ซ่งม่านมองเฉียวสือเนี่ยนที่ทำท่าเบิกตาโตไม่ขยับเขยื้อน และกำลังตั้งใจจะพูดออกไป——“คุณเฉียว ขอโทษด้วยนะคะ” โม่ซิวหลานกลับเอ่ยปากอย่างอ่อนโยน“แม้อาหย่วนจะฟื้นขึ้นมา แต่อาการยังไม่ดีขึ้นมาก คุณหมอบอกว่าเขาจำเป็นต้องพักผ่อนเยอะ ๆ ดังนั้นเรื่องราวบางอย่างฉันเลยไม่ทันได้บอกเขา”หลังจากเฉียวสือเนี่ยนเกิด
ซ่งชิงชวนวางของขวัญในมือลง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงมีน้ำหนักพอดี “ผมได้ยินเรื่องสถานการณ์ของพวกคุณมาจากม่านม่าน เมื่อครู่เพิ่งไปหาอาหย่วนมาเลยมาดูคุณด้วย”เฉียวสือเนี่ยนกล่าวขอบคุณซ่งชิงชวน เมื่อเชิญเขานั่งลงแล้ว เฉียวสือเนี่ยนก็อดเอ่ยถามออกไปไม่ได้ “โม่ซิวหย่วนเป็นยังไงบ้างคะ เขายังโอเคใช่ไหม?”เพราะโ
เฉียวสือเนี่ยนไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว เวลาคนเราต้องใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวมักจะอ่อนแอ ซาบซึ้งใจต่อความเอาใจใส่และความอบอุ่นที่คนอื่นมอบให้ได้ง่ายดายและยิ่งต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศแบบนั้นอีกดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้อย่างที่ซ่งชิงชวนพูดนั้นเป็นไปได้มากทีเดียว“คุณพ่อคุณแม่ของผมยอม
ในเมื่อซ่งม่านรู้แล้ว เฉียวสือเนี่ยนก็ไม่คิดปฏิเสธ กลับเอ่ยถามออกไปตามตรง “แล้วเธอคิดยังไง จะไปต่างประเทศกับโม่ซิวหย่วนไหม?”“นี่เธอพูดอะไรของเธอ ฉันไม่ไปอยู่แล้ว!”ซ่งม่านโกรธเคือง “แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรกับโม่ซิวหย่วนด้วย จะให้ไปต่างประเทศกับเขาทั้ง ๆ ที่ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรเลยแบบนั้นมันบ้าบอสิ้นด
โม่ซิวหลานพยักหน้า “ฉันไม่มีอะไรต้องตำหนิการกระทำของคุณเฉียวหรอกค่ะ เพียงแต่ก่อนที่คุณเฉียวจะเข้าไปหาอาหย่วน พอจะสะดวกฟังฉันพูดสักสองสามประโยคไหมคะ?”เฉียวสือเนี่ยนเข้าใจทันทีว่า โม่ซิวหลานตั้งใจรอเจอเธอเธอส่งข้อความหาซ่งม่าน บอกว่าเธอจะไปถึงช้าหน่อยแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น เฉียวสือเนี่ยนเดินตามโม่ซิว
เฉียวสือเนี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเคาะประตูห้องคนไข้ซ่งม่านเดินมาตรงทางเดินแล้วมอง เธอเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “เธอไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้ช้าขนาดนี้?”เฉียวสือเนี่ยนฝืนยิ้มออกมา “คนรอลิฟต์ค่อนข้างเยอะน่ะ”ซ่งม่านมองเฉียวสือเนี่ยนที่มีท่าทางราวกับคนงามที่ใกล้แตกสลายแล้ว คิดว่าว่าเฉียวสือเนี่ยนคงจะกัง
ต้องยอมรับเลยว่าเหตุผลของโม่ซิวหย่วนนั้นมีน้ำหนักมากเฉียวสือเนี่ยนตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “นายกลัวว่าเธอจะทำทีเป็นปล่อยวางแล้วรุกเข้ามาใหม่ เลยไม่กล้าวางใจ อยากรอดูอีกสักพักหนึ่ง”โม่ซิวหย่วนหยิบยกเรื่องที่เฉียวสือเนี่ยนมาที่ห้องผู้ป่วยเมื่อสองวันก่อนขึ้นมาอีกว่า น้ำเสียงของเธอเวลาคุยกับเขานั้นดูสนิท
เฉียวสือเนี่ยนชะงักฝีเท้า เธอกันกลับไปมองโม่ซิวหย่วน น้ำเสียงของเธอแหบพร่า “มีอะไรเหรอ?”โม่ซิวหย่วนเห็นท่าทางซวนเซจวนจะล้มของเฉียวสือเนี่ยนแล้ว ในใจพลันเกิดความไม่สบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกแต่เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเขาเองต้องเรียกเฉียวสือเนี่ยนด้วย ทั้งที่เขาไม่ได้มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับเธอเลย“ในเมื