เฉินมู่ตกตะลึงอยู่นาน แล้วถามกลับ “คุณน่าจะโทรผิดนะคะ คุณเป็นใครคะ?”“ฉันไม่ได้โทรผิด! เธอ! เธอทำร้ายฉันเมื่อวานนี้! และตอนนี้ฉันต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว! เธอรีบมาที่โรงพยาบาลด่วนเลย! หรือต้องให้ฉันฟ้องเธอก่อนห๊ะ!” ชายคนนั้นพูดต่อเฉินมู่กระพริบตาปริบ ๆ “ถังอวี่เหรอ?”เฉินมู่แน่ใจว่า เมื่อวานนี้เธอไม่ได้ทำอะไรกระทบกระเทือนจิตใจของถังอวี่เลย ดังนั้นมือเรียวจึงวางโทรศัพท์ลง และทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยคก่อนกดวาง “ก็แล้วแต่ จะฟ้องก็ฟ้องเลย”ทว่าเสียงเรียกเข้ากลับดังขึ้นอีกครั้ง เฉินมู่จึงตอบกลับด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ถังอวี่! นี่คุณยังไม่จบอีกเหรอ คุณ…”“มาที่โรงพยาบาลเลย ไม่งั้นฉันจะฟ้องร้องเฉินหยวนแทน!” ถังอวี่พูด “ฉันรู้ว่าภูมิหลังครอบครัวของเฉินหยวนเป็นแค่ครอบครัวฐานะธรรมดา ๆ ดังนั้นถ้าฉันฟ้องร้องขึ้นมา ครอบครัวของหล่อนต้องลำบากแน่!”เฉินมู่มองไปยังรอยยิ้มอ่อนหวานของเฉินหยวนที่กำลังหยิบขนมปัง แล้วยื่นมาให้เฉินมู่ ริมฝีปากนั่นเผยรอยยิ้มบางเบา “ใครเหรอ? กินข้าวก่อนเถอะ มันเย็นหมดแล้ว”เมื่อตอนที่เธอยังเป็นนักฆ่า เธอเคยยืนหยัดช่วยเหลือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ใสซื่อบริสุทธิ์ไว้ไ
ถังอวี่เหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ความหงุดหงิดในดวงตาของหญิงสาวแสดงออกมาอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ต้องการเล่นกับเขาถังอวี่จึงปล่อยจอยคุมเกมในมือแล้วนอนเหยียดขาตรงบนเตียง ไปดอลหนุ่มจัดวางท่าทางให้ดูองอาจ พลางกรอกตามองเพดานไปมา “น่าเบื่อ อุตส่าห์ตามหาความสนุกมานาน และเธอคือความสนุกเดียวที่ฉันหาเจอ”ใบหน้าของเฉินมู่คลายความหงุดหงิดลง ก่อนตอบ “ถังอวี่…ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำให้คุณมีความสุขหรอกนะ”ถังอวี่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปเถอะ แต่เธอทำให้ฉันโกรธอยู่ เธอก็ต้องแบกรับความเสี่ยงเองนะ”คำพูดนั้นเป็นเสมือนภัยคุกคามแบบที่เฉินมู่กลัวน้อยที่สุดในชีวิต เนื่องจากอารมณ์ขึ้นลงของเด็กน้อยถังอวี่ ยิ่งเขาติดเธอมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีมากเท่านั้นเธอหันกลับและเดินออกจากวอร์ด พร้อมปิดประตูเสียงดังปังถังอวี่ตกใจตะโกนลั่น “ไปเลย ไปเลย ฉันไม่เซ็นให้หรอก!”ทว่าสองนาทีต่อมา ถังอวี่กลับพูดพึมพำราวกับสาปแช่ง “นังผู้หญิงบ้า! จะไปจริง ๆ เหรอ!"เขาลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไล่ตามเธอออกไป แต่พอเปิดประตูวอร์ด ไอดอลหนุ่มจำต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นฮานเฉิงในชุดสูทสีดำและรองเท้าหนัง พร้อมถือถุงกระดาษส
นับตั้งแต่เฉินมู่ทำให้คนในสาขาเขียนบทและกำกับการแสดงภูมิใจ จางหยางก็ได้กลายเป็นแฟนคลับอันดับหนึ่งของเธอ และความชอบของเขามันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆเฉินมู่พูดด้วยรอยยิ้ม “มันก็แค่การตั้งแคมป์ ฉันไปกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่มหรอก”จางหยางถอนหายใจด้วยความโล่งอก “งั้นก็ดีเลย เราจะเดินทางตอนสี่โมงเย็นนะ รถบัสของผู้สนับสนุนจะจอดรออยู่ที่ประตูมหาวิทยาลัย ถ้าเธอเก็บของเสร็จแล้ว ฉันจะพาเธอไปที่นั่น”เฉินมู่ขอบคุณอย่างสุภาพ เธอกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่หอพักและนำเสื้อคลุมมาเพิ่ม ทว่าหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ละเอียด มือบางก็หยิบยาสำหรับใว้ใช้ในเหตุการณ์ฉุกเฉินใส่ลงกระเป๋าด้วย จากนั้นค่อยส่งข้อความบอกฮั่วหยุนเซียวว่า สองวันนี้เธอจะไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัย เพราะไม่อยากให้ฮั่วหยุนเซียวต้องรอเก้อเวลาสี่โมงเย็น เฉินหยวนก็เดินลงไปส่งเฉินมู่ จางหยางยืนรออยู่ที่ชั้นล่าง ทั้งสามคนพูดคุยและผลัดกันสอนวิธีเข้าแคมป์ให้เฉินมู่ “สถานที่ตั้งแคมป์อยู่แถบซีซาน คืนนี้บนภูเขาอากาศค่อนข้างเย็น ต้องนำเสื้อกันหนาวไปเยอะ ๆ หน่อย”“อีกอย่าง เธออย่าเดินไปไหนไปมั่วซั่วล่ะ ไม่งั้นตอนกลางคื
“ก็ไปแคมป์ไง!” ถังอวี่หันกลับมา พลางยกเท้าขึ้นแล้ววางขายาวทั้งสองข้างลงบนที่นั่งอีกฝั่งจากนั้นก็เอนหลังนั่งลงข้าง ๆ เฉินมู่เถียนอวี๋จ้องมองชายในฝันอย่างถังอวี่ที่นั่งอยู่ข้างเฉินมู่ด้วยอารมณ์โกรธเคืองเฉินมู่ได้แต่คิดในใจว่า นี่มันคือการนั่งรถพาเธอไปเชือดชัด ๆ ราวกับสุภาษิต ‘งานเลี้ยงหงเหมิน’ ที่ใช้งานเลี้ยงมาเป็นเครื่องมือสงครามฆ่าคน ร่างเล็กขมวดคิ้ว “ถังอวี่ ไหนว่าคุณป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ? แล้วไม่คิดไปทำงานทำการบ้างหรือไง?”ถังอวี่หยิบคอนโซลเกมออกมา มือหนากดปุ่มเล่นเกม พลางเอ่ยตอบบอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันไม่ได้บอกเหรอ ว่าตอนนี้เธอคือความสนุกที่สุดของฉัน ฉันเลยไปแคมป์ด้วยไง!”เฉินมู่ “…”รถบัสขับออกจากเมืองปินไห่ไปยังชานเมือง และหยุดที่อยู่บริเวณตีนเขาซีซาน จากตรงนี้ไป พวกเขาต้องขนอุปกรณ์ตั้งแคมป์ขึ้นไปบนภูเขาด้วยตัวเองเฉินมู่หยิบกระเป๋าตั้งแคมป์ของตนเองลงจากรถบัส ร่างเล็กกำลังจะหิ้วเป้ขึ้นภูเขา แต่เมื่อหันหลังกลับ ดันพบว่าคนอื่น ๆ ต่างนั่งรถมากันแบบไม่มีกระเป๋าเดินทางเฉินชิงเสวี่ยพูดเบา ๆ “เฉินมู่ จางหยางไม่ได้บอกเธอเหรอ? อุปกรณ์ตั้งแคมป์ของเราถูกส่งไปที่ค่ายล่วงหน้าแล้ว”"เรามาเพื
เมื่อจบประโยคถังอวี่ก็ผละตัวออกจากเถียนอวี๋ พลางเดินไปยืนข้าง ๆ เฉินมู่ จนเฉินมู่ขมวดคิ้วถามอย่างช่วยไม่ได้ “จะทำอะไรอีกล่ะ?”ถังอวี่พูดตะกุกตะกัก “ให้ฉันช่วยเธอถือนะ”ร่าบางอึ้งไปสักพักแล้วหันหน้ามาสบตาอีกฝ่ายตรง ๆ “คุณคงไม่ถือโอกาสนี้โยนเป้ฉันทิ้งหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วคืนนี้ฉันจะไปนอนที่ไหน?”ถังอวี่อ้าปากค้าง “…ในใจเธอมองว่าฉันเป็นคนไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ!"เฉินมู่ก้าวเท้าไปข้างหน้า “คุณคิดผิดแล้ว คุณไม่ได้อยู่ในใจฉันเลยต่างหาก”ถังอวี่ “…”หลังจากเดินมาได้ครึ่งชั่วโมง ในที่สุดนักศึกษาทั้งหมดก็มาถึงค่าย เต็นท์ของของเฉินชิงเสวี่ยได้ถูกกางไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอให้พวกเขาเข้าไปอยู่เท่านั้นเตาบาร์บีคิวถูกจัดเตรียมไว้บนพื้นราบที่ว่างเปล่า มันดูเหมือนเป็นการตั้งแคมป์จริง ๆเฉินมู่ตั้งเต็นท์คนเดียว จากนั้นก็พาตัวเองเข้าไปนอนพักผ่อนเถียนอวี๋กับเฉินชิงเสวี่ยช่วยกันปิ้งบาร์บีคิวอยู่ด้านนอก เถียนอวี๋ชี้ไปยังจุดที่เฉินมู่พักอยู่อย่างโจ้งแจ้งแล้วกระซิบกระซาบ “ไม่รู้ว่ายัยขี้เหร่ที่หน้ามีรอยแผลเป็นนั่นจะหยิ่งอะไรหนักหนา?”เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจเบา ๆ ข้างเธอ “ก็เธอเอาชนะรุ่นพี่ถัง
ถังอวี่ตอบกลับเสียงสูงราวตื่นกลัว “เฉินมู่ เธอรู้ไหมว่า เมื่อก่อนตอนที่หุบเขาซีซานยังไม่มีเขตป้องกัน มีหลายคนชอบมาวางกับดักเพื่อหาอาหารป่า!”เฉินมู่ส่ายหัว “ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยมาที่ซีซาน”ถังอวี่จึงบอกเธอเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ด้วยความสนใจ “เมื่อไม่กี่ปีก่อน นักปีนเขาค้นพบนกหายากที่นี่ แม่น้ำและภูเขาเกือบครึ่งลูกถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่คุ้มครอง ตอนนี้ทางการจึงจัดให้พื้นที่นี้เป็นระบบนิเวศกึ่งดึกดำบรรพ์”“พ่อค้าจำนวนมากกำลังมองหาทรัพยากรที่นี่ ทุกคนล้วนต้องการเริ่มโครงการของตัวเอง เพื่อที่จะได้ทำกำไรงาม ๆ ออกมา ฉันเดาว่าตระกูลลู่ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่อยากเริ่มโครงการที่นี่ พวกเขาเลยคิดโครงการตั้งแคมป์นี้ขึ้นมา” เฉินมู่ก้มลงเก็บฟืน พลางเอ่ยตอบ “แล้วสิทธิในการพัฒนาของซีซานเป็นของทางการเมืองปินไห่ หรือของคนกลุ่มไหนกันแน่?”ถังอวี่ส่ายหัว “ฉันไม่รู้ แต่ฉันไม่ได้เคยได้ยินว่าที่นี่เป็นของใครนะ”เฉินมู่เดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ถังอวี่เองก็เดินตามเธอมาติด ๆ พลันตะโกนเสียงดัง “เฉินมู่ เธอเดินช้า ๆ หน่อย บางทีอาจจะเจอกับดักสัตว์ก็ได้!”ทันทีที่เสียงหายไป ถังอวี่ก็กรีดร้องดัง “อ๊ากกกก!” และล้มลงกั
ตอนนี้ถังอวี่เจ็บปวดเกินกว่าที่จะหงุดหงิดกับคำพูดของอีกฝ่าย “ตัวเล็กขนาดนี้ แล้วจะแบกฉันเนี่ยนะ? เธอคงไม่อยากฉวยโอกาสตอนฉันอาการบาดเจ็บ โยนฉันลงจากภูเขาใช่ไหม?”ถังอวี่นี่ช่างพูดเสียจริง เฉินมู่ดึงร่างสูงให้ลุกขึ้น ก่อนจะย่อตัวลงให้เขาขี่หลัง จากนั้นก็กันเดินออกจากป่าถังอวี่วางมือบนไหล่ของเฉินมู่ และมองที่หลังศีรษะของเธอ พร้อมความรู้สึกซับซ้อนที่อยู่ในใจ “ทำไมพวกเขาถึงมุ่งเป้าไปที่เธอล่ะ?”เฉินมู่เงียบ… นี่เขายังต้องการรู้เหตุผลส่วนตัวอีกเหรอ?มันคงเป็นเพราะเมื่อก่อนเธอขี้เหร่และโง่เขลา เธอที่ดื้อรั้นมาเป็นเวลายี่สิบปี ถูกความร้ายกาจของคนพวกนั่นสังหารจนเสียชีวิต ทว่ากลับฟื้นขึ้นมาใหม่เฉินมู่พาถังอวี่กลับไปที่แคมป์ พอเถียนอวี๋เห็นว่าเฉินมู่และถังอวี่ทำตัวสนิทสนมกันมาก หล่อนก็รีบวิ่งเข้าไปตวาดใส่ทันที “เฉินมู่! นี่เธอทำอะไร!”เฉินมู่เดินเข้าไปในเต็นท์ ทั้ง ๆ ที่ยังมีถังอวี่อยู่บนหลัง จากนั้นพูดว่า “เขาได้รับบาดเจ็บ รีบโทรเรียกรถพยาบาลด่วนเลย”เถียนอวี๋ผงะไปพักหนึ่ง พลันวิ่งไปที่ด้านข้างของถังอวี่ แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “รุ่นพี่ถังอวี่! เท้าของพี่…โอ้ พระเจ้า! ขาพี่จะหักไหมเนี่ย
เถียนอวี๋มีแผนการในใจแล้ว เธอไปที่เต็นท์ของเฉินมู่อย่างกระตืนรือร้นเพื่อส่งอาหารให้ถังอวี่ พร้อมประจบประแจงไม่หยุด “รุ่นพี่ถังอวี่ พี่ลองชิมอันนี้ไหมคะ? ถ้าอร่อยฉันจะไปเอามาให้อีกนะคะ!”“รุ่นพี่ถังอวี่ พี่ยังเจ็บอยู่ไหมคะ? ให้ฉันเป่าแผลให้เอาไหม?”“รุ่นพี่ถังอวี่ ไปดูดาวบนเขาด้วยกันไหมคะ?”ถังอวี่คิ้วกระตุกพลันตวาดอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันเจ็บขนาดนี้! ยังจะมาดูดาวอะไรอีกล่ะ!”เถียนอวี๋จึงถอยออกไปก้าวหนึ่ง “รุ่นพี่ถังอวี่ ถ้าอย่างนั้น ให้ฉันพาพี่กลับไปพักผ่อนที่เต็นท์เอาไหมคะ?”ถังอวี่โบกมืออย่างหมดความอดทน “ไม่ต้อง! อีกเดี๋ยวฉันจะกลับไปเอง!”เถียนอวี๋ถูกทิ้งแล้ว ส่วนถังอวี่ก็ครอบครองตำแหน่งเตียงอย่างไม่ใส่ใจ เฉินมู่จึงทำได้นั่งพิงพนังเต็นท์อยู่อีกด้านเธอมองกับดักหมีในมืออย่างครุ่นคิด มันแทบจะเป็นของใหม่เอี่ยม ถ้าด้านบนไม่ได้เปื้อนเลือดของถังอวี่ แล้วมีคนบอกว่าพึ่งเอามันออกมาจากร้านค้า เธอก็คงจะเชื่อหมดใจเสียงบ่นของถังอวี่ค่อย ๆ เบาลง และตอนนี้เฉินมู่เองก็ไม่อยากปลุกเขา ร่างเล็กจึงอาศัยผนังอีกฝั่งเป็นที่พักพิง จากนั้นก็ค่อย ๆ เข้าสู่นิทราไปภายในฝันนั้นเป็นภาพการต่อสู้ที่รุนแรง เ
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง