แชร์

ตอนที่ 5 การเดินทางเพื่อเริ่มต้นใหม่

ผู้เขียน: ต้าซินซิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-24 01:26:38

หลังจากได้รับอิสระพร้อมหนังสือตัดขาดมาอยู่ในมือของตนแล้ว มู่หลินหว่านเดินออกจากจวนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แม้ชุดที่สวมใส่จะเก่าจนมองไม่ออกว่ามันคือสีอะไร และแทบทั้งตัวยังมีร่อยรอยของการปะชุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ไม่สามารถทำให้รอยยิ้มนั้นจางหายไปได้ ยิ่งเดินมาได้ครึ่งทางมู่หลินหว่านได้ยินเสี่ยวลวี่พูดขึ้น เกี่ยวกับเงินในห้องเก็บสมบัติที่เพิ่งจะเก็บกวาดมาได้

“นายหญิงเจ้าคะสิ่งแรกที่ท่านต้องทำก็คือไปร้านขายเสื้อผ้าเจ้าค่ะ เพราะชุดที่ท่านใส่ในตอนนี้ไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง”

“หือ เสี่ยวลวี่หรอกหรือเจ้าหายไปไหนมาเห็นเงียบไปเสียนาน ข้าลองเรียกดูก็ไม่มีการตอบกลับจากเจ้าเลย”

“เสี่ยวลวี่ไปจัดการเรื่องห้องเก็บสมบัติให้ท่านอย่างไรเล่า ยามนี้ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะ”

“งั้นแสดงว่าตอนนี้หากข้าต้องการซื้อสิ่งใดก็ตาม ย่อมมีเงินใช้จ่ายได้ไม่ว่าจะถูกหรือแพงใช่ไหมเสี่ยวลวี่”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะนายหญิงท่านเลือกเสือผ้าชุดสวย ๆ มาหลาย ๆ ชุดเลยนะเจ้าคะ จากนั้นไปหาที่หารถม้าสำหรับเดินทางไปจากเมืองหลวงแห่งนี้ ว่าแต่นายหญิงจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ใดหรือเจ้าคะ”

“อืม ข้าไม่อยากอยู่ที่แคว้นเว่ยแห่งนี้แล้วล่ะเสี่ยวลวี่ สถานที่ที่คิดว่าเหมาะสมและน่าจะดีกว่าหลายเท่า ข้าคิดว่าจะไปแคว้นหยางน่ะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เข้าไปทำความสะอาด ด้านในห้องทำงานของเสนาบดีมู่มีข้อมูลการค้าของแคว้นหยาง เราไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กันที่นั่นเถิดส่วนคนชั่วพวกนี้ รอสักวันหนึ่งที่ข้ามีผู้หนุนหลังตำแหน่งใหญ่โต ค่อยจัดการแก้แค้นให้กับท่านแม่ก็ยังไม่สายเกินไป แต่ตอนที่ข้ายังเด็กเคยมีสาวใช้กับบ่าวของท่านแม่ ที่ติดตามมาจากบ้านเดิมคอยดูแลข้างกายทุกวัน ต่อมาเมื่อท่านแม่ไม่อยู่แล้วพวกเขาก็ถูกไล่ออกไปเช่นกัน ตัวข้าจำได้เพียงว่าชื่ออะไรส่วนใบหน้านั้นเลือนรางเต็มที เสี่ยวลวี่เจ้าพอจะมีวิธีไหนตามหาพวกเขาได้บ้างไหม ทั้งสองคนชื่อว่าน่าซือกับหยุนเหลียงหากพวกเขายังอยู่ในเขตเมืองหลวง ข้าต้องการตามหาพวกเขาให้พบเสียก่อน จะได้เดินทางไปแคว้นหยางด้วยกัน”

“แน่นอนว่าเสี่ยวลวี่ย่อมมีวิธีสืบหาพวกเขาให้นายหญิง ตอนนี้ท่านสบายใจได้แล้วนะเจ้าคะไปซื้อสิ่งของที่จำเป็นกันเถิดเจ้าค่ะ”

“อื้อ ขอบใจนะเสี่ยวลวี่”

“ยินดีรับใช้นายหญิงเจ้าค่ะ”

มู่หลินหว่านเดินตามหาร้านค้าขายเสื้อผ้าสำเร็จ จนผู้คนในเมืองหลวงที่เดินสวนทางกับนางต่างมองด้วยความสงสาร แต่มู่หลินหว่านมิได้สนใจผู้อื่นว่าจะคิดอย่างไร นางยังคงตามหาร้านค้าต่อไปจนพบกับร้านผ้าขนาดกลาง ๆ ที่มีลูกค้าอยู่ไม่มากนัก และรอจนกว่าลูกค้าจะออกจากร้านจนหมดแล้ว ค่อยเข้าไปด้านในร้านเพื่อสอบถามถึงชุดตัดสำเร็จรวมถึงราคาขายแต่ละชุด มู่หลินหว่านเลือกชุดสำเร็จสีอ่อน ๆ มาสองสามชุด และขอใช้ห้องของทางร้านเพื่อเปลี่ยนไปสวมชุดใหม่ทันที เจ้าของร้านที่เห็นยังเอ่ยปากชมว่านางงดงามน่ารักสมวัย ก่อนจะออกจากร้านเถ้าแก่ยังมอบผ้าคลุมหน้าให้อีกหนึ่งผืน มู่หลินหว่านเข้าใจความหมายของมันได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ปล่อยให้มู่หลินหว่านเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ เสี่ยวลวี่ได้หายตัวไปพบปะกับเหล่าต้นไม้ใบหญ้าทั้งหลาย ที่ขึ้นอยู่ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวง โดยขอความช่วยเหลือให้ตามหาคนชื่อน่าซือและหยุนเหลียง เหล่าสหายต้นไม้ก็ยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งเสี่ยวลวี่จะมาพบหลังจากนี้อีกครึ่งชั่วยาม สหายต้นไม้ทั้งหลายจึงรีบส่งข่าวไปยังมุมต่าง ๆ เผื่อจะได้ข้อมูลก่อนจะครบเวลาตามที่เสี่ยวลวี่บอกไว้ 

ส่วนมู่หลินหว่านนั่งรอเสี่ยวลวี่อยู่ในร้านน้ำชาร้านหนึ่ง และได้หยิบหนังสือตัดขาดฉบับนั้นขึ้นมาอ่านอีกครั้ง เมื่อเห็นประโยคหนึ่งที่ห้ามมิให้นางใช้แซ่มู่อีกหลังจากออกจากตระกูล ฉะนั้นนางแค่กลับไปใช้แซ่ของมารดาก็ไม่เป็นปัญหาอันใด นับจากวันนี้เป็นต้นไปชื่อแซ่ของนางก็คือ ‘โจวหลินหว่าน

“เฮ้อ ในที่สุดข้าก็พาเจ้าหลุดพ้นจากตระกูลน่ารังเกียจนั่นมาได้เสียที มู่หลินหว่านขอให้เจ้ากับมารดาได้เกิดเป็นแม่ลูกกันอีกครั้ง และมีชีวิตที่ยืนยาวมากว่าในชาตินี้เถิดนะ เอ๊ะ! จะว่าไปแล้วเสี่ยวลวี่หายไปไหนนะตั้งแต่ออกจากจวน ก็หายเงียบไปเลยทุกทีต้องชวนข้าคุยแท้ ๆ”

“แว๊บ! กรี๊ดด อุ๊บ!”

“นายหญิงเจ้าคะข้าพอจะได้ข่าวคนของมารดาท่านแล้วเจ้าค่ะ”

“เสี่ยวลวี่!! โธ่เอ้ยข้าขอร้องละนะถ้าจะปรากฏตัวช่วยส่งเสียงบอกล่วงหน้าได้ไหม เจ้าเล่นปุ๊บปั้บโผล่ออกมาเช่นนี้ข้าเป็นต้องตกใจทุกทีสิน่า ค่อย ๆ ทำให้ชินไปที่ละนิดได้หรือไม่เสี่ยวลวี่คนงาม”

“แฮะ ๆ ๆ ขออภัยเจ้าค่ะเสี่ยวลวี่ลืมตัวไปหน่อยว่าท่านยังไม่ชิน คราวหน้าจะไม่ลืมอีกแล้วเจ้าค่ะนายหญิง ข้าดีใจที่มีข่าวคนของมารดาท่านจากเหล่าสหายต้นไม้ จึงรีบกลับมาเพื่อบอกกับท่านเจ้าค่ะ”

“เจ้าพูดจริงหรือเสี่ยวลวี่ที่ว่าได้ข่าวคนของท่านแม่น่ะ แล้วสหายของเจ้าพวกเขาบอกว่าอย่างไรบ้าง ยามนี้ทั้งสองคนพักอยู่ที่ใดยังสบายดีอยู่หรือไม่” โจวหลินหว่านถามเสี่ยวลวี่ด้วยความตื่นเต้น

“ใจเย็น ๆ เจ้าค่ะนายหญิงไม่ต้องรีบร้อน ข้าจะเล่าให้ฟังเดี๋ยวนี้ สหายของข้าบอกว่าทั้งสองคนยังคงอยู่ที่เมืองหลวง โดยยึดอาชีพขายเซาปิ่งที่ตลาดเช้าทุกวันไม่ยอมกลับบ้านเกิด คงหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้พบเจอท่านที่เติบโตเป็นสตรีงดงาม ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินกันไปมาบนถนนในเมืองหลวงสักครั้งก็เป็นได้เจ้าค่ะ”

“พวกเขาช่างซื่อสัตย์กับท่านแม่ของข้ายิ่งนักเสี่ยวลวี่ ทั้งที่สามารถกลับไปอยู่กับครอบครัวได้แท้ ๆ แต่กลับยังคงรอคอยเพื่อจะได้พบเจอกับข้า ที่ถูกกักขังใช้งานเยี่ยงทาสอยู่ภายในจวนนั่นสิบกว่าปี ใครจะรู้ว่ายามนี้ข้าผ่านพ้นวัยปักปิ่นมาแล้วถึงหนึ่งปี ในวงสังคมชนชั้นสูงไม่เคยมีใครเคยเห็นใบหน้าของคุณหนูรองผู้นี้ แม้แต่คู่หมั้นในวัยเด็กยังถูกพี่สาวต่างมารดาแย่งชิงไปเป็นของตนเอง ไม่เป็นไรยามนี้ข้าคือโจวหลินหว่านที่จะกลับมาแก้แค้นตระกูลมู่อย่างแน่นอน หากทั้งสองคนนั่นต้องไปขายของที่ตลาดในตอนเช้า เช่นนั้นพวกเราไปดูที่ตลาดกันเถิดเสี่ยวลวี่”

“เจ้าค่ะนายหญิง”

ณ ตอนนี้โจวหลินหว่านรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก อย่างน้อยในการเดินทางไปต่างแคว้นในครั้งนี้นางก็ไม่ได้ตัวคนเดียว เมื่อเริ่มกิจการอย่างไรเสียก็ต้องมีคนคอยช่วยเหลือ หากมีคนของมารดาติดตามไปย่อมเป็นเรื่องดีมากกว่าหลายเท่า โจวหลินหว่านเดินไปตามทางที่เสี่ยวลวี่คอยบอก ซึ่งไม่มีใครสามารถมองเห็นเสี่ยวลวี่ได้ นอกจากโจวหลินหว่านเจ้านายผู้นี้เท่านั้น 

พอเดินมาถึงตลาดก็สอดส่ายสายตามองหาคนขายเซาปิ่งทันที และสายตาของโจวหลินหว่านก็มองหาจนเจอ นางรีบเดินไปยังหน้าร้านของคนทั้งสองโดยไม่ส่งเสียงใด ๆ น่าซือคิดว่ามีลูกค้ามาซื้อเซาปิ่งของตนจึงพูดเหมือนกับทุก ๆ วัน โดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อลูกค้ายังคงเงียบไม่ยอมสั่งเซาปิ่งเสียที น่าซือจำเป็นต้องหยุดมือที่นวดแป้งและเงยหน้า เพื่อสอบถามคนเป็นลูกค้าอีกครั้งแต่ทุกอย่างคล้ายหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ด้วยหญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามที่ยืนอยู่ตรงหน้า ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเจ้านายของนางยิ่งนัก หยุนเหลียงที่รู้สึกว่าน่าซือเงียบเกินไปก็หันมามอง และเกิดอาการเช่นเดียวกับน่าซือไปอีกคน

“ลูกค้ารอสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะเตายังไม่ร้อน หากท่านไม่รีบสามารถไปเดินเลือกซื้อเสียก่อนแล้วค่อยกลับมารับก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะห่อแยกเก็บไว้ให้ท่านเป็นอย่างดี”

“ไส้ผักคงขายดีไม่น้อยเลยนะเจ้าคะแม่ค้า”

“ขวับ!...........!!”

“ฮูหยิน!/ฮูหยิน!” น่าซือและหยุนเหลียงเรียกหญิงสาวตรงหน้าว่าฮูหยิน ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เนื่องจากเจ้านายของพวกเขาตายไปแล้ว

“ท่านอาทั้งสองฮูหยินที่พวกท่านพูดถึงใช่โจวเชี่ยนเหยาหรือไม่เจ้าคะ?”

“ชะ ชะ ใช่แล้วเจ้าค่ะฮูหยินของพวกข้าแซ่โจวมีนามว่าเชี่ยนเหยา ไม่ทราบว่าเหตุใดคุณหนูท่านนี้ถึงได้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับฮูหยินนักเล่า” น่าซือเกิดความสงสัยมากมายจึงอยากถามให้แน่ใจ

“ท่านอาน่าซือเซาปิ่งของท่านไส้ผักอร่อยที่สุดนะเจ้าคะ หว่านเออร์ชอบกินไส้ผักใส่เนื้อแค่เล็กน้อย หากไม่กินผักจะปวดท้องจนล้มป่วยท่านอาน่าซือสอนไว้เช่นนั้น” นี่เป็นความทรงจำในวัยเด็กของมู่หลินหว่านตัวจริง

“ฮึก ๆ หยะ หยะ หยุนเหลียงคุณหนูของบ่าวในที่สุดก็ได้พบกับท่านแล้ว ฮือ ๆ ๆ คุณหนูของน่าซือช่างงดงามเหมือนฮูหยินยิ่งนักเจ้าค่ะ”

“บ่าวหยุนเหลียงคารวะคุณหนูขอรับ”

“จริงด้วยสิเจ้าคะบ่าวมัวแต่ดีใจ จนเสียมารยาทกับคุณหนูไปได้ บ่าวน่าซือคารวะคุณหนูเจ้าค่ะ”

“ไม่ต้อง ๆ ๆ ท่านอาทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ ยิ่งตอนนี้พวกท่านมิได้เป็นบ่าวไพร่ในจวนของผู้ใด แต่เป็นเจ้าของแผงขายเซาปิ่งจะคารวะผู้น้อยเช่นข้าคงไม่เหมาะสมนัก ว่าแต่พวกท่านตั้งร้านค้าเสร็จเรียบร้อยหรือยังเจ้าคะ”

“พวกเราสองคนเพิ่งจะเตรียมเปิดร้านเท่านั้นเจ้าค่ะ หยุนเหลียงข้าว่าวันนี้พวกเราหยุดขายสักหนึ่งวันเถิด จะได้ไปนั่งพูดคุยกับคุณหนูที่บ้านของพวกเรา ขืนอยู่ที่นี่นาน ๆ ชุดคุณหนูจะมีแต่กลิ่นควันไฟเอาได้เจ้าเห็นด้วยกับข้าไหม”

“อือ ข้าก็คิดเช่นเจ้าน่าซือยังดีที่ยกของลงไม่หมด ใช้เวลาเก็บของไม่นานต้องรบกวนคุณหนูรอประเดี๋ยวนะขอรับ”

“ท่านอาตามสบายเถิดเจ้าค่ะข้ามิได้เร่งรีบอันใด พวกท่านค่อย ๆ เก็บมันขึ้นเกวียนเถิดอย่าได้รีบร้อนเลยเจ้าค่ะ”

“รบกวนคุณหนูรอพวกเราประเดี๋ยวนะเจ้าคะ หยุนเหลียงรีบเก็บของขึ้นเกวียนเร็วเข้า”

“ข้าก็เร่งมืออยู่เจ้าไม่ต้องรีบถึงเพียงนั้นหรอกน่าซือ ของแค่ไม่กี่อย่างเองไม่นานก็เก็บเรียบร้อยแล้วล่ะ เจ้าพาคุณหนูไปรอข้าที่เกวียนเถิดของพวกนี้ข้าจะเข็นไปเอง”

“ได้ ๆ ๆ คุณหนูเจ้าคะไปรอหยุนเหลียงที่เกวียนกันเถิดเจ้าค่ะ แล้วนี่ไม่มีสาวใช้คอยติดตามท่านเลยหรือเจ้าคะ” น่าซือสงสัยที่คุณหนูของตนเดินมาเพียงลำพัง ไม่เห็นวี่แววของสาวใช้ส่วนตัวสักคน

“ไว้ถึงเรือนของท่านอาแล้วข้าจะเล่าให้ฟังนะเจ้าคะ”

“เอาตามที่คุณหนูว่ามาก็ได้เจ้าค่ะ”

น่าซือคอยประคองบุตรสาวของเจ้านายเกรงว่าโจวหลินหว่านจะล้มก็มิปาน เพราะรูปร่างที่ผอมบางประหนึ่งจะถูกลมพัดปลิวไปได้ทุกเมื่อ ทั้งสองคนรออยู่ที่เกวียนไม่นานหยุนเหลียงก็เข็นข้าวของกลับมา เมื่อยกทุกอย่างขึ้นเกวียนจนครบแล้วจึงได้กลับหมู่บ้านนอกเมืองทันที อดีตบ่าวของมารดาโจวหลินหว่านได้เช่าบ้านอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ตั้งแต่วันที่ถูกไล่ออกจากจวนตระกูลมู่ภายหลังเจ้านายของตนสิ้นใจได้ไม่นาน พวกเขาหวังเอาไว้ว่าจะได้เจอคุณหนูตัวน้อย ๆ อีกสักครั้ง ค่อยตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตว่าจะทำอย่างไรต่อไป

เมื่อมาถึงเรือนของน่าซือกับหยุนเหลียงแล้ว โจวหลินหว่านได้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเอง ระหว่างที่เติบโตอยู่ในจวนแห่งนั้นว่าต้องพบเจอกับสิ่งใดบ้าง พร้อมทั้งยื่นหนังสือตัดขาดจากเสนาบดีมู่ให้พวกเขาได้ดูเป็นหลักฐาน ว่านางถูกไล่ออกมาแล้วอดีตบ่าวทั้งสองพอได้ฟังถึงกับน้ำตาซึม รู้สึกโกรธแค้นคนในจวนแห่งนั้นทั้งหมดถึงกับสาปแช่งสารพัด และโจวหลินหว่านตัดสินใจถามทั้งคู่ว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ หรือจะติดตามนางไปยังแคว้นหยางเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น

และเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าน่าซือกับหยุนเหลียงไม่คิดปฏิเสธ พวกเขายินดีเป็นอย่างมากที่จะได้ติดตามนาง เช่นเดียวกับติดตามมารดาของนางต่อไป

“สารเสว!! เป็นพ่อคนที่จิตใจชั่วช้ายิ่งนักข้าไม่คิดเลยว่า คนเช่นเสนาบดีมู่จะกลายเป็นบุรุษพูดจาสัปปลับทำร้ายบุตรสาวแท้ ๆ ได้ถึงเพียงนี้ ที่แท้ก็วางแผนชั่วกับฮูหยินมานานนี่เอง” หยุนเหลียงที่ฟังเรื่องราวจากปากของโจวหลินหว่าน พร้อมหลักฐานในมือก็ให้รู้สึกโกรธแค้นยิ่งนัก

“โธ่ ฮูหยินของบ่าวท่านไม่น่าตัดสินใจเลือกรักบุรุษเช่นนี้เลย สุดท้ายก็แสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็นจนได้ บ่าวขออภัยที่ไม่ได้อยู่ดูแลปกป้องคุณหนูได้ หากไม่ถูกขับไล่ออกมาท่านคงไม่พบเจอเรื่องราวที่หนักหนาเช่นนี้ บ่าวผิดเองเจ้าค่ะที่ไม่ยอมคุกเข่าอ้อนวอนเสนาบดีมู่ คุณหนูได้โปรดอภัยให้บ่าวด้วยเถิดเจ้าค่ะ ฮือ ๆ ๆ” น่าซือยังคงคิดโทษตนเองที่ไม่ยอมร้องขอความเมตตากับเสนาบดีมู่

“ท่านอาทั้งสองเจ้าคะเรื่องมันผ่านไปแล้วอย่าได้คิดถึงมันอีกเลย โชคดีที่ดวงจิตของข้าได้ท่านเทพคอยดูแลเอาไว้ ทั้งยังประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาความรู้อีกหลายแขนงให้ติดตัว ต่อไปภายภาคหน้าจะได้ใช้เพื่อทำมาหากินสร้างตัวได้ และตอนนี้ตัวข้าเป็นอิสระไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลมู่อีก แต่ความแค้นของท่านแม่จะต้องได้รับการแก้แค้นอย่างสาสม ขอเพียงในอนาคตพวกเรามีผู้หนุนหลังที่ตำแหน่งใหญ่โตกว่า จะบดขยี้ตระกูลนี้ให้แหลกอย่างไรก็ได้เจ้าค่ะ ท่านอาทั้งสองพวกท่านยินดีติดตามข้าไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่แคว้นหยางหรือไม่เจ้าคะ”

“ยินดีสิขอรับคุณหนูถึงท่านจะไม่ถามเรื่องนี้ แต่พวกข้าสองคนก็ยังยินดีติดตามท่านไปอย่างแน่นอนขอรับ”

“ใช่เจ้าค่ะพวกเราจะปล่อยให้คุณหนูเดินทางเพียงลำพังได้อย่างไร เส้นทางไปแคว้นหยางไม่ใกล้ไม่ไกลแต่ใช่ว่าจะไม่มีอันตรายนะเจ้าคะ ยิ่งคุณหนูของน่าซืองดงามเช่นนี้ยิ่งอันตรายหลายเท่าเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นหากพวกเราออกเดินทางตั้งแต่ตอนนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ แต่ข้าอยากให้ท่านอาหยุนเหลียงเปลี่ยนจากเกวียนวัวเป็นรถม้า การเดินทางจะได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมอีกสักหน่อยเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องราคาของการจ้างรถม้าข้าพอรู้ว่ามันแพงกว่าเกวียนวัวมาก นี่คือเงินสิบตำลึงรบกวนท่านอาหยุนเหลียงช่วยจัดการ ขอด้านในรถม้าบุผ้ารองนั่งที่หนาสักหน่อยก็ดี จะได้นั่งกันได้สบายไม่ปวดเมื่อยระหว่างทางนะเจ้าคะ” โจวหลินหว่านยืนถุงใส่ตำลึงเงินให้กับหยุนเหลียงไป

“ขอรับคุณหนูท่านรออยู่ที่นี่กับน่าซือไปก่อน บ่าวจะไปจัดการเรื่องรถม้าให้เองขอรับ”

“รบกวนท่านอาหยุนเหลียงแล้วเจ้าค่ะ”

หยุนเหลียงถือถุงเงินกระโดดขึ้นเกวียนวัวไปอย่างรวดเร็ว เพื่อนำเกวียนวัวไปเปลี่ยนเป็นรถม้าอย่างดี คุณหนูของเขาจะได้นั่งหรือนอนได้อย่างสบาย ตลอดระยะเวลานับเดือนต่อจากนี้เป็นต้นไป ส่วนน่าซือมิได้นั่งรออยู่เฉย ๆ นางรีบเข้าไปเก็บของที่จำเป็น ซึ่งมีอยู่ไม่กี่อย่างใส่ห่อผ้าเอาไว้และไม่ลืมเรื่องเสบียงอาหาร ที่ทั้งสามคนต้องมีติดตัวไว้ทานระหว่างเดินทางอีก ข้าวสารอาหารแห้งที่ยังมีเหลืออยู่น่าซือเก็บมาจนหมด ไม่มีหลงเหลือให้เจ้าของบ้านเช่าได้มาเก็บไปใช้ประโยชน์แทนตนเองหรอก โจวหลินหว่านกับน่าซือรออยู่สองเค่อโดยประมาณ หยุนเหลียงก็นำบังคับรถม้าคันใหญ่มาแทนเกวียน ยามนี้ข้าวของยกย้ายขึ้นรถม้าทั้งหมดแล้วจึงได้เวลาออกเดินทางอย่างจริงจังเสียที และนี่ยังเป็นครั้งแรกของโจวหลินหว่านที่จะเดินทางไปต่างแคว้น

ด้านจวนตระกูลมู่กว่าจะรู้ว่าในห้องเก็บสมบัติไม่เหลือสิ่งใดให้หยิบใช้ ก็ต่อเมื่อใกล้จะถึงวันจัดงานเลี้ยงน้ำชาที่ต้องใช้เงินจำนวนมากและเครื่องประดับบางส่วน ถึงได้พบว่าสมบัติที่สะสมไว้มากมายยามนี้เหลือเพียงห้องว่างเปล่า แม้แต่เศษเงินเหรียญอีแปะยังไม่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าสักเหรียญ ไม่ว่าเสนาบดีมู่จะสอบสวนบ่าวไพร่และคนในจวนทั้งหมดอย่างไร ก็ไม่อาจทราบสาเหตุที่แท้จริงได้ว่าหีบสมบัติมากมายที่มีจะอันตรธานหายไปได้อย่างไร้ร่อยรอย

..............

“ฮึบ โอ้ว นี่สวรรค์ประทานพรถึงกับส่งบุรุษหน้าตาหล่อเหลา เพื่อมอบให้เป็นการตอบแทนที่ข้าทำความดีใช่หรือไม่นะ”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 6 พบเจอบุรุษปริศนา

    โจวหลินหว่านและบ่าวผู้ซื่อสัตย์ทั้งสองคน ออกเดินทางด้วยรถม้าทำให้สะดวกสบายกว่านั่งเกวียนวัวหลายเท่า พวกเขาทั้งสามคนไม่รีบร้อนค่อยเป็นค่อยไปเรื่อย ๆ ถือว่าเป็นการสำรวจตามเมืองต่าง ๆ ที่เป็นทางผ่าน รวมถึงแวะซื้อเสบียงอาหารเพิ่มเติมเป็นระยะ เพื่อป้องกันยามที่ต้องพักค้างแรมตามป่าเขาที่ไม่มีโรงเตี๊ยม ระหว่างนั่งรถม้าน่าซือได้เล่าถึงตระกูลของมารดา ที่ยามนี้ต่างแยกย้ายกระจัดการกระจายไปคนละทิศละทาง ภายหลังท่านตาท่านยายเสียชีวิตก็มีการแบ่งสมบัติ โดยท่านแม่ได้มากกว่าพี่ชายและน้องสาวคนอื่น ๆ เนื่องจากท่านแม่ช่วยครอบครัวทำงานมากกว่าจึงได้สมบัติเยอะ ด้วยเหตุนี้มู่อวี่เฉินจึงพยายามตามเกี้ยวพามารดาของนาง จนได้แต่งงานและใช้เงินทองในการสอบขุนนางอยู่หลายครั้งกว่าจะผ่านได้ แต่ผลตอบแทนที่ได้กลับกลายเป็นคนทรยศหักหลังไปเสียได้ โจวหลินหว่านไม่อยากให้บ่าวทั้งสองคิดถึงอดีตอีก จึงเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะนางไม่ได้มีความทรงจำที่ดีกับคนเลวเช่นนั้น“ท่านอาน่าซืออย่าได้ยึดติดกับเรื่องในอดีตอีกเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้พวกเราจะพาท่านแม่ไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ข้าจะหาซื้อที่ดินสวย ๆ อยู่ติดเชิงเขาจะแบ่งส่วนหนึ่งทำสุสานให้กับท่านแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-24
  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 7 ซื้อที่ดิน

    เช้าวันต่อมาหลินหว่านคิดว่าตนเองตื่นเช้าแล้ว แต่ยังถือว่าช้ากว่าบ่าวทั้งสองของตนเองอีก เพราะที่หน้าประตูมี น่าซือและหยุนเหลียงยืนรอนางอยู่นานแล้ว พวกเขาไม่เคาะประตูเรียกเนื่องจากต้องการให้เจ้านายได้พักผ่อน จากที่ได้สังเกตรูปร่างของหลินหว่านมาสักพักพวกเขาเห็นว่ายังซูบผอมอยู่มาก จึงอยากบำรุงให้นางมีน้ำมีนวลมากอีกสักเล็กน้อย “แอ๊ด อะ อ้าว ท่านอาทั้งสองมาอยู่หน้าห้องของข้าตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าคะ แล้วเหตุใดไม่เคาะประตูเรียกจะได้ไม่ต้องยืนรอให้เมื่อยเช่นนี้” หลินหว่านตกใจเล็กน้อยที่เปิดประตูก็เจอบ่าวทั้งสอง“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะคุณหนูเราสองคนอยากให้ท่านได้พักมากหน่อย ที่สำคัญวันนี้จะให้หยุนเหลียงพาคุณหนูไปที่ศาลาว่าการ เพื่อติดต่อเรื่องซื้อที่ดินที่ท่านต้องการนะเจ้าคะ ส่วนตัวบ่าวจะไปร้านขายสมุนไพรหาซื้อยาบำรุงมาต้มให้คุณหนูได้ดื่ม ร่างกายจะได้มีน้ำมีนวลมากขึ้นเพราะยามนี้ท่านยังดูซุบผอมอยู่เลยเจ้าค่ะ หากยังผ่ายผอมเกรงว่าจะล้มป่วยได้ง่าย ๆ นะเจ้าคะ”“ขอบคุณท่านอาน่าซื้อมากเจ้าค่ะที่เอาใจใส่เป็นอย่างดี แต่ว่านอกจากจะซื้อที่ดินแล้วข้ายังต้องการขอขึ้นทะเบียนกับท่านเจ้าเมือง เพื่อเปลี่ยนสถานะเป็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-25
  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 8 สั่งทำอุปกรณ์และทดลองทำขนม

    เมื่อทำการเยี่ยมหวังซินหยางเรียบร้อยพร้อมความขายหน้าของตนเอง หลินหว่านจึงให้หยุนเหลียงพาไปตามหาร้านตีเหล็ก เพื่อจะสั่งทำอุปกรณ์สำหรับทำขนมในการทำเป็นอาชีพต่อจากนี้ ซึ่งเจ้าของร้านตีเหล็กที่เห็นแบบของอุปกรณ์ตามที่หลินหว่านต้องการ ถึงกับงุนงงเพราะไม่เคยเห็นมีใครสั่งทำถาดเหล็กเป็นหลุมเช่นนี้มาก่อน แต่ในเมื่อเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการตัวนายช่าง จึงต้องทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้งและได้แจ้งหลินหว่านไว้ว่าหลังจากนี้อีกสามวันให้มารับของได้ที่ร้าน พอรู้เช่นนี้หลินหว่านได้วางมัดจำเอาไว้ครึ่งหนึ่งเนื่องจากนางสั่งทำไว้สามใบต่อจากร้านทำอุปกรณ์หลินหว่านไปหานายช่างรับสร้างบ้าน ที่มีชาวบ้านแนะนำมาว่านายช่างคนนี้สร้างบ้านได้เก่งที่สุด แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีเหตุการณ์ให้หยุดทำงาน ด้วยเหตุคนงานของนายช่างไปหลอกรับงานอีกเมืองหนึ่ง แต่มิได้บอกกับนายช่างคล้ายไปหลอกลวงลูกค้าเพื่อเอาเงิน จึงเกิดเป็นคดีความแม้จะพ้นผิดแต่ไม่มีใครกล้าจ้างงานมาหลายเดือนแล้ว หลินหว่านที่ได้ฟังเรื่องราวกลับคิดว่าเพราะนายช่างไว้ใจลูกน้องมากเกินไป หากต้องรับสร้างบ้านสวนให้กับนางแล้วละก็ทุกคนต้องลงลายมือชื่อในสัญญา เป็นหลักฐานป้องกั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-25
  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 9 เริ่มกิจการแรกในเมืองหยางหลิว

    ต้นยามเหม่าในวันต่อมาหลินหว่านตื่นพร้อมกับบ่าวทั้งสอง เพื่อเตรียมตัวไปเปิดแผงขายขนมครกเป็นวันแรก ซึ่งหวังซินหยางที่รู้สึกตื่นเต้นไปกับการเริ่มกิจการของหลินหว่าน ก็ยังอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อส่งนางที่หน้าประตูบ้านเช่า โดยหลินหว่านเองก็ไม่คิดว่าหวังซินหยางจะตื่นนอน เพียงแค่มายืนส่งนางไปขายของที่ตลาดใกล้ ๆ ด้วยตนเอง จึงส่งยิ้มพร้อมกล่าวขอบคุณออกไปเบา ๆ เท่านั้นเมื่อมาถึงบริเวณตลาดเช้าที่เริ่มมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของ ก็ยังมีคนที่มาจับจ่ายซื้อหาวัตถุดิบไปทำอาหารด้วยเช่นกัน หลินหว่านไม่รอช้าเริ่มจัดวางโต๊ะจุดเตาตรงจุดที่ตนเช่าแผงขายของไว้ทันที เผื่ออีกสองเค่อจะมีผู้คนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ขนมของตนจะได้พอมีไว้ขายหลินหว่านยังไม่รู้ว่าแค่สามเตาจะทำทันหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรหากเป็นของอร่อยคนย่อมรอซื้ออยู่แล้ว และก็เริ่มจะเป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้เมื่อกระทะร้อนได้ที่ ก็เริ่มหยอดแป้งขนมกลิ่นหอมของน้ำกะทิก็กระจายออกไป คนที่อยู่ใกล้ ๆ หันมาตามกลิ่นและมีคนทนไม่ไหวจึงเดินมาถาม ว่าที่หลินหว่านกำลังทำอยู่นี้คืออะไรเพราะกลิ่นของมันหอมมาก“เอ่อ แม่หนูป้าขอถามอะไรหน่อยสิที่เจ้ากำลังทำคือสิ่งใดรึ เหตุใดถึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-25
  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 10 ขึ้นเขาตามหาหัวมัน

    ตั้งแต่เริ่มทำกิจการขายขนมมาเกือบสิบวันถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี มีลูกค้าประจำเพิ่มมากขึ้นเรื่อยและยังขายหมดทุกวัน ยิ่งมีเหวินเสียนมาเป็นผู้ช่วยหลังจากได้กระทะขนมมาเพิ่มอีกสามใบ ก็มีลูกค้าสตรีแวะมาซื้อเรื่อย ๆ ถือว่าเป็นผลดีกับกิจการขนมของหลินหว่านไปในตัว เมื่อขนมครกของหลินหว่านเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น นางจึงคิดว่าต้องเพิ่มผักลงไปบนหน้าขนมครกบ้างแล้ว เพราะสีสันที่หลากหลายจะยิ่งช่วยให้ขนมน่าทาน รวมถึงเป็นจุดเด่นที่เรียกความสนใจของลูกค้าหน้าใหม่เข้ามาได้เช่นกันส่วนหวังซินหยางที่พยายามอย่างมากในการรักษาอาการบาดเจ็บ เขาเคร่งครัดตามคำสั่งของท่านหมอและยังมีหลินหว่าน ที่คอยกำชับเขาอยู่ทุกวันจึงทำให้เขาอยากจะหายเป็นปกติโดยเร็ว อย่างน้อยพอให้ร่างกายแข็งแรงได้ออกไปช่วยงานหลินหว่านก็ยังดี แม้เหวินเสียนจะบอกว่าไม่มีบุรุษมาเกี้ยวพานางก็เถิด แต่ก็ไม่อาจไว้วางใจได้ว่าจะ ไม่มีใครสนใจในตัวของหลินหว่าน ฉะนั้นหวังซินหยางจึงเชื่อฟังและดื่มยาให้ครบถึงจะรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่บ้าง แต่เพื่อให้ตนเองสามารถเดินเหินไปด้านนอกได้ก็ต้องอดทนในวันนี้หลังจากขายขนมเสร็จและกลับมาถึงบ้านเช่าแล้ว หลินหว่านได้บอกกับหยุน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-26
  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 11 ถูกตราหน้าว่าเป็นขโมย

    ภารกิจตามล่าหาหัวมันและฟักทองประสบความสำเร็จด้วยดี เมื่อนำกลับมาถึงบ้านเช่าหลินหว่านมีผู้ช่วยทั้งสี่ คอยทำความสะอาดปอกเปลือกหัวมันกับฟังทอง เพื่อนำไปนึ่งให้สุกพอประมาณแต่ไม่เละสำหรับโรยบนหน้าขนมครก แต่มีบุรุษผู้หล่อเหลานั่งทำสีหน้าบูดบึ้งอยู่กับที่ดูทุกคนทำงาน ต่างกับตนเองทำได้เพียงนั่งมองกรอกตาไปมา หวังซินหยางอยากจะลุกขึ้นไปช่วยทำงานอย่างยิ่ง ยามนี้เขาทำได้เพียงต้องอดทนเท่านั้นหากยังฝืนทำ มีหวังหลินหว่านคงจะโกรธและไม่พูดคุยกับเขาเป็นแน่หลังจากนึ่งหัวมันกับฟักทองจนได้ที่ยังต้องนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไว้โรยบนหน้าขนมครกที่จะเริ่มมีสีสันตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ในใจของทุกคนกำลังคิดคล้าย ๆ กันว่าลูกค้าที่ได้เห็น จะแสดงสีหน้าท่าทางอย่างไรหรือมีคำติชมวิจารณ์เช่นไร เพียงแค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นล่วงหน้าไปเสียแล้วแต่งานในมือก็ยังทำอย่างต่อเนื่อง กว่าจะจัดการวัตถุดิบต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย ก็เข้ายามซวีไปแล้ว หลินหว่านจึงให้น่าซือทำอะไรง่าย ๆ มาทานด้วยกัน หากทำอาหารที่มีหลายขั้นตอนเกรงว่าจะดึกมากไปกว่านี้ และทุกคนจะเสียเวลาพักผ่อนพรุ่งนี้จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้เมื่อถึงเวลาต้องตื่นไปขายขนมที่ตลาดทุกค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-26
  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 12 วางแผนไม่เนียนก็รับโทษไป

    หลินหว่านเดินนำหน้าทุกคนตรงไปยังศาลาว่าการเมืองหยางหลิว ที่ยามนี้ใกล้จะได้เวลาเปิดทำการตามปกติกลับมีเสียงตีกลองด้านหน้าดังขึ้น เจ้าหน้าที่สองสามคนถึงกับรีบวิ่งออกมาดูว่า ใครกันที่มาร้องทุกข์แต่เช้าเช่นนี้ เมื่อพบว่ามีกลุ่มชาวบ้านยืนรอพร้อมกันมากกว่าสี่สิบคน จึงสอบถามเรื่องราวเบื้องต้นเสียก่อนเพื่อนำกลับไปรายงานต่อท่าน เจ้าเมือง และให้ผู้ที่มาร้องทุกข์เข้าไปรอด้านในห้องไต่สวน แต่เจ้าหน้าที่หนึ่งในนั้นจำหน้าหลินหว่านได้จึงเป็นคนเอ่ยถามออกมาแทน“อ้าว คุณหนูท่านนี้ข้าจำท่านได้ท่านเคยมาติดต่อซื้อที่ดินนับร้อยหมู่ ไม่ทราบว่าวันนี้มีเรื่องอะไรกันหรือขอรับ ถึงได้มากันเสียเยอะแยะ แล้วใครที่เป็นคนตีกลองร้องทุกข์เมื่อกี้หรือขอรับ”“สวัสดีตอนเช้าเจ้าค่ะพี่ชายเป็นข้าเองที่ตีกลองร้องทุกข์ไป เนื่องจากมีคนไปอาละวาดที่ตลาดกล่าวหาว่า ขนมที่ข้าทำขายอยู่เกือบหนึ่งเดือนมานี้ไปขโมยสูตรผู้อื่นมา ดังนั้นจึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรมกับท่านเจ้าเมือง เพื่อพิสูจน์ว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของสูตรขนมตัวจริงเจ้าค่ะ”“เมืองหยางหลิวไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน ช่างใจกล้ายิ่งนักที่คิดทำเรื่องผิดศีลธรรมทำลายภาพลัก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-26
  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 13 ตระกูลมู่เกิดเรื่องฉาวโฉ่

    การเดินทางมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ยังแคว้นหยางเป็นสิ่งที่หลินหว่านตัดสินใจได้ถูกต้อง หากยังเลือกที่จะอยู่แคว้นเว่ยป่านนี้ชีวิตคงไม่มีความสุขเป็นของตนเองแน่ เพราะมู่จือหย่าไม่มีทางให้หลินหว่านอยู่เป็นหนามตำใจ ด้วยเกรงว่าคู่หมั้นที่อุตส่าห์แย่งไปเป็นของตนเองได้จะกลับมาวุ่นวายกับนาง และเช้าวันนี้ก็เป็นวันที่หลินหว่านต้องทำตามคำพูดของนาง นั่นก็คือการทำขนมครกแจกชาวบ้านเพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับเรื่องที่ถูกใส่ร้ายเมื่อวานนี้ บรรยากาศการแจกขนมช่างคึกคักยิ่งกว่าทุกวันใครบ้างไม่อยากทานของอร่อย แม้จะพอเจียดเงินไปซื้อทานเองได้ถึงอย่างไรการได้รับของแจกเป็นครั้งคราว ก็ช่วยประหยัดเงินในครอบครัวไปได้ไม่มากก็น้อยและยังเก็บเงินนี้ไว้ซื้อสิ่งอื่นที่ราคาใกล้เคียงกันได้หวังซินหยางผู้เป็นห่วงหลินหว่านเกรงว่านางจะเหนื่อยจนเกินไป จึงได้ให้ซั่วเหยียนมาช่วยแจกขนมกับนางด้วยอีกคน เนื่องจากยามนี้อาการบาดเจ็บของเขาใกล้จะหายดีแล้วสามารถทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ ถือเป็นการออกกำลังให้ร่างกายค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมาแข็งแรงโดยเร็ว ขณะที่หวังซินหยางกำลังนั่งนึกถึงภาพรอยยิ้มอันอ่อนหวาน ที่หลินหว่านมอบให้กับเขาไปเมื่อวานนี้อยู่ภายใน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-26

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 43 กันและกันทุกชาติภพ

    และในที่สุดวันที่หวังซินหยางรอคอยก็มาถึงเสียที ทุกคนตื่นขึ้นมาช่วยกันจัดเตรียมงานพิธีการตรวจดูความเรียบร้อย ตลอดจนหีบสินสอดมากมายที่นำมาวางให้แขกได้เห็นว่าเจ้าบ่าวให้ความสำคัญกับเจ้าสาวมากเพียงใด ด้านในห้องนอนของหลินหว่านมีน่าซือและฟางจือฉิงช่วยกันอาบน้ำให้เจ้าสาว ด้วยการใช้สมุนไพรเนื่องจากเป็นความเชื่อว่าจะนำโชคลาภ ความสุข และความสำเร็จมาให้ เช่น ใบไผ่ ดอกบัว หรือดอกมะลิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความงาม จากนั้นชุดเจ้าสาวสีแดงปักดิ้นทองด้วยลวดลายที่สวยงามก็ถูกสวมใส่บนเรือนร่างที่งดงามไร้ที่ติของหลินหว่าน เครื่องหัวเป็นรูปทรงดอกบัวและมีปิ่นปักผมรูปนกยูงหลังจากแต่งตัวเสร็จ หลินหว่านมีหน้าที่นั่งรอเจ้าบ่าวมารับตัวและใช้พัดปิดบังใบหน้าเอาไว้เมื่อได้เวลาเสียงฝีเท้ามากมายดังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ยิ่งทำให้หัวใจของหลินหว่านเริ่มเต้นถี่รัว เพราะนี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกของนางทั้งสองชาติภพเชียวนะ“เจ้าบ่าวได้เวลารับตัวเจ้าสาวแล้ว”เสียงของจิ้นกงกงผู้รับผิดชอบดำเนินการเรื่องพิธีดังขึ้นบริเวณด้านหน้าห้อง หวังซินหยางเดินผ่านประตูเข้ามาดวงตาคมกริบทอดมองไปร่างของเจ้าสาวที่นั่งรอเขาอยู่ เมื่

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 42 กลุ่มค้าข้าวเพื่อชาวนา

    หวังซินหยางและหลินหว่านเดินจูงมือกันลงมาจากเชิงเขา ก่อนที่ทั้งสองจะลงมาถึงด้านล่างก็มองเห็นแล้วว่ามีใครจับกลุ่มยืนรออยู่บ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้หลินหว่านจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต นางให้หวังซินหยางบอกกับทุกคนเรื่องที่บ้านสวนแห่งนี้ของนาง กำลังจะมีงานมงคลเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า“นี่อาหยางเจ้าต้องอธิบายกับเปิ่นหวางและทุกคนแล้วนะ เล่นเดินจับมือคุณหนูโจวไม่ปล่อยเช่นนี้หมายความว่าไร แล้วไอ้ที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาตลอดทางนั่นอีกรีบบอกมาเร็วเข้า” หยางอ๋องเห็นท่าทีของพระสหายที่ดูมีความสุขเกินไป จึงสงสัยว่ามีอะไรที่พวกเขารู้เห็นกันเพียงสองคนหรือไม่“นั่นสิพี่ใหญ่ท่านบอกพวกเรามาเถิด มิใช่แค่ท่านอ๋องที่อยากรู้แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนอยากรู้ทุกคนเลยล่ะ” พระชายาหวังแอบคิดอยู่ในใจว่าจะเป็นอย่างที่คิดไหม“คุณชายหยะ....”“เอาล่ะ ๆ ๆ เจ้าไม่ต้องถามเพิ่มแล้วเหวินเสียน ไหน ๆ ก็อยู่พร้อมหน้ากันทั้งหมดเช่นนั้นขอบอกให้ทุกคนทราบว่า หว่านเออร์ยินดีแต่งเข้าตระกูลหวังในฐานะสะใภ้ใหญ่แล้ว และงานมงคลสมรสจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เมื่อบิดาของข้านำสินสอดมารับขวัญว่าที่ลูกสะใภ้” พอได้บอกออกไปหวังซินหยางรู้สึกสบายใจมากกว่าเดิมเสียอ

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 41 เจ้าช่วยเป็นฮูหยินของพี่ได้ไหม

    แม้ว่าจะมีแขกสูงศักดิ์ช่วยประเดิมเข้าพักในบ้านสวนของหลินหว่าน แต่ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติเพียงแต่ต้องจัดสรรเวลาใหม่ เพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าไม่ว่าจะเรื่องอาหาร เสื้อผ้าสำหรับทำกิจกรรมตามตารางที่หลินหว่านทำไว้ รวมถึงงานที่ทำร่วมกับชาวบ้านอย่างธูปสมุนไพรไล่ยุง ซึ่งครอบครัวของใต้เท้าหลัวและครอบครัวใต้เท้าจิ่ง อยากซื้อกลับไปใช้ที่จวนในเมืองหยางฉินจำนวนหลายห่อ หลินหว่านจึงได้แนะนำให้ซื้อกับตัวแทนของหมู่บ้านหลูหยาง ทำให้ใต้เท้าหลัวได้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของคนในหมู่บ้านแห่งนี้ จนเกิดแนวความคิดจะใช้หมู่บ้านหลูหยางเป็นต้นแบบ เพื่อให้หมู่บ้านในพื้นที่อื่น ๆ รักและสามัคคีเช่นนี้บ้าง ใต้เท้าหลัวยังคิดไปถึงเรื่องการคิดค้นผลิตภัณฑ์ประจำหมู่บ้าน ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงออกมาวางขายด้วยเช่นกันเมื่อกิจการในฝันได้เริ่มต้นขึ้นตามที่ต้องการแล้ว หลินหว่านจึงมอบหมายให้หยุนเหลียงไปซื้อร้านค้าในเมืองหลางหลิว สำหรับทำเป็นร้านขายขนมครกและรับสมัครลูกจ้างประจำร้านห้าคน เพราะมันเป็นกิจการแรกที่หลินหว่านใช้หาเงินหลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ โดยจะให้น่าซือไปตรวจบัญชีของร้านทุกสิบห้าวัน“คุณหนูให้เ

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 40 ได้ฤกษ์เปิดกิจการ

    ระหว่างทางกลับหมู่บ้านหลูหยางรถม้าของหลินหว่านได้หยุดกลางคัน เนื่องจากฟางติงฉ่ายบิดาของฟางจื่อฉิงกำลังจะตามไปที่หมู่บ้านหลูเฟินพอดี เมื่อบังเอิญเจอกันเหอซู่เผิงจึงได้เรียกเอาไว้และบอกว่า ยามนี้ฟางจื่อฉิงอยู่บนรถม้าของหลินหว่านแล้ว จึงได้บอกให้ทุกคนกลับหมู่บ้านแทนเพราะไม่อยากให้มีเรื่องราวใหญ่โตพอทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฟางจื่อฉิง พวกเขาต่างก็มาเยี่ยมและให้กำลังใจกับฟางจื่อฉิง เพราชาวบ้านเองต่างก็เอ็นดูนางและเห็นการเติบโตของนางมาตั้งแต่เด็ก บางคนถึงกับโกรธแค้นหมู่บ้านหลูเฟินที่ไม่คิดจะยื่นมือช่วยเหลือฟางจื่อฉิงสักนิด ยามที่ถูกสองแม่ลูกนั่นรุมทำร้ายเอาแต่ยืนมองดั่งก้อนหิน แต่เมื่อได้ยินว่าคุณหนูโจวเจ้าของน้ำปุ๋ยหมักให้ส่งจดหมายถึงหยางอ๋อง ว่าไม่ต้องการขายมันให้กับคนไร้ศีลธรรมจึงพอจะลดความโกรธลงมาได้ “สมน้ำหน้าพวกนั้นแล้วในเมื่อคุยกันไม่เข้าใจ ควรตามฟางเหม่ยไปรับฟังและหาทางออกร่วมกันถึงจะถูก แต่นี่กลับบังคับให้ฉิงเออร์หย่าขาดกับสามีตัวดีนั่นท่าเดียว” นางหงโยวที่มาเยี่ยมและให้กำลังทั้งสหายกับบุตรสาวนั่งพูดด้วยความโมโห“ต่อไปทุกคนจะมีชีวิตที่ดีขึ้นไปด้วยกันทั้งเมือง แต่

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 39 ถูกบังคับให้หย่า

    ต้นยามเฉินของเช้าวันต่อมาหลังจากทานมื้อเช้าที่แสนอร่อย หลินหว่านและทุกคนจึงได้เริ่มต้นตกแต่งภายในบ้านแต่ละหลัง โดยที่นางไม่ลืมหยิบภาพวาดที่คัดเลือกมาบางส่วน นำมาตกแต่งเพิ่มให้กับผนังห้องไม่ให้ดูโล่งจนเกินไป หลินหว่านเน้นความอบอุ่นและสวยงามด้วยการผสมผสานเครื่องตกแต่งที่ทำจากไม้คุณภาพดี มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความมีเสน่ห์ให้กับห้องรับแขกด้านในห้องนั่งเล่นส่วนตัวนั้นหลินหว่านจัดวางเก้าอี้ตัวใหญ่นั่งได้อย่างสบาย ๆ พร้อมโต๊ะกลางที่มีลายไม้สวยงามผนังห้องประดับด้วยงานศิลปะ ที่สื่อถึงวัฒนธรรมจีนเป็นการสร้างบรรยากาศที่สงบฝั่งห้องทานอาหารตกแต่งด้วยโต๊ะไม้ขนาดพอดีและเก้าอี้ที่มีเบาะรองนั่งสีอ่อน ตรงกลางโต๊ะมีแจกันดอกไม้สดเพิ่มความสดชื่นและสีสันยามนั่งทานอาหาร ส่วนห้องนอนถูกออกแบบให้เป็นที่พักผ่อนอย่างแท้จริง โดยใช้เตียงที่มีหัวเตียงทำจากไม้สลักลวดลายละเอียด พร้อมด้วยผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนในโทนสีเนื้อและสีทอง ที่ช่วยสร้างความอบอุ่นและผ่อนคลายให้กับการนอนหลับ ผนังห้องตกแต่งด้วยภาพธรรมชาติที่ช่วยสร้างบรรยากาศสงบและเหมาะสำหรับการพักผ่อน จากฝีมือของจิตรกรทั้งสามคนที่วาดภาพได้งดงามไม่แพ้จิตร

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 38 ถึงบ้านสวนเตรียมเปิดกิจการในฝัน

    เมื่อได้รับพระราชานุญาตตามฎีกาที่ตนได้ถวายต่อฮ่องเต้แล้ว หวังซินหยางยังไม่กลับจวนในทันทีเขากลับไปที่สำนักตรวจสอบ เพื่อสะสางงานที่ยังค้างอยู่เล็กน้อยและพิจารณารายชื่อ เหล่าหัวหน้าแต่ละกลุ่มตามผลงานที่ผ่านมาเป็นแนวทางในการคัดเลือก สำหรับตำแหน่งผู้รักษาการสำนักตรวจสอบในเมืองหลวง แต่ไม่ว่าหวังซินหยางจะเลือกหัวหน้าคนใดขึ้นมาก็ตาม ทุกคนในสำนักตรวจสอบย่อมเคารพการตัดสินใจของเขา เพราะทุกคนล้วนทำงานร่วมกันมานานเสี่ยงอันตรายมาก็มาก นั่นจึงเป็นเรื่องง่ายก่อนที่หวังซินหยางจะตัดสินใจเลือก ‘สุยอี้หยวน’ รับภาระดูแลสำนักตรวจสอบในเมืองหลวงแทนเขา และหวังซินหยางยังได้เตรียมส่งมอบงานที่เป็นคดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พวกเขาที่นี่ได้ทำฆ่าเวลา เมื่อใดที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับขุนนางที่ทำผิดกฎหมายของแคว้น เวลานั้นพวกเขาทุกคนจะได้ทำงานร่วมกันอีกครั้งด้านหลินหว่านที่จัดการกับสิ่งของต่าง ๆ ของตนเรียบร้อย จึงได้แวะไปสนทนากับว่าที่พระชายาเอกของหยางอ๋อง อย่างหวังลี่ถิงที่พักหลังนางต้องดูแลตนเองเป็นอย่างดี ทั้งกริยามารยาทรวมถึงเรื่องรูปร่างผิวพรรณที่ต้องงดงามที่สุด ยามที่สวมชุดแต่งงานจะยิ่งทำให้ดูสง่างามเพิ่มขึ้นอีกหลายเท

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 37 การตัดสินใจของหวังซินหยาง

    ภายหลังมื้ออาหารเย็นในวันหนึ่งก่อนหลินหว่านจะกลับเรือนรับรอง ได้เดินมาหยุดมองดวงจันทร์กลมโตที่ส่องสว่างมากเป็นพิเศษในคืนนี้ นางนึกถึงเรื่องที่ตนได้มาสานต่อความฝันยังอีกโลกหนึ่ง หลังจากต้องตายด้วยฝีมือของกลุ่มคนชั่ว นอกจากนี้ยังได้นำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาช่วยเหลือผู้คนมากมาย ซึ่งตอนนี้ในเมืองหลวงเริ่มมีชาวบ้านนำผัก มาขายมากขึ้น ส่วนตัวของหลินหว่านเองก็ลงมือเพาะปลูกวัตถุดิบทั้งหลาย ที่ต้องใช้ในกิจการร้านขนมครกเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย และอีกไม่กี่วันก็จะเดินทางกลับเมืองหยางหลิวพร้อมขบวนเสด็จของหยางอ๋อง เพราะต้องนำเกี้ยวเจ้าสาวอย่างหวังลี่ถิงกลับตำหนักอ๋องในเมืองหยางฉินหวังซินหยางที่เดินตามหลังหลินหว่านมาติด ๆ เห็นนางหยุดยืนเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน จึงได้สาวเท้าตามไปพูดคุยเรื่องบางอย่างกับนาง“หว่านเออร์เหตุใดถึงมาหยุดอยู่ตรงนี้เล่า กำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือพี่เห็นเจ้าเอาแต่จ้องมองท้องฟ้าที่มีหมู่ดาวและดวงจันทร์อยู่นาน” และภาพที่เขาได้เห็นมันช่างงดงามดั่งภาพวาดก็มิปาน“พี่ชายหวังท่านมิได้กลับเรือนนอนหรอกหรือเจ้าคะ ที่ข้าหยุดยืนมองท้องฟ้าเป็นเพราะว่าคืนนี้ดวงจันทร์งดงามมากเจ้าค่ะ และยัง

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 36 สามตระกูลใหญ่ล่มสลาย

    หลังจากวันที่ได้สั่งสอนบุรุษเช่นเฉินเยี่ยนหมิง หลินหว่านยังคงวุ่นอยู่กับการเตรียมต้นกล้าผัก และการเข้าไปดูร้านขนมสลับกับหวังลี่ถิงเป็นครั้งคราว เพราะหลินหว่านต้องใช้ที่ดินทั้งสิบหมู่ที่หวังซินหยางซื้อให้ เพาะปลูกผักที่เป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับขนมครกของนาง และได้ส่งจดหมายถึงน่าซือว่าต้องอยู่จัดการงานที่เมืองหลวงเสียก่อน จากนั้นจะกลับไปเปิดกิจการบ้านสวนที่นางใฝ่ฝันเสียทีหวังซินหยางที่รู้เรื่องนี้ก็มิได้ร้อนรนแต่อย่างใด เพราะเท่าที่เขาสังเกตตั้งแต่รู้จักกันในวันแรก ๆ พอจะเดาได้ไม่ยากนัก ว่าสถานที่ที่หลินหว่านชอบและต้องการอาศัยอยู่มากที่สุด นั่นก็คือบ้านสวนของนางที่หมู่บ้านหลูหยาง ตัวของหวังซินหยางจึงได้คิดวางแผนอนาคตของตนไว้เงียบ ๆ รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมเขาย่อมตัดสินใจอย่างไม่ลังเลการใช้ชีวิตและการทำงานของหลินหว่านกับหวังซินหยาง ยังคงเหมือนเช่นเดิมในทุก ๆ วันอาจจะมีเรื่องรุนแรงบ้างแต่ไม่หนักหนาเท่าใดนัก แต่สถานการณ์ภายในเมืองหลวงของแคว้นเว่ย กำลังสับสนวุ่นวายขึ้นในวันหนึ่งยามเช้าตรู่ เมื่อผู้คนออกจากบ้านเพื่อทำกิจวัตรประจำวัน และได้พบกับกระดาษมากมายที่ถูกโยนทิ้งไว้กลางถนน“นี่มันกระดาษอั

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 35 เจ้าคิดผิดมหันต์ที่อยากได้ข้าเป็นเมีย

    วันถัดมาหวังซินหยางถูกเรียกตัวเข้าวังหลวงอย่างที่คิดจริง ๆ หวังเจี้ยนหนานที่เห็นสีหน้าแววตาของบุตรชายคนโต จำต้องตักเตือนสักเล็กน้อยมิให้เขาแสดงออกชัดเจนจนเกินไป แม้จะโมโหจนอยากสังหารให้ตายก็อย่าให้ศัตรูอ่านความคิดได้ หวังซินหยางจึงพยายามปรับอารมณ์และสีหน้าของตนให้เป็นปกติเท่าที่จะทำได้และเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น ฮ่องเต้ไม่ต้องใช้เวลาในการตัดสินพระทัยคำตอบที่เฉินเยี่ยนหมิงได้รับ คือการปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาแม้จะเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ที่ดี แต่ฮ่องเต้ย่อมต้องคัดเลือกสตรีที่เหมาะสมและจงรักภักดีกับรัชทายาท รวมถึงราชบัลลังก์ไม่มีความคิดที่จะแย่งชิง“ฝากใต้เท้าเฉินกลับไปทูลฮ่องเต้ของท่านด้วยว่า เจิ้นรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนักที่ฮ่องเต้ของท่านยอมตัดใจส่งธิดาองค์โตมาเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ แต่เจิ้นมีวิธีการแก้ไขปัญหาเป็นของตนเองถึงยามนี้จะยังไม่ดีนัก แต่ในอีกไม่ช้าทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดทีเดียว เมื่อวันนั้นมาถึงข่าวลือย่อมไปถึงแคว้นเว่ยอย่างรวดเร็วแน่ ๆ” หากเจิ้นโง่คงไม่ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรนี้หรอกนะ“เอ่อ ฝ่าบาทจะไม่ทรงเก็บไปพิจารณาดูก่อนหรือพ่ะย่ะค่ะ”“หืม เ

DMCA.com Protection Status