“ฉันไปต่อแถวหยิบอาหารมาอย่างยากลำบาก เธอมีสิทธิ์อะไรมาเอาเปรียบกันแบบนี้!”ฟู่เถียนเถียนกำลังจะเดินไปหยิบอาหารคืนมาเฉียวสือเนี่ยนห้ามเธอเอาไว้ “ไม่เอาน่า อย่าทำเรื่องเด็ก ๆ แบบนี้สิ”“เด็กอะไรกัน เธอจะกินแล้วทำไมไม่ไปเอาเอง มีสิทธิ์อะไรให้เธอมาชุบมือเปิบแบบนี้?”เฉียวสือเนี่ยนหัวเราะกับคำพูดของฟู่เ
หลังจากที่เฉียวสือเนี่ยนได้สติกลับมา เธอก็มองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว “ฉันจะกินยังไงมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?”เพราะยังมีอาหารอยู่ในปากเธอจึงพูดไม่ชัด เมื่อฟังแล้วไม่รู้สึกถึงความโกรธที่เธอมีฮั่วเยี่ยนฉือนั่งลงตรงหน้าเธอด้วยท่าทีสบาย ๆ“นี่เป็นที่ของเถียนเถียน” เฉียวสือเนี่ยนเตือนฮั่วเยี่ยนฉือมองเธอ จู่ ๆ
เมื่อมองตามทางที่ฟู่เถียนเถียนชี้ออกไป เฮียวสือเนี่ยนก็เห็นฮั่วเยี่ยนฉือร่างสูงโปร่งที่สวมชุดลำลองสบาย ๆ ดูโดดเด่น และเมื่อยืนอยู่คู่กับหมอเวินที่ดูสุขุม ทำให้พวกเขาดูคล้ายกับภาพวาด ทั้งสวยงามและสะดุดตา“สามีของฉันหล่อมาก” ฟู่เถียนเถียนพูดขึ้นเฉียวสือเนี่ยนสะกิดเธอ “น้ำลายหกหมดแล้ว”“ช่างเถอะ สายต
จนกระทั่งฮั่วเยี่ยนฉือถามเขาว่า “ถ้าคุณถูกขวดเหล้าฟาดหัวสักครั้งจะเป็นยังไง?”เขาตอบกลับไปอย่างงุนงง “ก็คงจะ...เจ็บ?”“งั้นคนมารับแรงกระแทกจากขวดเหล้าแทนคุณก็คงจะเจ็บใช่ไหม?” ฮั่วเยี่ยนฉือมีสายตาไม่เป็นมิตรเขางุนงงเป็นอย่างมาก ก่อนจะรวบรวมความกล้าถามกลับไป “ใครมาขวางขวดเหล้าให้คุณเหรอครับ?”ฮั่วเยี
“ทำไมไม่มองทาง?” ฮั่วเยี่ยนฉือไม่พอใจเมื่อครู่เธอเกือบจะโดนรถชนแล้วเฉียวสือเนี่ยนตกใจและกลับมามีสติอีกครั้งเธอทำอะไรงั้นเหรอ ทำไมจู่ ๆ ฮั่วเยี่ยนฉือถึงโกรธขนาดนี้แถมยังพูดจาเป็นห่วงเป็นใยแบบนั้นดูแล้วเธอคงจะถูกฟู่เถียนเถียนล้างสมองมาแน่ ๆ ที่คิดว่าฮั่วเยี่ยนฉือทำดีต่อเธอ เพราะไม่อยากหย่า จนทำให
เดิมทีอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ ฮั่วเยี่ยนฉือเม้มริมฝีปากแน่นและไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาหยิบกุญแจรถและเสื้อคลุมออกจากห้องไปเฉียวสือเนี่ยนขี้เกียจเดาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เรื่องงานเธอก็ช่วยจัดการไม่ได้ เรื่องส่วนตัวเธอก็ไม่อยากยุ่งหลังจากที่เป่าผมแล้ว เฉียวสือเนี่ยนก็ขึ้นมา
ป๋ายซื่ออวี้ยังไม่ทันจะพูดจบ จู่ ๆ เขาก็เห็นว่าฮั่วเยี่ยนฉือกำลังคุยโทรศัพท์และเดินออกมาจากทางออกฉุกเฉินเขารีบพูดขึ้นทันที “เยี่ยนฉือ อีอีถูกทำร้ายขนาดนี้ คุณต้องทวงความยุติธรรมให้เธอ!”ฮั่วเยี่ยนฮือเหลือบมองเฉียวสือเนี่ยนเฉียวสือเนี่ยนเองก็มองหน้าเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ด้วยเช่นกันเมื่อได้ยินจากปา
“พ่อ ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ” ป๋ายอีอีเสียงแหบพร่า “ตอนนี้หนูไม่เป็นอะไรแล้วไม่ใช่เหรอ?”“เพราะลูกยังโชคดีไงล่ะ! พ่อก็ยังบอกเลยว่าถ้าช่วยไม่ทันลูกคงไม่มีลมหายใจแล้ว!”ป๋ายฉื่อหยูยิ่งพูดยิ่งใจหาย เขาเดินเข้าไปเอาเรื่องเฉียวสือเนี่ยนอีกครั้ง “เธอมีอะไรไม่พอใจก็มาลงกับฉัน อย่าทำร้ายลูกสาวฉันอีก!”“พ่ออย่าทำแ
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั