เฉินมู่นั่งลงที่นั่งฝั่งคนขับ มือเรียวจับพวงมาลัยรถไว้แน่น และพูดอย่างตื่นเต้น “โอ้ ที่รักของฉัน!”ถังอวี่ “…”ไอดอลหนุ่มกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย “ถึงเธอจะไม่เคยขับปอร์เช่ แต่เธอต้องเคยเห็นมันบ้างแหละ ใช่ไหม? เป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉิน ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลยหรือไง?”เฉินมู่เลิกคิ้ว พลางพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันเคยขับนะ”เธอเป็นเจ้าของรถปอร์เช่สีเงินคันหรูในเคโจว ตัวรถเป็นสีเงินสวย แถมรถทั้งคันยังกันกระสุนอีกต่างหาก อีกทั้งถังน้ำมันยังถูกดัดแปลงให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมหลายเท่า เธอรักรถคันนั้นจนไม่อยากจับรถคันอื่นอีกเลยเฉินมู่เหยียบคันเร่ง จากนั้นรถสปอร์ตสุดหรูหราก็วิ่งออกจากโรงรถพร้อมเสียงหวีดหวิว ถังอวี่กระพริบตาพลันจับที่จับเท้าแขนไว้แน่น เสียงทุ้มร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “เฉินมู่ นี่เธอจะฆ่าฉันเหรอ!”ปอร์เช่คันหรูแล่นฉิวไปตลอดทางจนถึงร้านเซียวเซียงซวน เฉินมู่โยนกุญแจให้คนเฝ้าประตู และเดินเข้าไปในร้านพร้อมกับถังอวี่ถังอวี่หน้าซีดเหมือนซอมบี้เพราะการขับรถของเฉินมู่ เขาเอนตัวลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง พลางเอ่ย “ตอนนี้เธอไป ๆ มา ๆ ร้านเซียวเซียงซวนได้อย่างอิสระแล้วเหรอ? แล้วลุงของ
ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาดูน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิม “ใครคือที่รักของคุณ?”เฉินมู่นั่งยอง ๆ แล้วเอ่ยราวคนไม่ได้สติ “ก็ ก็…ถังอวี่คนนั้น…”เธอสะอึกพร้อมถามอีกครั้ง “ที่รักฉันล่ะ?”เมื่อเห็นใบหน้าบึ้งตึงของฮั่วหยุนเซียว ฮานเฉิงก็ตัวสั่นด้วยความกลัว พลันร้องตะโกนในใจว่า มันจบแล้ว!ฮั่วหยุนเซียวคว้าแขนของเฉินมู่ไว้แน่น “ไม่มีที่รักอะไรทั้งนั้น ไป กลับบ้าน!”ที่รักบ้าบออะไรกัน เธอแค่มาดื่มกับถังอวี่ครั้งเดียว ทำไมถึงเรียกชื่อกันอย่างสนิทสนมได้เร็วแบบนี้? เฉินมู่ไม่รู้ว่าฮั่วหยุนเซียวคิดอย่างไร แต่ในหัวของเธอยังคงเต็มไปด้วยรถปอร์เช่คันหรู จากนั้นก็ตะโกนลั่นด้วยความไม่พอใจ “ฉันอยากให้ที่รักกลับบ้านกับฉันด้วย! ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมัน!”ฮานเฉิงถึงกับเงียบกริบ “…”ให้ตายเถอะ หุบปากได้แล้วคุณเฉิน ถ้ายังตะโกนต่อไปแบบนี้ มีหวังบิ๊กบอสคงได้ทำลายร้านเซียวเซียงซวนเป็นแน่ฮั่วหยุนเซียวดึงเธอกลับมาไว้ในอ้อมแขน “แล้วผมคืออะไร?”เฉินมู่อึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนขมวดคิ้วและจ้องเขม็งไปยังคนร่างสูง เสียงเล็กพูดตะกุกตะกัก “เทพ...เป็นเทพ...”ฮั่วหยุนเซียวจูงมือเธอและดันร่างบางให้เข้าไปในนั่งในรถ พร
เมื่อได้ยินเฉินมู่พูดแบบนั้น ฮั่วหยุนเซียวก็ขมวดคิ้วมุ่นทันทีเธอตัดใจทิ้งถังอวี่ไม่ลงอย่างนั้นเหรอ?พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนตอนที่เฉินมู่พูดถึงที่รักของเธอในร้านเซียวเซียงซวน แล้วบอกว่าเธออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมัน ความโกรธเคืองในใจของเขาก็รุนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่เขาก็ไม่สามารถเอาความโกรธมาลงที่สาวน้อยตรงหน้าได้ฮั่วหยุนเซียวหันหลังกลับและปิดประตูห้องดังปัง ทำให้เฉินมู่หน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ ร่างเล็กตะโกนเสียงดังกลับไป “ฉันไม่เปลี่ยน!”ขาเรียวสาวเท้าออกจากอะพาร์ตเมนต์ด้วยอารมณ์โกรธเคือง กลิ่นแอลกอฮอล์ยังคงคละคลุ้งไปทั่วร่างกายเฉินมู่นั่งรถกลับไปที่หอพักเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อสลัดภาพคนเมาให้กลับมาเป็นเฉินมู่คนเดิมทว่าขณะที่กำลังเป่าผมให้แห้ง ก็มีสายจากที่บ้านโทรเข้ามาเสียก่อน คนรับใช้รีบเอ่ยอย่างร้อนรน “คุณหนูใหญ่...คุณช่วยรีบกลับมาตอนนี้ทีค่ะ”เฉินมู่เอ่ยถาม “มีอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่บ้านอีกล่ะ?”“คุณหนูชิงเสวี่ย เธอกลับมาบ้านแล้ว แต่พอเธอกลับมา เธอก็เดินขึ้นไปเอาข้าวของของคุณออกมาโยนทิ้งจนหมดเลยค่ะ และตอนนี้ก็ไม่มีใครหยุดเธอได้เลย” คนรับใช้พูดอย่างกังวล“แล้วคุณปู่ล่
เฉินชิงเสวี่ยกัดฟันพูด “ฉันไม่บอกแกหรอก รู้ไหมว่าแกทำอะไรกับฉันไว้บ้าง? วันนี้คุณปู่ไม่อยู่ พ่อแม่ของฉันก็ไม่อยู่ ดูสิว่าใครจะช่วยแกได้บ้าง!”“แกเก่งมากไม่ใช่เหรอ? รู้ทั้งการตัดต่อภาพ รู้ทั้งการแฮกข้อมูล ทำไมถึงไม่หาเอาเองล่ะ? อ้อ ฉันลืมไป บ้านเราไม่มีกล้องวงจรปิดนี่เนอะ แกเลยหาไม่เจอไงล่ะ!”เฉินมู่พุ่งตัวไปหาเฉินชิงเสวี่ย และจ้องเขม็งอย่างดุดัน “จะไม่บอกใช่ไหม?”“ฉันก็พูดไปแล้วว่าไม่บอก ถ้ามีความสามารถก็หาเอง...อ๊ะ!”เฉินชิงเสวี่ยยังไม่ทันจะพูดจบ เฉินมู่ก็จิกหัวดึงผมของเธอไปที่ขอบบันได เธอตกใจมากจนพูดไม่ออกเฉินมู่ใช้มือข้างหนึ่งจับคอของเฉินชิงเสวี่ยไว้ พร้อมกดเธอแนบไปกับราวบันได พลันแสยะยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธีทำให้แกพูด!”ตอนที่ตระกูลเฉินซื้อคฤหาสน์หลังนี้ พวกเขาจะให้ความสนใจกับความสูงของบ้าน และการยืนมองเพดานสูงจากห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่ง ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความเจริญรุ่งเรืองของครอบครัวและในขณะที่เฉินชิงเสวี่ยถูกกดทับบนราวบันไดบนชั้นสอง ครึ่งหนึ่งของร่างกายเธอกำลังเอนออกไปนอกราวเธอมองเห็นแผ่นกระเบื้องที่พื้นชั้นหนึ่งทั้งหมด ราวกับว่าหัวของเธอกำลังจะทิ่มลงไปชั้นล่าง“เฉิ
เฉินชิงเสวี่ยกรีดร้องด้วยความตกใจ “เฉินมู่! แกจะทำอะไรอีก!”เฉินชิงเสวี่ยยังคงตกใจกับการกระทำของเฉินมู่เมื่อครู่นี้ และพอเห็นว่าเฉินมู่เตะประตูเข้ามา เธอก็กระโดดขึ้นบนเตียงอย่างเร็ว พร้อมคว้าผ้าห่มมาห่อตัวจนเหลือแค่คอกับหน้าที่โผล่ออกมาเฉินมู่โยนตำราอาหารเปียกน้ำที่ขาดหลุดรุ่ยลงบนตัวของเฉินชิงเสวี่ยอย่างแรง จนน้ำสระบัวคาว ๆ กระเด็นใส่ใบหน้าคนบนเตียง เฉินชิงเสวี่ยรู้สึกสะอิดสะเอียน “เฉินมู่! แกบ้าไปแล้วเหรอ!”เฉินมู่ยิ้มเหยียด “ฉันไม่ได้บ้า แต่วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี และแกก็ยังมายั่วโมโหฉันอีก”ขาเรียวเดินไปที่เตียงของเฉินชิงเสวี่ย พร้อมก้มลงถาม “น้องสาวที่รัก ไหนบอกฉันทีสิว่าของชิ้นไหนที่แกรักมากที่สุด?”เฉินชิงเสวี่ยเงียบ ก่อนจะถามตะกุกตะกัก “อะไร? หมายความว่าไง?”เฉินมู่โบกมือไปมา “ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันเลือกให้ดีกว่า ถ้างั้นเอาเป็น...เครื่องประดับกับกระเป๋าของแกดีไหม?”เฉินชิงเสวี่ยยังคงไม่เข้าใจความหมาย ทันใดนั้นเฉินมู่ก็เดินเข้าไปในห้องเสื้อผ้าของเฉินชิงเสวี่ยห้องเสื้อผ้าของชิงเสวี่ยใหญ่กว่าห้องนอนของเฉินมู่เสียอีก ภายในประกอบไปด้วยกระเป๋าแบรนด์เนมใบเล็กใบใหญ่ ทั้งหมดถูกจัดวางไ
เฉินชิงเสวี่ยตัวสั่นเทิ้มเบา ๆ และยังคงดื้อรั้นเพื่อรักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายเอาไว้ เธอยกยิ้มมุมปากขึ้นแล้วพูดว่า “เฉินมู่ แกมันก็แค่คนขี้อิจฉา ฉันมีพร้อมทุกอย่าง แต่แกน่ะไม่มีอะไรเลย!”“แกอิจฉาที่พ่อและซีเจ๋อรักฉัน แต่แกกลับต้องโดดเดี่ยวและขมขื่นอยู่ลำพัง!”“ก็แค่ทำสร้อยคอพังไม่กี่เส้น พรุ่งนี้ฉันจะเอามันไปซ่อม พอซ่อมเสร็จก็ใส่ได้ตามเดิมแล้ว ถ้าเก่งนักแกก็แกะเพชรออกมาตอนนี้เลยสิ! แกโตมาขนาดนี้ เคยเห็นเพชรมากี่เม็ดล่ะ? แกมันก็แค่นังบ้าหน้าตาอัปลักษณ์จอมขี้อิจฉาคนหนึ่ง!”เฉินมู่ยิ้มมาจาง ๆ ดวงตากระจ่างใสคู่นั้นจับจ้องไปยังเฉินชิงเสวี่ย “แกพูดถูก พรุ่งนี้พอซ่อมเสร็จแกก็เอาไปสวมได้ แต่หลังจากที่แกสวมมันแล้ว ก็อย่าลืมนึกถึงความรักของลู่ซีเจ๋อที่มีต่อแกบ้างล่ะ หรือว่า แกมัวแต่นึกถึงศักดิ์ศรีที่มันถูกเหยียบย่ำโดยของเหม็นคาวพวกนี้มากกว่า?”“เฉินชิงเสวี่ย ถึงแกจะใช้สิ่งเหล่านี้มาเป็นอาวุธให้ตัวเอง แต่มันก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าแกเป็นคนขี้ขลาดไม่ได้หรอกนะ!”เฉินชิงเสวี่ยนิ่งค้างราวกับโดนจี้ถูกจุด ใบหน้านั่นซีดขาว ร่างกายสั่นเทิ้ม พร้อมกัดฟันกรอดเสียงดังกึกเฉินมู่เดินไปข้างหน้า พลันตบแก้มของเฉ
เฉินมู่โทรไปหาฮั่วหยุนเซียว ปลายสายอีกฝั่งไม่มีใครรับ แต่สายก็ไม่ได้ถูกตัดทิ้งและเสียงรอสายในมือถือก็คงเบื่อที่จะรอเหมือนกัน ผ่านไปพักใหญ่เสียงทื่อ ๆ ของผู้หญิงก็ดังขึ้น “ขอโทษค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่มีคนรับสายชั่วคราว...”เฉินมู่ขบกรามแน่นแล้วโบกรถคันหนึ่งทันที “ไปอาคารฮั่วกรุ๊ป”ตลอดทาง เฉินมู่กดโทรหาฮั่วหยุนเซียวสามครั้ง แต่ก็ไม่มีคนรับสายเลย เธอจึงลองกดโทรหาฮานเฉิง แต่ก็ไม่มีคนรับสายอีกเช่นกันดูเหมือนว่าสองคนนี้จะหายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอยไปด้วยกัน เฉินมู่รู้แล้ว ฮั่วหยุนเซียวจงใจ เขาจงใจทำเป็นเมินเธอชั้นบนสุดของฮั่วกรุ๊ป ณ ห้องทำงานท่านประธานฮั่วหยุนเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ พลางถูมือไปมาแล้วลองถามหยั่งเชิง “พี่ครับ พี่ช่วยลองพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้งไหม? ตอนนี้อาชีพการงานของถังอวี่อยู่ในช่วงที่กำลังไปได้สวยนะ แล้วอยู่ดี ๆ ทำไมถึงส่งเขาไปต่างประเทศล่ะ?”ฮั่วหยุนเซียวเคาะคีย์บอร์ดเสียงดังก๊อกแก๊ก “ไม่ต้องคิดแล้ว ไปคืนนี้นั่นแหละ”ฮั่วหยุนเฉินถามอย่างระมัดระวังอีกครั้ง “แต่พี่ตอบตกลงว่าจะให้เขาเซ็นสัญญากับคุณเฉินไปแล้วนะ ทำแบบนี้มันไม่ต่างกับเด็กแย่งความรักกันเลยนะพี่?”ฮานเ
พนักงานต้อนรับพิจารณาเฉินมู่แวบหนึ่ง การแต่งตัวที่แสนธรรมดา หน้าก็ไม่ได้แต่ง เส้นผมก็ไม่ได้จัดหวีให้เรียบร้อย นอกจากหน้าตาที่ดูดีนิดหน่อยแล้ว ทั้งตัวก็ไม่เห็นจะมีของมีค่าอะไรเลยดังนั้นหล่อนจึงตอบแบบขอไปทีว่า “ก็ได้ค่ะ”พูดจบหล่อนก็ทำทีเดินไปทางลิฟต์แล้วเยาะเย้ยกับเพื่อนร่วมงานข้างกาย “แค่ดูก็รู้แล้วว่ามาเพราะเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แค่กฎของที่นี่ก็ไม่รู้เลยสักนิด!”“ใช่ไหมล่ะ แล้วยังมีหน้าพูดอีกว่า ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนก็จะรอ หล่อนไม่รู้เหรอว่าท่านประธานมักจะใช้ลิฟต์พิเศษตรงไปยังโรงรถ แถมยังไม่เคยเดินผ่านทางห้องโถงใหญ่เลย”“ก็ให้หล่อนรอไปสิ รอจนฟ้ามืดก็ไม่เจอหรอก!”เฉินมู่ที่มีประสาทหูไว พอได้ยินประโยคนั้นก็สะดุ้งตัวโหยง พูดถูกแล้ว! อย่างไรฮั่วหยุนเซียวก็ต้องเดินไปที่โรงรถ!ร่างเล็กพุ่งตัววิ่งขึ้นไปบนบันได พร้อมเปิดประตูและวิ่งตรงไปจนถึงโรงจอดรถชั้นใต้ดิน พนักงานต้อนรับยังตะโกนไล่หลังมาไม่หยุด “เฮ้! เธอจะวิ่งไปไหนน่ะ!”“ใครก็ได้รีบมาเร็วเข้า! รีบไปแจ้งผู้ช่วยฮานที! มีคนนั่งยอง ๆ เฝ้าอยู่ที่รถของท่านประธาน!”เฉินมู่ขบกรามแน่นด้วยความโกรธ เฝ้ารถ? เธอไม่ได้รีบมาที่นี่เพื่อเรื่องรัก ๆ ใคร่
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง