ได้ยินดังนั้น ฮั่วเยี่ยนฉือก็ขมวดคิ้วแน่นปกติแล้ว เวลาป๋ายอีอีทำอะไรจะอ่อนหวานและมีสติ แต่ทำไมวันนี้ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?“ผมต้องรู้เหรอ?” ฮั่วเยี่ยนฉือถามกลับเมื่อเห็นสีหน้าเมินเฉยของฮั่วเยี่ยนฉือ และยังมีรอยแผลสะดุดตาที่ริมฝีปากของเขา ป๋ายอีอีก็รู้สึกริษยาขึ้นมา เธอร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจ“เยี่ยนฉือ
เฉียวสือเนี่ยนตอบตกลงทันทีเรื่องนี้ราบรื่นเกินกว่าที่เธอคิด เดิมทีเธอไม่ได้ตั้งความหวังไว้มาก เธอคิดเอาไว้ว่าต่อให้เจรจาไม่ลงตัว เธอก็จะขัดขวางไม่ให้ศาสตราจารย์มอบอำนาจให้หยวนหงจื้อใครจะรู้ว่า ฮั่วเยี่ยนฉือจะเป็นคนมอบอำนาจตัวแทนผู้ดูแลให้แก่เธอด้วยตัวเองเฉียวสือเนี่ยนเข้าใจเรื่องการลงทุน การโฆษณา
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสองคนเข็นรถเข็นเข้ามาบนรถเข็นมีดอกกุหลาบสีแดงสดสุดโรแมนติกวางอยู่ ด้านข้างมีเหล้าและอุปกรณ์ชงเหล้าต่าง ๆ มากมายหลังจากที่มาถึงโต๊ะแล้ว พวกเขาก็หยิบช่อดอกไม้ขึ้นมา ก่อนจะคุกเข่าลงและมอบดอกไม้ให้เธอกับฟู่เถียนเถียน“องค์หญิงทั้งสอง ขอให้พวกคุณมีความสุขกับที่นี่ในค่ำคืนนี้ครับ”
เมื่อปลายสายรับ ลู่เฉินหนานก็ถามทันที “พี่ฉือตอนนี้พี่คงจะไม่ได้อยู่ที่บริษัทใช่ไหม?”“มีเรื่องอะไร?” ฮั่วเยี่ยนฉือถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งลู่เฉินหนานถอนหายใจ “พี่ฉือ พี่จะเอาเวลาทุ่มกับงานทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ไม่ได้นะ ทำไมไม่หาเวลามาอยู่กับพี่สะใภ้บ้าง!”“มีเรื่องอะไรก็ว่ามา หยุดพูดไร้สาระ” ฮั่
ฟู่เถียนเถียนตื่นเต้นจนหน้าแดง “ไอดอลเฉียว เธอไอดอลของฉันจริง ๆ หล่อมาก!”“มาดื่ม ‘มอมสาวงาม’ อีกแก้ว”อาจเป็นเพราะดื่มเหล้าเข้าไป ทำให้เฉียวสือเนี่ยนรู้สึกมีความสุข เธอยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมด“ไอดอลเฉียว เธอจะดื่มแบบนี้ไม่ได้นะ ถึงแม้มันจะดื่มง่าย แต่ดีกรีแรงไม่เบานะ!”เฉียวสือเนี่ยนโบกมืออย่างไม่
“ผัวะ!”ชายพุงพลุ้ยยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็ถูกถีบอย่างแรงมาจากด้านหลัง ทำให้เขาชนเข้ากับโต๊ะและกวาดขวดเหล้าบนโต๊ะจนล้มระเนระนาดเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจลู่เฉินหนานเมื่อเห็นว่าด้านล่างเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น เขาจึงพุ่งออกจากที่นั่งและตะโกนเสียงดังใส่เพื่อนชายหญิงที่นั่งอยู่
“ถ้าเธอคิดว่าในใจฉันไม่มีเธอเลยอยากหย่ากัน งั้นพวกเราวางเรื่องหย่าลงก่อนได้ไหม ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสักพักหนึ่ง ฉันจะพยายามทำในสิ่งที่เธอต้องการ”เฉียวสือเนี่ยนรู้ดีว่าอาจเป็นเพราะเธอ ‘ช่วยชีวิต’ เขาไว้ ทำให้ฮั่วเยี่ยนฉือเกิดความรู้สึกผิดในใจ จึงพูดอะไรแบบนี้ออกมาฮั่วเยี่ยนฉือวางตัวอยู่เหนือผู้คนมาตลอ
ฮั่วเยี่ยนฉือไม่เข้าใจว่าทำไมเฉียวสือเนี่ยนทำตัวห่างเหินกับเขาขนาดนี้เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเธอมีความรู้สึกต่อเขา แต่เธอก็ยังไม่วางความไม่พอใจลง“พี่ฉือ พี่สะใภ้ยังจะหย่ากับพี่อีกเหรอ?”ลู่เฉินหนานที่ยังไม่ได้รับคำตอบก็ถามขึ้นอีกครั้งก่อนที่เขาจะเคาะประตูห้องได้ยินเสียงของเฉียวสือเนี่ยนดังมาจากในห้องว่า
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั