เฉียวสือเนี่ยนคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีหลังผ่านการพิจารณาและคัดเลือกมาแล้วหนึ่งรอบ ในที่สุดเธอก็จำชื่อสตูดิโอและที่อยู่ของอีกฝ่ายได้เฉียวสือเนี่ยนและซ่งม่านเดินทางไปตามที่อยู่นั้น พวกเธอพบว่าสตูดิโอของอีกฝ่ายมีขนาดแค่ไม่กี่สิบตารางเมตร จำนวนคนที่รวมทั้งผู้สร้างกับผู้ออกแบบแล้วมีเพียงสามสี่คนเท่านั้น
ไม่รั้งรอให้หลีพัวถิงพูดจา ชายสูงวัยคนนั้นก็กล่าวชมออกมาเสียงดังลั่น “โดยเฉพาะคิ้วกับตา แทบจะโขกกันออกมาเลยเชียว!”เฉียวสือเนี่ยนมองคิ้วคมและดวงตาเป็นประกายสดใสของนายท่านหลี แม้ว่าจะเลยวัยกลางคนไปแล้ว แต่กลับดูไม่แก่ชราเลยสักนิดเดียว ช่วงคิ้วและดวงตามีแต่ความองอาจ พอเดาออกได้เลยว่าตอนหนุ่ม ๆ จะต้องเ
“ประธานฮั่วกับคุณโม่เป็นห่วงคุณมากนะคะ กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรกับคุณ พวกเขาถึงได้รีบไปแบบนั้น” หลีซูเหยียนพูดจาหยอกเย้าเฉียวสือเนี่ยนหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และไม่ได้คุยเรื่องนี้กับหลีซูเหยียนอีก แต่แสดงความขอบคุณที่หล่อนพานายท่านหลีไปร่วมงานเพราะการมาถึงงานของนายท่านฮั่ว คนมากมายเลยไ
เฉียวสือเนี่ยนประหลาดใจเหลือเกิน ชายวัยกลางคนคนนั้นดูท่าทางแข็งแรงดี แถมกอล์ฟก็ไม่ได้นับเป็นกีฬาที่ต้องใช้แรงอะไรมากมายด้วยซ้ำ แล้วเขาได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรกัน?ถามความกับคนอื่นสักพัก เฉียวสือเนี่ยนถึงได้รู้ว่า ที่แท้รถชมวิวที่ชายวัยกลางคนคนนั้นนั่งอยู่มีปัญหา ขณะที่กำลังขับเคลื่อนอยู่นั้น จู่ ๆ ก
ได้ยินแบบนั้นแล้ว ฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้ตอบออกไปทันที แต่กลับมองไปทางเฉียวสือเนี่ยนเฉียวสือเนี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณมีงานประชุมสำคัญอยู่ไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะ”ฮั่วเยี่ยนฉือไม่แปลกใจกับคำตอบของเฉียวสือเนี่ยนนัก เขาเอ่ยขอโทษกับชายคนนั้น “ขอโทษนะครับ คงต้องเอาไว้วันอื่นแล้ว”ชายคนนั้นรีบส่งเสียงห
ฟู่เถียนเถียนชี้แจง “บริษัทลูกที่เมืองข้าง ๆ มีปัญหาน่ะ เขาเลยรีบไปจัดการ”“ลู่เฉินหนานนี่ไม่เลวเลย นับวันยิ่งบริหารกิจการได้เข้ามือ” เฉียวสือเนี่ยนเอ่ยชมฟู่เถียนเถียนพาลนึกถึงสิ่งที่ลู่เฉินหนานพูดไว้กับเธอ ว่าเขาอยากเป็นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เพื่อมอบความมั่นคงให้เธอได้มากพอ ในใจข
ฟู่เถียนเถียนมองเวินจิ๋งหลี่ “มีอะไรเหรอคะ?”เมื่อเห็นดวงหน้ารูปไข่แสนสดใสกับดวงตาชุ่มฉ่ำที่ไร้แววคลื่นอารมณ์ใด ๆ ของฟู่เถียนเถียนแล้ว เวินจิ๋งหลี่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี เขารับรู้ได้ถึงเพียงแต่ความลนลานในใจตนเองเท่านั้น จึงอยากรั้งฟู่เถียนเถียนเอาไว้ตามสัญชาตญาณฟู่เถียนเถียนคาดเดาความคิดของ
เป็นความไม่ตั้งใจที่เกิดขึ้นในคืนวันนั้น?“ฉันเข้าใจมาตลอดว่า คืนนั้นหมอหนีเพียงแค่คอยดูแลฉันเฉย ๆ เท่านั้น” เวินจิ๋งหลี่ยืนยันในความคิดของฟู่เถียนเถียน “แต่หมอหนีบอกว่าฉันเห็นหล่อนเป็นเธอ พอเข้าห้องไปก็ดึงหล่อนเข้าห้องนอนไปแล้ว...”“ฉันไม่เคยดื่มจนเมามาก่อน ไม่รู้ว่าตัวฉันเองจะทำอะไรลงไปบ้าง วันต่อ
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั