั้น”โอวหยางน่าหลันจับท้องของตนเองเบาๆ พยายามให้ตนเองสงบลง“เฮ้อ ไม่สิ” โอวหยางน่าหลันที่จับท้องตนเองเบาๆ อยู่นั้น หยุดชะงักกะทันหัน “เหมียวเหลียงจื้อเป็นบุตรชายของเหมียวปิง แม้จะมีความสามารถ ทว่าไม่อาจเทียบชั้นเหมียวปิง แผนการชั่วร้ายอำมหิตเช่นนี้ เขาจะมีปัญญาคิดได้หรือ”“ยิ่งไปกว่านั้น เหมียวปิงสนับสนุนให้ท่านเป็นอัครเสนาบดี เมื่อครั้นตอนที่เขาถูกระเบิดของทหารหญิง เคยบอกข้า”“หากแคว้นหลู่อยากรอดจากวิกฤต ดำรงอยู่ในใต้หล้านี้ต่อไป มีเพียงวิธีเดียว ซึ่งก็คือให้ข้าแต่งงานกับท่าน ให้ท่านเป็นอัครเสนาบดีของแคว้นหลู่”“อ่อ ที่แท้การที่ท่านแต่งงานกับข้า ไม่ใช่เพราะชมชอบข้า แต่เพื่อใช้ประโยชน์จากข้า” เฉินฝานแกล้งทำเป็นโมโห“คุณชายฝาน ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าเพียงอยากบอกว่า ตั้งแต่เล็กจนโตเหมียวเหลียงจื้อเชื่อฟังเหมียวปิงมาโดย
หลังจากอ่านจดหมาย เฉินฝานรีบคัดค้านทันที ตอบกลับจดหมายในทันควัน นักส่งสารที่มาส่งจดหมายรีบขี่ม้าเร็วนำจดหมายตอบกลับของเฉินฝานส่งถึงมือโอวหยางน่าหลันประชุมราชสำนักเช้าวันที่สอง ตอนโอวหยางน่าหลันอ่านจดหมายตอบกลับของเฉินฝาน ทั่วท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบ“เหตุใดท่านอัครเสนาบดีจึงไม่เห็นด้วย หลังไฟป่าเผาทำลายทำให้ชาวบ้านไม่มีฟืนขาย ช่างเหล็กก็ไม่อาจผลิตเครื่องมือเหล็กได้เพราะไม่มีฟืนสำหรับเผา พวกเขาตกที่นั่งลำบาก หากราชสำนักไม่ช่วยพวกเขา แล้วพวกเขาจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างไร?”ขุนนางในราชสำนักแสดงความไม่เข้าใจและเคืองขุ่น ถึงขั้นมีคนรู้สึกว่าเฉินฝานตั้งใจเฉินฝานไม่อยากให้แคว้นหลู่ดีกว่าต้าชิ่ง เขาไม่เห็นแคว้นหลู่เป็นแคว้นของตนเองโอวหยางน่าหลันฟังแล้วหงุดหงิดยิ่งนักนางเชื่ออย่างหนักแน่นว่าเฉินฝานไม่มีทางไม่อยากเห็นแคว้นหลู่ดี แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายการกระทำนี้ของเฉินฝานอย่างไร เพราะนางเองก็ไม่เข้าใจ“จบประชุมราชสำนัก!”โอวหยางน่าหลันจบการประชุมราชสำนักเย็นวันเดียวกัน เฉินฝานเร่งเดินทางกลับถึงเมืองหลวงแคว้นหลู่“ท่านพี่ฝาน!”เฉินฝานเพิ่งไปถึงหน้าตำหนักองค์หญิง โอวหยางน่าหลันก็พยุ
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?” โอวหยางน่าหลันขมวดคิ้วเป็นปมแคว้นหลู่มากไปด้วยภูเขาทว่าพื้นดินน้อย รายได้หลักมาจากการขายเครื่องมือเหล็กและฟืน อุตสาหกรรมอื่นๆ นั้น ล้วนอาศัยสองอุตสาหกรรมนี้ในการดำรงชีวิตไฟป่า เผาทำลายพื้นที่ป่ากว่าเจ็ดในสิบส่วนของแคว้นหลู่ชาวบ้านไม่มีต้นไม้ เช่นนั้นก็ไม่มีรายได้ช่างเหล็กไม่มีฟืน เช่นนั้นก็ไม่อาจทำเครื่องมือเหล็กได้ และไม่มีรายได้ช่างเหล็กและชาวบ้านที่ครอบครองผืนป่าไม่พอใจ เช่นนั้นก็เท่ากับชาวแคว้นหลู่ไม่พอใจเฉินฝาน“องค์หญิง ราษฎรคือแหล่งน้ำของแคว้น น้ำทำให้เรือแล่นและทำให้เรือจมได้เช่นเดียวกัน องค์หญิง ต้องคลายโทสะของชาวบ้านให้ได้พ่ะย่ะค่ะ” เหมียวเหลียงจื้อพูดด้วยสีหน้าลำบากใจโอวหยางน่าหลันมองเหมียวเหลียงจื้อด้วยแววตาเย็นชา “คลายโทสะของราษฎรที่เจ้าพูดถึง คืออยากให้ข้าถอดยศอัครเสนาบดีของเฉินฝาน แล้วให้เจ้าขึ้นเป็นอัครเสนาบดีแทนใช่หรือไม่?”“องค์หญิง!” เหมียวเหลียงจื้อรีบคุกเข่าทันที “กระหม่อมไม่กล้าคิดเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมตระหนักรู้ดีว่าตนไม่มีความสามารถเทียบใต้เท้าเฉินได้!”โอวหยางน่าหลันถลึงตามองเหมียวเหลียงจื้อ “ข้าว่าเจ้าก็คงไม่กล้า”เม
“ท่านคงไม่ได้...” เฉินฝานลุกขึ้นแล้วนั่งลงข้างโอวหยางน่าหลัน มองท้องน้อยที่นูนขึ้นมา แววตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นระมัดระวัง “ตั้งครรภ์หรือ?”“เจ้าค่ะ”พวงแก้มของโอวหยางน่าหลันแดงระเรื่อเล็กน้อย ดวงตางดงามเปี่ยมไปด้วยความรักของแม่ นางคว้ามือเฉินฝานขึ้นมาอีกครั้ง วางลงบนท้องน้อย “สามเดือนกว่าแล้วเจ้าค่ะ”เมื่อสามเดือนก่อน เฉินฝานจะไปเมืองเฟิ่งหวง โอวหยางน่าหลันเดินทางไกล ไปถึงเมืองหลวงต้าชิ่ง อยากตามเฉินฝานไปเมืองเฟิ่งหวงเฉินฝานไม่ให้นางไป ก่อนออกเดินทาง เพื่อปลอบโยนโอวหยางน่าหลันที่เดินทางมาไกล พวกเขาบรรเลงเพลงรักสุดเร่าร้อนบนรถม้านานหนึ่งชั่วยามกว่าเด็กน้อยในครรภ์ของโอวหยางน่าหลัน น่าจะมาจากตอนนั้นเฉินฝานก้มหน้าลงประทับจุมพิตลงบนท้องน้อยที่นูนขึ้นมาของโอวหยางน่าหลัน“เจ้าตั้งครรภ์แล้ว เราไม่อาจทำอะไรพร่ำเพรื่อได้”ขณะพูด เฉินฝานสวมเสื้อผ้าให้โอวหยางน่าหลัน ทว่าคิดไม่ถึง โอวหยางน่าหลันคว้ามือของเขา นางจับมือเฉินฝาน เลื่อนสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายวางมือเขาไว้ที่ยอดประทุม“?”เฉินฝานมองโอวหยางน่าหลันด้วยความฉงนเพราะตั้งครรภ์ยอดประทุมทั้งสองของนาง จึงอวบอิ่มกว่าเดิม เต่งตึงกว่าเ
“จากสถานการณ์ตอนนี้ มีเพียงข้าเท่านั้นที่ใช้ได้ อวิ๋นเต๋อ” เฉินฝานหันไปพูดกับอวิ๋นเต๋อ “ประเดี๋ยวกินเสร็จแล้ว เจ้าไปแคว้นหลู่กับข้า ถนนหนทางในแคว้นหลู่ข้าไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนัก”“ขอรับ ใต้เท้า!” เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นเต๋อตอบเร็วเช่นนี้“กินเสร็จแล้วไป?” โอวหยางน่าหลันคว้ามือเฉินฝานทันที “ข้าจะไปกับคุณชายหลาน”“ไม่ได้!”เฉินฝานปฏิเสธทันที อีกทั้งท่าทีของเขายังหนักแน่นอย่างมาก“เวลานี้แคว้นหลู่กำลังเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ องค์หญิงไม่อาจไปจากราชสำนักได้”รู้สึกคล้ายว่าตนจะทำเกินกว่าเหตุเล็กน้อย เฉินฝานจึงพูดเสริม“ก็ได้ ข้าเชื่อฟังท่านพี่ฝาน” โอวหยางน่าหลันทำปากจู๋เล็กน้อยอวิ๋นเต๋ออายุมากกว่าโอวหยางน่าหลันไม่มากเท่าใดนัก แต่เขาเห็นโอวหยางน่าหลันตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นนางทำท่าทีเหมือนหญิงสาววินาทีนี้ เขารู้ว่าตนแพ้ราบคาบเฉินฝานไม่เพียงเก่งด้านสู้รบ ยามคับขันเขาก็แก้ไขปัญหาเก่งมาก ทั้งยังเก่งว่าตนหลายเท่าเขาเอาอะไรมาเทียบกับเฉินฝานอวิ๋นเต๋อค่อยๆ ออกมาจากกระโจม นี่เป็นเหตุผลที่โอวหยางน่าหลันให้ความสำคัญกับอวิ๋นเต๋อ เขามีความสามารถโดดเด่น จงรักภักดีเป็นที่สุด ทั้
เนื่องจากบริเวณโดยรอบของสองกองไฟไม่มีวัตถุที่เผาไหม้ได้แล้ว ออกซิเจนในการเผาไหม้ก็ไม่มีแล้วเช่นกัน ไฟจึงมอดดับลงไปวิธีการใช้ไฟดับไฟ เฉินฝานไม่อยากจะอธิบายเท่าใดนัก เพราะเมื่ออธิบายไปแล้ว ก็ไม่แน่ว่าคนเหล่านี้จะเข้าใจ“พ่อจ๋า ลูกว่าท่านอัครเสนาบดีเป็นเทพเจ้า!”เสียงเด็กใสแจ๋วของเด็กน้อยดังขึ้นจากท่ามกลางฝูงชน“ข้าก็คิดแบบนั้นเช่นกัน หากเขาไม่ใช่เทพเจ้าไฉนจะอ่อนโยนปานนั้น เมื่อครู่ใต้เท้าไม่เพียงขุดหลุมร่วมกับพวกเราเท่านั้น ท่าทางก็ยังคล่องแคล่วกว่าพวกเราอีกด้วย”“ถูกต้อง ทำงานได้คล่องแคล่ว เป็นกันเองกับราษฎร ใช้เวลาสองชั่วยามสั้นๆดับไฟได้อย่างปาฏิหาริย์ ใต้เท้าต้องเป็นเทพเจ้าอย่างแน่แท้”ราษฎรที่ขุดพื้นที่กักกันโดยรอบเฉินฝานเมื่อครู่พูดไปพลาง คุกเข่าไปทางเฉินฝานเมื่อคนเหล่านั้นคุกเข่าคนทั่วบริเวณก็พากันทำตามเมื่อเห็นว่าเหล่าราษฎรคุกเข่าแล้ว เหล่าพลทหารก็ทำตามท้ายที่สุด เหล่าเสนาบดีก็ทำตาม แน่นอนว่าพวกเขาส่วนใหญ่ทำเป็นพิธีเท่านั้นไม่ได้ยอมรับเฉินฝานจากใจจริง“เฮ้อ!” เฉินฝานส่ายหน้า ดูเหมือนจะล้อเล่นเลยเถิดไปไกลแล้ว “พวกเจ้ารีบลุกขึ้นเถอะ ๆ ข้าไม่ใช่เทพเจ้าอันใดหรอก เมื่อครู
“แม่ทัพใหญ่อวิ๋นเต๋อ เจ้ายอมรับสงครามที่เมืองลู่ตูครั้งนั้นหรือไม่?” เฉินฝานกล่าวถามอวิ๋นเต๋อทำมือเคารพให้เฉินฝาน “ท่านอัครเสนาบดีไม่เพียงแต่สร้างระเบิดมือที่มีอานุภาพน่ากลัว และยังมียุทธวิถีที่หลักแหลมแม่นยำ ข้าน้อยเคารพนับถือ เพียงแต่ว่า...”อวิ๋นเต๋อมองเฉินฝานอย่างเย็นชา “ในตอนนี้เรื่องที่ใต้เท้าขอให้ทำคงจะไม่เหมาะสมเท่าใดนัก หากใต้เท้าอยากฟังคำชมของข้าน้อย เช่นนั้นรอให้ทะเลเพลิงมอดดับเสียก่อน ข้าน้อยจะไปหาท่านกล่าวชมท่านทุกคืนวันก็ย่อมได้”อวิ๋นเต๋อลอบประชดประชัน เฉินฝานกลับไม่ได้ใส่ใจ ทำเพียงยิ้มจาง ๆ“ได้ เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะรอแม่ทัพใหญ่ที่จวนพำนัก สำหรับเรื่องที่เจ้าบอกว่าเรื่องที่ข้าขอให้ทำไม่เหมาะสม ข้าอยากจะบอกเจ้าว่าไม่ได้มีเพียงการสู้รบที่ข้าเหนือชั้นกว่าเจ้าเท่านั้นการดับไฟก็เหนือชั้นกว่าเช่นกัน!”ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือ โจมตีด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง กลัวคนโบราณเหล่านี้จะไม่เข้าใจ เฉินฝานจึงไม่เลือกใช้คำนี้เฉินฝานไม่ได้คุยโวโอ้อวด ในยุคปัจจุบัน เขาเคยพากองกำลังขึ้นเขาไปดับไฟสำเร็จได้อย่างงดงามหัวหน้าให้เขาดับไฟให้ได้ภายในเจ็ดวัน ไม่ถึงสามวันเขาก็สามารถดับไฟได้แล้ว สิ่
โอวหยางน่าหลันค่อย ๆ เยื้องย่างมาด้านข้างเฉินฝานดวงตาคู่งามนั้นแพร่รังสีเย็นยะเยือกนางมาเดินมาออกช่วยเหลือเฉินฝานเป็นไปตามคาดเสียงที่กรนด่าเฉินฝานทั่วบริเวณเงียบสนิท ผู้คนทำได้เพียงหน้าชื่นอกตรม“ขอบใจมากเมียข้า!”เฉินฝานยกยิ้มมุมปากความรู้สึกที่ถูกปกป้องและทะนุถนอมจากภรรยาช่างดีเสียนี่กระไรโอวหยางน่าหลันไม่เข้าใจว่าเมียคือสิ่งใด ทว่าเฉินฝานยิ้มแล้ว เช่นนั้นก็ต้องเป็นคำชมแน่นอน เฉินฝานมีความสุขนางก็มีความสุขไปด้วยเฉินฝานไม่ได้พูดอันใด คนทั่วบริเวณล้วนเงียบเพราะหวาดกลัวโอวหยางน่าหลัน ทั้ง ๆ ที่บนยอดเขามีคนนับแสนกลับเงียบเป็นเป่าสาก ได้ยินเพียงเสียงลมและเสียงไฟเผาไหม้ที่ลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆ ดังเซ็งแซ่มาจากที่ไกล ๆเฉินฝานกุมมือโอวหยางน่าหลันไว้ หันกลับไปมองทะเลเพลิงที่อยู่ไม่ไกลทะเลเพลิงไม่มีท่าทีจะอ่อนกำลังลงแม้แต่น้อย มีแต่ทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมทะเลเพลิงค่อยคืบคลานเข้ามา บนยอดเขาที่เงียบเป็นเป่าสาก บรรยากาศอึดอัดฟุ้งกระจายไปทุกหนแห่ง คนส่วนมากจวนจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้วทันใดนั้น!“เปลี่ยนแล้ว ๆ!”เฉินฝานชูมือหนึ่งข้างขึ้นสูงพลางตะโกนลั่นด้วยความดีใจสายต