ลิฟต์กำลังเลื่อนลง นอกจากพวกเขาแล้วในลิฟต์ก็ไม่มีคนอื่นเฉียวสือเนี่ยนมองดวงตาสดใสของโจวหยางอิง ในนั้นวูบไหวไปด้วยความหวังราง ๆราวกับว่าขอแค่เธอพยักหน้า เขาก็พร้อมที่จะพูดทุกอย่างที่กักเก็บไว้ออกมาแม้ว่าโจวหยางอิงจะไม่เคยชัดเจนในความรู้สึกของตัวเอง แต่เฉียวสือเนี่ยนก็พอจะสังเกตได้ว่าโจวหยางอิงมีคว
หลีซูเหยียนได้ยินแบบนั้นก็นิ่งงันไปทันทีต่อมานัยน์ตาของเธอก็แดงก่ำ “ประธานฮั่ว เมื่อวานฉันทำให้สือเนี่ยนและคุณอิ๋นต้องมาซวยโดนน้ำร้อนลวกมือ แต่นั่นมันเป็นเพียงอุบัติเหตุ คุณจะให้ฉันอธิบายอะไร?”ใบหน้าหล่อเหลาของฮั่วเยี่ยนฉือเย็นชา “คุณหลี คุณเป็นคนฉลาด เรื่องอะไรทำได้เรื่องอะไรทำไม่ได้ ผมหวังว่าคุณ
“ขออยู่ในสถานะนี้ไปก่อนดีกว่าค่ะ ให้หนูกับฮั่วเยี่ยนฉือได้ทำความรู้จักกันก่อน!”หลีซูเหยียนวางพุดดิ้งในมือลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มหวาน “ถึงเวลานั้นถ้าเขายังไม่อยากเกี่ยวดองกับตระกูลของเราจริง ๆ จะได้ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น!”ฮั่วหย่วนเจ๋อรีบแสดงออกอย่างแข็งขัน “เยี่ยนฉือต้องยอมแน่นอน ถึงอย่างไรซูเ
เมื่อเห็นสีหน้าของเฉียวสือเนี่ยนที่แฝงไปด้วยความห่างเหิน ฮั่วเยี่ยนฉือจึงเม้มปากลง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ยาที่คลินิกจ่ายให้เธอเมื่อวานอยู่บนรถฉัน”ตอนนั้นเฉียวสือเนี่ยนเพียงต้องการหลบหน้าหลิวเสี่ยวซือ เธอจึงไม่ได้นำยากลับมาด้วย แต่ก่อนที่จะกินข้าว โจวหยางอิงได้ยืนกรานที่จะช่วยไปซื้อยาจากร้
ซ่งชิงชวนเมื่อได้ยินว่าซ่งม่านตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการทดสอบภายในของบริษัทเกมในวันนี้ เขาจึงตั้งใจหาเวลามาให้กำลังใจเธอเมื่อได้ยินคำแนะนำของซ่งม่าน ซ่งชิงชวนจึงหันไปมองทางเฉียวสือเนี่ยน ก่อนจะถามด้วยความสุภาพ “คุณเฉียวจะว่าอะไรไหมครับ?”เพราะเมื่อก่อนซ่งชิงชวนให้ความรู้สึกไม่ค่อยเป็นมิตรกับเฉียวสื
“เสี่ยวซือ!”ผู้จัดการของโจวหยางอิงทักเธออย่างดีใจเมื่อได้ยินชื่อนี้ คิ้วสวยของเฉียวสือเนี่ยนก็ขมวดลง เสี่ยวซือที่ผู้จัดการเอ่ยทักคงจะไม่ใช่อิ๋นเสี่ยวซือ เน็ตไอดอลคนนั้นใช่ไหม?ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาเมื่อเฉียวสือเนี่ยนหันหลังมามองก็พบว่าเป็นอิ๋นเสี่ยวซือจริง ๆ ราวกับว่าเธอม
เฉียวสือเนี่ยนไม่อยากมีปากเสียงกับฮั่วเยี่ยนฉือที่นี่ แต่เมื่อเขาพุ่งเป้ามาที่โจวหยางอิงแบบนี้ เธอก็ไม่อาจอยู่เฉยได้สีหน้าของฮั่วเยี่ยนฉือเต็มไปด้วยความไม่พอใจมากกว่าเดิม ส่วนอิ๋นเสี่ยวซือกำลังน้ำตาไหลด้วยความเสียใจ “คุณเฉียว นี่คุณเปรียบฉันเป็นสุนัขหรือเปล่า?”“ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย ก็แค่ชื่นชมเสน่ห
เฉียวสือเนี่ยนรอไม่นานนัก เลขาฮ่าวก็โทรกลับมาในสาย เลขาฮ่าวบอกว่าตอนนี้ป๋ายอีอีถูกขังอยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็น “ผู้ดูแล” แต่ก็แทบจะไม่ค่อยเจอใครเลยจากการเฝ้าสังเกตการณ์ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ครั้งที่ผ่านมานั้น อาการของป๋ายอีอีก็แย่พอสมควร บางทีก็นั่งเหม่อลอย บางทีก็เกรี้ยวกราดจนคนไ
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั