ฮั่วเยี่ยนฉือคนลามกไม่คิดเลยว่าในสถานที่ที่มีผู้คนมากมายขนาดนี้ อวัยวะบางส่วนของเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลง!และมันกำลังดุนดันอยู่ที่เอวของเธอ ทำให้ใบหน้าของเฉียวสือเนี่ยนแดงแจ๋อย่างควบคุมไม่ได้ทั้งสองกอดกันเป็นก้อนอยู่อย่างนั้น ในสระน้ำด้านล่างมีคนไม่น้อยที่กำลังมองพวกเขาอยู่ บางคนถึงขั้นที่ยกโทรศัพท
“พี่ฉือกำลังฟังไหม?” ลู่เฉินหนานเรียกเขาฮั่วเยี่ยนฉือดึงสติกลับมา เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปนรำคาญ “มีอะไร?”“ทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วย ไม่ได้เติมเต็มความต้องการเหรอ?” ลู่เฉินหนานพูดหยอกล้อลู่เฉินหนานไม่คิดเลยว่า แค่คำเย้ยหยันที่พูดไปส่ง ๆ คำเดียวจะแทงใจดำฮั่วเยี่ยนฉือได้“จากนี้ไปถ้านายมีเรื่องอะไรก
“นี่ไม่ใช่กลุ่มพนักงานของฮั่วกรุ๊ปเหรอ ทำไมเธอถึงอยู่ในนั้นล่ะ?”เฉียวสือเนี่ยนจ้องฟู่เถียนเถียนฟู่เถียนเถียนดึงโทรศัพท์กลับมา ก่อนจะเลื่อนคอมเมนต์อย่างเพลิดเพลิน “ไม่ใช่กลุ่มทำงาน มันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ที่พวกเขาสร้างขึ้นลวก ๆ ลู่เฉินหนานดึงฉันเข้าไป”เฉียวสือเนี่ยนโมโหฟู่เถียนเถียน “เส้นสายของเธอนี่พ
“ตอนนี้พูดเสร็จหรือยัง? นายไปได้แล้ว” ฮั่วเยี่ยนฉือไล่เขาลู่เฉินหนานพูดอย่างแน่วแน่ “ผมมาถึงที่นี่แล้ว ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลย ถ้าไม่แช่น้ำร้อนเกรดพรีเมี่ยมจะไม่เสียดายแย่เหรอ?”สำหรับคำพูดเหล่านี้ของเขา ฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้แปลกใจมากนัก และไม่ได้สนใจเขาด้วย ฮั่วเยี่ยนฉือพูดแกมสั่ง “ออกไปให้ห่างฉัน”เป็
เฉียวสือเนี่ยนก้มหน้าลงก่อนจะพบว่าบริเวณข้างเอวของฮั่วเยี่ยนฉือมีรอยช้ำสีม่วงอยู่ตอนที่เขาอุ้มเธอออกจากบาร์ คงจะชนกับมุมโต๊ะเข้าก่อนหน้านี้ ตอนที่ได้ยินลู่เฉินหนานเล่า เฉียวสือเนี่ยนกลับไม่ได้รู้สึกอะไรแต่พอตอนนี้ได้เห็นรอยฟกช้ำสีม่วงที่เอวของฮั่วเยี่ยนฉือ มันเห็นชัดมากเมื่ออยู่บนผิวขาว ๆ ของเขา
เฉียวสือเนี่ยนมองป๋ายอีอีที่สวมเสื้อเนื้อบาง แต่งหน้าอ่อน ๆ ราวกับดอกบัวสีขาว เฉียวสือเนี่ยนไม่อยากจะสนใจเธอและยังเป็นลู่เฉินหนานที่พูดขึ้น “ผู้อำนวยการป๋าย ขอโทษจริง ๆ เพื่อนของพี่สะใภ้นั่งตรงนี้น่ะ ถ้าคุณจะนั่งด้วยคงจะทำให้เธออึดอัด”ป๋ายอีอีเมื่อได้ยินดังนั้นจึงหันไปมองฟู่เถียนเถียน “คุณคือเพื่อ
“ฉันไปต่อแถวหยิบอาหารมาอย่างยากลำบาก เธอมีสิทธิ์อะไรมาเอาเปรียบกันแบบนี้!”ฟู่เถียนเถียนกำลังจะเดินไปหยิบอาหารคืนมาเฉียวสือเนี่ยนห้ามเธอเอาไว้ “ไม่เอาน่า อย่าทำเรื่องเด็ก ๆ แบบนี้สิ”“เด็กอะไรกัน เธอจะกินแล้วทำไมไม่ไปเอาเอง มีสิทธิ์อะไรให้เธอมาชุบมือเปิบแบบนี้?”เฉียวสือเนี่ยนหัวเราะกับคำพูดของฟู่เ
หลังจากที่เฉียวสือเนี่ยนได้สติกลับมา เธอก็มองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว “ฉันจะกินยังไงมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?”เพราะยังมีอาหารอยู่ในปากเธอจึงพูดไม่ชัด เมื่อฟังแล้วไม่รู้สึกถึงความโกรธที่เธอมีฮั่วเยี่ยนฉือนั่งลงตรงหน้าเธอด้วยท่าทีสบาย ๆ“นี่เป็นที่ของเถียนเถียน” เฉียวสือเนี่ยนเตือนฮั่วเยี่ยนฉือมองเธอ จู่ ๆ
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั