ตอนที่ 26 ความหวังดีจากใจจริงๆ นะรุ่งอรุณยามเช้าต้นฤดูหนาวอากาศเริ่มเย็นเยือก กระนั้นตงหยางกับฉีซาก็ยังคงตื่นแต่เช้าไปโรงหมอเช่นเคย ขณะที่พวกเขาเดินผ่านศาลาดอกเหมย ที่ตอนนี้ดอกเหมยฮว่าเริ่มเบ่งบานไม่หวาดหวั่นต่อความเหน็บหนาว เสียงกังหันในบึงหมุนรับสายลมเย็นเยือก ตงหยางยืนเหม่อมองกังหันตัวนั้นในยุคโบราณเช่นนี้ ก็มีกังหันบำบัดน้ำเสียแล้ว?ตงหยางเห็นอีกฝ่ายหยุดเดินก็หันมาเรียก“พี่ฉี หนาวจะแย่แล้วรีบไปกันเถอะขอรับ” ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเก็บนำมาคิด ฉีซารีบเร่งฝีเท้าตามตงหยางขึ้นรถม้าไป เมื่อขึ้นรถม้านั่งเรียบร้อย ตงหยางถูมือไปมาแล้วพูดขึ้น“พี่ฉี วันนี้ข้าจะกลับไปเยี่ยมอี้เหนียงท่านจะไปด้วยหรือไม่”ฉีซาเคยรับปากอีกฝ่ายเอาไว้ จึงพยักหน้าตอบรับ“ท่านดูนี้ ตอนนี้ข้ามีเงินอยู่ 7 ตำลึงแล้ว คงพอจะซื้อปิ่นปักผมกับผ้านวมให้อี้เหนียงได้” วันก่อนที่นายหญิงเวยได้รับราชโองการจึงตกรางวัลให้กับทุกคนในคฤหาสน์ฉีซาก็ได้รับเช่นกัน จึงพูดขึ้น“ข้าเองก็จะซื้อให้มารดากับน้องสาวเช่นกัน วันนี้ข้าจะไปซื้อพร้อมเจ้าด้วย” เมื่อรถม้ามาถึงโรงหมอเวยทั้งสองก็รีบเข้าไปทานอาหารเช้าแล้วทำหน้าที่ของต
ตอนที่ 27 แสร้งเยินยอ เมื่อคนไปแล้วตงฉงก็หันมาพูดจาหว่านล้อม อี้เหนียงห้า“อนุที่รัก ไม่ใช่ว่าข้าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เจ้าคิดดูหากเราสามารถกล่อมให้นายหญิงเวยรับหยางเอ๋อร์เป็นบุตรธรรมเจ้าเองก็ย่อมพลอยมีหน้ามีตาไปด้วย” ในขณะที่ผู้เป็นสามีพูด อี้เหนียงห้ากลับก้มหน้าไม่พูดไม่จา นางกำลังอดกลั้นไม่อยากจะเสวนาพูดจาให้มากความ บุรุษผู้นี้สมองเต็มไปด้วยสมองหมูคิดได้อย่างไรว่านายหญิงเวยจะยอมจุนเจือครอบครัวผู้อื่น ตงฉงเห็นว่าอี้เหนียงห้าไม่โต้ตอบในใจก็เต็มไปด้วยความโมโห ด่ากราดอีกฝ่ายในใจ สตรีงี่เง่า ทว่าตอนนี้ไม่อาจจะพูดรุนแรงได้ จึงเค้นประโยคประนีประนอมออกมา“หากเจ้าไม่ยินยอม ข้าก็ไม่คาดคั้น ที่ผ่านมาเป็นข้าเองที่ผิดต่อเจ้ากับลูก ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว แต่ละคืนข้าไม่อาจจะข่มตานอนหลับได้ง่าย หยางเอ๋อร์ที่อยู่ในฐานะเช่นนั้นจะเดินทางไปเส้นใดต่อ...ข้าคิดหาหนทางอยากทำคุณไถ่โทษ คำพูดเมื่อสักครู่ข้าก็เพียงคิดเผื่อครอบครัวหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” เมื่อพูดเสร็จ ตงฉงก็หันกายออกไปไม่ใช่เพราะสำนึกผิดจริง ทว่าเขาไม่อาจจะเสแสร้งต่อไปได้อีกต่างหาก มัวมามารีบเดินเข้ามาเอามือแตะที่เข่าอี้เ
ตอนที่ 28 โปรดรอสักครู่ งานเลี้ยงชมบุปผา ณ จวนหวังกั๋วกง กลิ่นอายฤดูหนาวเริ่มปกคลุมเข้ามา อากาศเย็นผสมกับกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้ ไม่ได้ทำให้เมิ่งซูซูรู้สึกสดชื่นแม้แต่น้อย นางได้เพียงกลิ่นของใบไม้แห้งคละฟุ้งอย่างไร้ชีวิตชีวา “ทำสีหน้าให้ดีหน่อย” เสียงมารดาเลี้ยงเค้นเอ่ยกระซิบข้างหู ทำให้นางทำให้พลันได้สติ ตอนนี้จะให้อีกฝ่ายรู้ความในใจไม่ได้ แม้ที่ผ่านมานางอยากจะปลิดชีพตนเองก็ไม่สามารถทำได้เพราะมีบ่าวไพร่ควบคุมอยู่ตลอดเวลา “เด็กคนนี้พอเติบโตขึ้นงดงามไม่น้อย เจ้าเข้ามาใกล้ ๆ ซิ” หวังฮูหยินเอ่ยพูดขึ้น ทำให้เมิ่งซูซูต้องปฏิบัติตาม นางปรายสายตาดูหวังฮูหยินผู้นี้ แม้จะมีอายุเพียงถึงสามสิบปลายๆ ทว่าใบหน้าคงอ่อนเยาว์ผิวพรรณยังคงเปล่งปลั่ง ดวงตาสะท้อนความอ่อนโยน ทว่ามันกลับทำให้นางรู้สึกครั่นคร้ามอีกฝ่ายขึ้นมา สตรีคนนี้เหตุใดต้องหาภรรยารองให้สามีตนเอง ไม่ได้มีเพียงแค่เมิ่งซูซูเท่านั้นที่หวังฮูหยินพินิจพิจารณา วันนี้เหล่า ฮูหยินที่มีบุตรสาวก็ล้วนแต่พามาให้นางดูตัวทั้งนั้น ด้วยฐานะของหวังกั๋วกงใครเล่าจะไม่อยากพึงบารมี บิดาของเมิ่งซูซูก็คือหนึ่งในนั้นเช่นกันเสี
ตอนที่ 29 ความสัมพันธ์ซับซ้อนสิ่งที่ควรพูดก็ควรต้องพูดเมิ่งฮูหยินกล่าวขอบคุณฉีซาด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง หวังฮูหยินกล่าวยกย่องฉีซาเป็นดั่งเทวดาเทพเซียนเมื่อกระแสทิศทางเป็นเช่นนั้น ทุกคนก็ต่างพูดยกย่อสรรเสริญกันคนละประโยคสองประโยค แม้บรรยากาศจะแช่มชื่นขึ้นกระนั้นสถานการณ์งานเลี้ยงไม่อาจจะจัดต่อ หวังฮูหยินจัดการให้เมิ่งซูซูพักในจวนเสียก่อน เฉียวเวยเวยขอตัวกลับ เมื่อขึ้นรถม้าสีหน้าที่ประครองเอาไว้ก็พลันหลุดออก สีหน้าและแววตาของเฉียวเวยเวย สลับซับซ้อนมากกว่าปกตินางพูดเพียงประโยคเดียว “ฉีซา ข้ามีเรื่องส่วนตัวจะคุยกับเจ้า”น้ำเสียงของหญิงสาวจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฉีซาคาดเดาว่านางอาจจะรู้สึกหึงหวงหรือเสียหน้าที่ตนเองไปแตะต้องเนื้อตัวสตรีคนอื่น ทว่าเขาเป็นหมอเรื่องเช่นนี้ไม่อาจจะหลีกเลี่ยง และอีกอย่างด้วยนิสัยใจคอช่างเปิดเผยชัดเจนของนายหญิง นางต้องบอกกล่าวมิใช่เก็บไว้ เด็กหนุ่มพลันรู้สึกคับข้องใจอยากจะเอ่ยถาม ณ ตรงนั้น ให้ได้ ตงหยางแอบลอบมองทั้งฉีซาและนายหญิงพลางไม่เข้าใจเหตุการณ์ จำได้ว่าตัวเขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์แต่เหมือนจะไม่เข้าใจอะไรเลย บนรถม้าไม่มีเสียงพูด
ตอนที่ 30 เปลี่ยนสถานะ ตงหยางปัดความรู้สึกค้างคาใจออก ตั้งใจจะไปตรวจรับสมุนไพรใหม่ ๆ ที่โรงหมอทว่าเมื่อลงจากรถม้าสายตาก็เหลือบมองไปยังหอเวยไฉ เขาจึงหันปลายเท้าปรับเปลี่ยนทิศทาง เด็กหนุ่มยังไม่ทันก้าวเท้าเข้ามาในร้านเสี่ยวเอ๋อก็รีบออกมาต้อนรับทันที “คุณชายท่านมาหาท่านจางผิงหรือขอรับ” ตงหยางพยักหน้า เสี่ยวเอ๋ออีกคนก็เข้ามาสอบถาม “คุณชายท่านจะรับเครื่องดื่มของว่างอะไรดีขอรับ ข้าจะจัดเตรียมให้” ตงหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดคำอาจหาญออกไป “เอาที่ขายดีที่สุดในร้านมาล่ะกัน” “ได้เลยขอรับ ข้าจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยขอรับ” “คุณชายขอรับ ท่านจางผิงเชิญท่านเข้าไปในห้องรับรองขอรับ” เสี่ยวเอ๋อในร้านต่างกระตือรือร้นที่จะเอาใจตงหยาง เพราะนอกจากเด็กหนุ่มจะเป็นคุณชายของนายหญิง ตงหยางยังเป็นนายที่ใส่บ่าวไพร่ยิ่ง แม้กระทั่งคนในครอบครัวเจ็บไข้ ตงหยางก็ช่วยจัดยาให้พวกเขาอย่างใส่ใจทำให้พวกเขาล้วนซาบซึ้ง จางผิงเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเอ่ยทักทายตงหยาง “ตงหยางเจ้ามาพอดี ข้ากำลังคิด
ตอนที่ 31 ท่านพ่อ ท่านแม่แม้จะอยู่ที่นี่มาเกือบจะครบปีแต่เฉียวเวยเวยก็ยังไม่ชินกับพิธีรีตองของคนในยุคโบราณเท่าไรนัก แต่กระนั้นนางก็พยายามปรับตัวตอนนี้อยู่ในวัยสดใส ทำสิ่งใดล้วนน่าเอ็นดู หากเมื่อวันเวลาล่วงเลยยังคงเป็นเช่นนี้อาจจะเป็นหญิงชราหยาบกระด้างเป็นได้ แม่นมฝูนางก็ส่งกลับตระกูลไปเยี่ยมบุตรหลานเพราะกลัวว่าคนแก่จะรับพฤติกรรมนางไม่ไหวตอนนี้ในจวนไม่มีสตรีอาวุโสสักคนพิธีการที่จัดจะไม่ขายหน้าผู้คนหลอกหรือ ขายหน้าก็ใช่ว่าจะสำคัญแต่ทำให้สะใภ้ใหม่คับข้องใจมันทำให้รู้สึกไม่ดีเท่าไรนัก ขณะที่กำลังกลุ้มใจอยู่นั้น ชิงชิงก็เข้ามารายงานว่ามีคนมาจากวัง “รีบไปเชิญพวกเขาเข้ามา” พูดเสร็จนางก็รีบออกไปต้อนรับทันที เมื่อเหล่ามามาทั้งสี่คนเห็นเฉียวเวยเวยก็ต่างรีบทำความเคารพอย่างนอบน้อม “คารวะนายหญิงเวย พระชายาถังเสวียนรุ่ยได้ยินข่าวว่านายหญิงเวยกำลังจะแต่งสะใภ้ของตระกูล จึงได้สั่งให้พวกข้ามาคอยรับใช้นายหญิงเผื่อมีสิ่งใดขาดเหลือจะได้ช่วยจัดการ” เฉียวเวยเวยเผยปากดวงตาเป็นประกาย “ขอบพระทัยพระชายา พระองค์ช่างเมตตาหม่อมฉันเหลือเกิน”
ตอนที่ 32 จ่ายสองเท่า “ท่านพ่อมาถึงแล้วหรือขอรับ” เผยลู่พลันชะงัก ทว่าชายหนุ่มก็ยิ้มมุมปากอย่างสุภาพแล้วพูดขึ้น “นายน้อยเวยช่างให้เกียรติข้ายิ่ง เรื่องนี้...หรือที่ทำให้พวกท่านดูครื้นเครงยิ่ง” ผู้รับตำแหน่งนายน้อยพูดตอบ “ก็มีเด็กบ้าคนหนึ่งอยากเป็น ท่านพ่อ ขึ้นมา” เผยลู่ชำเลืองไปยังตงหยางก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ก็ควรต้องเป็นเช่นนั้นมิใช่หรือ” คุนเล่อคลี่พัดโบกพูดแย้งขึ้น “นายหญิงเว้นข้าสักคนเถิด” เฉียวเวยเวยเช็ดน้ำตาเล็ดที่หางตาแล้วพูดตอบ “เคยเรียกเช่นไรก็เรียกเช่นนั้นเถิด เว้นเพียงฉีซาต้องเป็นนายน้อยเวยซาของข้าก็พอ” ขณะนั้นเสี่ยวเอ๋อก็นำมาอาหารเข้ามา เฉียวเวยเวยพลันนึกบางอย่างได้จึงถามขึ้น “อ่า...เผยลู่เจ้าใช้วิธีการใดหรือ เหตุใดตระกูลอังถึงยอมขายเรือนให้กับเจ้า” เผยลู่ที่ยิ้มปากรอยยิ้มนั้นแฝงความชั่วร้ายอยู่บ้าง “เมื่อก่อนไม่ว่าจะข้าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรผู้เฒ่าอังก็ยินยอมเสียทีทว่าข้าหาได้มีกลวิธีลึกล้ำอันใดขอรับ...เพียงเรียนรู้จากนายหญิงแล้วนำไปปรับใช้..
ตอนที่ 33 ต้องการแสดงฝีมือ เฉียวเวยเวยเมามายเพราะฤทธิ์สุราและฤทธิ์รัก นางนอนหลับไม่ได้สติจางผิงจึงอุ้มหญิงสาวกลับเรือนจันทร์หยก หลังจากส่งเฉียวเวยเวยเข้านอนเขาก็ปลีกตัวออก และเผยลู่เองก็ไม่กลับไปนอนที่เรือนจันทร์หยกและคิดว่าต่อไปหลังจากนี้ตนเองก็ควรจะถอยออกมาเผื่อนายหญิงเรียกบุรุษคนอื่นยามปกติหญิงสาวไม่ให้บ่าวไพร่นอนในห้องด้วยเพราะบ้างครั้งนางก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัว แม้อากาศข้างนอกจะหนาวเหน็บทว่าภายในห้องกลับอบอุ่นไม่ต่างกับยามฤดูใบไม้ผลิ ฤทธิ์สุรายังคงเหลืออยู่ร่างกายเฉียวเวยเวยรู้สึกร้อนจึงคลายเสื้อออกเหลือเพียงผ้าโปร่งบาง ในห้องอันเงียบสนิทยังปรากฏชายร่างสูงใหญ่กำยำผู้หนึ่ง เขาคือแม่ทัพตอนกลางวันผู้นั้น สายตาคมกริบมองไปยังเรียวขาขาวเนียนสายตาแม่ทัพที่สามารถมองเห็นทุกอย่างชัดเจนแม้กระทั่งยามค่ำคืนเผลอกวาดสายขึ้นมองไปอย่างไม่อาจจะห้ามใจก้นสะโพกอวบอิ่มภายในซอกเร้นเขามองเห็นกลีบเนื้อผลิบานส่งกลิ่นหอมคาวยั่วยวนเขาฝืนดึงสายตากลับสตรีผู้นี้แม้กระทั่งตอนนอนยังล่อลวงบุรุษ เฉียวเวยเวยรู้สึกกระหายน้ำ ขณะลืมตาสะลึมสะลือก็ตกใจตื่นเมื่อเห็นร่างบุรุษในห้องนอนตนเองใคร เข้ามาในห
ตอนพิเศษ ทุกอย่างราบรื่น เมิ่งซูซูพร้อมบ่าวเดินไปตามทางหินขนาดใหญ่ลอดผ่านซุ้มดอกเหมย จนกระทั่งมาถึงลานกว้าง นางเหม่อมองไปยังเรือนไผ่หยกเบื้องหน้า วันนี้นางตั้งใจมาปรึกษานายหญิงเวย เรื่องการขอให้สามีรับอนุ นางเคยพูดเรื่องนี้หลายครั้ง ทว่าก็โดนสามีและแม่สามีระงับมาโดยตลอด บอกว่าทายาทไม่ต้องรีบร้อน คราวแรกนางคิดว่าทั้งสองคงไม่อยากจะทำร้ายจิตใจนาง จึงกล่าวถนอมน้ำใจกัน ทว่าอยู่มาหลายปีนางจึงเชื่อสนิทว่าพวกเขาหาได้สนใจเรื่องนี้ ตอนนี้ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลเวยมีเพียงสอง ซึ่งเป็นบุตรของนางคนเท่านั้น นับได้ว่ามีจำนวนน้อยเกินไปจนน่าใจหาย นางรับรู้ว่ามีเพียงนางที่ร้อนรนอยู่ฝ่ายเดียว บ่าวที่อยู่ตรงหน้ามองเห็นนางก็รีบเดินเข้ามาหาคารวะกล่าวทักทายอย่างยินดี “นายหญิงน้อย ท่านมาขอพบนายหญิงหรือเจ้าคะ” หญิงสาวพยักหน้าพร้อมเอ่ยถาม“ท่านแม่อยู่ในเรือนหรือไม่” “อยู่เจ้าค่ะ นายหญิงกำลังทานของว่างพร้อมคุณชายใหญ่กับคุณหนูรองเจ้าค่ะ” “เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่เสียเล่า”เมิ่งซูซูเอ่ยถาม พลางเดินไปยังหน้าเรือน เมื่อไปถึงก็หันไปสาวใช้ “ข้าจะเข้าไปเรียนนายหญ
ตอนที่ 42 ความรักที่รออยู่เฉียวเวยเวยวางหนังสือนิยายลง แล้วบิดร่างกายไปมาพลางหยิบของว่างขึ้นมากิน แล้วพูดขึ้น“นายน้อยคงอยู่ที่เรือนข้าจะไปหาเขาสักหน่อย”“นายน้อยน่าจะอยู่ที่เรือนโอสถ ที่นั้นค่อนข้างไกล นายหญิงให้ข้าเตรียมเสลี่ยงหามดีหรือไม่เจ้าค่ะ” ม่านม่านเอ่ยแนะนำเฉียวเวยเวยส่ายหน้า“ไม่ต้องข้าอยากจะเดินออกกำลังด้วย” หญิงสาวก้าวเดินออกมาไปตามทางคดเคี้ยวเลียบสระบัวที่สร้างขึ้นมาใหม่ สระกว้างคลื่นลมสงบนิ่ง เมื่อนางทอดสายตามองไปก็เห็นแผ่นฟ้ากว้างไกลสุดตา ทำให้นางรู้สึกปลอดโปร่ง ทว่าเมื่อมองเห็นหลังคาเรือนโอสถอยู่ไกล ๆทำให้ความคิดหยุดชะงัก“ไกลจริง ๆ” นางพึมพำขึ้นมาชิงชิงจึงพูด“นายหญิงเช่นนั้นข้าให้คนหามเสลี่ยงตามมาดีกว่าเจ้าค่ะ หากนายหญิงเหนื่อยจะได้ปรับเปลี่ยนได้”เฉียวเวยเวยเห็นด้วยจึงพยักหน้าตอบรับ นางก้าวเดินออกไปไม่รีบเร่ง สายลมโบกพัดดอกเหมยต่างก็ร่วงลงพื้นเกลื่อน กลิ่นหอมโชยมาระลอก ระลอก ไม่นานนางก็มาหยุดอยู่หน้าเรือนโอสถเมื่อเดินเข้าไปข้างใน เฉียวเวยเวยก็เห็นร่างสูงโปร่งของเวยซา นางหยุดพินิจอีกฝ่าย จากเด็กหนุ่มที่มีความกระตื้อรือร้นและสับสนกับในยุคสมัยใ
ตอนที่ 41 ยังไม่ต้องกลับจวน หลังแต่งงานเมื่อครบสามวันตามธรรมเนียมคู่แต่งงาน ฝ่ายหญิงต้องกลับไปเยี่ยมบ้านสกุลเดิม เพื่อให้ญาติฝ่ายหญิงได้รับรู้ว่าหญิงสาวแต่งออกไปแล้วเป็นอย่างไร ทว่าเมิ่งซูซูกลับยืนยันว่านางจะกลับสกุลเมิ่งเพียงลำพัง เวยซาก้มมองเมิ่งซูซูที่กำลังช่วยชายหนุ่มแต่งกายอย่างตั้งใจ ใบหน้างามเรียวน่ารักแดงระเรื่อน้อย ๆ หลังจากผ่านพ้นเรื่องเมื่อคืนก็ทำให้เขารู้สึกสนิทชิดเชื้อกับหญิงสาวมากกว่าเดิม มีความผูกพันธ์ซับซ้อนถักทอดก่อขึ้นมา เมื่อหญิงสาวบอกว่าจะกลับบ้านคนเดียวความรู้สึกอึดอัดที่มากกว่าปกติ ทำให้เวยซาเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง“ซูซู เจ้าต้องการที่จะกลับเยี่ยมบ้านคนเดียวหรือ”เมิ่งซูซูเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม ยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน“เจ้าค่ะ..หากสกุลเมิ่งเห็นว่าข้าไร้ประโยชน์จึงจะปลดปล่อยข้า”เวยซากุมมือของหญิงสาวขึ้นมา ได้กลิ่นกายของหญิงสาวหอมละมุนโชยมาแตะปลายจมูกภาพแนบชิดผุดขึ้นมา ชายหนุ่มอดกลั้นกลืนน้ำลายแล้วพูดขึ้น“ไม่ใช่ว่า เจ้ารังเกียจตระกูลเวย รังเกียจข้าและโกรธที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้” น้ำเสียงของเวยซาแฝงความน้อยใจ เมิ่งซูซูรีบคุกเข่าลง ใบหน
ตอนที่ 40 ลองดูสักครั้ง วันเวลาพ้นผ่านจนกระทั่งมาถึงวันแต่งงานของเวยซา แขกเหรือผู้คนมากหน้าหลายตา ตรงจัดงานพิธีเป็นเรือนของเวยซาที่แยกออกมาทำให้หลายคนที่อยากจะชมจวนของเฉียวเวยเวยและเรือนไผ่หยกต่างก็ผิดหวังไปตาม ๆ กัน กระนั้นแม้จะไม่ได้เห็นตัวเรือนเต็มทว่าเมื่อลอบมองเข้าไปเห็นหลังคาใหญ่ตระการก็ทำให้อดตื่นเต้นไม่ได้ “ยินดีด้วยนะนายหญิงเวย”เสียงผู้คนกล่าวแสดงยินดีดั่งกึกก้อง กลิ่นอายมงคลล้วนทำให้ใบหน้าของคนในตระกูลเวยระบายเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ เฉียวเวยเวยพร้อมเจียฟางมารดาของเวยซายืนรับแขกอยู่ด้านหน้า เผยลู่แอบมองใบหน้าเฉียวเวยเวยที่เต็มไปด้วยความปิติตื่นเต้นยินดี ได้เห็นนางคลี่ยิ้มอย่างงดงามทำให้เขารู้สึกอบอุ่น ผุดรอยยิ้มที่มุมปากดวงตาเป็นประกาย แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง โค้งคำนับแล้วพูดขึ้น “นายหญิง ฮูหยินเจีย เชิญพวกท่านเข้าไปนั่งข้างในเถิดตรงนี้ข้าจะรับผิดชอบเอง” เฉียวเวยเวยหันมายิ้มให้เผยลู่ ความจริงนางตอนนี้ก็เหนื่อยแล้วเมื่อสักครู่ในใจก็ครุ่นคิดอยู่ตลอด ผู้ใดเชิญแขกมากมายขนาดนี้จึงรีบตอบรับ “เช่
ตอนที่ 39 ต้อนรับแขกพิเศษ อากาศยามเช้าเริ่มเหน็บหนาวขึ้นกว่าทุกวัน แม้ภายในห้องจะอบอุ่นดั่งวสันตฤดู เฉียวเวยเวยก็รู้สึกเกียจคร้านนางซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มอุ่นนอนแช่ตัวในเตียงนอน สูดดมกลิ่นอายความหนาวนับได้ว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ทว่าเสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกข้างนอกทำให้นางเผยหน้าออกมา “เวยเวย ข้ามารอทานข้าวต้มร้อนกับเจ้าอยู่นะ” “เล่อเล่อหรือเข้ามาสิ” คุนเล่อเปิดประตูเข้ามาพร้อมบ่าวไพร่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงหยิบผ้าอุ่นซับเช็ดหน้าหญิงสาว เฉียวเวยเวยเอนกายกอดเอวอีกฝ่ายพูดเสียงอ้อน “เล่อเล่อ เจ้าไปไหนมาเหตุใดไม่ยอมกลับเรือน” คุนเล่อพลางซับใบหน้าหญิงสาวด้วยมืออันอ่อนโยน “นายหญิงเวย ท่านไม่อายผู้อื่นหรือ ตอนนี้นับว่าท่านมารดาผู้อื่นแล้วนะ” “เช่นนั้น คุนเล่อเจ้าเป็นท่านพ่อบุญธรรมด้วยดีหรือไม่” “ตามใจเจ้าสิ” คุนเล่อกล่าวอย่างไม่ขัดข้อง ทว่ากลับเป็นเฉียวเวยเวยที่คิดขัดแย้งขึ้นมา “ไม่ได้สิ หากเจ้าแต่งเป็นนายท่านของบ้าน ถ้าเจ้ามีคนที่ชื่นชอบจะยุ่งยากเกินไป”
ตอนที่ 38 เฝ้ารอวัน กลุ่มเหล่าฮูหยินจากขุนนางชั้นรองลงมาจะนั่งอยู่เรือนที่ห่างออกไป เมิ่งฮูหยินวันนี้ก็พาเมิ่งซูซูมาร่วมงานด้วย หวังจะได้มีโอกาสได้พูดคุยกับเฉียวเวยเวย ทว่าด้วยฐานะที่แตกต่างกันทำให้พวกนางไม่มีแม้โอกาสจะกล่าวทักทายอีกฝ่าย ดูเหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ดูครื้นเครงเสียงหัวเราะผสมกลิ่นน้ำหอมโชยอบอวลอ้อยอิ่งมา หลายคนสบตากันใคร่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฮูหยินรองนายอำเภอคนหนึ่งก็พูดขึ้น “เมื่อสักครู่ข้าแอบถามนางกำนัล ถึงได้รู้ว่านายหญิงเวยนำน้ำหอมใหม่ของร้านเวยเฟยมาให้เหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ได้ทดลองใช้ ครั้งนี้ข้าอาจจะต้องขออาศัยวาสนาเมิ่งฮูหยินแล้ว เมื่อสักครู่ท่านยังกล่าวว่าสนิทกับนายหญิงเวยไม่น้อย” ฮูหยินที่นั่งข้างเอามือปิดปากคล้ายกลั้นหัวเราะแล้วพูดขึ้น “หรูฮูหยิน ข้าว่าที่สนิทกล่าวเองเสียมากกว่า งานหมั้นหมายที่เกิดขึ้นใครบ้างจะไม่รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไร” เหล่าฮูหยินต่างพาเอามือปิดปากหัวเราะ เมิ่งฮูหยินพยายามเก็บสีหน้า นางเชิดหน้าขึ้นแล้วถลึงตาขวางใส่เมิ่งซูซู กระซิบเก็บเสียงผ่านช่องฟัน “
ตอนที่ 37 เปิดเผยตัว หลังจากมอบองค์รักษ์เงาให้เฉียวเวยเวย หลี่เว่ยหลางก็ไม่ได้มาหานางอีกเลย จนกระทั่งหญิงสาวได้รับเทียบเชิญจากตำหนักบูรพาเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับบุคคลสำคัญจากแคว้นต้าเหิง แม่ทัพหลี่เว่ยหลางนางถึงได้เจอชายหนุ่มอีกครั้งเสียงดนตรีขับกล่อมคลอบรรยากาศเสียงพูดคุยครื้นเครงเหล่านางรำล้วนงดงามอรชน ยามพวกนางกรีดกรายล้วนดั่งนกโผบินขับขาน หลี่เว่ยหลางยกจอกสุราแล้วจอกเล่ามีหลายครั้งที่ชายหนุ่มส่งสายตาคมกริบมองมาที่เฉียวเวยเวยแสดงเจตนาอย่างชัดเจน เว่ยซาติดตามเฉียวเวยเวยมาร่วมงานด้วย เขาเองก็สังเกตเห็นแววตาของหลี่เว่ยหลาง จึงกระซิบถามมารดาบุญธรรม“ท่านแม่คนผู้นั้นหรือ” “อืม...เจตนานี้ข้าเองก็ยังไม่กระจ่างใจนัก” การที่ไม่ได้เป็นคนควบคุมเกมทำให้เฉียวเวยเวยไม่สบายใจนัก ทว่าชีวิตโชคดีอย่างไรก็ต้องมีช่วงลำบากบ้าง เฉียวเวยเวยกังวลใจได้ไม่นานก็สลัดความกังวลทิ้ง นางหันกลับไปพูดคุยกระซิบกระซาบกับเหล่าฮูหยินต่อ “นายหญิงเวย เมื่อวานข้าไปที่ร้านเว่ยเฟยตั้งใจจะไปซื้อครีมหอมสักหน่อย ทว่าหลงจู้ที่ร้านบอกว่าตอนนี้ที่ร้านไม่มีครีมหอมเสียแล้ว ข้ารู้ส
ตอนที่ 36 เอาตัวเข้าแลกเว่ยซาเดินเลาะมาตามทางสวนดอกเหมย จนกระทั่งมาถึงลานกว้าง เขาเงยหน้ามองไปยังศาลาฟางหญ้าข้างริมสระน้ำ มองเห็นเฉียวเวยเวยกำลังเอนกายพิงระเบียงทอดกายอ่านหนังสือ นางปล่อยผมสยายขับดุนให้ใบหน้าเฉิดฉายสะอาดสะอ้าดหมดจดบริสุทธิงดงามราวดอกบัวที่อยู่ในสระพ้นวารีไร้มลทินเด็กหนุ่มลอบถอนหายใจ ท่วงท่าเช่นนี้ล่อลวงบุรุษไปมาก สตรีผู้นี้ห่างไกลคำว่าไร้เดียงสาไปมากโขบรรยากาศโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบมีเพียงเสียงกังหันน้ำที่หมุนไปตามแรงลมและเสียงฝีเท้าของเวยซากำลังเดินเข้าไปในศาลา เฉียวเวยเวยจึงเงยหน้าขึ้นมอง เอ่ยยิ้มถาม“เจ้ามาหรือ” เฉียวเวยเวยส่งสายตาให้อีกฝ่ายนั่งลง เว่ยซายกมือคารวะอีกฝ่ายตามธรรมเนียมก่อนนะนั่งลงเบื้องหน้าของหญิงสาว “ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านแม่บุญธรรม วันนี้จึงได้มาขอรบกวนท่าน”เฉียวเวยเวยยิ้มพราย “ข้าเองก็มีเรื่องจะสอบถามเจ้าเช่นกัน ท่านแม่และน้องสาวของเจ้าย้ายเข้าเรือนเรียบร้อยดีหรือไม่” เวยซาผงกศรีษะน้อมตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย “ขอรับ เป็นหนึ่งเรื่องที่ข้าจะมารายงานท่านแม่บุญธรรม... ท่านแม่ของข้ากับน้องสาวตั้งใจจะเข้ามาคารวะท่าน ทั้งเกรงอกเกรงใจและ
ตอนที่ 35 คนของข้า เฉียวเวยเวยซุกตัวหลับในอ้อมกอดของหลี่เว่ยหลางอย่างไร้เรี่ยวแรง นางทั้งอิ่มเอิบพอใจกับรสรักของชายหนุ่มไม่น้อย ทว่าน่าเสียดาย “ข้ายอมรับว่าติดอกติดใจท่านไม่น้อย แต่ว่าน่าเสียดาย” เห็นหญิงสาวเอ่ยพูดเช่นนั้น มือใหญ่ของหลี่เว่ยหลางจึงบีบก้นงอนของหญิงสาวอย่างหมั้นเขี้ยว “ทำไมหรือแรงกระแทกของข้าไม่กระแทกถึงใจเจ้าหรือ”คำพูดบัดสีของชายหนุ่มไม่ทำให้เฉียวเวยเวยเขินอาย นางตอบกลับทันที “ก็เพราะแรงกระแทกนั้น ข้าถึงได้บอกว่าเสียดาย” เฉียวเวยเวยรู้สึกถึงความแข็งขืนตรงชอกข้าจึงพูดขึ้น “ท่านยังไม่พออีกหรือนี่จะห้ารอบแล้วนะ...ข้าเหนื่อยแล้ว” หลี่เว่ยหลางเสียบเข้ามาทันทีแล้วพูดตอบ “ข้ายังไม่หมดแรง ทว่าก็เกรงใจเจ้าอยู่บ้างแต่ขอเสียบค้างไว้ก็พอแล้ว” “อ่า...แล้วอย่างนี้จะคุยกันได้อย่างไร” “เจ้าก็พูดมาสิ...แต่ว่า..แม้เจ้าจะบอกว่าเหนื่อยแล้วแต่ตรงนั้นเหตุใดยังตอดรัดข้าไม่หยุดเล่า..ช่องรักของเจ้าคงชอบข้าเข้าแล้ว” ยิ่งพูดหลี่เว่ยหลางยิ่งเต็มไปด้วยถ้อยคำหยาบโลน