เมื่อได้ยิน ป๋ายซื่ออวี้ก็ขมวดคิ้ว “จะตอบก็ตอบมาตรง ๆ ยังจะมาถามฉันอีก ปัญหาคือเธอมีเจตนาอะไรกันแน่? เธอคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะเบี่ยงเบนความสนใจได้อย่างงั้นหรือ?”เฉียวซือเนี่ยนรักษาสีหน้าไว้ตามปกติ “เพราะว่าคำถามนี้สำคัญมาก มันจะเป็นตัวตัดสินว่าฉันจะตอบคุณอย่างไร”“ในเมื่อคุณป๋ายก็มาเพื่อเรียกร้องความ
“ที่เธอพูดหมายความว่ายังไง! ตั้งคำถามกับนิสัยของลูกสาวฉันงั้นหรือ?”ป๋ายซื่ออวี้ก็โกรธขึ้นมาทันที “คนแซ่เฉียวทุบตีลูกสาวของฉัน แถมยังผลักเธอลงทะเลสาบอีก พวกเธอไม่พูดแทนเธอ แล้วยังใส่ร้ายเธออีกงั้นเหรอ?”พูดจบ ป๋ายซื่ออวี้ก็หมดความอดทนทันที “คนแซ่เฉียว! เธอไม่ได้บอกว่าถามคำถามเดียวงั้นเหรอ ตอนนี้ถามห
ฮั่วเยี่ยนฉือเหลือบมองป๋ายซื่ออวี้ “ลุงป๋ายกังวลอะไรครับ?”“ผมแค่แปลกใจเท่านั้น ไม่ได้กังวลซะหน่อย!”ป๋ายซื่ออวี้ยืดหน้าอกอย่างไม่สะทกสะท้าน “เยี่ยนฉือ ทำอะไรตรงไปตรงมา แม้ว่าผมจะเป็นคนเรียกพวกเขามาเอง แต่ทั้งหมดที่ผมทำก็เพื่ออีอี!”ฮั่วเยี่ยนฉือไม่สนใจปัญหาเรื่องนี้ที่เขาก่อขึ้นมา เขาพูดกับคนเหล่าน
“เฉียวสือเนี่ยน ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจที่ฉันลงน้ำไปช่วยป๋ายอีอี! แต่เธอช่วยมีเหตุผลหน่อยได้ไหม!”น้ำเสียงของฮั่วเยี่ยนฉือแฝงไปด้วยความโกรธ “สถานการณ์แบบเมื่อวานนี้ จะให้ยืนมองคนตายโดยไม่ช่วยได้อย่างไร! อีกอย่าง...”“ขอโทษด้วยนะ ที่ฉันพูดจาไม่มีเหตุผลกับคุณ!”เฉียวสือเนี่ยนไม่เพียงแต่ไม่พูดจาดี ๆ แต่เธอ
มีใครช่วยป๋ายอีอีจัดการเธองั้นเหรอ?เฉียวสือเนียนปรึกษาเรื่องนี้กับฟู่เถียนเถียนสักพัก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ข้อสรุปอยู่ดีเพราะเฉียวสือเนี่ยนไม่รู้เลยว่า นอกจากป๋ายอีอีแล้ว เธอเคยไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจอีกไหม“จริงสิ เนี่ยนเนี่ยน” ฟู่เถียนเถียนพูดเรื่องสำคัญอีกเรื่องขึ้นมา “วันนี้ต่อหน้านักข่าว เธอจงใจจุ
น้ำเสียงของฮั่วเยี่ยนฉือเรียบนิ่งและแข็งกร้าว ทำให้คนที่ฟังรู้สึกหวาดกลัวในใจป๋ายอีอีข่มความหวาดกลัวที่แผ่ซ่านบนหลังของเธอเอาไว้ เธอพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ“เยี่ยนฉือ คุณอาจไม่เชื่อคำพูดของฉัน แต่เพราะฉันคิดถึงคุณฉันถึงได้พูดแบบนี้”ป๋ายอีอีเงยหน้าขึ้นมามองฮั่วเยี่ยนฉือ ก่อนจะพูดอย่างเสียใจ “ฉันคิดว่า
เฉียวสือเนี่ยนโยนเอกสารที่ฮั่วเยี่ยนฉือสืบมาไปให้ซ่งชิงชวน “พวกคุณมาดูสิ”ซ่งชิงชวนเปิดแฟ้มเอกสาร ซ่งม่านเองก็ยื่นหน้าเข้ามาดูด้วยเช่นกันเมื่อเห็นรูปภาพที่เธออยู่กับผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง และหลักฐานการโอนเงินของแม่บ้านที่คอยดูแลเรื่องชีวิตประจำวันของเธอไปให้บัญชีของใครบางคน ทำให้ซ่งม่านรู้สึกงุนงงเ
“ที่คลับเฮ้าส์ในคืนนั้น แววตาที่เขามองฉันมีความตื่นตระหนก ราวกับรู้จักฉันมานานแล้ว อีกอย่างเขาโผล่มาวันที่ฉันเกิดเรื่องพอดี มันบังเอิญขนาดนั้นเชียวหรือ”“และยังมีตาแก่นั้นอีก ได้ยินโม่ซิวหย่วนเล่าว่าเขาอาจหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ใครกันจะสามารถหลบหนีจากสายตาของโม่ซิวหย่วนและฮั่วเยี่ยนฉือไปได้?”ฟู่เถีย
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั