“พรุ่งนี้ฉันจะไปจากเมืองไห่ ส่วนม่านม่าน ฉันคงโน้มน้าวให้เธอไปด้วยไม่ได้ แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นน้องสาวฉัน ต่อให้ทำผิดยังไง นายก็ห้ามรังแกเธอเด็ดขาด” ซ่งชิงชวนเอ่ยกำชับความเอือมระอาโผล่อยู่ในสายตาของโม่ซิวหย่วน “ถ้าเธออยากจะรนหาเรื่องทรมานตัวเอง ฉันก็ช่วยไม่ได้”ซ่งชิงชวนไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงแค่
ใบหน้าหล่อเหลาของฮั่วเยี่ยนฉือในตอนนี้แดงเรื่อเล็กน้อย ดวงตาดำขลับทั้งสองข้างทอประกายแววคุกคามนึกไปถึงเมื่อบ่าย ที่ฮั่วเยี่ยนฉือเดินออกไปด้วยความโกรธ ในสายโทรศัพท์ตอนกลางคืนที่เขาโทรมาก็เหี้ยมเกรียมขนาดนั้นแล้ว เฉียวสือเนี่ยนอดกระวนกระวายอยู่ในใจไม่ได้ที่ฮั่วเยี่ยนฉือมาที่นี่ในตอนนี้ คงไม่ได้มาคิด
ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นปราดเข้ามา เฉียวสือเนี่ยนเจ็บจนส่งเสียงร้องไห้ออกมา!ทว่าฮั่วเยี่ยนฉือกลับคึกคะนองขึ้นมาอย่างประหลาด เขาขบกัดและดูดดึงอยู่บนลำคอเรียวระหงของเธออย่างบ้าคลั่งเสียงหอบหายใจหนักหน่วงร้อนผ่านของฮั่วเยี่ยนฉือดังอยู่ข้างหู เฉียวสือเนี่ยนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงเหยื่อตัวเล็ก ๆ และอ่
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ดวงตากลมโตทั้งสองข้างมองฮั่วเยี่ยนฉืออย่างเย็นชา“เลือกมา เธอจะอยู่ข้างบนหรือข้างล่าง!” ฮั่วเยี่ยนฉือดึงรั้งกางเกงของเธอออกไปอย่างรวดเร็ว บางส่วนที่มีเพียงกางเกงสแล็คของเขาขวางกั้นเสียดสีเธออย่างหยาบโลนท่วงท่าน่าอับอายแบบนี้ กอปรกับใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยราคะของฮั่วเยี่ยนฉือ
“ประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ให้หลัง เขาก็ออกมาถามหาชุดคนไข้กับยาหม่อง”ฟู่เถียนเถียนอดพูดค่อนแคะไม่ได้ “ดีที่เขาไม่ได้ทำอะไรเธอจริง ๆ ไม่งั้นก็ถือว่าเขาทรมานกันเกินไปแล้ว แล้วก็เลิกคิดว่าจะรักษาลูกในท้องเธอไปได้เลย”เฉียวสือเนี่ยนกัดฟันแน่นอีกหน “ถ้าเขาทำฉันจริง ๆ ละก็ ฉันจะต้องแจ้งความและบีบบังคับเขา
เฉียวสือเนี่ยนกับฟู่เถียนเถียนคิดไม่ถึงเลยว่า ป๋ายอีอีจะมาที่นี่เฉียวสือเนี่ยนขมวดคิ้วงาม รั้งเสื้อผ้าของตัวเองขึ้น แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ดี “ไม่ได้ ไม่ต้อนรับ”ป๋ายอีอีได้ฟังแบบนั้นแล้วก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด เธอส่งสัญญาณให้พยาบาลเข็นเธอเข้าไปด้านในห้องพักคนไข้ ยิ้มพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณผ
“ได้!”......ตอนบ่าย หลังฟู่เถียนเถียนทาครีมให้เธอเสร็จ ก็มีธุระให้ต้องไปจัดการส่วนเฉียวสือเนี่ยนก็ได้รับสายโทรศัพท์จากโม่ซิวหย่วนเขาบอกว่าหาทนายให้เธอได้แล้ว พรุ่งนี้ว่าพอดี จะไปเจอที่ร้านกาแฟในโรงพยาบาลเฉียวสือเนี่ยนเห็นชอบด้วยความยินดีปรีดาเห็นว่ายังพอมีเวลา เฉียวสือเนี่ยนจึงโทรศัพท์ไปหาอวี๋
“คุณยังมาทำไมอีก เมื่อคืนยังบ้าไม่พอเหรอ?” ดวงตาเย็นเยียบของเฉียวสือเนี่ยนยังคงจับจ้องเขาอย่างเตรียมรับมือฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้ส่งเสียงอะไร ภาพเหตุการณ์เมื่อวานยังคงท่วมท้นอยู่ในสมองกายของเฉียวสือเนี่ยนนั้นนุ่มนิ่มอรชร ผิวขาวกระจ่างใส ยามอยู่ใต้เสียงไฟสีเหลืองนวลแล้วก็เหมือนกับกระเบื้องเคลือบที่อาบไ
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั