ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก ก่อนที่ฮั่วเยี่ยนฉือจะเดินออกมารูปร่างสูงโปร่ง ขายาวเรียว ชุดสูทที่เขาสวมอยู่ถูกถอดออก เหลือไว้เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดียวเท่านั้น คราบเลือดบริเวณหัวไหล่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษแต่ต่อให้เขาจะมีสภาพแย่แค่ไหน แต่กลิ่นอายผู้รากมากดีของเขาที่แผ่กระจายออกมา
“ฮั่วเยี่ยนฉือ คนเรามันเปลี่ยนกันได้”เฉียวสือเนี่ยนเอ่ย “เมื่อก่อนฉันเห็นความปลอดภัยของคุณสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง พอเห็นคุณบาดเจ็บ ฉันก็เจ็บยิ่งกว่าเสียอีก”“แต่ตอนนี้ ฉันนึกถึงตัวเองมากกว่า ฉันไม่มีความกล้าที่จะขวางขวดหรือมีดแทนคุณอีกแล้ว ดังนั้น ต่อไปคุณอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาลองเชิงฉันอีก”ตอนที่ชายร
เฉียวสือเนี่ยนง่วงนอนมาก เดิมทีเธอไม่อยากจะสนใจ แต่ทันใดนั้น เธอคิดได้ว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่บนเตียงในโรงแรม!เฉียวสือเนี่ยนสะดุ้งตื่น เธอรีบลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าตัวเองอยู่ในห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล และเธอยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ เพียงแต่เธอง่วงเกินไป จึงนอนฟุบอยู่ที่ขอบเตียงผู้ป่วย เฉียวสือเนี่ยนนั่ง
เฉิงหว่านซินก่อเรื่องอยู่หลายต่อหลายครั้ง และครั้งนี้ก็ยังทำเรื่องแบบนี้ซะด้วย เฉียวสือเนี่ยนจึงอยากจะถามเฉิงหว่านซินให้ชัดเจนโจวเทียนเฉิงมองฮั่วเยี่ยนฉือ จากนั้นก็พยักหน้าพร้อมพูดว่า “ได้ครับ คุณผู้หญิง เพราะคุณเป็นผู้เสียหาย จึงมีสิทธิ์ทราบถึงต้นสายปลายเหตุ”เฉียวสือเนี่ยนเอ่ย “งั้นไปกันตอนนี้เลย
ก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างไรหรอกเฉียวสือเนี่ยนเอ่ย “กลัวว่าคุณจะหักโหมจนเกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีก แล้วจะมาโทษฉันน่ะสิ”ฮั่วเยี่ยนฉือมีอาการจุกอกเล็กน้อยเมื่อมาถึงสถานีตำรวจ อาจเป็นเพราะทราบถึงการมาเยือนของฮั่วเยี่ยนฉือ ผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องจึงออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง พวกเขาทักทายกันตามมารยาท ส่วนเ
“แม้ว่าเธอจะเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์แล้วติดต่อกับสองคนนั้น และไม่ได้ว่าจ้างอย่างเปิดเผยตัวตน แต่ทางตำรวจซักถามสองคนนั้นจนได้เรื่องแล้วว่า รับเงินมาจากที่ไหน”เฉียวสือเนี่ยนเอ่ย “ตอนเธอไป เธออำพรางตัวด้วยการสวมหน้ากากกับหมวก แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก ทางตำรวจมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถตรวจสอบด้วยวิธีสารพ
เฉิงหว่านซินกลับทำร้ายเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ที่งานเลี้ยงของตระกูลฮั่ว เธอพาเธอไปยังเบื้องหน้าของผู้หญิงพวกนั้น และให้เธอฟังคำเสียดสีเหน็บแนมของพวกเธอ เพื่อที่จะได้ใส่ร้ายตระกูลเฉียว เฉิงหว่านซินใช้แผนแสดงความอ่อนแอต่อเธอและคุณตาไม่สำเร็จ จึงหันไปเข้าหาป้าสะใภ้แทน เธอเค้นสมองหาวิธีสารพัดแบบนี้ เพี
ได้ยินดังนั้น ฮั่วเยี่ยนฉือพลันหันไปมองเฉียวสือเนี่ยน สีหน้าของเธอยังคงนิ่งเรียบ ราวกับไม่ได้ถูกคำพูดเหล่านี้ของเฉิงหว่านซินทำให้รู้สึกเสียใจหรือโกรธแค้นเลย “ป๋ายอีอีให้ผลประโยชน์เธอ และให้เธอจัดการเฉียวสือเนี่ยนกับตระกูลเฉียวเหรอ?” ฮั่วเยี่ยนฉือถามเฉิงหว่านซินเฉิงหว่านซินมองไปยังฮั่วเยี่ยนฉือ ก่อ
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั