เฉียวสือเนี่ยนมองคนที่เดินเข้ามา เขาคือผู้ชายตัวผอมที่ปิดปากเธอตอนที่กำลังลงรถเมื่อเห็นว่าเธอฟื้นแล้ว ชายคนนั้นก็หัวเราะหึหึออกมา “เถ้าแก่ เธอตื่นแล้ว”ระหว่างที่พูด เขาก็หลีกทางให้ใครบางคนเข้ามาจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าของคนคนนั้นก้าวเข้ามาในห้อง เขาคือชายหนุ่มพุงพลุ้ยซึ่งสวมเสื้อคลุมสีเข้มเมื่อเห็
เดาว่าที่นี่คงจะเป็นบ้านร้างที่ไม่มีคนผ่านไปผ่านมา ตะโกนร้องออกไปก็ไม่มีประโยชน์“เลิกพยายามเถอะ ฉันแนะนำว่าให้เธอใจเย็น ๆ จะได้เจ็บน้อยลง!”ไม่รู้ว่าเซี่ยลี่สยงหยิบมีดออกมาจากไหน เขากดมันลงที่ใบหน้าของเฉียวสือเนี่ยน “ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีใบหน้าสวย ๆ อีกต่อไป”เฉียวสือเนี่ยนกลัวว่าเขาจะทำร้ายเธอจริ
“อ๊าก!”ลูกน้องของเซี่ยลี่สยงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ส่วนเฉียวสือเนี่ยนใช้จังหวะนี้วิ่งออกไปข้างนอกทันที“นังสารเลว ไปจับมันมา!”เซี่ยลี่สยงที่ได้สติกลับมา เขาทั้งเจ็บทั้งแค้น ตะโกนออกคำสั่งลูกน้องของเซี่ยลี่สยงที่รีบวิ่งตามไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งตามหลังมา เฉียวสือเนี่ยนไม่กล้าแม้แต่จะห
“พี่เยี่ยนฉือ เกือบจะปีหนึ่งแล้ว ในที่สุดพี่ก็หันมามองฉันเสียที พี่รู้ความจริงแล้วใช่ไหมว่า เรื่องนี้ฉันไม่ได้เป็นคนทำ?”เฉียวสือเนี่ยพึมพำ “คนที่นี่ใจร้าย ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้วค่ะ พาฉันกลับที...”ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเฉียวสือเนี่ยนพูดเรื่องอะไร แต่ฮั่วเยี่ยนฉือกลับเกิดความรู้สึกปวดใจอย่างไม่มีสาเ
จูบที่ร้อนแรงและไม่เคยสัมผัสมาก่อน ทำให้เฉียวสือเนี่ยนเขินอายและตื่นเต้นในเวลาเดียวกันฝ่ามือใหญ่ของฮั่วเยี่ยนฉือลูบไล้เข้าไปในแผ่นหลังของเธอ ทำให้เธอสั่นเทิ้มซาบซ่านไปทั้งตัวเฉียวสือเนี่ยนให้ความร่วมมือด้วยการยกตัวขึ้น เพื่อให้เขาได้รุกล้ำร่างกายของเธอตามอำเภอใจ...ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาอ
“ตอบยากมากเหรอ?” เฉียวสือเนี่ยนแปลกใจเธอคอตกอย่างท้อใจ ฮั่วเยี่ยนฉือตอบกลับ “คนของสถานสงเคราะห์และเซี่ยลี่สยงสมคบคิดกัน ขัดขวางไม่ให้ตำรวจได้หลักฐานไป ทำให้เซี่ยลี่สยงถูกปล่อยตัวออกมา““เมื่อคืนโจวเทียนเฉิงพามันส่งสถานีตำรวจแล้ว เมื่อครู่เขารายงานมาว่าเซี่ยลี่สยงยอมรับแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเ
“ออกไป!” เฉียวสือเนี่ยนไล่เขาอย่างไม่รักษาน้ำใจฮั่วเยี่ยนฉือมองใบหน้าเล็กที่กำลังกระดากอายเพราะความโกรธ และผิวขาวเนียนที่โผล่ออกมาจากผ้าขนหนู ทำให้เขาไม่รู้สึกโมโหเลยสักนิด แต่สมองกลับฉายภาพเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาเฉียวสือเนี่ยนโอบคอเขาอย่างเย้ายวน เนินนุ่มเคลื่อนไหวไปมาอยู่ตรงหน้าเขา ความปรารถนาที
เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าคนอื่น เฉียวสือเนี่ยนก็ไม่อยากทะเลาะกับฮั่วเยี่ยนฉือให้เห็น เธอจึงไม่พูดอะไรอีกก่อนจะสะบัดมือฮั่วเยี่ยนฉือ และขึ้นรถไปเสียวหลี่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ส่วนโจวเทียนเฉิงขับรถของตัวเองพวกเขามุ่งหน้าไปยังสถานีตำรวจด้วยกันคนของฮั่วเยี่ยนฉือได้ตามหากระเป๋าและโทรศัพท์ของเฉียวสือเนี่ยนกล
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั