เมื่อได้ยินคำพูดของฮั่วเยี่ยนฉือ ฮั่วหย่วนเจ๋อก็เอ่ยราวกับเป็นเรื่องธรรมดา “แม้ฉันจะไม่คำนึงถึงความคิดของย่าแก แต่ฉันก็ต้องคำนึงถึงหน้าตาของตระกูลหลีด้วย!”“ถ้าบีบบังคับเฉียวสือเนี่ยนหย่า และค่อยให้แกแต่งงานทางธุรกิจกับตระกูลหลี น้ำสกปรกพวกนี้จะไม่ต้องสาดไปทางตระกูลหลีงั้นเหรอ? ถึงตอนนั้นตระกูลหลียั
ลู่เฉินหนานเข้าใจถึงความคิดของฮั่วเยี่ยนฉือ เขาก็ถอนหายใจอยู่ในใจ ถ้าพี่ฉือมีสติแบบนี้ตั้งแต่แรก แล้วเฉียวสือเนี่ยนจะยืนกรานอยากหย่าขนาดนั้นอีกทำไม?ช่างเถอะ ไม่พูดถึงเรื่องปวดใจดีกว่าลู่เฉินหนานถาม “พี่ฉือ เรื่องของป๋ายซื่ออวี้ตำรวจมีผลสรุปแล้วใช่ไหม? ก่อนหน้านี้พี่ให้คนตรวจสอบลุงฮั่ว และสงสัยว่าเ
เหตุผลที่ฟู่เถียนเถียนโน้มน้าวเฉียวสือเนี่ยนนั้นง่ายมาก บอกว่าตอนนี้ร่างกายโม่ซิวหย่วนยังคงอ่อนแออยู่ คาดว่าจะมีสิ่งที่ต้องตรวจสอบอีกเยอะเฉียวสือเนี่ยนเองก็ดูท่าจะอ่อนเพลียและไม่สดชื่นเลยเหมือนกันดังนั้นเธอจึงแนะนำให้เฉียวสือเนี่ยนพักผ่อนสักหนึ่งคืน และวันพรุ่งนี้อาการของโม่ซิวหย่วนคงที่บ้างแล้วค่
เธอแปรงฟันล้างหน้าก่อนรอบหนึ่ง และเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเอง ทั้งยังทาลิปติกสีแดงอีกเล็กน้อยด้วย“เถียนเถียน เธอว่าฉันดูเป็นอย่างไร?” เฉียวสือเนี่ยนถามในการแสดงออกของฟู่เถียนเถียนฉายแววตกใจเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พยักหน้า “สวยดีนะ”“นี่เธอทำท่าทางอะไรน่ะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” เฉียวสือเนี่ยนขมวดคิ้วแน
ซ่งม่านมองเฉียวสือเนี่ยนที่ทำท่าเบิกตาโตไม่ขยับเขยื้อน และกำลังตั้งใจจะพูดออกไป——“คุณเฉียว ขอโทษด้วยนะคะ” โม่ซิวหลานกลับเอ่ยปากอย่างอ่อนโยน“แม้อาหย่วนจะฟื้นขึ้นมา แต่อาการยังไม่ดีขึ้นมาก คุณหมอบอกว่าเขาจำเป็นต้องพักผ่อนเยอะ ๆ ดังนั้นเรื่องราวบางอย่างฉันเลยไม่ทันได้บอกเขา”หลังจากเฉียวสือเนี่ยนเกิด
ซ่งชิงชวนวางของขวัญในมือลง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงมีน้ำหนักพอดี “ผมได้ยินเรื่องสถานการณ์ของพวกคุณมาจากม่านม่าน เมื่อครู่เพิ่งไปหาอาหย่วนมาเลยมาดูคุณด้วย”เฉียวสือเนี่ยนกล่าวขอบคุณซ่งชิงชวน เมื่อเชิญเขานั่งลงแล้ว เฉียวสือเนี่ยนก็อดเอ่ยถามออกไปไม่ได้ “โม่ซิวหย่วนเป็นยังไงบ้างคะ เขายังโอเคใช่ไหม?”เพราะโ
เฉียวสือเนี่ยนไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว เวลาคนเราต้องใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวมักจะอ่อนแอ ซาบซึ้งใจต่อความเอาใจใส่และความอบอุ่นที่คนอื่นมอบให้ได้ง่ายดายและยิ่งต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศแบบนั้นอีกดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้อย่างที่ซ่งชิงชวนพูดนั้นเป็นไปได้มากทีเดียว“คุณพ่อคุณแม่ของผมยอม
ในเมื่อซ่งม่านรู้แล้ว เฉียวสือเนี่ยนก็ไม่คิดปฏิเสธ กลับเอ่ยถามออกไปตามตรง “แล้วเธอคิดยังไง จะไปต่างประเทศกับโม่ซิวหย่วนไหม?”“นี่เธอพูดอะไรของเธอ ฉันไม่ไปอยู่แล้ว!”ซ่งม่านโกรธเคือง “แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรกับโม่ซิวหย่วนด้วย จะให้ไปต่างประเทศกับเขาทั้ง ๆ ที่ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรเลยแบบนั้นมันบ้าบอสิ้นด
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั