“ได้!”......ตอนบ่าย หลังฟู่เถียนเถียนทาครีมให้เธอเสร็จ ก็มีธุระให้ต้องไปจัดการส่วนเฉียวสือเนี่ยนก็ได้รับสายโทรศัพท์จากโม่ซิวหย่วนเขาบอกว่าหาทนายให้เธอได้แล้ว พรุ่งนี้ว่าพอดี จะไปเจอที่ร้านกาแฟในโรงพยาบาลเฉียวสือเนี่ยนเห็นชอบด้วยความยินดีปรีดาเห็นว่ายังพอมีเวลา เฉียวสือเนี่ยนจึงโทรศัพท์ไปหาอวี๋
“คุณยังมาทำไมอีก เมื่อคืนยังบ้าไม่พอเหรอ?” ดวงตาเย็นเยียบของเฉียวสือเนี่ยนยังคงจับจ้องเขาอย่างเตรียมรับมือฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้ส่งเสียงอะไร ภาพเหตุการณ์เมื่อวานยังคงท่วมท้นอยู่ในสมองกายของเฉียวสือเนี่ยนนั้นนุ่มนิ่มอรชร ผิวขาวกระจ่างใส ยามอยู่ใต้เสียงไฟสีเหลืองนวลแล้วก็เหมือนกับกระเบื้องเคลือบที่อาบไ
ดวงตาดำขลับของฮั่วเยี่ยนฉือเย็นชาและมืดครึ้ม “เฉียวสือเนี่ยน เรื่องที่เธอหักหลังฉัน ฉันก็ให้โอกาสเธอได้ยุติความผิดพลาด แต่เธอกลับไม่รับไว้ แถมยังดึงดันจะคลอดมันออกมาอีก?”โอกาสบ้าบออะไรกันเฉียวสือเนี่ยนได้ฟังแล้วก็หงุดหงิดใจ “ฮั่วเยี่ยนฉือ คุณช่วยเลิกทำตัวเป็นพวกรักข้างเดียวที่นี่ได้ไหม? ฉันไม่เคยต
“หลายโรงพยาบาลที่เคยคุยกันไว้เรียบร้อยแล้ว อยู่ ๆ ก็ปฏิเสธความร่วมมือหมดเลย”น้ำเสียงของโม่ซิวหย่วนฟังดูเคร่งขรึมอย่างหาได้ยาก “ตอนที่คนของเรากำลังเถียงกับพวกเขา ก็เกิดทะเลาะกัน ต่อมาก็ถึงขึ้นลงไม้ลงมือกันแล้ว ตอนนี้ถูกพาตัวไปโรงพักทั้งหมด”“ทางฝั่งห้องวิจัยของศาสตราจารย์สวี่ได้ข่าวบางอย่าง เลยเอาเร
“หักคะแนนผลงานเดือนนี้ของพวกเธอ เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดูแล้วกัน!” เลขาหน้ากลมพูดจบก็เดินจากไป“คิดเป็นจริงเป็นจังกับคำพูดล้อเล่นของคนอื่นไปได้ พอเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าก็หยิ่งใหญ่เชียวนะ!” หญิงสาวที่เมื่อครู่นี้ขอโทษเอ่ยออกมาอย่างจองหอง“ใช่ ๆ เพิ่งเข้าบริษัทมาได้ไม่นานเท่าไรเอง คุณสมบัติแย่กว่าพวกเราด้ว
เห็นความเสียดสีปรากฏอยู่บนดวงหน้าเล็ก ๆ ของเฉียวสือเนี่ยนแล้ว ดวงตาของฮั่วเยี่ยนฉือก็มืดครึ้มขึ้นไม่น้อยเขาเองก็ลุกขึ้นยืนเหมือนกัน ฮั่วเยี่ยนฉือเอื้อมมือไปเชยคางของเฉียวสือเนี่ยน ในน้ำเสียงเย็นชาแฝงไปด้วยคำเตือน “เฉียวสือเนี่ยน อย่าคิดยั่วโมโหฉันเชียว มันไม่มีประโยชน์กับเธอหรอก”ฮั่วเยี่ยนฉือมีร่า
“ฉันปวดหัว อยากนอนพักสักหน่อย” เฉียวสือเนี่ยนกุมศีรษะไว้ แล้วนอนลงบนเตียงผู้ป่วยรู้ว่าเฉียวสือเนี่ยนกระวนกระวายใจ ฟู่เถียนเถียนจึงไม่ได้ถามต่อ “พักผ่อนเยอะ ๆ ล่ะ อย่าคิดอะไรมาก เรือแล่นไปถึงสะพานแล้ว เดี๋ยวหัวเรือก็ตรงเอง[footnoteRef:1]” [1: หมายถึง ปัญหาทุกอย่างมีทางออก หรือ ให้อดทนเอาไว้ แล้วสัก
ที่แท้ก็เพราะเรื่องหย่วนเจิงเฉียวสือเนี่ยนกล่าว “โม่ซิวหย่วนบอกว่าเขาจัดการเองได้”“เขาบอกว่าจัดการเองได้ เธอก็เลยทำเป็นนิ่งไม่ถามเลยสักความอย่างงั้นเหรอ?”ซ่งม่านโกรธจัด “เขาโชคร้ายจริง ๆ ที่ต้องมาเจอคนอย่างเธอ! ก่อนหน้านี้ถูกคนแฉเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวจนต้องเสียหน้าก็ไม่พูดอะไร แถมยังเปลืองแรงเ
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั