บทที่ 3 คู่หมั้นของข้า
เสี่ยวลี่เหมยเดินออกมาจากห้องของตนโดยมีลี่อินพยุงให้เดินออกมา ร่างกายนี้เหนื่อยง่ายเหลือเกินเพียงก้าวเท้าออกมาเพียงไม่กี่ก้าวทำเอานางหายใจเหนื่อยหอบ สายตาของนางเหลียวมองไปรอบ ๆ ในเรือนแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่นักเป็นวาสนาของนางเสียจริงที่ได้มาอยู่ในร่างของบุตรสาวขุนนางเสียเพียงอย่างเดียวคือสุขภาพของนางในตอนนี้ ป้ายเหนือประตูสลักตัวอักษรด้วยทองคำวาววับบ่งบอกความมั่งคั่งของตระกูล
"ลี่อินวัน ๆ ข้าทำอันใดบ้างก่่อนที่ข้าจะนอนไม่รับรู้อยู่หลายวัน" แม้จะมีภาพความทรงจำแต่ก็มิได้รับรู้ทุกเรื่องราว นางจึงอยากรู้ว่าทำอันใดบ้าง
"คุณหนูมิได้ทำอันใดเจ้าค่ะ มีเพียงกินนอนเดินเล่นเท่านั้น แล้วก็มีบางครั้งที่จะออกไปหาท่านจวิ้นอ๋องเจ้าค่ะ" ลี่อินรีบเล่าให้ฟังทันที เสี่ยวลี่เหมยคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย พร้อมทวนชื่อที่ลี่อินเอ่ยมาเมื่อครู่อย่างแผ่วเบา
"จวิ้นอ๋อง แล้วจวิ้นอ๋องคือผู้ใดกัน"
"ท่านจวิ้นอ๋องนามของเขาคือ ‘จวิ้นอ๋องเจียวหั่ว’ เป็นคู่หมั้นคู่หมายของคุณหนูอย่างไรล่ะเจ้าคะ คุณหนูลืมได้อย่างไรกัน" ไป๋เซ่อที่ยืนถือร่มอยู่ด้านหลังก็เอ่ยขึ้น
"อย่างนั้นหรือ" เสี่ยวลี่เหมยที่ตายจากความรักและเสียใจมาก หากจะให้นางอยู่ในร่างนี้นางจะไม่มีความรักนางครุ่นคิดในใจ จะถอนหมั้นกับท่านจวิ้นอ๋องผู้นี้ให้ได้ แต่ก่อนที่นางจะไปหาเพื่อถอนหมั้นนางจะต้องทำให้ร่างกายนี้แข็งแรงเสียก่อน
หลายวันต่อมาที่เสี่ยวลี่เหมยมาใช้ชีวิตเป็นคุณหนูลู่ นางควบคุมอาหารแถมยังออกกำลังกายจนตอนนี้ร่างกายอวบอ้วนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี จนสาวใช้พากันแปลกใจเมื่อก่อนแค่เพียงคุณหนูเดินเหินก็เหนื่อยหอบแต่ทว่าตอนนี้นางกลับตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อออกมาวิ่งอ้อมเรือน มิหนำซ้ำยังวิ่งทั้งเช้าและเย็น
"คณหนูท่านไม่สบายตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ พักหลังตั้งแต่คุณหนูฟื้นขึ้นมาข้าว่าคุณหนูเปลี่ยนไป " ลี่อินที่เป็นห่วงคุณหนูก็ถามขึ้น
เสี่ยวลี่เหมยจิบน้ำชามองทอดสายตาดูบรรยายกาศแดดอ่อน ๆ กำลังสาดส่องดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน
"ข้าสบายดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงที่ข้าทำเช่นนี้เพราะอยากให้ร่างกายของข้าในตอนนี้แข็งแรงขึ้นต่างหาก ไหนล่ะของที่ข้าให้เจ้าจัดเตรียมมาให้" เสี่ยวลี่เหมยวางจอกน้ำชาลงพร้อมหันไปมองสาวใช้
"นี่เจ้าค่ะ ข้าน้อยได้จัดเตรียมมาให้แล้ว " ไป๋เซ่อเดินถือจานที่จัดเตรียมผลไม้มาวางไวบนโต๊ะให้คุณหนู
"ว่าแต่ผลไม้เพียงเท่านี้คุณหนูจะอิ่มหรือเจ้าคะ ช่วงนี้คุณหนูไม่ค่อยกินอาหารด้วยข้ากังวลเหลือเกินว่าร่างกายของคุณหนูจะทรุดตัวอีก " ไป๋เซ่อสายตาเศร้าสร้อยที่เห็นคุณหนูผู้ที่มักกินทุกอย่างแต่ช่วงนี้กินเพียงแค่น้อยนิดก็เกิดเป็นห่วง
"ที่ข้ากินเท่านี้เพราะข้าต้องรักษาสุขภาของข้าอย่างไรล่ะ พวกเจ้าเลิกกังวลเถอะนะสิ่งที่ข้าทำทั้งหมดก็เพื่อร่างกายนี้ ไม่เห็นหรือว่าช่วงนี้ข้าไม่ค่อยเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อน ข้าจะนั่งเล่นอยู่ที่นี่สักครู่เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ "
"เจ้าค่ะ " ทั้งสองโค้งตัวคารวะก่อนจะไปทำงานของตน ปล่อยให้เสี่ยวลี่เหมยได้อยู่เพียงลำพัง
นางครุ่นคิดถึงชีวิตที่อยู่อีกมิติ ไม่รู้ว่าร่างของตนจะเป็นเช่นไรบ้าง แค่คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาก็ทำให้เสี่ยวลี่เหมยโมโหยิ่งนัก เซียวจ้านปานนี้คงสุขสมหวังกับผู้หญิงคนนั้น คงไม่เสียใจกับการตายของเธอแม้แต่น้อยสินะ ตั้งแต่มาอยู่ในร่างนี้ของมิตินี้มีบางครั้งที่เสี่ยวลี่เหมยยังคงรู้สึกเสียใจที่ถูกกระทำเช่นนั้น แต่ตอนนี้เมื่อเธอนึกย้อนกลับไปกลับทำให้เธอสมเพชตัวเองที่ให้ค่าเสียน้ำตาให้ผู้ชายที่ไม่รักดี
"ทำไมนะ ทำไมฉันต้องเสียน้ำตาให้กับผู้ชายแบบนั้นด้วย หากวัันนั้นฉันไม่เสียใจและรักตัวเองมากปานนี้ฉันก็คงไม่ตายแถมไม่ต้องมาอยู่ในร่างอ่อนแอแบบนี้ด้วย เฮ้อ! " เสี่ยวลีี่เหมยยพึมพำออกมาแผ่วเบา กำมือแน่นอย่างโกรธแค้น ความรักความจริงใจที่เธอมอบให้แต่สิ่งที่เขาตอบแทนคือการนอกใจ ยิ่งคิดหัวใจของเสี่ยวลี่เหมยยิ่งเจ็บใจ
"ไม่ได้การละ ต่อจากนี้ฉันต้องรักตัวเอง ถึงแม้ร่างนี้ไม่ใช่ของฉันก็ช่างเถอะ ฉันจะไม่มีความรักอีกต่อไป"เสี่ยวลี่เหมยลุกขึ้น ออกกำลังกายอีกครั้งอย่างเข็มงวด จนวันเวลาผ่านพ้นมาหนึ่งฤดู นางปรับตัวเองเข้ากับผู้คนในยุคสมัยนี้อย่างง่ายดายโชคดีที่มีความทรงจำของร่างนี้โผล่มาครั้งคราว ทำให้นางใช้ชีวิตได้ดีไม่มีผู้ใดเคลือบแคลง
ยามเฉิน (07.00) หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จสิ้น เสี่ยวลี่เหมยก็ได้แต่งแต้มประทินโฉมปักปิ่นสวยงาม ก่อนออกจากห้องมิลืมที่จะชื่นชมร่างกายของตนเองในตอนนี้ รอยยิิ้มบนใบหน้าปรากฎอย่างชื่นใจที่เห็นการเปลี่ยนแปลงคุ้มค่าเหลือเกินที่นางอดทนเฝ้าออกกำลังกายมาหนึ่งฤดู
"วันนี้คุณหนูงดงามยิ่งนัก จะออกไปเดินเล่นที่ตลาดหรือเจ้าคะ" ลี่อินยิ้มกว้างมองดูนายหญิงของตนอย่างภูมิใจ
"ข้ามีเรื่องสำคัญกว่าเดินตลาดเสียอีก ไป๋เซ่อเรื่องที่ข้าให้เจ้าจัดเตรียมเสร็จสิ้นหรือยัง" เสี่ยวลี่เหมยตอบลี่อินก่อนจะหันไปถามไป๋เซ่อ
"ข้าน้อยได้บอกให้บ่าวเตรียมรถม้าไว้แล้วเจ้าค่ะ " ลี่อินคิ้วขมวดชนกันอย่างสงสัย
"คุณหนูจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ แล้วเรื่องที่ว่าสำคัญนั้นคือเรื่องใดกันข้าน้อยงงงวยไปหมดแล้ว" เสี่ยวลี่เหมยแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะเดินนำสาวใช้ทั้งสองออกมานอกห้องก่อนจะหันหันไปตอบลี่อิน
"หากเจ้าอยากรู้ก็ตามข้ามาสิ เดี๋ยวจะได้รับรู้เองว่าเรื่องที่สำคัญของข้าคือเรื่องอันใด" เสี่ยวลี่เหมยก้าวเท้าตรงไปยังห้องของท่านพ่อเพื่อสิ่งที่นางปรารถนาที่สุดในตอนนี้
ใต้เท้าลู่ไป๋เหวินที่กำลังนั่งนับเบี้ยอัฐของตนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าย้ำมาใกล้ถึงตนเขาก็รีบวางเบี้ยนั้นและออกมาดูว่าผู้ใดมาหาเขาในยามเช้าขนาดนี้ ช่วงนี้เขาพอได้ยินมาว่าบุตรสาวของตนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือสุขภาพของนาง เขาก็ดีใจมากเพียงแต่ไม่ค่อยมีเวลาที่ไปพบนางสักเท่าไหร่เพราะมีเรื่องในวังหลวงที่ยุ่งเหยิง ทำให้เขาได้เดินทางไปวังหลวงอยู่ในทุกวัน กลับมาห้องของบุตรสาวก็ดับเทียนเสียแล้ว
ทันใดนั้นเองที่เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใต้เท้าลู่ไป๋เหวินต้องชะงักเพราะสตรีที่เดินเข้ามาในห้องเขานั้น ใบหน้าคล้ายฮูหยินของเขายิ่งนัก
"ฮูหยิน ... " ใต้เท้าเผลอตัวเปล่งเสียงออกมา
"ท่านพ่อนี่ข้าเองเจ้าค่ะ หาใช่ท่านแม่ไม่" เสี่ยวลี่เหมยเดินเข้ามาใกล้พร้อมเผยยิ้มให้ชายชรา
"เจ้าช่างเหมือนแม่ของเจ้าจริง ๆ ในตอนที่นางยังเป็นสาวสะพรั่งนางงดงามที่สุดในบรรดาสตรีทั่วหล้า " ใต้เท้าลู่เดินวนมองตั้งแต่หัวจรดเท้าของเสี่ยวลี่เหมยเพื่อจ้องพินิจดูการเปลี่ยนแปลง
"อย่างนั้นหรือเจ้าคะ "
"ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงได้ผอมลงเช่นนี้ หรือว่าเจ้าเบื่ออาหารไม่ได้การแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปจัดการพ่อครัวที่ทำอาหารไม่ถูกใจเจ้าทำให้เจ้าซูบไปเช่นนี้" ใต้เท้าลู่เป็นห่วงบุตรสาวที่น่ารักของตน แก้มที่อวบอิ่มบัดนี้กลับซูบผอม แขนขาที่อวบอั้นกลับกลายเป็นผอมเนื้อแนบกระดูกจนหัวใจของผู้เป็นพ่อแทบสลาย เสี่ยวลี่เหมยรีบดึงแขนท่านพ่อก่อนที่เขาจะทำอย่างว่าจริง ๆ
"โอ๊ะท่านพ่อ ไม่ต้องเจ้าค่ะ ที่ข้าเป็นเช่นนี้เพราะข้าต้องรักษาสุขภาพท่านพ่อไม่เห็นหรือเจ้าคะ ตอนนี้ข้าสามารถเดินไปมาอย่างไม่หายใจเหน็ดเหนื่อย แถมช่วงนี้ร่างกายของข้าก็ไม่เจ็บป่วยง่ายเหมือนเมื่อก่อน ท่านพ่อวางใจไม่ต้องเป็นห่วงข้าเลยเจ้าค่ะ " ผู้เป็นพ่อสำรวจร่างกายบุตรสาวพร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอก
"ก็ได้หากเจ้าเอ่ยมาเช่นนั้นข้าเองก็พอเบาใจ ว่าแต่เจ้ามาหาข้าถึงที่นี่มีเรื่องอันใดหรือไม่"
"เอ่อ ... ท่านพ่อข้าจะไปหาท่านจวิ้นอ๋องเจ้าค่ะ "
"นั้นสินะ เมื่อก่อนเจ้ามักจะไปหาท่านจวิ้นอ๋องอยู่บ่อยครั้ง เจ้าคงจะคิดถึงสินะ ดี ๆ เช่นนั้นข้าฝากสิ่งนี้ไปให้ท่านจวิ้นอ๋องด้วยแล้วกัน"
"ข้าไม่ได้คิดถึงเจ้าค่ะ แต่ที่ข้าจะไปเพราะข้าจะไปถอนหมั้น " เมื่อคำนี้ออกมาจากปากบุตรสาวใต้เท้าถึงกับทำจดหมายที่จะฝากเสี่ยวลี่เหมยไปมอบให้แก่ท่านอ๋องหล่นลงพื้นทันที
"นี่มันเรื่องอันใด เมื่อก่อนเจ้าเองมิใช่หรือที่คอยตามติดท่านอ๋องและให้ข้าไปเจรจาให้ท่านอ๋องมาแต่งกับเจ้า เหตุใดเจ้าถึงจะถอนหมั้นในเมื่อตอนนี้เจ้าเองน่าจะพอใจ"
"ไม่เจ้าค่ะ ตอนนั้นข้าหน้ามืดตามัว อีกอย่างท่านพ่อก็เป็นใต้เท้าที่ร่ำรวยอำนาจในมือที่มีอยู่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าทำอันใดกับตระกูลของเราแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะบอกท่านพ่อนะเจ้าคะ ไม่ว่าท่านพ่อจะอนุญาตหรือไม่แต่อย่างไรวันนี้ข้าจะไปพบท่านอ๋องเพื่อถอนหมั้น " ใต้เท้ากุมศีรษะตนเองทรุดลงนั่งที่เก้าอี้อย่างอ่อนแรง ไม่คิดเลยว่าบุตรสาวที่เคยหลงใหลไม่กินไม่นอนเพราะท่านจวิ้นอ๋อง จะมาเอ่ยเรื่องถอนหมั้น
"จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าลืมแล้วหรือว่าท่านอ๋องเป็นผู้ใด "
"ไม่เจ้าค่ะ ท่านอ๋องเป็นเพียงเชื้อพระวงศ์ที่ไม่มีอำนาจอันใดมากมายในมือ มิเช่นนั้นจะตอบรับเรื่องการหมั้นหรือเจ้าคะ ท่านพ่ออย่าลืมสิว่าวันที่ท่านพ่อไปเจรจาเรื่องการหมั้นหมายนั้นได้ยื่นข้อเสนออันใดให้ท่านอ๋อง ต่อจากนี้ข้าไม่อยากมีคนรักหรือความรักแล้วเจ้าค่ะ" ที่เสี่ยวลี่เหมยเอ่ยมาเพราะจู่ ๆ ความทรงจำเกี่ยวกับท่านอ๋องผู้นี้ก็แว๊บเข้ามาในหัว เขาตอบรับข้อตกลงที่จะหมั้นหมายกับบุตรสาวใต้เท้าลู่ไป๋เพราะอำนาจบารมีเงินทองที่ใต้เท้าจะหนุนหลังสนับสนุนเขาไม่ว่าเขาจะทำอันใด หากเขายอมหมั้นกับลู่เพ่ย
บทที่ 4 แม่หมูในเล้าใต้เท้าลู่ไป๋เหวินมองใบหน้าที่แน่วแน่คำพูดที่หนักแน่นของบุตรสาวพอเข้าใจว่าครั้งนี้บุตรสาวตนเองทำอย่างที่เอ่ยมาจริง ๆ หากตอนนี้นางไม่อยากแต่งกับผู้ใดก็ดีเช่นกันเขาเองก็ไม่อยากบังคับเพราะที่ผ่านมาชีวิตของเสี่ยวลี่เหมยน่าสงสารมามากพอแล้ว เมื่อครั้งที่นางนอนไม่ฟื้นเขาทุกข์ทรมานใจอย่างมาก เฝ้าภาวนาให้บุตรสาวฟื้นขึ้นมาไม่ว่านางต้องการสิ่งใดเขาพร้อมทำให้เสมอ"หากเจ้าต้องกาเช่นนั้นข้าเองก็ไม่ขัดเจ้า แต่เจ้าอย่ามาร้องไห้ฟูมฟายทีหลังก็แล้วกัน""ไม่มีวันนั้นแน่นอนเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าออกเดินทางก่อนนะเจ้าคะ" เสี่ยวลี่เหมยยิ้มกว้างพร้อมเดินออกไปจากห้องของใต้เท้าลู่ไป๋ไปทำตามที่นางกล่าวมาเสี่ยวลี่เหมยย่างกรายออกจากเรือนด้วยเรือนร่างใหม่จากสตรีที่อวบอ้วนบัดนี้ได้กลายเป็นสตรีร่างบางเรียวขายาวใบหน้าผ่องใสมีชีวิตชีวาขึ้นไม่ได้น่าเบื่อเหมือนเมื่อก่อนนางออกเดินทางกับสาวใช้ทั้งสองคนกับผู้คุมม้าอีกหนึ่งคน จวนท่านจวิ้นอ๋องห่างไกลจากเรือนของนางมากนัก เมื่อเดินทางมาถึงครึ่งทางท้องของเสี่ยวลี่เหมยก็เริ่มเรียกร้องอาหาร นางจึงเปิดหน้าต่างดูด้านนอกพบว่าบัดนี้รถม้าเคลื่อนมาถึงหมู่บ้านของท่านอ๋
บทที่ 5 ข้าคือ 'คุณหนูลู่เพ่ย'ชายทั้งสองตาพากันมองมาที่เสี่ยวลี่เหมย ดวงตาแวววาวจู่ ๆ ก็มีสตรีรูปงามมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาจึงเอ่ยถาม"แม่นาง ไม่ทราบว่าท่านเป็นสตรีบุตรสาวของตระกูลใดกันถึงได้งดงามราวกับนางฟ้าเช่นนี้ และที่แม่นางมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกข้ามีเรื่องอันใดหรือขอรับ" เสี่ยวลี่เหมยพยายามควบคุมอารมณ์โมโหเอาไว้ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากราวนางมารร้าย เอ่ยถามเรื่องที่พวกเขากำลังพูกคุยกันอยู่"ข้าเป็นเพียงสตรีผู้ต่ำต้อยไม่สำคัญอันใด เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกท่านกันกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานมีเรื่องอันใดกันหรือเจ้าคะ ข้าเองก็อยากรับรู้ด้วย ข้าได้ยินพวกท่านกำลังเอ่ยถึงคุณหนูตระกูลลู่ใช่หรือไม่เจ้าคะ? ""ใช่แล้ว แม่นางช่างแตกต่างจากนางมากนัก หากเป็นแม่นางผู้นี้จะมีผู้ใดบ้างไม่อยากแต่งงานด้วย ฮ่า ฮ่า" เสี่ยวลี่เหมยกำหมัดแน่นก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า"แล้วพวกท่านเคยเห็นนางหรือเจ้าคะ ถึงนำเรื่องนางมาเอ่ยเช่นนี้ให้เสียหาย""แม่นาง ไม่ว่าผู้ใดในใต้หล้านี้ไม่รู้จักหรอกนะขอรับ เพียงแค่นางเดินหนึ่งก้าวสามารถทำให้แผ่นดินแทบยุบสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว ชาวบ้านลือกันช่างไม่เหมาะสมกับท่านอ๋องที่รูปงาม ห
บทที่ 6 ข้าจะถอนหมั้นท่านอ๋องที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างจ้องมองไปด้านนอกเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาก็คิดว่าเป็นบ่าวรับใช้เขาจึงได้เอ่ยถาม"นางกลับแล้วหรือ หึ! ช่างน่ารำคาญเสียจริง " เขาเอ่ยออกมาโดยไม่ได้หันมามองเลยว่าผู้ที่เข้ามาด้านในหาใช่บ่าวรับใช้ไม่"รำคาญอย่างนั้นหรือเพคะ ไหนท่านอ๋องบอกว่ามีงานมากมายที่ต้องทำ การยืนมองทอดสายตาไปยังด้านนอกคืองานของท่านอ๋องหรือเพคะ หม่อมฉันก็พึ่งจะได้รู้วันนี้นี่เอง " เสี่ยวลี่เหมยเก็บความโมโหเอาไว้ไม่ไหวเมื่อนางเห็นเรื่องราวที่ผ่านมาที่เขาได้ทำกับลู่เพ่ยยิ่งทำให้นางไม่ชอบขี้หน้าท่านอ๋องผู้นี้เลยแม้แต่น้อย"เจ้ากล้าดีอย่างไรเข้ามาในห้องของข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต" เจียวหั่วหันควับกลับมาเมื่อรับรู้ว่าผู้ที่เข้ามามิใช่บ่าวรับใช้ แต่ทว่าเมื่อเขามองมายังนางต้องตกตะลึง สตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นที่เขาเคยรำคาญและรังเกียจ สตรีที่อวบอ้วนน่าเบื่อผู้นั้นมายืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ระยะเวลาเพียงหนึ่งฤดูที่นางหายหน้าหายตาไปไม่คิดเลยว่านางจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ใบหน้าเรียวงามกระจ่างหมดจด ริมฝีปากบางแต้มด้วยชาดสีแดงขับผิวผุดผ่อง ดวงตาดำขลับ
บทที่ 7 ข้าจะไปอยู่กับท่านอาจวนจวิ้นอ๋องตั้งแต่ที่ท่านอ๋องพบเจอลู่เพ่ยวันนั้นเขาก็เอาแต่คิดถึงใบหน้าที่หยิ่งพยองของนาง แตกต่างจากตอนที่นางอวบอ้วนยิ่งนักตอนนี้ความเจ็บปวดที่นางฝากไว้ให้เขาในวันนั้นก็ได้หายดีแล้ว ถึงคราวแล้วที่เขาจะไปเยือนและจะไม่ยอมถอนหมั้น"ผู้ใดอยู่ด้านนอกเข้ามาหาข้าที" เจียวหั่วตะโกนเรียกบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกเพื่อทำในสิ่งที่เขาครุ่นคิดมาหลายวัน"ท่านอ๋องมีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าไปจัดเตรียมทองคำ หยกและเบี้ยอัฐขึ้นเกี้ยวให้ข้าที ให้มากกว่าที่คุณหนูลู่เพ่ยเอามาคืน ข้าจะเดินทางไปที่เรือนของใต้เท้าลู่ไป๋เหวิน""พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบไปจัดเตรียมให้ท่านอ๋องโปรดรอสักครู่" พูดจบบ่าวรับใช้เดินออกจากห้องของเจียวหั่วไปทำตามคำสั่ง เจียวหั่วยืนขึ้นกอดอก ยิ้มมุมปากแววตาเจ้าเล่ห์"เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอกนะ คิดหรือว่าข้าจะยอมถอดหมั้นง่าย ๆ อำนาจที่อยู่ตรงหน้าไม่ว่าผู้ใดก็คงไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ " เจียวหั่วหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจพร้อมเดินออกจากห้องของตนเพื่อเดินทางไปที่เรือนตระกูลลู่ทำอย่างใจหวังเรือนตระกูลลู่"ขนมมาแล้วเจ้าค่ะคุณหนู" ลี่อินเดินถือถาดที่ใส่ขนมพร้อมน้ำชามา
บทที่ 8 เตรียมรับมือเจียวหั่วเดินทางมาถึงเรือนใต้เท้าลู่ไป่เหวินก็ต้องสงสัยเมื่อพบเจอชายมากมายมายืนรออยู่หน้าเรือนเต็มไปหมด จึงได้ให้บ่าวรับใช้ที่มากับตนไปสืบดูก็ได้รู้ความที่เหล่าบุรุษมาอยู่ที่หน้าเรือนเพราะต้องใจหมายตาคุณหนูลู่เพ่ยผู้งดงาม ทำให้จิตใจของเจียวหั่วร้อนรุ่มขึ้นมา ไม่คิดเลยว่าสตรีที่เขาไม่เคยสนใจใยดีจะมีบุรุษอยากครอบครองมากขนาดนี้ เจียวหั่วลงจากรถม้าเร่งรีบก้าวเท้าเข้าเรือนของใต้เท้าลู่ไป๋เหวินอย่างเร็ว"ท่านอ๋องมาพบใต้เท้าหรือพ่ะย่ะค่ะ" บ่าวรับใช้ที่ยืนอยู่หน้าเรือนได้เอ่ยถามขึ้นทำให้ผู้คนที่ยืนอยู่แถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว แถมยังหัวเราะกระซิบกระซาบนินทาเจียวหั่วกันใหญ่ เขายืนอยู่ไม่ไกลพลอยให้ได้ยินคำพูดที่ชายเหล่านั้นเอ่ยนินทาเขา"เฮอะ! มาหวงของทีหลังล่ะสิ ข้าได้ยินมาว่าเมื่อก่อนท่านอ๋องไม่เคยแยแสคุณหนูลู่เพ่ยแม้แต่น้อย พอนางงดงามคิดจะอยากนางคืนสินะ " คำพูดของคนเหล่านั้นทำให้เจียวหั่วโมโหแววตาดุดันมองขวับไปยังคนพวกนั้นจนต้องหลบสายตา"ใช่! ข้ามาหาใต้เท้าลู่ไป๋เหวิน และที่มาวันนี้ก็เรื่องการหมั้นหมาย เมื่อคราวที่คุณหนูลู่เพ่ยไปหาข้าที่จวนในครั้งนั้น ข้าไม่ได้จะถอนหมั้น
บทที่ 9 เดินทางเมื่อเก็บของเสร็จได้ไม่นานสาวใช้ทั้งสองก็พากันหอบถุงผ้าของตนเองมาหาคุณหนูเพื่อออกเดินทาง"คุณหนูเก็บของเสร็จหรือยังเจ้าคะ "ลี่อินวางถุงผ้าเอ่ยถามคุณหนูที่นั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชา"เสร็จแล้วเจ้าไปบอกให้บ่าวมายกไปที่รถม้าเถิดจะได้ออกเดินทาง""เจ้าค่ะ " ลี่อินรับคำสั่งพรางเดินออกไปด้านนอกส่วนไป๋เซ่อก็เดินเข้ามาใกล้เสี่ยวลี่เหมยมองดูคุณหนูที่ผมเผ้าปกปิดใบหน้าจากการเก็บของด้วยตัวเอง"คุณหนูข้าจะแต่งตัวให้นะเจ้าคะ ดูสิเผ้าผมของคุณหนูหลุดรุ่ยหมดแล้ว เป็นเพราะข้ากับลี่อินที่ไม่ได้มาช่วยคุณหนูเก็บของต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ" นางพูดไปเดินไปหยิบหวี่มาแปรงผมแกะปิ่นออกพร้อมจัดแจงให้ผมเข้าทรงและปักปิ่นเข้าไปเช่นเดิม"ข้ายังไม่ได้ตำติเจ้าเสียหน่อย อีกอย่างข้าเองที่บอกให้พวกเจ้าไปเก็บของเจ้าไม่ต้องใส่ใจ เจ้าจัดผมให้ข้าเสร็จแล้วก็ออกไปข้างนอกกันเถอะ ข้าอยากไปร่ำลาท่านพ่อเสียหน่อย""เจ้าค่ะ" ทั้งสองออกมาข้างนอกก็พบใต้เท้าลู่ไป๋เหวินเดินมาพร้อมบ่าวรับใช้ที่ลี่อินไปตามมายกของใช้ของลู่เพ่ย"ท่านพ่อข้ากำลังจะไปหาท่านพ่อพอดีเลยเจ้าค่ะ""อย่างนั้นหรือ เฮ้อ! เจ้าอยู่กับข้ามาตั้งแต่เกิดไม่เคยห่างกาย
บทที่ 10 ข้าจะปลูกผักเจ้าค่ะหลังจากกินอาการอิ่มท่านอาก็พาเสี่ยวลี่เหมยมายังห้องนอนที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ได้ให้นางพักผ่อน เมื่อหัวถึงหมอนตัวนอนบนเตียงนอนนุ่มไม่นานเสี่ยวลี่เหมยก็ได้หลับลงรุ่งเช้ามาเยือนเสียงนกน้อยร้องตอบโต้กันไปมาเจี๊ยวจ้าว เสียงกระดิ่งดังราวกับสำนวนเพียงไพเราะ เสี่ยวลี่เหมยตื่นเช้าเพราะแปลกที่มายืนมองดูดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างงดงาม เช้า ๆ ที่นี่อากาศเย็นสบายแม้ว่านางจะตื่นเช้าแต่ชาวบ้านที่นี่ก็ตื่นเช้ากันมาก ๆ"คุณหนูตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าคะ นี่ยังไม่สว่างเลย" ไป๋เซ่อที่นอนอยู่ข้าง ๆ ตื่นมาเพื่อดูแลก็ต้องตกใจที่เห็นลู่เพ่ยยืนอยู่หน้าระเบียงเสียแล้ว"ข้านอนไม่หลับนะ แล้วลี่อินเล่าไม่มาพร้อมกับเจ้าหรือ" นางมองไปด้านหลังไม่พบลี่อินจึงได้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"ลี่อินไปที่ห้องครัวเจ้าค่ะ " เสี่ยวลี่เหมยพยักหน้ารับรู้"เช่นนั้นเจ้าก็ตามข้ามาเถิด ข้าจะไปหาท่านอา ""เจ้าค่ะ" เสี่ยวลี่เหมยเดินเล่นดูรอบ ๆ เรือน ก่อนจะมาพบท่านอาที่กำลังสั่งให้บ่าวไปทำหน้าที่ของตน เสี่ยวลี่เหมยไม่รอช้ารีบย้ำเท้าตรงเข้าไปหา"ท่านอาทำอันใดอยู่หรือเจ้าคะ" ซีเหนี่ยวได้ยินเสียงหลานสาวหันขวับมามองอย่างรวด
บทที่ 11 คุณชายฮุ่ยเจิน“ไป๋เซ่อเจ้าดูสิร้านขายผักร้านนี้ดูจะใหญ่ที่สุดในตลาดเลยก็ว่าได้”"นั้นสิเจ้าคะ หากคุณหนูปลูกผักขายเข้าไปถามดูราคาดูมั้ยเจ้าคะ เผื่อผักที่คุณหนูปลูกเติบใหญ่จะได้นำมาขาย""นั้นสิงั้นเราเข้าไปถามกันเถิด " เสี่ยวลี่เหมยเดินย่างเท้าเข้ามาในร้านขายผักไม่ว่าจะมองไปทางใดก็มีทุกอย่างราวกับว่าที่นี่คือที่รับซื้อผักจากชาวบ้านมาวางขายอีกที"คุณหนูหาสิ่งใดหรือขอรับ" เฒ่าแก่ร้านขายเมล็ดพันธ์ุผู้เดิมก็เดินเข้ามาหาเสี่ยวลี่เหมยอีกรอบ"เอ๊ะ! นี่เฒ่าแก่ร้านเมื่อครู่มิใช่หรือ? ""อ้อ นี่ก็คืออีกร้านของข้าขอรับผู้คนแถวนี้รู้จักกันดี คุณหนูคงไม่ใช่คนแถวนี้ใช่หรือไม่ขอรับ" เสี่ยวลี่เหมยกวาดตามองอีกรอบก็พบว่าร้านทั้งสองร้านอยู่ติดกันแถมยังมีทางเข้าออกเชื่อมกันอีกด้วย"ใช่แล้วเฒ่าแก่ คุณหนูของข้าเดินทางมาจากที่อื่น จะมาอยู่ที่นี่สักระยะจะมาปลูกผักไม่ทราบว่าที่ร้านเฒ่าแก่นอกจะขายผักแล้วท่านรับซื้อผักจากชาวบ้านด้วยหรือไม่เจ้าคะ" ไป๋เซ่อได้เอ่ยถามเฒ่าแก่เพราะนางเป็นคนช่างพูดช่างจาเป็นที่ชอบใจของเสี่ยวลี่เหมยยิ่งนัก"แน่นอนอยู่แล้ว ร้านของข้าทั้งขายและรับซื้อขอรับหากผักของคุณหนูโตพอจนเก็บ
บทที่ 20 กลุ่มคนน่าสงสัยเจียวหั่วเมื่อมาถึงห้องเขาได้แต่งกายเพื่อออกไปด้านนอกสืบหาเรื่องที่น่าชวนสงสัยนี้กับองครักษ์"กระหม่อมเดินตรวจตราทุกคนในเรือนนอนหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ""เช่นนั้นก็ดีเราจะได้ออกไปด้านนอกโดยที่ีไม่มีผู้ใดสงสัย ไปกันเถิด" ว่าจบเจียวหั่วเดินจากห้องอย่างคล่องแคล้วก่อนจะกระโดดออกทางกำแพงด้านหลังเรือนเพื่อไม่ให้ผู้ใดสังเกตการณ์ได้ เมื่อออกมาก็ไม่พบผู้ใดเลยบ้านเรือนพากันดับโคมไฟมืดสนิท ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงโหยหวนตามสายลมมาอย่างต่อเนื่อง"เสียงนั้นมาจากที่ใดกัน""กระหม่อมได้ยินมาจากทางเหนือของต้นลมพ่ะย่ะค่ะ ""เช่นนั้นเราแยกกันเถิด หากเจ้าพบเรื่องน่าสงสัยก็รีบมาแจ้งข้า ข้าจะไปดูอีกทางยามโฉ่ว (01.00) ค่อยกลับไปพบกันที่เรือน ""พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องทรงระวังตัวด้วย""ไม่ต้องห่วงข้า"องครักษ์พยักหน้าสักพักก็หายวับไปอย่างรวดเร็วส่วนเจียวหั่วเขาดึงผ้าปิดผ้าที่ปกปิดไม่ให้ผูู้ใดรู้ว่าเป็นใครก่อนจะเดินตรวจตราทุกซอกมุมของหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อเดินมาได้ไม่นานเจียวหั่วก็ได้พบเข้ากับชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งแต่งกายชุดดำน่าสงสัย กำลังทำสิ่งใดอยู่อย่างรีบร้อน เจียวหั่วพรางตัวเดินเข้าไปอย่างเบาตัวเพ
บทที่ 19 เสียงร้องของปีศาจฝั่งด้านเจียวหั่วเมื่อกลับมาถึงห้องเขาพบว่าองครักษ์ได้รออยู่ด้านในแล้ว"เป็นเช่นไรบ้างเรื่องที่ข้าให้เจ้าไปจัดการ ""กระหม่อมไปสืบตามชาวบ้านบอกว่าเสียงนี้คือเสียงของปีศาจพ่ะย่ะค่ะ เมื่อท้องฟ้ามืดมัวทุกคนในหมู่บ้านต้องพากันเข้าเรือนห้ามออกมาด้านนอกมิเช่นนั้นจะถูกปีศาจเล่นงาน แถมยังมีผู้คนพบเจอมาแล้วด้วยชาวบ้านจึงหวาดกลัวดับไฟตั้งแต่หัวค่ำพ่ะย่ะค่ะ" เจียวหั่วหันหลังมองไปยังหน้าต่างครุ่นคิดตามที่องครักษ์ได้บอก ช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลกเสียจริง"แล้วเสียงที่ดังตามกระแสลมนั้นเล่าคือเสียงอันใดกัน ""น่าจะเป็นเสียงของปีศาจที่ดังมาตามกระแสลมเพื่อให้ชาวบ้านมิกล้าออกมาจากเรือน เสมือนข่มขู่ให้หวาดกลัว ""อืม ..เช่นนั้นวันนี้เมื่อตะวันตกดินเจ้ามาหาข้าที่ห้อง ข้าจะออกไปข้างนอกกับเจ้า ข้าไม่เชื่อหรอกว่านี่คือฝีมือปีศาจต้องมีผู้ใดสร้างเหตุการณ์นี้ขึ้นมาแน่นอน ""น้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ " องครักษ์โน้มตัวน้อมรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไป เจียวหั่วครุ่นคิดไม่ตกกับสิ่งที่ได้ยิน เขามั่นใจว่านี่คือฝีมือของมนุษย์แน่ ๆ และต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใดต้องการอะไรจากชาวบ้านฝั่งด้านเสี
บทที่ 18 หงุดหงิดหัวใจระหว่างรออาหารฮุ่ยเจินกับสี่ยวลี่เหมยพูดคุยกันอย่างถูกคอ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มทำให้เจียวหั่วไม่พอใจ เวลาที่นางอยู่กับเขามีเพียงใบหน้าบูดบึึ้งไร้อารมณ์ เขาวางจอกน้ำชาที่ฮุ่ยเจินรินให้จนเกิดเสียงดัง ทำให้ทั้งสองมองมายังเจียวหั่ว"ท่านอ๋องน้ำชาร้อนไปหรือขอรับ""ใช่! น้ำชาที่นี่ช่างจืดชืดกลิ่นหอมของชาไม่มีสักนิด" เขาไม่ถูกชะตากับฮุ่ยเจินจึงเอ่ยอย่างไม่รักษาน้ำใจ ทำให้เสี่ยวลี่เหมยหมั่นไส้หยิบจอกน้ำชาของเจียวหั่วพร้อมกระดกเข้าปากอึก!"ท่านอ๋องหม่อมฉันว่าลิ้นของท่านน่าจะมีปัญหานะเพคะ น้ำชาไม่ได้ร้อนเลยสักนิดแถมยังหอมกลิ่นชาอ่อน ๆ ไม่เห็นเป็นเช่นที่ท่านอ๋องเอ่ยมาเลยอท่านอ๋องลองชิมน้ำชาของหม่อมฉันอีกรอบสิเพคะ""ไม่! ไม่ว่าน้ำชาจอกใดก็รสชาติเหมือนกัน ""เช่นนั้นก็แล้วแต่ท่านอ๋องเลยเพคะ คุณชายฮุ่ยเจินอาหารที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้อร่อยมากเลยถูกใจข้าที่สุด ""หากลู่เพ่ยถูกใจวันหลังข้าจะพาท่านมาอีก ว่าแต่ลู่เพ่ยท่านมาอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ รู้สึกเบื่อบ้างหรือไม่ ""ไม่เลย วัน ๆ ข้าต้องไปดูผักที่ปลูกไว้ไม่มีเวลาให้เบื่อหรอกนะ""ท่านปลูกผักด้วยหรือ ข้าชักอยากเห็นแล้วสิสตรีท
บทที่ 17 เมินเฉย"เจ้าเมินข้าอย่างนั้นหรือไม่ได้ยินที่ข้าเอ่ยกับเจ้าหรืออย่างไร" เจียวหั่วคว้ามือของเสี่ยวลี่เหมยให้หยุดเดิน ส่วนลี่อินกับไป๋เซ่อมองหน้ากันและไม่ขอเดินตามอยากให้ทั้งสองได้อยู่เพียงลำพัง ในใจของนางทั้งสองอยากให้คุณหนูของนางมีความสุข เพราะที่ผ่านมาคุณหนูของนางเฝ้ารักเฝ้าคะนึงหาท่านอ๋องอยู่ทุกค่ำวัน ในเมื่อตอนนี้ท่านอ๋องหันกลับมาสนใจคุณหนูของพวกนางจึงอยากให้คุณหนูสมหวังกับท่านอ๋องดั่งที่ใจปรารถนา"ต่อให้ท่านอ๋องจะอยู่ที่นี่จนแก่เฒ่าหม่อมฉันก็ไม่กลับไปกับท่านอ๋องหรอกนะเพคะ ล้มเลิกความตั้งใจนี่เถิด หม่อมฉันเองก็ไม่เข้าใจท่านอ๋องยิ่งนักเมื่อก่อนท่านอ๋องไม่เห็นสนใจหม่อมฉันเลยสักนิด แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้อยากต้องาการให้หม่อมฉันไปเป็นพระชายาล่ะเพคะ น่าเบื่อเสียจริง" เสี่ยวลี่เหมยสบัดแขนของเขาเพื่อให้หลุดออก ในตอนแรกนางจะกลับไปที่เรือน แต่ทว่าตอนนี้นางรู้สึกไม่อยากอยู่ในที่ที่มีท่านอ๋องผู้นี้จึงเดินไปที่ตลาดโดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้สาวใช้ไม่ได้ตามนางออกมา มีเพียงเจียวหั่วที่เดินตามนางมาติด ๆ"เดี๋ยวสิแล้วเจ้าจะให้ข้าทำเช่นใดถึงจะได้ความรักของเจ้าเช่นเดิม ""กลับจวนท่านอ๋องไปสิเพคะ แล้
บทที่ 16 เสียงปริศนา"คุณหนูเจ้าคะ ท่านอ๋องมาที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ ข้าได้ยินจากบ่าวรับใช้ว่าท่านอ๋องมาเพื่อตามคุณหนูกลับหรือว่าตอนนี้ท่านอ๋องคงมีใจให้คุณหนูขึ้นมาบ้างแล้วนะเจ้าคะ คุณหนูดีใจมั้ยเจ้าคะท่านอ๋องรักคุณหนูเหมือนที่คุณหนูต้องการแล้ว ข้าล่ะดีใจแทนคุณหนูที่สุดเลย หรือว่าที่คุณหนูถอนหมั้นแล้วมาอยู่ที่นี่เป็นแผนของคุณหนูเพื่อดูใจของท่านอ๋องเจ้าคะ ช่างเป็นความคิดที่ดีมาก ๆ เลย " ลี่อินที่เดินตามหลังเสี่ยวลี่เหมยได้เอ่ยขึ้น เมื่อนางได้ยินสาวใช้เอ่ยออกมาเช่นนั้นยิ่งไม่ชอบใจหงุดหงิดจนแทบเป็นบ้าหยุดเดินทันที ทำให้ลี่อินที่เดินมาติด ๆ ชนเข้าที่แผ่นหลังของนางอย่างจัง"โอ๊ย! คุณหนูหยุดเดินทำไมเจ้าคะ " ลี่อินใช้มือจับที่หัวลูบไปมาด้วยความเจ็บ เสี่ยวลี่เหมยถอนหายใจหันกลับมามองพร้อมเปล่งเสียงอย่างไม่พอใจกับสาวใช้"ข้าดูดีใจอย่างนั้นหรือ ข้าหนีมาเพื่อไม่อยากพบเจอท่านอ๋องอีก เพราะข้าเกลียดขี้หน้าท่านอ๋อง ไม่อยากพูดคุยพบเจอมีหรือที่ข้าจะดีใจที่จู่ ๆ เขาโผล่มาเช่นนี้ ข้าจะบอกเจ้าให้ได้รู้เอาไว้ต่อให้ใต้หล้านี้มีบุรุษเพียงผู้เดียวคือท่านอ๋องข้าก็ไม่สนใจ ฮึ! " เสี่ยวลี่เหมยปลดปล่อยอารมณ์ที่เก็บ
บทที่ 15 ไม่ต้อนรับ"ท่านอ๋องรอหม่อมฉันอยู่ที่นี่กับลู่เพ่ยสักครู่นะเจ้าคะ หม่อมฉันจะเข้าไปดูที่ห้องครัวสักครู่ ""ท่านอาอยู่ที่นี่กับท่านอ๋องเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะเข้าไปดูที่ห้องครัวเอง" เสี่ยวลี่เหมยไม่อยากอยู่กับท่านอ๋องเพียงลำพังจึงรีบเสนอเข้าไปดูที่ห้องครัวเอง แต่เหมือนท่านอาจะไม่เข้าใจหลานรัก"เจ้าอยู่ดูแลปรนนิบัติท่านอ๋องนะดีแล้ว ส่วนเรื่องอาหารการกินข้าจะจัดการเอง ท่านอ๋องเดี๋ยวหม่อมฉันมานะเพคะ" เจียวหั่วยิ้มกว้าง พร้อมพยักหน้าให้แก่ซีเหนี่ยว นางโค้งคำนับพร้อมเดินออกไป ภายในห้องโถงตอนนี้เหลือเพียงท่านอ๋องกับเสี่ยวลี่เหมย บรรยากาศช่างอึดอัดเหลือทน"เจ้าคิดจะหนีข้าอย่างนั้นหรือ ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าเจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอกนะยอมกลับไปพร้อมกับข้าเถอะจะทนลำบากอย่างนี้อยู่ทำไมกัน " เขาเอ่ยพร้อมเดินเข้ามาใกล้นางเรื่อย ๆ'หนีมาไกลขนาดนี้ยังหาเจอ ท่านอ๋องบ้านี่ต้องเป็นเจ้ากรรมนายเวรของฉันแน่ ๆ' เสี่ยวลี่เหมยบ่นในใจก่อนจะยิ้มกว้างตอบท่านอ๋องอย่างชัดเจน"หม่อมฉันไม่ได้หนีเพคะ และหม่อมฉันจะไม่ยอมกลับไปกับท่านอ๋องหรอกนะเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันมีความสุขไม่มีเรื่องอันใดให้ทุกข์ใจเท่าตอนที่เฝ้าตามถวายความรั
บทที่ 14 หนีไม่พ้นหลังจากนั้นท่านอาได้เข้าครัวทำอาหารพร้อมกับลี่อินปล่อยให้ไป๋เซ่ออยู่กับเสี่ยวลี่เหมย นางเก็บเรื่องที่ท่านอามาเล่าให้ฟังอย่างถ้วนทีก็ไม่เข้าใจสักนิด ทำไมชาวบ้านถึงหูเบาเชื่อเรื่องเช่นนี้ด้วย ปีศาจเหตุใดถึงต้องการพืชผักแทนที่จะเป็นเงินทอง ยิ่งคิดยิ่งทำให้ปวดหัว เสี่ยวลี่เหมยจึงได้ออกมาเดินรับลมด้านนอกไม่นานลี่อินก็ได้ตามไปกินอาหารเย็น หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จทานอาก็ได้กำชับไม่ให้เสี่ยวลี่เหมยออกมาด้านนอกอีก เพราะนางเกรงว่าหลานสาวจะเสียสติหากได้พบปีศจจอย่างชายฉกรรจ์ที่เคยลบหลู่ราตรีมืดมิดเสียงทุกอย่างเงียบสงัดมีเพียงเสียงสายลมที่พัดผ่านกระพวนเสียงดังกระทบกันไปมา เสี่ยวลี่เหมยนอนอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มด้วยปุ๋ยฝ้าย นางลืมตาพลิกตัวมาด้านขวาก็ต้องชะงักตกใจเมื่อเห็นท่านอ๋องมานอนเคียงคู่แถมยังมองนางด้วยสายตาหยาดเยิ้มยิ้มกว้างอ่อนหวาน อย่างไม่เคยพบเห็นมาก่อน"กรี๊ด! นี่ท่านอ๋องมาอยู่ในห้องหม่อมฉันได้อย่างไรเพคะ แถมไม่ใช่มาอยู่ธรรมดาแต่มานอนร่วมเตียงกับหม่อมฉัน ออกไปเดี๋ยวนี้นะเพคะ" เสี่ยวลี่เหมยกรี๊ดร้องใช้มือผลักไสให้ใบหน้าของจวิ้นอ๋องออกห่างตนพรางขยับกายหนี แต่ทว่าจวิ้นอ๋องจ
บทที่ 13 ไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือปีศาจรุ่งเช้ามาเยือนเสี่ยวลี่เหมยตื่นแต่เช้ารีบไปหาท่านอาที่ห้องพร้อมคำถามเต็มหัวไปหมด นางเดินเข้ามาในเรือนพร้อมเรียกท่าอาจากด้านนอก"ท่านอาเจ้าคะ ข้าขอเข้าไปด้านในได้หรือไม่" นางเงียบฟังคำตอบไม่นานเสียงด้านในก็ดังออกมา"เข้ามาสิ" นางเปิดประตูเข้าไปด้านในห้องของท่านป้าตอนนี้นางกำลังแต่งกายอยู่ก็หันมาถามหลานสาวเหตุใดนางถึงมาหานางแต่เช่าตรู่"เจ้ามาหาแต่เช้ามีเรื่องอันใดหรือไม่""ท่านอาช่างรู้ใจข้าเสียจริง ก็เรื่องที่ท่านอาเล่าให้ข้าฟัง ข้าไปนอนครุ่นคิดทั้งคืนก็ยังค้างคาในใจอยากจะมาถามท่านอาให้รู้แจ้งเจ้าค่ะ""เรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ""ท่านอาว่าเป็นฝีมือปีศาจจริง ๆ เช่นนั้นหรือเจ้าคะ แล้วเหตุใดถึงพึ่งมาปรากฎตัว ข้าคิดว่านี่น่าจะเป็นฝีมือของมนุษย์เสียมากกว่าเจ้าค่ะ""แล้วมนุษย์จะทำเช่นนี้ทำไมกันไม่เห็นจะได้ผลประโยชน์อันใด""แล้วปีศาจจะทำเรื่องนี้ทำไมเจ้าคะ ไม่เห็นจะได้ผลประโยชน์อันใดเช่นกัน " เสี่ยวลี่เหมยแย้งคำพูดของท่านอาจนเขานิ่งเงียบเพราะคิดตามที่เสี่ยวลี่เหมยเอ่ยออกมา"นั้นสิ เช่นนั้นเจ้าก็ออกไปกินอาหารเช้าเถิดเดี๋ยวข้าจะเข้าไปในหมู่บ้านสักครู่ " ท่าน
บทที่ 12 เรื่องแปลก ๆวันเวลาผ่านพ้นไปครึ่งเดือนที่เสี่ยวลี่เหมยมาอยู่กับท่านอา นางเหน็ดเหนื่อยอยู่กับการปลูกผักแต่ก็ทำให้นางมีความสุขมาก ๆ ที่ได้ลงมือทำด้วยตนเองจนตอนนี้ผักที่นางได้ลงมือหว่านเมล็ดเติบโตขึ้นมาเขียวขจี"ท่านอาเจ้าคะ ในเรือนของท่านอามีบ่าวที่เป็นชายกี่คนเจ้าคะ"เมื่อเช้าเสี่ยวลี่เหมยไปรดน้ำผักกับสาวใช้เห็นว่าตอนนี้แตงกวาของนางกำลังจะหาไม้เพื่อปีนป่ายจึงกลับมาหาท่านอาที่เรือนเพื่อถามหาบ่าวที่เป็นบุรุษ"ก็เพียงไม่กี่คน ทำไมหรือ"ซีเหนี่ยวกำลังตากผ้าอยู่หันมาถามหลานอย่างสงสัย"ข้าต้องการไม้ไผ่บนเขามาทำค้างให้กับแตงกวาเจ้าค่ะ ""เช่นนั้นข้าจะให้บ่าวนเรือนไปจัดการให้เจ้าเอง ว่าแต่เจ้าเถิดมาอยู่ที่นี่ก็หลายวันแล้วรู้สึกคิดถึงเรือนตระกูลลู่หรือไม่ ""ก็มีบ้างเจ้าค่ะ แต่อยู่ที่นี่ข้ามีความสุขมากนะเจ้าคะ ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมากมายแถมยังได้กินอาหารฝีมือท่านอาทุกวันแต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจเลยเจ้าตค่ะเมื่อตะวันตกดินทุกคนในหมู่บ้านทำไมถึงรีบเข้านอนกันเจ้าคะ หากจะบอกว่าเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานแต่ว่าจะเหนื่อยทุกวันทุกเรือนก็คงมิใช่นะเจ้าคะ "นางมาอยู่ที่นี้สักพักสังเกตเห็นชาวบ้าน