หลินจืออี้พูดจบ น้ำตาก็เอ่อคลอเบ้าตาเพื่อนร่วมหอที่เมื่อกี้ยังเต็มไปด้วยความโกรธ เข้าสู่บททันทีซวงซวงสะอึกสะอื้นว่า "จืออี้ เธออย่าเป็นแบบนี้เลย เราร่วมมือกับการรักษาอย่างแข็งขัน จะต้องหายเร็วๆ นี้แน่นอน"“ใช่ หมอที่นี่เก่งมาก เธอต้องเชื่อหมอและตัวเธอเองนะ”ต้าจู้พูดพลางปิดหน้า ราวกับทนไม่ได้ที่ต้องเห็นเธอเป็นแบบนี้หลายเอ๋อร์ไม่พูดอะไร แค่เช็ดน้ำตาอย่างเงียบๆ ทุกอย่างสื่อความหมายโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยเสิ่นเยียนเห็นพวกเธอมองโลกในแง่ร้ายขนาดนี้ ก็รู้ว่าดวงตาของหลินจืออี้นั้นยากที่จะหายแล้วเธอเป่าผมเบา ๆ ร่างผอมบางของเธอสั่นเทาเล็กน้อย น้ำตาไหลออกมาจากดวงตา กอดหลินจืออี้อย่างแรง"จืออี้ ฉันไม่เชื่อ! เธอจะต้องไม่เป็นไรแน่นอนนะ! ฮือๆๆ ..."ฉากนี้ ไม่ว่าใครเห็นต่างก็รู้สึกว่าเสิ่นเยียนมีความรู้สึกต่อหลินจืออี้อย่างลึกซึ้งแต่หลินจืออี้รู้ดีว่าที่เสิ่นเยียนกอดเธอไว้ก็เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นรอยยิ้มยินดีบนความทุกข์ของคนอื่นเท่านั้นและเสิ่นเยียนกําลังยิ้มอยู่จริงๆ นั่นแหละเธอหวังว่าหลินจืออี้จะกลายเป็นคนตาบอดแต่วินาทีต่อมา เสิ่นเยียนก็หัวเราะไม่ออกแล้วหลินจืออี้ตบหลังเสิ่นเ
เธอยกเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย:"ฉันก็จะไปฝึกงานที่สตูดิโอของเซวียมั่นแล้วเหมือนกัน"หลินจืออี้อึ้งไปเล็กน้อยต้าจู้ร้องขึ้นทันที "ทําไมเธอถึงเข้าไปได้? จืออี้กับซ่งหว่านชิวนั้นเข้าไปในสตูดิโอของเซวียมั่นได้เพราะผ่านการแข่งขัน แล้วเธอล่ะ?"เสิ่นเยียนขดตัว ทําท่าทางเหมือนถูกรังแกและหวาดกลัว บิดตัวบิดชายกระโปรง"ฉัน ฉันก็แค่บังเอิญมีโอกาสนี้เท่านั้น ฉันเลยคิดจะลองหน่อย ไม่คิดว่าจะสําเร็จน่ะ""จืออี้ เธออย่าโกรธได้ไหม?"เสิ่นเยียนร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับดอกไม้แสนบอบบางท่ามกลางลมฝนชวงซวงถลึงตาใส่เธอ "เสิ่นเยียน! เธอหยุดพูดได้แล้ว! เธอไม่ได้ยินที่หมอพูดเมื่อกี้เหรอ? ตอนนี้จืออี้อารมณ์แปรปรวนไม่ได้ เธอพูดแบบนี้ในเวลานี้ไม่ใช่จงใจทําให้เขาไม่สบายใจหรือ?”เสิ่นเยียนสะอึกสะอื้น "ฉันแค่โชคดีเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องลําบากเหมือนจืออี้ รอให้จืออี้หายดีแล้ว เราก็จะได้ทํางานด้วยกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ดีจังเลยนะ!”โชคดีกว่าเหรอ?ไม่จําเป็นต้องลำบากเหมือนจืออี้เหรอ?รอให้ตาของจืออี้หายดีเหรอ?มีคําไหนบ้างที่ไม่ได้กระตุ้นหลินจืออี้?ต้าจู้กําหมัดแน่นหลินจืออี้กลับหัวเราะออกมา "เสิ่นเยียน
ตอนที่เพิ่งตื่นขึ้นมา ดวงตาของหลินจืออี้ยังมืดสนิทอยู่จริงๆ นั่นแหละแต่ต่อมาก็ค่อยๆ ปรากฏจุดสีขาวขึ้นตรงหน้าเธอ จากนั้นก็เป็นเงาร่างที่เลือนรางในเวลานี้ เสิ่นเยียนก็มาพอดีตอนนี้เธอมองเห็นผู้คนได้อย่างชัดเจนแล้วเมื่อกี้แค่ล้อเล่นกับเสิ่นเยียนเท่านั้น ใครให้เธอวางยาในนมล่ะหลินจืออี้วางนิ้วชี้ลง แล้วกัดลูกชิ้นปิ้งคําหนึ่ง "พวกเธอไปทํางานเถอะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว""แต่เสิ่นเยียน..." หลายเอ๋อร์ไม่ค่อยวางใจ ชี้ไปที่ประตูอย่างเงียบๆ"ที่นี่เป็นโรงพยาบาล เธอไม่กล้าทําอะไรหรอก""ก็ได้"ทั้งสามคนเก็บข้าวของและลุกออกไปจากห้องผู้ป่วยพอพวกเธอจากไป เสิ่นเยียนก็กลับมา สีหน้ากลับมาเป็นปกติ ซ้ำยังมีรอยยิ้มแปลกๆหลินจืออี้ยังคงแสร้งทําเป็นมองไม่เห็น"จืออี้ ฉันเห็นข้างนอกอากาศดีเป็นพิเศษ ไม่งั้นฉันจะประคองเธอลงไปเดินเล่น อย่างนี้จะได้ผ่อนคลายอารมณ์ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะหายเร็วๆ นี้ก็ได้"เสิ่นเยียนเดินไปถึงข้างเตียง เปิดผ้าห่มของหลินจืออี้ออกโดยตรง ถึงขนาดดึงเธอลงไปใต้เตียงโดยไม่สนใจว่าเธอจะมองไม่เห็นหลินจืออี้ก็ไม่ขัดขืน ปล่อยให้เธอลากตัวออกไปจากห้องผู้ป่วย"เสิ่นเยียน เธอช้าลงหน่อย ฉันมอ
เธอไม่ยอมแพ้หรอก!เสิ่นเยียนทําท่าจะลุกขึ้น แต่ลุกขึ้นได้ครึ่งหนึ่ง ร่างกายก็เซไปเซมา ล้มลงตรงไปทางกงเฉินกงเฉินกอดหลินจืออี้แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าวเสิ่นเยียนนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเท้าของทั้งสองคน สภาพสะบักสะบอมมากคนทั่วไปถ้าเป็นแบบนี้ แม้ว่าจะสลบไป แต่ก็คงไม่กล้าทําอะไรบ้าๆ อีกแต่เสิ่นเยียนไม่ใช่คนแบบนั้น เธอยื่นมือที่สั่นเทาจับขากางเกงของกงเฉินไว้ร่างกายส่วนบนที่เอนเล็กน้อยสามารถมองเห็นทิวทัศน์ใต้เสื้อผ้าที่เปียกโชกได้พอดีเธอก็ไม่ปิดบัง แหงนหน้ามองกงเฉินอย่างน่าสงสาร "คุณชายสาม ฉันแค่เดินไปได้ครึ่งทางก็กังวลเรื่องความปลอดภัยของจืออี้ จึงวกกลับมา ฉันเห็นจืออี้ยืนอยู่ริมทะเลสาบกลัวว่าเสียงของตัวเองเองจะทําให้เธอตกใจ จึงเดินเข้าไปใกล้อย่างเงียบๆ ใครจะรู้ว่าฉันกําลังจะดึงเธอไว้ แต่ตัวเองกลับยืนไม่มั่นคงแล้วตกลงไปในทะเลสาบ""คุณชายสาม คุณโทษฉันเถอะค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง ฉันเกือบทําให้จืออี้ตกใจ"เธอจ้องมองกงเฉินอย่างขลาดกลัวด้วยน้ำตาคลอเบ้า มองหลินจืออี้ที่อยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสองเป็นอากาศธาตุโดยสิ้นเชิงหลินจืออี้ดิ้นรนอยากจะออกจากอ้อมกอดของกงเฉิน แต่กลับถูกเขากุมข้อมือทั
เมื่อหลินจืออี้ได้ยินเสียงของกงเฉิน ก็หันไปมองตามสัญชาตญาณทันทีผู้ชายตรงหน้าเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดํา สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดปกเสื้อให้แนบแน่นกับหน้าอกของเขา วาดเป็นโครงเส้นที่สมบูรณ์แบบรูม่านตาของหลินจืออี้หดเล็กลงสามวินาที แล้วรีบยกมือขึ้นแกล้งทําเป็นตาบอด"ใครน่ะ?"เธอแกล้งทําเป็นหูหนวกและเป็นใบ้และแม้กระทั่งแสดงอย่างตื่นตระหนกเล็กน้อยทันทีก่อนจะฉวยโอกาสหลบหนี แต่ข้อมือของเธอกลับเขากุมไว้ และถูกกงเฉินลากเข้าไปในเส้นทางเล็กๆ ที่มีคนเบาบาง"ปล่อยนะ..."ท่ามกลางลมหนาวเล็กน้อย กงเฉินโน้มตัวลงไปจูบริมฝีปากของหลินจืออี้เบาๆ จากนั้นก็จ้องมองดวงตาที่เบิกโพลงของเธออย่างไม่ใส่ใจมือทั้งสองข้างของหลินจืออี้ถูกเขากุมไว้ ไม่สามารถดิ้นรนขัดขืนได้เลย รู้สึกเพียงว่าริมฝีปากถูกเขากดทับราวกับถูกลงโทษเธอค่อยๆ หมดแรง กงเฉินก็ปล่อยมือของเธอ มือหนึ่งจับเอวของเธอ อีกมือหนึ่งจับศีรษะของเธอผ่านไปครู่หนึ่ง กลีบปากของเขาค่อยผละออก และเอ่ยเสียงแหบแห้งว่า "ฉันเป็นใคร?"หลินจืออี้ยกมือกดหน้าอกของเขา ผลักเขาออกห่างจากตัวเองเล็กน้อย"ฉันไม่รู้จักคุณ กรุณาปล่อยฉันด้วย! ไม่งั้นฉันจะเรียกคนแล้วนะ!”"ได้สิ
"เกิดอะไรขึ้น? ตาพึ่งจะหายดี เท้าและมือได้รับบาดเจ็บอีกแล้วหรือ?”หลินจืออี้มองเขาอย่างสงสัย "คุณรู้ได้ยังไงว่าตาฉันหายดีแล้ว?"หมอชะงัก ก้มหน้าไม่พูดไม่จา เหมือนกําลังตรวจข้อเท้าของเธออยู่ลําคอของเธอบีบแน่น ค่อยๆ พ่นประโยคหนึ่งออกมา "คุณชายสามเป็นคนบอก"เขาไม่ได้ตอบ ถือว่าเป็นการยอมรับโดยปริยายแล้วหลินจืออี้อดกําผ้าปูที่นอนแน่นไม่ได้ ปล่อยให้ตัวเองจัดการอาการบาดเจ็บเธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนนกที่ถูกหักปีก ดูเหมือนจะบินออกจากการควบคุมของกงเฉินไม่ได้เขาอยากทําอะไรก็ทําแล้วก็โยนเธอทิ้งไปความเจ็บปวดที่ข้อเท้าอย่างกะทันหัน ทําให้หลินจืออี้กลับไปสู่ความเลวร้ายในชาติก่อนความเจ็บปวดทั้งกายและใจ ความเจ็บปวดที่สูญเสียลูกสาวไปแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เธอมักจะเจ็บปวดอยู่เสมอ...ตอนนี้ก็เช่นกันทําไมไม่รักก็ยังต้องเจ็บขนาดนี้?ทําไมมันยากขนาดนี้กับการที่จะออกจากผู้ชายคนนี้ที่เห็นเธอเป็นของเล่น!หมอกวาดตามองเธอแวบหนึ่ง ปลอบใจว่า "ถ้าเจ็บมากก็ไม่ต้องทน ร้องออกมาก็ไม่เป็นไร"หลินจืออี๋นิ่งงันไม่พูดอะไรสักคํา กัดฟันอดทน หน้าผากมีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาหมอจัดการเสร็จแล้วก็ตกใจเล็กน
ห้องฉุกเฉินซ่งหว่านชิวไม่มีอะไรนอกจากตกใจเล็กน้อยเสิ่นเยียนที่สวมเสื้อคลุมตัวนอกของกงเฉินยืนอยู่ปลายเตียงน้ำตาไหลพราก น่าสงสารยิ่งกว่าซ่งหว่านชิวที่ตกน้ำเสียอีกซ่งหว่านชิวเอนกายพิงหมอนนุ่ม ไม่รอให้เสิ่นเยียนเอ่ยปากอธิบาย น้ำตาก็ไหลรินออกมาอย่างเงียบๆ"คุณชายสาม เป็นความผิดของฉันเอง ฉันเข้าใจผิดว่าเสิ่นเยียนคิดอะไรกับคุณ ดังนั้นจึงขอเสื้อคลุมของคุณคืน ฉัน... ฉันพลั้งมือตีเธอค่ะ”"แค่ไม่คิดว่าเธอจะผลักฉันลงไปในทะเลสาบอย่างบ้าคลั่ง โชคดีที่คุณมาทันเวลา ไม่อย่างนั้นฉันไม่กล้าคิดถึงผลที่จะตามมาเลยค่ะ"เธอไม่เหมือนเสิ่นเยียนที่เอาแต่แสดงความสงสารของตัวเองออกมาทุกหนทุกแห่ง แต่เช็ดน้ำตาอย่างสง่างาม เป็นคุณสมบัติที่เธอหนูผู้สูงศักดิ์ควรมีทั้งคู่ต่างก็ร้องไห้ แต่ใครจะร้องไห้ได้สวยกว่ากัน เห็นได้จะๆผู้ชายอย่างกงเฉินไม่มีทางไปสนใจผู้หญิงที่ขายแต่ความน่าสังเวชหรอกซ่งหว่านชิวกวาดสายตามองเสิ่นเยียนอย่างสง่างามถึงเวลาที่เธอขอความเมตตาแล้วล่ะ!แต่สิ่งที่ทําให้ซ่งหว่านชิวคาดไม่ถึงคือเสิ่นเยียนไม่ได้ร้องขอความเมตตา แต่กลับคุกเข่าลงไปข้างเท้าของกงเฉินอย่างน่าเวทนา"คุณชายสาม ฉันไม่ได้ตั
เสิ่นเยียนกัดริมฝีปาก ถอดเสื้อนอกของกงเฉินออกอย่างสั่นๆ แล้วพยุงตัวขึ้นมาซ่งหว่านชิวชําเลืองมองและยิ้มอย่างเหยียดหยาม "หุ่นแบบนี้เนี่ยนะ? ไม่มีใครอยากดู ไสหัวไปซะ”เสิ่นเยียนเดินออกไปจากห้องฉุกเฉินพร้อมกับเอามือกุมหน้าอกด้วยใบหน้าที่ขาวซีดสายตารอบข้างต่างจับจ้องมาที่เธอเธอไม่ได้วิ่งหนี แต่ขดตัวร้องไห้เหมือนกําลังจะล้มลงพยาบาลใจดีคนหนึ่งเข้ามาประคองเธอ "คุณเป็นอะไรไปคะ?""ฉัน ฉันตกน้ำค่ะ สภาพฉันตอนนี้จะออกไปยังไงคะ?"เสิ่นเยียนยังขดตัวอยู่พยาบาลรีบกอดเธอ "ฉันจะเอาเสื้อโค้ทให้ อย่าร้องไห้เลยนะคะ""ขอบคุณ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ..." เสิ่นเยียนร้องไห้ฟูมฟายพยาบาลเห็นเธอน่าสงสารขนาดนี้ก็ทำอะไรไม่ถุกเหมือนกันเสิ่นเยียนรู้มาตลอดว่าความน่าสังเวชของตัวเองคือจุดเด่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ยิ่งรู้ว่าจะแสดงจุดเด่นออกมายังไงไม่กี่นาทีต่อมา เสิ่นเยียนสวมเสื้อโค้ทของคนอื่นเดินออกจากตึกฉุกเฉินไปอย่างสงบเธอหันไปมองประตูใหญ่ ยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่เจ็บปวดหลินจืออี้ ซ่งหว่านชิว พวกเธอมีดีอะไรกัน?รอก่อนเถอะ ฉันจะแทนพวกเธอให้ได้แน่นอน!……กงเฉินขึ้นไปชั้นบน เข้าไปในห้องผู้ป่วยของหลินจืออี้สิ
หลินจืออี้ตกใจเล็กน้อยและมองไปที่กงสือเหยียนด้วยความประหลาดใจ ”คุณอา ทําไมคุณอาถึงทําแบบนี้คะ?”กงสือเหยียนยิ้มอย่างกว้างๆ "คุณท่านมีความคับข้องใจต่อเธอเสมอ ถ้าเขารู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเธอ เขาจะโกรธมากขึ้น ""คุณอา ฉันขอโทษนะคะ" หลินจืออี้ตําหนิตัวเอง"ไม่เป็นไร อย่าเก็บมาใส่ใจเลย" กงสือเหยียนลูบหัวเธอหลิ่วเหอกวักมือเรียก "ที่รักคะ เมื่อกี้ฉันยังกินไม่อิ่ม เราไปดูที่ห้องครัวกันดีกว่าว่ายังมีอะไรกินอีกไหมกันดีกว่า""ไปสิ"สองสามีภรรยาจูงมือเดินออกไปหลินจืออี้รู้สึกอบอ้าวเล็กน้อย จึงไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก็ปรากฏร่างสีดําขึ้นด้านหน้าเป็นกงเฉินเขายืนสูบบุหรี่อยู่ข้างสระ นิ้วมือเรียวยาวเหมือนหยกท่ามกลางแสงไฟแสงแดดส่องกระทบผิวทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบเปล่งประกายสีทอง สะท้อนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาด้วยแสงจางๆสายลมเย็นพัดผ่านใบหน้า เป่าผมที่หน้าผาก เผยให้เห็นดวงตาลึกล้ำดุจหมึกหลินจืออี้บีบมือ รู้สึกว่าจําเป็นต้องอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับโรงพยาบาลให้ชัดเจนเพิ่งเดินไปได้สองก้าว เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของกงเฉินก็ขัดจังหวะฝีเท้าของเธอกงเฉิน
ฉันสนใจแต่ผลลัพธ์เท่านั้น น้ำเสียงของกงเฉินเหมือนกําลังพูดกับลูกน้อง "จะจัดการกับผลลัพธ์ยังไง ให้ฉันสอนเธอไหม?"ความสุขของซ่งหว่านชิวยังไม่จางหายไปจากใบหน้า แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พยักหน้าอย่างแข็งกระด้าง "ฉัน ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะขอโทษและชดเชยให้ค่ะ""อืม"กงเฉินรับคําแล้วหันหลังเดินจากไปร่างกายของซ่งหว่านชิวอ่อนปวกเปียก ล้มไปข้างหลัง โชคดีที่ฉินซวงประคองเธอไว้"หว่านชิว เธอเกิดเรื่องไม่ได้ คุณชายสามไม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์ ทุกอย่างยังมีโอกาส""เขาไม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์ก็จริง แต่เขาไม่สนใจฉันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว""แล้วยังไงล่ะ? เขารับปากว่าจะแต่งงานกับเธอก็ได้แล้ว ถึงเวลานั้นเธอก็สามารถจัดการผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาได้อย่างชอบธรรมแล้ว ถึงเวลานั้น หลินจืออี้จะต้องตายยังไง้ที่กลบฝังอย่างแน่นอน!"ฉินซวงกุมคอที่มีเลือดออก กัดฟันด้วยความโกรธซ่งหว่านชิวพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา "หลินจืออี้ เราจะได้เห็นดีกันแน่"ในเวลานี้ แม่บ้านเดินผ่านมาเห็นทั้งคู่ก็แอบหัวเราะกันทั้งสองได้แต่รีบๆ จากไป……กลับไปถึงเรือนหลิ่วเหอก็รีบให้คนชงชาให้เธอหนึ่งกาทันที ก่อนจะดื่มไปถึงครึ่งกาถ
เหอะ ยังบริสุทธิ์อยู่เหรอ?"คุณหนูซ่ง หลังจากแจ้งความแล้ว คุณจะบอกตํารวจยังไงล่ะ? บอกว่าฉันถูกกระตุ้นให้เป็นบ้าและเกือบจะฆ่าคุณนายซ่ง? แล้วฉันถูกกระตุ้นได้ยังไง? โดนใครกระตุ้นล่ะ?"เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนจึงมองไปที่คุณท่านกงอย่างระมัดระวังไม่ใช่ว่าคุณท่านกงตําหนิกงสือเหยียนและหลิ่วเหอต่อหน้าสาธารณชนเพื่อแม่ลูกตระกูลซ่งหรอกหรือ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หลินจืออี้เป็นบ้าน่ะ?ซ่งหว่านชิวตกตะลึงเพิ่งเข้าใจว่าตั้งแต่การโทรครั้งนั้น หลินจืออี้ก็วางแผนไว้แล้วเมื่อกี้พวกเขาทั้งครอบครัวทำตัวน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะรอคุณท่านกงเอ่ยปากเท่านั้น!แล้วเธอแจ้งความจะมีความหมายอะไร?ให้เธอเป็นพยานชี้ความผิดคุณท่านกงหรือ?"พอแล้ว!" คุณท่านกงตําหนิอย่างเคร่งขรึม "พวกเจ้าสองแม่ลูกดื่มมากเกินไปแล้ว ดื่มจนเมาจนเป็นแบบนี้ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ""คุณท่าน..."ซ่งหว่านชิวมองคุณท่านกงอย่างไม่อยากจะเชื่อคุณท่านกงเรียกแม่บ้านมาและส่งกล่องที่บรรจุดาบกลับไป"ดาบนี้ไม่เหมาะกับฉัน พวกเธอเอากลับไปเถอะ ใครก็ได้ ส่งแขก”ซ่งหว่านชิวและฉินซวงรู้สึกไม่ยอม ยังอยากจะช่วงชิงอีกประโยคต่อไปของคุณท่านกงตัดความคิดของพว
ซ่งหว่านชิวกัดฟันและปฏิเสธที่จะพูดใบมีดนั้นกรีดลงบนผิวของฉินซวงโดยตรงฉินซวงกรีดร้อง "หว่านชิว! ช่วยแม่ด้วย! เธอบ้าไปแล้ว!”ซ่งหว่านชิวกัดริมฝีปาก ร้องไห้และเปลี่ยนเรื่อง "หลินจืออี้ เธออย่าทําแบบนี้เลย ฉันรู้ว่าความจริงมันยากสําหรับเธอที่จะยอมรับ แต่แม่ของฉันเป็นผู้บริสุทธิ์นะ"แก้มของเธอแดงก่ำและร้องไห้อย่างเสียใจแต่ก็ไม่ยอมรับผิดแทนแม่เห็นได้ชัดว่าเธอเสแสร้งแค่ไหนทุกคนรู้จักซ่งหว่านชิวมานานกว่าสามปีแล้ว และได้เห็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเธอ พวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดีในเวลานี้ คุณท่านกงพูดเสียงดังขึ้นมา"หลินจืออี้ เธอบ้าไปแล้วเหรอ? ปล่อยคุณนายซ่งไป เธอคิดว่าแค่ทําเทปบันทึกเสียงปลอมก็สามารถหลอกลวงทุกคนได้หรือ?”คําพูดเหล่านี้ไม่ได้ทําร้ายจิตใจของหลินจืออี้ แต่เป็นกงสือเหยียนเขาอายุปูนนี้แล้ว เมื่อได้ยินว่าพ่อยอมเชื่อคนอื่นมากกว่าเชื่อทุกอย่างที่ตัวเองได้รับ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีคล้ำทันที"พ่อ! นี่เป็นเรื่องจริงทั้งหมด!”"หุบปาก! ทำตัวเหมือนอะไรกัน! ให้หลินจืออี้ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!" คุณท่านกงไม่ฟังเขาพูดอะไรเลยหลินจืออี้ยิ้มหยัน "หึ คุณท่าน ไม่เชื่อขนาดนี้เลยหรือ
เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนอยากอาเจียนออกมา แต่ก็อาเจียนไม่ออกหลินจืออี้พูดเสียงดังว่า "ฉันให้พวกเธอสองคนพูดจาเหลวไหล! ชอบอาหารเหลือและข้าวบูดไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวฉันป้อนให้พวกเธอเอง!”กิริยาของเธอเร็วมาก คว้าเอาน้ำที่ผู้อาวุโสคนหนึ่งแช่ฟันปลอมแล้วสาดใส่ปากฉินซวงที่กรีดร้องไม่หยุดทันทีเสียงร้องนี้ยิ่งโหยหวนมากขึ้นผู้อาวุโสคนนั้นรีบลุกขึ้นและกวักมือพูดอย่างตะกุกตะกัก "เฮ้ย เฮ้ย อย่ากลืนฟันปลอมของฉันนะ!"หลินจืออี้ถลึงตาใส่เขา เขาถึงได้สติ สาดใส่พวกเธอแล้วก็สาดใส่ฉันไม่ได้สินะคุณท่านกงเคยเห็นฉากแบบนี้ที่ไหนกัน ตกใจอยู่นาน ถึงได้พูดอย่างโมโหว่า "หลินจืออี้! เธอหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”หลินจืออี้ยืนอยู่บนโต๊ะ มองคุณท่านกงจากที่สูง แล้วตะโกนด้วยน้ำเสียงที่โกรธยิ่งกว่าเขา "ทําไมคุณท่านถึงด่าคุณอาโดยไม่ถามเหตุผลเลย? หลายปีมานี้ คุณท่านด่าเขาโดยไม่คํานึงถึงกาลเทศะเลย ว่าเขาไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้! คุณท่านเคยคิดบ้างไหมว่าทัศนคติของคุณท่านเป็นตัวกําหนดทัศนคติของคนอื่นที่มีต่อเขา?”"ที่พูดเพราะเขาเป็นคุณชายรองตระกูลกง แต่ข้างนอกใครๆ ก็เหยียบหัวเขาได้ แม้กระทั่งแม่ลูกคู่นี้ก็ยังกล้าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีขอ
ฉินซวงอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุด มันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนและมองไปที่กงสือเหยียนและหลิ่วเหอหลิ่วเหอหน้าซีดเผือด ขับให้ริมฝีปากแดงก่ำผิดปกติเมื่อกงสือเหยียนจับมือของเธอไว้ ใบหน้าที่ซื่อสัตย์ของเขาก็ดูน่าอายเล็กน้อยเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างมาก แต่เมื่อวานเขาเมาจนไม่ได้สติ เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นล้วนเป็นหลิ่วเหอบรรยายไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน พูดออกมาก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดีในเวลานี้ หลินจืออี้มองไปที่เขา ส่งสายตาเป็นสัญญาณกงสือเหยียน ตอบกลับด้วยเสียงเบาๆว่า "ไม่เป็นไรครับ""งั้นก็ดีแล้ว ไม่งั้นฉันคงรู้สึกผิดจริงๆ แล้วล่ะค่ะ" ฉินซวงตบหน้าอกอย่างเอาจริงเอาจังได้ยินดังนั้น คุณท่านกงก็ขมวดคิ้วถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"ฉินซวงทําหน้าลําบากใจ "ได้ยินว่าคุณชายรองมีลูกค้าที่อยากร่วมงานด้วยมาตลอด ฉันก็เลยออกมาเชิญทั้งสองฝ่ายมาทานข้าวด้วยกัน ใครจะรู้ว่าคุณชายรองกับคุณนายรองดื่มกันเพลินเกินไป ฉันก็เลยทําได้แค่ส่งลูกค้าออกไปก่อน""นึกไม่ถึงว่าคุณนายรองพาคุณชายรองตกลงไปในห้องทิ้งขยะของห้องครัวด้านหลัง ได้ยินว่าสถานที่แบบนั้นเต็มไปด้วยยุงและแมลงวัน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่
กงเฉินเงยหน้าขึ้นอย่างสบายๆ แม้ว่าจะดูเหมือนไม่แยแส แต่ความแข็งแกร่งและการครอบครองในดวงตากลับไม่ปิดบังเลยสักนิดหลินจืออี้สวมชุดกระโปรงสีแดง สวมเข็มขัดสีน้ำตาล ผิวพรรณเนียนละเอียด รูปร่างสมส่วนลําคอที่ขาวเนียนมีสร้อยแพลตตินั่มที่ละเอียดอ่อนและเพรียวบาง แสงที่จางๆ ดูคล้ายเปล่งออกมาจากผิวหนังดึงดูดสายตาของผู้คนทันทีคุณนายซ่ง ฉินซวงหลังจากสังเกตเห็นสายตาของกงเฉินแล้ว เธอก็วางถ้วยชาลงอย่างแรงเล็กน้อย และดึงดูดความสนใจของทุกคนด้วยเสียงเอี๊ยดฉินซวงรวบผ้าคลุมไหล่ลายสก็อตผ้าไหมแท้บนไหล่ เอียงหน้ามองหลิ่วเหอพลางยิ้มอย่างสง่างาม แต่ดวงตาเรียวยาวกลับฉายแววเยาะเย้ย"คุณนายรอง ลําบากคุณจริงๆ ต้อนรับพวกเราอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่ได้รบกวนการพักผ่อนของพวกคุณเมื่อคืนใช่ไหมคะ?"พอพูดถึงเมื่อคืน หลิ่วเหอก็ตัวสั่นเล็กน้อย รู้สึกทนไม่ไหว กําลังจะพูดอะไรบางอย่างก็ถูกหลินจืออี้ดึงไว้หลินจืออี้ยิ้มกว้างรับสายตาอาฆาตแค้นของฉินซวง"คุณนายซ่งและคุณหนูซ่งต่างก็แต่งตัวอลังการแบบนี้ ตระกูลกงของเราก็ต้องแต่งตัวอลังการเหมือนกันสิคะ ถึงยังไงตระกูลกงของเราก็ให้ความสําคัญกับวิธีการต้อนรับแขกมาก ไม่อย่างน
หลินจืออี้ไม่สนใจคําถามของหลี่ฮวนและอธิบายจุดประสงค์ของการมาโดยตรงใบหน้าของหลี่ฮวนเต็มไปด้วยความประหลาดใจและเป็นใบ้ไปทันทีผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงพูดอย่างลังเลว่า "เธอแน่ใจหรือ?""อืม""ได้"หลินจืออี้ได้ของที่ตัวเองต้องการแล้วก็ไปแล้วหลี่ฮวนปิดประตูและโทรหากงเฉินทันที"กงเฉิน หลินจืออี้มาหาฉัน""อืม" กงเฉินตอบเบาๆหลี่ฮวนอึ้งไป "นายเดาออกตั้งนานแล้วเหรอ?""อืม""เฮอะ" หลี่ฮวนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หมุนปากกาเซ็นชื่อ แล้วพูดอย่างสบายๆ ว่า"หลานสาวตัวน้อยของนายต่อกรกับนายไม่ไหว แต่นายไม่กลัวเธอจะทําเรื่องวุ่นวายหรือ?""ไม่เป็นไร"อารมณ์ของกงเฉินนั้นสบายมาก จนฟังดูแล้วรู้สึกเหมือนอยากจะสนับสนุนคนอื่นหลี่ฮวนเบ้ปาก "ได้ๆ หลานสาวบ้านใครบ้านใครดูแล แต่นายก็ไม่ควรขายฉันนะ?""ขายอะไรกัน?""นายบอกเธอว่าฉันชื่อหลี่ฮวนฮวนใช่ไหม? น่าโมโหชะมัดเลย!”"ฉันไม่ได้พูด" กงเฉินเก็บลมหายใจปากกาในมือของหลี่ฮวนตกลงบนพื้นทันที และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วเขามองไปรอบๆ และพูดว่า "ฉันจะบอกให้นะ พรุ่งนี้ฉันวางแผนที่จะไปไหว้พระกับแม่ฉันบนภูเขาสักหน่อย!""นายเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?"“
หลินจืออี้หันตัวกลับไป ก็สบเข้ากับดวงตาที่เย็นชาของกงเฉิน“ห้ามแจ้งความ”น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยพลังที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ดวงตาสีดําภายใต้แสงไฟสะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าที่หล่อเหลาและอันตรายของเขา เย็นชาและดุดันหลินจืออี้กําหมัดทั้งสองข้าง ไหล่สั่นเทิ้ม ใบหน้าขาวซีดจนเขียวคล้ำ ใช้แรงทั้งหมดที่มีเค้นถามประโยคนั้นออกมา "ทําไม? เพียงเพราะเป็นคนของตระกูลซ่ง? เราก็สมควรแล้วหรือ?"“ทําไมคนที่เสียสละหลังจากเกิดเรื่องถึงต้องเป็นฉันเสมอ?”"หนึ่งครั้ง สองครั้ง..."กงเฉินเงียบและสายตาของเขาก็สงบมากหลินจืออี้กลับเหมือนคนบ้าที่บ้าคลั่ง เธอก้มหน้าลง จ้องไปที่ปลายรองเท้าของเธอทั้งสองรองเท้ากีฬาคู่หนึ่งและรองเท้าหนังแฮนด์เมดชั้นยอดคู่หนึ่ง มันถูกกําหนดไว้แล้วว่าพวกเขาไม่ควรมีปฏิสัมพันธ์กันเธอยิ้มเยาะตัวเอง หัวเราะตัวเองที่เอาไข่ไปกระทบหิน ไม่เจียมตัวเอาซะเลย"ได้ ไม่แจ้งความ หวังว่าอาเล็กจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจในวันนี้ตลอดไป”เธอคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอกลับมาและเดินเข้าไปในวอร์ด จากนั้นปิดประตูอย่างแรงหลินจืออี้ที่เห็นเฉินจิ่นจากไป ขมวดคิ้วเดินไปข้างหน้า "คุณชายสาม จะอธิบายให้คุณหลินฟ