“คุณตาคะ!”เพิ่งเข้าไปถึงลานบ้าน เฉียวสือเนี่ยนก็ตะโกนเรียกด้วยความดีใจ“เนี่ยนเนี่ยน เธอเองก็มาด้วยเหรอ”ทว่าคนที่ตอบเธอกลับไม่ใช่คุณตา แต่เป็นเฉิงหว่านซิน!เห็นเฉิงหว่านซินถือผลไม้ที่ปอกเปลือกไปแล้วครึ่งหนึ่ง เคียวเรียวงามของเฉียวสือเนี่ยนก็ขมวดทันที “มาที่นี่ได้ยังไง?”เฉิงหว่านซินยิ้มแย้มพร้อมตอ
ที่ส่งเข้ามาเป็นภาพภาพหนึ่งในรูปนั้น เป็นรูปที่โม่ซิวหย่วนกำลังประคองแขนของเธอ พร้อมกับเดินเข้าไปด้านในโถงใหญ่ของโรงแรมส่วนคนที่ส่งภาพมาก็คือหยวนหงจื้อ[คุณเฉียว พี่ว่าถ้าสามีของพี่เห็นภาพนี้เข้า เขาจะมีท่าทียังไงกันนะ?] และหยวนหงจื้อยังส่งข้อความเป็นลายลักษณ์อักษรมาด้วยเฉียวสือเนี่ยนหัวเราะออกมา
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็พูดคุยกันต่ออีกสองสามคำ จึงเสร็จสิ้นการติดต่อเฉียวสือเนี่ยนขมวดคิ้วหลังวางสายถ้าเรื่องลักพาตัวมีคนคอยบงการอยู่เบื้องหลังจริง กลัวแต่ว่าป๋ายอีอีจะมีส่วนร่วมด้วยนี่น่ะสิเพราะถึงอย่างไรแล้ว คนที่มีความแค้นกับเธอก็มีแค่ป๋ายอีอีคนเดียวเมื่อคิดว่าเธอเกือบจะถูกทำให้เสียเกียรติแล้
ช่วงเช้าเมื่อวานเขาวางสายไปด้วยความโกรธ บอกว่ากลับมาจะหย่า ทั้งยังเตือนเธอว่าอย่ามาเสียใจทีหลังอีกด้วยตามหลักแล้ว ก่อนเขาจะกลับมา เธอกับเขาไม่น่าจะมีอะไรต้องให้ยุ่งเกี่ยวกันถึงจะถูก ทำไมเขายังติดต่อเธอมาอยู่อีก?เฉียวสือเนี่ยนรับสายแล้วกรอกเสียงทักทาย “ฮัลโหล” ทว่าอีกฟากของโทรศัพท์กลับเงียบงัน“ฮั่
เฉียวสือเนี่ยนถูกโจวหยางอิงพูดแหย่เล่นแล้ว ก็เลยโทรศัพท์ไปหาเขาเสียเลย“สรุปคือที่นายขยันหาเงินแบบนี้ ก็เพื่อจะได้รีบเอาเงินมาใช้หนี้ฉันเหรอ?”“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว!” โจวหยางอิงอธิบายด้วยความร้อนรน “ผมก็แค่...”อธิบายไปได้เพียงครึ่งทาง โจวหยางอิงก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อดี เลยถือโอกาสเปลี่ยนเรื่องไปแ
หลังจากสิบกว่าชั่วโมง ในที่สุดเฉียวสือเนี่ยนก็เดินทางมาถึงสนามบินของเมือง M เสียทีโจวเทียนเฉิงน่าจะได้รับข่าวจากทางคุณย่าแล้ว เพราะตอนที่เธอลากกระเป๋าเดินออกมา โจวเทียนเฉิงก็มารอรับเธอแล้ว“เดินทางเหนื่อยหน่อยนะครับ คุณผู้หญิง”โจวเทียนเฉิงเอ่ยอย่างสำรวม “ประธานฮั่วไม่สบายเลยนอนพักอยู่ที่โรงแรม ผมก
เห็นท่าทางอ่อนระโหยโรยแรงของเขาแล้ว เฉียวสือเนี่ยนจึงไม่ได้ราดน้ำมันลงบนกองไฟอีก “ไม่สบายแล้วจะลุกขึ้นมาทำไม ไปนอนต่อได้แล้ว”“มาประคองฉันทีสิ” ฮั่วเยี่ยนฉือเอ่ยอย่างยากลำบากเฉียวสือเนี่ยนไม่ได้ปฏิเสธ เธอเดินเข้าไปประคองฮั่วเยี่ยนฉือ พยุงเขาให้กลับไปนอนลงบนเตียงอีกครั้งบนหัวนอนของเขามีคอมพิวเตอร์ท
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุคลิกที่ดูดีมีชาติตระกูลแบบนั้นของฮั่วเยี่ยนฉือแล้ว มันไม่ยากเลยที่จะทำให้คนอื่นรู้สึกอับอายขายหน้าอีกฝ่ายไม่ได้กวนใจอะไรไปมากกว่านั้น พูดว่า “ซอรี่” เสร็จก็เดินจากไปด้วยใบหน้าเหยเกฮั่วเยี่ยนฉือเอื้อมแขนยาว ๆ ออกไป โอบเอวบางของเฉียวสือเนี่ยนเข้ามาแบบไม่ให้สะบัดตัวหรือปฏิเสธได้
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั