เมื่อเห็นสองคนนั้น สีหน้าของฟู่เถียนเถียนก็ย่ำแย่ลงไปในชั่วพริบตาพอมองตามสายตาของฟู่เถียนเถียนไป เฉียวสือเนี่ยนก็เห็นคนที่เดินเข้ามา——คุณแม่ของคุณหมอเวินกับรักแรกของเขาคุณนายเวินจับจูงมือของหนีม่านเหยาไว้ ทั้งสองคนยืนใกล้ชิดสนิทสนม ท่าทางเป็นกันเองเหมือนกับเป็นแม่ลูกกันจริง ๆพวกเขาคงจะได้ยินคำพูด
พูดไปแล้ว ฟู่เถียนเถียนก็หยิบโทรศัพท์ออกมาไปด้วยคุณนายเวินรู้ว่าลูกชายจะต้องตำหนิเธอแน่ จึงอยากจะรีบพุ่งเข้าไปแย่งมา!แต่ฟู่เถียนเถียนสูงกว่าคุณนายเวินอยู่ครึ่งศีรษะ เธอชูโทรศัพท์ขึ้น คุณนายเวินเลยไม่อาจช่วงชิงไปได้“นี่เธอคิดจะทำอะไร ไม่ต้องมาสาระแนเรื่องในบ้านของพวกฉันเลยนะ!” คุณนายเวินบันดาลโทสะ
ทันทีที่คุณนายเวินพูดออกไป สีหน้าของบรรดาผู้คนที่เข้ามามุงต่างดูสนใจใคร่รู้ขึ้นมาในชั่วพริบตาพวกเขาเลื่อนสายตาไปมองฟู่เถียนเถียนและลู่เฉินหนาน“เป็นชู้อะไร!”เฉียวสือเนี่ยนรีบเข้ามาช่วยพูด “เถียนเถียนหย่าขาดกับลูกชายคุณไปตั้งนานแล้ว ต่อให้เธอจะไปเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่กับใครแล้วจะทำไม เกี่ยวอะไรกั
ฟู่เถียนเถียนส่ายหน้า “ฉันรู้จักคุณแม่ของเขาดี ถ้าฉันไม่ไป คุณแม่ต้องเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างไปก่อเรื่องถึงที่โรงพยาบาลฉันทุกวันแน่ เพื่อความสงบสุข ฉันก็ยังคงต้องไปเยี่ยมดูสักหน่อย”“หล่อนเป็นฝ่ายมาหาเรื่องจนเกิดเรื่องเอง ยังจะมีหน้าไปหาเรื่องเธออีกเหรอ! นี่ต้องเป็นเพราะก่อนหน้านี้เอาแต่รังแกข่มเหง
ฟู่เถียนเถียนไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแต่มองลู่เฉินหนานอยู่อย่างนั้นลู่เฉินหนานก็ไม่ได้ต้องการให้เธอตอบออกมาจริง ๆ เขาเลยพูดออกมาเอง “ฉันน่ะไม่บริสุทธิ์ใจกับเธอตั้งแต่แรกแล้ว”“เถียนเถียน ฉันรู้ว่าเธอเพิ่งผ่านการหย่าร้างมา แล้วคงไม่ตอบรับความรักครั้งใหม่ได้ง่าย ๆ ฉันเองก็พยายามกดความรู้สึกไว้ใจ เพราะกล
เธอไม่เชื่อในความรักอีกต่อไป ทั้งยังไม่กล้าตอบรับความรู้สึกจากใครแต่ตอนนี้ ลู่เฉินหนานนั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ แล้วสารภาพความรู้สึกที่มีต่อเธอออกมาตรงๆลู่เฉินหนานคิดเผื่อความกลัวความกังวลทุกอย่างของเธอ และจัดการแก้ไขไปหมดแล้วเขาถึงขั้นพยายามทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เพราะเข
ฟู่เถียนเถียนกับลู่เฉินหนานเข้าไปทำความเข้าใจสถานการณ์ของคุณนายเวินกับคุณหมอเจ้าของไข้ก่อนหน้าผากของคุณนายเวินมีรอยฟกช้ำ ตามตัวและข้อศอกมีรอยถลอกไม่น้อย ที่หนักสุดเห็นจะเป็นกระดูกตรงบั้นเอวกับขา เพราะหักหนักเบาไม่เท่ากัน จึงจำเป็นต้องอยู่รักษาตัวในโรงพยาบาลโชคดีที่บันไดเลื่อนไม่ได้สูงมาก และคุณนาย
“หมอหนีแค่นั่งอยู่ข้างเตียงตลอดทั้งคืน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเราทั้งนั้น” เวินจิ๋งหลี่พูดอธิบายยาวเหยียดอย่างหาได้ยากฟู่เถียนเถียนกลับรู้สึกว่าน่าขันเหลือเกิน “จะอธิบายให้ฉันฟังไปทำไม ตอนนี้ฉันไม่ได้อะไรกับคุณ จะมีหรือไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกคุณสองคน ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเลย”เ
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั