น่าเสียดายที่คนที่หลินจืออี้ไม่อยากขอมากที่สุดในชาตินี้ก็คือกงเฉินเธอถอนสายตากลับมา มองเหล้าขาวตรงหน้า แล้วเงยหน้าดื่มลงไปโดยตรงถ้วยชาที่กงเฉินวางไว้บนริมฝีปากของเขาหยุดลง ร่างที่เย็นชาของเขาแผ่กลิ่นอายที่หนาวเย็นออกมาแต่ผู้ชายสามคนที่อยู่ตรงหน้าหลินจืออี้กลับไม่รู้สึกถึงบรรยากาศผิดปกติ พากันหัวเราะลั่น"น้องคอแข็งมาก มาๆ ยังมีแก้วนี้ของพี่ด้วย"“ของพวกเขาดื่มแล้ว ของพี่ก็ต้องดื่มด้วย! ไม่อย่างนั้นก็ไม่ไว้หน้าพี่สิ!”หลินจืออี้ถูกกรอกเหล้าไปสามแก้วใหญ่ติดต่อกันลําคอเผ็ดร้อนจนพูดอะไรไม่ออก สองมือกําหมัดแน่นยังดูไร้เรี่ยวแรงแก้มของเธอแดงระเรื่อ ใบหน้าที่สวยงามอยู่แล้ว ตอนนี้เหมือนเชอร์รี่ที่สุกแล้ว มีความมันวาวที่น่าดึงดูด ทําให้สายตาของผู้ชายรอบข้างเหมือนหมาป่าที่หิวโหยผู้ชายสามคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขามองหน้ากัน มุมปากของพวกเขายิ้มอย่างลามกอนาจาร แต่เนื่องจากอาจารย์ใหญ่และกงเฉินอยู่ด้วย พวกเขาจึงไม่กล้าทําเกินกว่าเหตุดังนั้นจึงอยากมอมเหล้าหลินจืออี้ก่อน เดี๋ยวจะหาเหตุผลมาพาเธอออกไปผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหลินจืออี้ รินเหล้าให้เธอไปพลาง วางมือลงบนพนักเก้าอี้ของเธออย่างไม่ไ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เขาถึงได้ยอมปล่อยหลินจืออี้เธอเอนตัวพิงกําแพงอย่างอ่อนแรง หายใจหอบถี่ กลีบปากที่ย้อมด้วยสีแดงอ้าและปิด ทําให้เขาเริ่มจะควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่อีกแล้วเขาอยากจะเข้าไปใกล้อีก แต่หลินจืออี้กลับออกแรงดึงแก้มออกไป"อาเล็ก อาคิดจะทําอะไรกันแน่? ตบหัวแล้วลูบหลังเหรอ?”"หมายความว่ายังไง?"กงเฉินค่อยๆ ยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดบนริมฝีปาก กัดไม่เบาเลย เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธจริงๆ แล้วหลินจืออี้ฟังน้ำเสียงที่ไม่สนใจไยดีของเขา แล้วจ้องมองเขาด้วยความโกรธแค้น"อาเล็ก อายังมาถามฉันอีกเหรอ? ทุกสิ่งที่อาทําเพื่อซ่งหว่านชิว ยังต้องให้ฉันอธิบายทีละอย่างหรือ? ในเมื่อรักเธอขนาดนี้ ทําไมต้องทํากับฉันแบบนี้ด้วย? ในสายตาของอา ฉันต่ำต้อยจนสามารถใช้ได้ตามใจชอบ เหยียบย่ำได้ตามใจชอบแบบนี้เหรอ?”"ความรักของพวกอาสองคนอย่าดึงฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยได้ไหม? ฉันไม่สนใจเลยสักนิด!”“ขอบคุณสําหรับยาแก้เมาของอาเล็ก ฉันไม่เป็นไรแล้ว”หลินจืออี้เดินผ่านเขาไป แล้วจากไปโดยไม่หันกลับมามองเลย……ภายในห้องส่วนตัวหลังจากหลินจืออี้ออกไปแล้ว กงเฉินก็โดนน้ำชาสาดแล้วไปห้องน้ำด้วยซ่งหว่านชิวรอกงเฉินอยู่นา
หลินจืออี้ชําเลืองมองซ่งหว่านชิวที่กําลังเอามือกุมหัวอย่างเมามาย รู้สึกเหม่อลอยเล็กน้อยแต่ในเมื่ออาจารย์ใหญ่และคนอื่นๆ แยกย้ายกันไปแล้ว เธอก็ถือว่าไวน์แก้วนี้เป็นแก้วสุดท้าย ดื่มเสร็จแล้วก็หาข้ออ้างออกไปก็พอและก็ถือว่าให้หน้าอีกฝ่ายเหมือนกัน ยังไงเธอก็กินยาแก้เมา เหล้าแก้วเล็กๆ สักแก้วก็คงไม่มีปัญหาอะไรตอนที่เธอรับแก้วเหล้ามาเตรียมจะดื่มเหล้า ประตูด้านหลังก็ถูกคนผลักออกกงเฉินเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชา สีหน้าของคนทั้งสามพลันหุบลงไม่น้อยหนึ่งในนั้นพูดอย่างประจบว่า "คุณชายสาม ทําไมริมฝีปากของคุณถึงแตกล่ะครับ ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?"กงเฉินยกมือขึ้นและสัมผัสมัน สื่อเป็นความหมายนัยๆ ว่า "โดนกัด"หลินจืออี้ได้ยินดังนั้น แก้มก็แดงก่ำทั้งสามคนคิดว่าเขาเผลอกัดจนแตก จึงไม่ได้สนใจ ชี้ไปที่ซ่งหว่านชิวที่เท้าคางอยู่"คุณชายสาม คุณซ่งดูเหมือนจะเมาแล้ว"ได้ยินดังนั้น กงเฉินก็เดินไปหาซ่งหว่านชิวซ่งหว่านชิวเอียงศีรษะและล้มลงในอ้อมแขนของเขา พูดอย่างสนิทสนมว่า "คุณชายสาม ฉันไม่สบายมากๆ เลย คุณส่งฉันกลับไปก่อนไหมคะ?"กงเฉินได้กลิ่นเหล้าจากตัวของเธอจริงๆ สายตากวาดมองทั้งสามคนอย่างไม่พอใจท
"แก! นังตัวดี!""ฉันแนะนําให้คุณให้เกียรติฉันหน่อยนะ จริงสิ เมื่อกี้ตอนที่พวกคุณกรอกเหล้าฉัน ฉันได้ถือโอกาสอัดคลิปไว้แล้ว ตอนนี้คลิปอยู่กับเพื่อนร่วมหอของฉัน ถ้าหากฉันไม่ปรากฏตัวในหอพักตรงเวลา พรุ่งนี้การอัดเสียงเหล่านี้จะกลายเป็นประเด็นร้อนฮอตเซิร์ทแน่ พวกคุณทํางานหนักมาสิบกว่าปีกว่าจะประสบความสําเร็จในตอนนี้ คงไม่อยากถูกทําลายเพราะฉันหรอกนะ?"ทั้งสามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ก็ไม่ถึงกับหวาดกลัวจนเกินไปหนึ่งในนั้นยิ้มเยาะ "วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลอง เราให้เกียรติอาจารย์ใหญ่จึงมาเข้าร่วม การดื่มฉลองเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้เรายังสามารถพูดได้ว่าเธอบอกเป็นนัยว่าให้เราสามารถลงมือกับเธอได้"อีกคนหนึ่งยิ้มและพูดว่า "เธอดูเสื้อผ้าที่เธอใส่สิ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจมาล่อลวงเรา! คนออนไลน์ไม่ชอบดูผู้หญิงถูกรังแก สิ่งที่พวกเขาชอบดูมากที่สุดคือเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของผู้หญิงที่เต็มใจที่จะเสื่อมทรามต่างหาก”คนสุดท้ายพูดว่า "เรามีสามปาก เธอคิดว่าผู้คนบนอินเทอร์เน็ตจะเชื่อเธอที่เป็นคนที่เพิ่งมาเข้าสังคมและขายร่างกายเพื่ออนาคต หรือเชื่อว่าคนดังสามคนของเราถูกล่อลวงหลังจากดื่มเหล้ากัน? ข่มขืนยังพ
ณ โรงพยาบาลเมื่อหลินจืออี้ตื่นขึ้นมา เพราะความตกใจ ภาพตรงหน้าจึงมืดสนิท แต่เธอรู้สึกได้ว่ามีคนกําลังเดินอยู่ข้างหน้า"ใครกัน!""ใคร!"เสียงของเธอแหบแห้งและคว้าทุกอย่างที่เธอสามารถสัมผัสได้และโยนมันออกไปท่าทางบ้าคลั่งทําให้คนทั้งวอร์ดตกตะลึงได้ยินเพียงเสียงสะอึกสะอื้น ร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามา“จืออี้ จืออี้ เป็นอะไรไป? นี่แม่เองนะ!"หลิวเหอเข้าใกล้หลินจืออี้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตามือของหลินจืออี้กลับชะงักค้างกลางอากาศ ลมหายใจของเธอสั่นเทิ้ม "แม่ แม่... อยู่ที่ไหน? ทําไมฉันถึงมองไม่เห็นแม่ล่ะ?”ลูกตาของหลิ่วเหอหดเล็กลง แม้แต่ร้องไห้ก็ไม่มีเวลาไปสนใจแล้ว "จืออี้! แกอย่าทําให้แม่ตกใจนะ!”หลินจืออี้มองตําแหน่งที่ว่างเปล่าด้วยสายตาว่างเปล่า พูดเสียงสั่นว่า "แม่..."ในห้องเงียบกริบหลิวเหอระเบิดเสียงร้องไห้ พูดเสียงดังว่า "หมอ! คุณหมอ!"คนสุดท้ายที่มาคือหมอเป็นเพื่อนของกงเฉินหลังจากการตรวจสอบ สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่คําพูดบางอย่างเขาไม่ได้พูดอย่างชัดเจนเขาแค่ปลอบใจว่า "ผมจะจัดการตรวจสอบบางอย่างก่อน รอรายงานออกมา เราค่อยดูกันอีกที"พูดจบก็ชําเลืองมองกง
เมื่อมองดูชายสองคนที่มันเยิ้มและหยาบคาย เธอไม่กล้าจินตนาการรถึงจุดจบของผู้หญิงที่ตกอยู่ในมือของพวกเขาหลิ่วเหอเน้นย้ำกับตํารวจว่า "เราต้องการให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวด!"ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของชายทั้งสองก็ซีดลง ยิ่งขับให้รอยช้ำบนใบหน้ายิ่งเด่นชัดขึ้น ดูดุร้ายน่ากลัวแม้ว่าพวกเขาจะมีชื่อเสียงเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับตระกูลกงแล้วแม้แต่มดก็นับไม่ได้ แล้วจะไปสู้ได้ยังไง?พวกเขาสองคนสบตากัน กัดฟันคิดว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เลยถือโอกาสพูดว่า "คุณนายรอง เราเป็นผู้ชาย แถมยังดื่มเหล้าอีกด้วย จะทนการยั่วเย้าได้ยังไง ถึงได้ทําผิด เพื่อชื่อเสียงของทุกคน ขอให้คุณให้อภัยด้วย"หลิ่วเหอเบิกตาโพลง พูดเสียงแหลมว่า "ยั่วเย้าเหรอ? แกกําลังจะบอกว่าลูกสาวฉันไปล่อลวงพวกแกทั้งสามเหรอ?”ผู้ชายสองคนพยักหน้าอย่างลําบากใจ "เป็นความคิดของคุณหลินจริงๆ ไม่อย่างนั้นเราจะกล้าได้ยังไง?"เพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเอง ทั้งสองได้โยนความผิดทั้งหมดใส่หลินจืออี้พวกเขาไม่ได้ขอโทษแต่กลับมาสร้างข่าวลือให้ผู้หญิงคนหนึ่งแทนเช่นเดียวกับคําพูดตอนที่พวกเขาจับหลินจืออี้ไว้ในห้องส่วนตัว การข่มขืนในโลกนี้ล้วนเป็นความผิดของผู้หญิงทั้ง
ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร?หลินจืออี้ยิ้มเยาะ หลุบตาลงพูดว่า "คุณตํารวจ พวกคุณก็ได้ยินแล้ว พวกเขาไม่ยอมรับทุกอย่างที่ทําไป นอกจากนี้คุณซ่งก็เป็นพยานแทนพวกเขาด้วย ฉันในฐานะผู้ร้องเรียนขอให้พวกเขาสามคนแสดงหลักฐานออกมา เพื่อโต้แย้งหลักฐานที่ฉันให้ไว้""ใช่แล้ว โดยเฉพาะหลักฐานที่ทั้งสองคนพูดว่าฉันล่อลวงและยั่วยุ""แล้วก็... คุณซ่งให้คํามั่นสัญญาอย่างหนักแน่นว่าฉันจะใช้ทางลัดเพื่อขึ้นครองตําแหน่ง”"พวกคุณเป็นตํารวจ จัดการคดีล้วนต้องเปิดเครื่องบันทึกคดี ตอนนี้พวกเขาสามคนคงเปลี่ยนคําพูดไม่ได้แล้วมั้ง?"พูดจบ ทั้งสามคนก็ตกตะลึงจนตาค้างโดยเฉพาะซ่งหว่านชิว สายตาที่ภาคภูมิใจของเธอเปลี่ยนเป็นตกตะลึงทันทีเดิมทีเธอนั่งนิ่งๆ สบายๆ ไม่ต้องทําอะไรอยู่แล้ว แต่เธอคิดว่าตัวเองฉลาดตอนนี้อย่าคิดจะหนีแม้แต่คนเดียวตํารวจพยักหน้าและพูดว่า "เครื่องบันทึกคดีเปิดอยู่เสมอและสิ่งที่พวกเขาพูดก็ถูกบันทึกไว้แล้ว คุณมีหลักฐานใดๆ ที่จะพิสูจน์สิ่งที่คุณพูดหรือเปล่า?"ซ่งหว่านชิวหาไฟใส่ตัวแท้ๆ ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้สติ เธอหันตัวกลับไปนั่งข้างกงเฉิน เอ่ยด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า "คุณชายสาม ฉันแค่อยากช่วยตระกูลกงให้จัดการเ
เธอเช็ดน้ำตาพลางขยับตัวไปพิงกงเฉิน สายตาที่จ้องมองทั้งสองกลับแฝงแววเตือนดูให้ชัดๆว่าเธอเป็นผู้หญิงของใครแล้วค่อยพูดจา!ทั้งสองหายใจติดขัดและอดคิดถึงเพื่อนอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้พวกเขายอมตายดีกว่าไปล่วงเกินกงเฉิน ไม่อย่างนั้นชีวิตต้องแย่ยิ่งกว่าตายแน่ๆทั้งสองทําได้แค่ก้มหัวขอโทษ "ขอโทษครับ! คุณหลิน เราดื่มมากเกินไปจนหื่นกามเอง พวกเราผิดไปแล้ว โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ!""ไม่ปล่อย" หลินจืออี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "วันนี้ปล่อยพวกแกไป พวกแกก็จะนึกว่าโชคดี ต่อไปก็ไม่รู้ว่าใครจะประสบความหายนะอีก ทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้เป็นพวกแกเป็นคนตัวเอง คําพูดของใครก็ฟังไปหมด ถือว่าสมน้ำหน้าพวกแกแล้ว"การเยาะเย้ยถากถางนี้ทําให้ซ่งหว่านชิวโกรธจนหน้าจะเกร็งอยู่แล้ว แต่เธอกล้าแค่โกรธแต่ไม่กล้าพูดอีกสองคนไม่เต็มใจที่จะถูกทําลายเช่นนี้และรีบวิ่งไปหาหลินจืออี้เพื่อขอความเมตตาโดยไม่คํานึงถึงการขัดขวางของตํารวจ"คุณหลิน..."แต่ทั้งสองคิดไม่ถึงเลยว่า คําพูดขอความเมตตายังไม่ทันพูด หลินจืออี้ก็ทําตัวเหมือนคนบ้าแล้ว"กรี๊ด! น่ากลัวจัง! น่ากลัวจังเลย! อย่าเข้ามา อย่าเข้ามาใกล้ฉัน”เธอคว้าเอาน้ำเดือด
หลินจืออี้เคยคิดเอาไว้หลายสิบอย่างถึงความเป็นไปได้ แม้กระทั่งคิดว่าซ่งหว่านชิวอาจจะใช้เธอเป็นเครื่องมือในการทำให้ตัวเองแท้งลูก แบบนั้น เธอก็จะกลายเป็นคนบาปไปตลอดกาลแต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่เคยคิดเลยว่า ซ่งหว่านชิวจะผลักเธอลงไปในทะเลสาบทะเลสาบที่ตระกูลกงเป็นทะเลสาบเทียมที่ขุดลึกมาก น้ำเย็นเฉียบเจ็บแสบแทบจะทันทีที่ร่างของหลินจืออี้จมหายไปเธอพยายามดิ้นรนสุดชีวิต “ช่วย…”แต่พออ้าปาก น้ำก็ทะลักเข้าปากเข้าจมูก ทำให้เธอพูดไม่ออกสักคำเดียวหลินจืออี้คิดว่าเธอคงไม่รอดแล้ว ใครจะคิดว่าซ่งหว่านชิวจะเริ่มตะโกนขอความช่วยเหลือขึ้นมา“ช่วยด้วยค่ะ! จืออี้ตกน้ำ!”เสียงร้องขอความช่วยเหลือของซ่งหว่านชิวทำให้มีคนมากมายรีบวิ่งมาที่ทะเลสาบแต่ตอนนั้นหลินจืออี้ใส่เสื้อโค้ทตัวยาวที่ดูดน้ำไว้เต็มที่ น้ำหนักมหาศาลทำให้ร่างของเธอเริ่มจมลงช้าๆ แรงก็ค่อยๆ หมดลงไปแล้วจู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งกระโจนลงน้ำพยุงเธอขึ้นจากน้ำอย่างแรงหลินจืออี้สำลักน้ำแล้วไอออกมา สายตาที่พร่ามัวมองเห็นเพียงผู้ชายที่อุ้มเธออยู่เป็นกงเฉินเขาก้มหน้า เส้นผมเปียกโชก น้ำที่หยดจากปลายผมดวงตาสีดำขลับจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตาหางตาแด
เธอมีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้เหมือนกับว่า เด็กคนนี้ควรจะเป็นความโชคดีของเธอ เป็นคนที่จะนำพาทุกอย่างที่เธอปรารถนามาให้แต่ตอนนี้เธอเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมสิ่งที่ควรจะได้มาง่ายๆ กลับค่อยๆ ห่างไกลออกไปจากตัวเองทุกที เพราะแบบนี้ ซ่งหว่านชิวที่ไม่ยอมแพ้จึงแต่งหน้าแต่งตัวอย่างดีแล้วมาที่ตระกูลกง เธอคิดจะเดิมพันครั้งสุดท้าย ถ้าวันนี้สามารถได้ตัวกงเฉินสำเร็จ เด็กในท้องเกิดก่อนกำหนดแค่เดือนกว่าๆ ก็ยังพออธิบายได้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติแต่เธอไม่คิดเลยว่าจะได้ยินข่าวที่ทำให้เธอช็อกขนาดนี้มือที่วางอยู่บนหน้าท้องของซ่งหว่านชิวค่อยๆ กำแน่นขึ้น จนความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างดูท่าลูกคนนี้เธอคงเก็บไว้ไม่ได้แล้ว คืนนี้กงเฉินไม่มีทางแตะต้องเธอแน่นอนถ้าอย่างนั้น...ลูกของหลินจื้ออี้ก็ต้องตายไปพร้อมกับลูกของเธอแบบนี้กงเฉินก็ไม่มีเหตุผลอะไรไปขัดคำสั่งของคุณท่านที่ต้องแต่งงานกับหลินจื้ออี้แล้วซ่งหว่านชิวลดมือลง หยิบแป้งพัฟขึ้นมาปัดแต่งหน้าเติมเล็กน้อยก่อนจะถอดต่างหูจากใบหูใส่ลงกล่องเครื่องประดับเล็กๆ ที่พกติดตัวมาด้วยเธอรีบเดินเข้าห้องรับแขก ก่อนที่กงเฉินจะกลับมารีบเข้าไปทักทายทุกคนก่อน
หลินจื้ออี้เข้าไปในห้องน้ำแล้วก็อาเจียนออกมาอย่างหนัก แม้จะบ้วนปากด้วยน้ำยารสผลไม้ถึงสามรอบแต่ในปากก็ยังขมอยู่ดีทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็มีเงาหนึ่งมายืนขวางทางไว้เธอพูดด้วยเสียงอ่อนล้า “หลบไปหน่อย”กงเฉินจ้องมองเธอ “ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า?”หลินจื้ออี้ได้ยินคำพูดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ“อาเล็กดูแลฉันดีแบบนี้เพราะฉันท้องเหรอ?อย่าลืมสิตอนนั้นอาบอกว่าถ้าฉันท้องก็ให้ไปเอาเด็กออกไม่ใช่เหรอ?”“...”สีหน้าของกงเฉินมืดมนลงทันทีหลินจื้ออี้นึกถึงคำเตือนของคุณท่านเมื่อครู่แล้วก็อดนึกถึงชาติที่แล้วไม่ได้ ตอนที่คุณท่านปฏิบัติต่อซิงซิงซิงซิงเป็นเด็กผู้หญิงแถมยังเป็นลูกที่ไม่มีใครต้องการ คุณท่านก็ไม่เคยยอมรับเลยว่าเธอเป็นหลานสาวของตระกูลกงแต่เมื่อซ่งหว่านชิวกลับมาพร้อมกับลูกชาย โลกออนไลน์ก็เต็มไปด้วยข่าวว่าเขารักหลานชายคนนั้นมากแค่ไหน ถึงกับประกาศว่าลูกชายของซ่งหว่านชิวคือลูกเพียงคนเดียวของกงเฉินทุกคนต่างหัวเราะเยาะเธอกับลูกสาวของเธอว่า พยายามแทบตายสุดท้ายก็ได้แต่ความว่างเปล่าตอนนี้คุณท่านก็คงจะสมหวังแล้วในเมื่อไม่มีเธอคอยขวางทาง ก็คงต้องดูว่าซ่งหว่านชิว
หลินจื้ออี้มองดูโต๊ะกลมขนาดใหญ่ เธออดคิดไม่ได้ว่าครั้งก่อนที่กินข้าวที่นี่คือเหตุการณ์ที่เธอเคยระเบิดใส่แม่ลูกตระกูลซ่งหว่านชิวคุณท่านกงซึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะแต่งตัวด้วยสูทเรียบร้อยสีหน้าเคร่งขรึมตามแบบฉบับเพราะคำนึงถามมารยาท หลินจื้ออี้จึงเอ่ยทักอย่างนอบน้อม “คุณท่าน”“อืม นั่งกินข้าวเถอะ”เขาโบกมือเชิญทุกคนเริ่มกินอาหารหลินจื้ออี้มองอาหารทะเลเต็มโต๊ะแล้วกลืนน้ำลายเบาๆ แต่เพราะมีคุณท่านอยู่เธอจึงคีบแค่เนื้อวัวตรงหน้าเท่านั้นเธอไม่ได้เป็นตัวแทนแค่ตัวเองแต่ยังเป็นตัวแทนของหลิ่วเหอด้วยพอคิดถึงเรื่องที่หลิ่วเหอยังต้องใช่ชีวิตอยู่ในตระกูลกงนี้ต่อไป ทุกการกระทำของเธอในฐานะลูกสาวจึงมีความสำคัญมากขณะกำลังคิดอยู่นั้น หลิ่วเหอก็คีบอาหารทะเลให้เธอหลายอย่าง ทั้งปลาดิบ เนื้อหอยสังข์ และยังตักโจ๊กกุ้งล็อบสเตอร์ชามใหญ่ให้ด้วยหลิ่วเหอพูดเบาๆอย่างแนบเนียนว่า “กินก่อนนะ เดี๋ยวถ้าโต๊ะหมุนมาถึง ฉันจะหยิบหอยเป๋าฮื้อดำ ไส้กุ้งในหอยเชลล์ แล้วก็กุ้งทะเลย่างให้เธอ”หลินจื้ออี้พยักหน้ารัวๆ พูดในใจว่า ขอบคุณนะแม่เมื่อก่อนเธอไม่กินอาหารทะเลเพราะรู้สึกว่ามันคาว แต่หลังจากได้ลองอาหารทะเลฝีมือพ่อ
“ฉัน…เธอท้องแล้ว!ฉันขอตั้งสติก่อนนะ ผู้หญิงคนนี้หลอกฉันทุกทางเลยเหรอเนี่ย? ทั้งที่ฉันยังอุตส่าห์ช่วยทำใบรับรองว่าเธอมีปัญหาทางจิตใจให้!”หลี่ฮวนแทบกรี๊ดออกมา เขาถูกหลินจืออี้หลอกเต็มๆ!“พูดมา”กงเฉินยกมือถือออกห่างจากหูด้วยสีหน้ารำคาญใจ“ภาวะเสี่ยงแท้งส่วนใหญ่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อาหารการกินก็ต้องระวัง โดยเฉพาะห้ามทำงานหนัก” หลี่ฮวนตอบ“อืม”“แล้วนายจะทำยังไง?เมื่อก่อนตอนที่มีข่าวลือ เธอยอมรับว่าคืนนั้นเธออยู่กับนาย นายก็อ้างกระแสสังคมแต่งงานกับเธอได้เลย คุณท่านก็คงจะพูดอะไรไม่ได้ แต่นี่เธอกลับไม่ยอม นายบอกฉันตามตรงนะ ตอนนั้นนายยอมร่วมมือกับคุณท่านกดดันเธอเพราะนายเองก็มีใจใช่ไหมล่ะ?”หลี่ฮวนหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์กงเฉินก้มหน้าลงเล็กน้อย “วางสายละ”หลี่ฮวนรีบร้องห้ามเสียงดัง “นายนี่มันปากไม่ตรงกับใจชัดๆ นายต้องโชว์ข้อดีตัวเองบ้างนะ!”“โชว์ไปแล้ว”“อะไรนะ…” … ตู้ดๆๆ…ฝั่งนู้นสายตัดไปแล้วทิ้งให้หลี่ฮวนงงเป็นไก่ตาแตกโชว์ไปแล้ว?โชว์อะไรของมันวะ?.......หลังจากที่เฉินซู่หลานตรวจร่างกายเสร็จ กงเฉินก็ช่วยประคองเธอเดินออกจากตึกพอขึ้นรถมาด้วยกัน เฉินซู่หลานก็ยิ้มหวานแล้วพูดว่า
“ฮะ? ฉัน...” หลินจืออี้ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรู้ว่าหมอเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนอื่น“ตั้งครรภ์ระยะแรกนะมีเลือดออกนิดหน่อยต้องพักผ่อนให้มาก อย่ากระโดดโลดเต้นและอาหารการกินก็ต้องระวัง”“ไม่ใช่ค่ะคุณหมอ ฉัน...”“พอแล้ว คนต่อไป” หมอขีดปากกาลงใบตรวจแล้วเรียกคนถัดไปผู้หญิงคนต่อไปก็เปิดประตูเข้ามาเรียบร้อยหลินจืออี้เห็นว่าไม่มีเหตุผลจะต้องอธิบายต่อก็รีบถอยออกมาพอหันตัวกลับ ตึบ! ก็ชนเข้ากับใครบางคนเธอก้มหน้าลงขอโทษ “ขอโทษค่ะ”กำลังจะเดินหนีไปอยู่แล้วข้อมือของเธอกลับถูกคว้าไว้อย่างแรง“เธอโกหกฉัน?เธอท้องอยู่เหรอ”เสียงที่มักจะสงบนิ่งเยือกเย็นตอนนี้กลับปะทุไปด้วยความโกรธหลินจืออี้เงยหน้าขึ้นถึงพบว่าคนตรงหน้าก็คือกงเฉินเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?หรือว่ามากับซ่งหว่านชิว?แต่เห็นชัดๆ ว่าซ่งหว่านชิวมาก็เพื่อทำแท้งไม่ใช่เหรอ?หลินจืออี้ยังไม่ทันได้คิดอะไรให้ชัดเจนข้อมือของเธอก็ยิ่งเจ็บขึ้นเธอร้องเบาๆ “ปล่อยนะ ฉันเจ็บนะ แล้วฉันก็ไม่ได้ท้อง!”กงเฉินหรี่ตามองความโกรธในดวงตายิ่งเพิ่มขึ้นแต่แรงที่มือก็คลายลงนิดหน่อยพร้อมกับเธอเข้าไปในห้องตรวจ“อาการของเธอเป็นยังไง?”หมอขยับแว่นมองห
แผนกสูตินรีเวชก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ปัญหาก็คือหลินจืออี้เห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาซ่งหว่านชิวถึงแม้ว่าเธอจะแต่งตัวมิดชิดแค่ไหนแต่แผ่นหลังนี้ก็ฝังอยู่ในหัวของหลินจืออี้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว เธอจะลืมได้อย่างไรกัน?แต่ซ่งหว่านชิวมาทำอะไรที่แผนกสูตินรีเวชล่ะ?“จืออี้ เป็นอะไรไป?” เฉินซู่หลานที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็หันมาส่งเสียงเรียกเธอ“ไม่มีอะไรค่ะ มาแล้ว”หลินจืออี้ก็รีบเดินตามไป แต่พอเธอหันกลับไปมองอีกที ซ่งหว่านชิวก็หายไปแล้วเฉินซู่หลานดึงแขนเธอไว้ แล้วชี้ไปที่บันไดข้างหน้า “ขึ้นทางนี้ก็ได้นะ”หลินจืออี้ได้สติกลับมาและพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินขึ้นไปพร้อมกับเธอแบบเหม่อลอยหรือว่าที่ซ่งหว่านชิวเดินทะลุผ่านแผนกสูตินรีเวชเพราะว่าสะดวก?พอขึ้นไปถึงข้างบนหลินจืออี้ก็ช่วยเฉินซู่หลานจัดที่นั่งเพื่อรอคิวตรวจ หมอผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลนี้เป็นเพื่อนของเฉินซู่หลาน เธอไว้ใจเขามากเป็นพิเศษเธอยอมรอก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลเอกชนเปลี่ยนหมอคนใหม่ตรวจหลินจืออี้เข้าใจดีคนมีเงินก็มักจะเลือกหมอที่ตัวเองไว้ใจได้และไม่ค่อยยอมเปลี่ยนคนคงกลัวข้อมูลสุขภาพของตัวเองจะรั่วไหลกงเฉินก็เป็นแบบนั้น การตรวจร่างกายทุกค
“แก... แกอิจฉาฉันจริงๆ ด้วย แม้แต่ผู้ชายก็รั้งไว้ไม่ได้!” เฉินฮวนทุบกล่องในมือ“เหอะ” เซวียมั่นยิ้มเยาะและเดินออกไปทันที เธอขี้เกียจเกินไปที่จะตอบคําถามที่น่าเบื่อแบบนี้"แกหมายความว่ายังไง? แกพูดมาให้ชัดเจนนะ”เฉินฮวนรีบวิ่งไปที่เซวียมั่น แต่ถูกขวางโดยผู้ช่วยเบลล่าเบลล่ารีบเอ่ย "รปภ.พาคนออกไปเร็วเข้า อ้อ แล้วก็ขยะของมันด้วย"แล้วเฉินฮวนก็ถูกโยนออกไปหลินจืออี้ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรเลย ทั้งหมดนี้เป็นเฉินฮวนทำตัวเองทั้งนั้นเมื่อก้มหน้าทํางาน เธอก็เห็นซ่งหว่านชิวที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งพอดีซ่งหว่านชิวเอามือปิดปากเหมือนรู้สึกไม่สบายมาก จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกตลุกขึ้นและออกจากที่นั่งไปหลินจืออี้รู้สึกแปลกใจ กําลังจะดูให้ละเอียด โทรศัพท์ก็สั่น“พรุ่งนี้ฉันอยู่บ้าน แกจะมาไหม?”“อืม”“งั้นฉันจะทําอาหารที่แกชอบ มาอยู่เป็นเพื่อนฉันเร็วๆ หน่อย”“ได้”หลินจืออี้ยิ้มเมื่อเห็นข่าว เธอวางแผนว่าจะถือโอกาสพักผ่อนพรุ่งนี้ไปบ้านตระกูลกงเพื่อย้ายของที่เหลือไปที่คอนโดจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอกเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านตระกูลกงเธอก็ใช้ชีวิตอย่างหวาดผวา ดังนั้นหลังจากพักอย
บนรถกงเฉินและซ่งหว่านชิวเพิ่งนั่งได้มั่นคนขับรถที่สวมถุงมือสีขาวอยู่แถวหน้าก็หันมามองกงเฉินอย่างประหม่า“คุณผู้ชาย ถ้าไม่ไปบริษัท งั้นผมก็จะไปถนนลี่หัวแล้วนะครับ”“อืม”กงเฉินตอบรับเบาๆ แล้วหลับตาพักผ่อนซ่งหว่านชิวเพิ่งพบว่าคนขับไม่ใช่คนที่คุ้นเคยมาก่อน จึงถามอย่างสงสัยว่า “ทําไมเปลี่ยนคนขับกะทันหันล่ะคะ? ทางก็ไม่คุ้นเคยแล้ว”กงเฉินหลับตาลงและพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่คุ้นเคยทางขับไปเดี๋ยวก็คุ้นเคยเอง แค่คนที่แยกนายจ้างไม่ออกก็ไม่จําเป็นต้องเก็บไว้แล้ว”ได้ยินดังนั้น หน้าของซ่งหว่านชิวก็เหมือนมีรอยร้าวและเล็บที่เพิ่งทําใหม่ก็จิกลงไปในเบาะหนังแท้โดยตรงแต่ใบหน้าของเธอยังคงยิ้มอยู่ "ค่ะ"จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกพอไปถึงบ้านตระกูลซ่ง ซ่งหว่านชิวไม่กล้ารั้งกงเฉินไว้ พูดคําอําลาแล้วลงจากรถเหมือนวิ่งหนีกงเฉินก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาจากไปทันทีไม่รู้ว่าเธอเก็บกดเกินไปหรือเปล่า ซ่งหว่านชิวรู้สึกหมดแรง กระเพาะอาหารเริ่มปั่นป่วนอีกครั้งเธอผลักคนรับใช้ที่หิ้วชายกระโปรงราตรีให้เธอออก แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและเริ่มอาเจียน"อ้วก... แหวะ...”ในเวลานี้ รถของฉินซวงก็จอดอยู่ที่ปร