Share

5.ดาม

last update Last Updated: 2024-12-01 16:12:42

หรงหรงเบิกตาโตอย่างตะลึง นางมองเห็นอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยปรากฎขึ้น มีทั้งยาชา ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ และยาอีกหลายชนิดมากมายครบวงจร

"อาเฉิน...ตอนนี้ท่านไม่ต้องทนเจ็บ และไม่ต้องกังวลว่าบาดแผลจะติดเชื้ออีกแล้ว....? หรงหรงสวมกอดโม่เฉินทันทีอย่างลืมตัว

โม่เฉินยังคงมึนงงไม่เข้าใจในความหมายของนาง และไม่รู้ว่าสตรีตรงหน้ากำลังเอ่ยถึงเรื่องอะไร เขาไม่ค่อยเข้าใจในคำพูดของนางสักเท่าไหร่ แต่ดูจากปฎิกิริยาที่นางแสดงออกมา ก็น่าจะเป็นเรื่องดี

เมื่อได้สติขึ้นมา หรงหรงจึงรีบปล่อยมือที่โอบกอดบุรุษตรงหน้าออกอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกเขินอายเล็กน้อย

กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวนาง ทำให้โม่เฉินรู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก

"นั้นคือกล่องอันใด....? โม่เฉินมองไปดูสิ่งของในมือสตรีตรงหน้าอย่างสงสัย

หรงหรงตกใจ นึกว่านางจะเห็นแค่คนเดียว

"ท่านเห็นด้วยหรือ..?

"อืม..เห็นสิ..มีสิ่งใดผิดปกติงั้นหรือ...?

"เปล่า...มันเป็นกล่องยาที่สำคัญมาก สามารถช่วยชีวิตท่านได้.."

หรงหรงเริ่มล้างแผลที่ไหล่ซ้าย จากนั้นนางจึงล้างแผลไปที่บริเวณบาดแผลที่สำคัญก่อน อย่างชำนาญและรวดเร็ว

"อันนี้เรียกว่าเข็มฉีดยา ในหลอดคือยาชา ทำให้ท่านไม่รู้สึกเจ็บแสบในเวลาเย็บแผล ข้าจะฉีดยาชารอบแผลที่มีขนาดใหญ่ให้ท่านก่อน จากนั้นจะเริ่มไล่ฉีดยาชาในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ เพราะจะได้ไม่เสียเวลาในขั้นตอนการเย็บแผล..." สตรีร่างบางอธิบายขึ้น

"อืม..." บุรุษตรงหน้าได้แต่พยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ

หลังจากฉีดยาชาไปทุกตำแหน่งที่สำคัญ สตรีร่างบางนั่งนับเวลารออยู่ภายในใจอย่างมีสมาธิ

"อืม...ได้เวลาแล้ว ยาชาน่าจะเริ่มออกฤทธิ์ อาเฉิน..ต่อไปข้าจะเริ่มเย็บแผลที่หลังให้ท่านก่อน แล้วจะเย็บแผลอื่นให้ท่านตามลำดับ"

โม่เฉินพยักหน้าให้ความร่วมมือทันที

หรงหรงลงมือเย็บแผลอย่างรวดเร็ว นางใช้เวลาไม่ถึงอึดใจ บาดแผลที่มีขนาดใหญ่ก็ถูกเย็บจนเสร็จหมดเรียบร้อย จากนั้นนางจึงเริ่มพันแผลที่แผ่นหลัง และบริเวณส่วนอื่นอย่างไม่รีรอ

"เสร็จเรียบร้อย....." หรงหรงรีบเอามือปากเหงื่ออกอย่างโล่งใจที่ทำผลงานเสร็จ

"เร็วปานนี้เชียว.....? โม่เฉินกล่าวขึ้นอย่างตะลึง ก่อนจะหันไปมองบาดแผลที่ถูกเย็บอย่างมีระเบียบและปราณีต

หรงหรงหยิบยาออกมาสองเม็ด จากนั้นก็ยืนส่งให้โม่เฉิน

"ใช่ เย็บแผลแค่นี้ มันเรื่องเล็กน้อยสำหรับข้า นี้คือยาฆ่าเชื้อกับยาลดไข้ กลืนมันลงไป ตอนนี้..." กล่าวจบหรงหรงรีบเดินไปตักน้ำกลับมาอย่างไม่รีรอ

โม่เฉินหยิบยาขึ้นมาดู ยาสองเม็ดที่มีหน้าตาแปลกประหลาด เขาพึ่งจะเคยสัมผัสเป็นครั้งแรก เขาทำตามที่นางบอก รีบเอายายัดใส่เข้าไปในปาก ก่อนจะค่อยๆ บรรจงเคี้ยวกลืนลงคออย่างช้าๆ

"แค้ก...แค้ก..." โม่เฉินสำลักยาขึ้นมา ถือเป็นยาที่ขมที่สุดในโลกและกลืนลงคออย่างยากลำบาก ตั้งแต่เขาเคยได้กินมา

หรงหรงเดินกลับมาพร้อมกับขันน้ำในมือ นางมองไปที่โม่เฉิน

"อาเฉิน...ยาละ นี้น้ำ...?

โม่เฉินรีบดื่มน้ำตามในทันทีโดยไม่พูดไม่จา ก่อนจะกลืนน้ำลงคออย่างฝืดคอ แล้วจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า

"ข้าเคี้ยวมันไปหมดแล้ว..."

"ห่ะ ท่านเคี้ยวไปได้อย่างไร ขนาดข้าเองยังไม่กล้าเคี้ยว ขมจะตายชัก ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านช่างน่าทึ่งยิ่งนัก" หรงหรงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน

"ก็หรงเอ๋อร์ บอกให้ข้ากินตอนนี้...?

"ใช่ข้าบอก แต่ไม่ได้บอกให้ท่านเคี้ยว ให้กลืนมันลงไปต่างหาก ทีหลังท่านไม่ต้องเคี้ยวอีก ยาขมจะตาย คิก..คิก " หรงหรงยังคงหัวเราะอย่างท้องขัดท้องแข็ง

พอเห็นใบหน้าโม่เฉินที่กำลังมึนงง นางก็อดขำต่อไปไม่ได้ ไม่คิดว่าคนในยุคสมัยนี้ จะโง่เขลาเบาปัญญา มีดีก็เพียงหน้าตาจริงๆ

พอได้สติว่าตัวเองเริ่มเสียมารยาท หรงหรงจึงรีบหยุดหัวเราะลงในทันที

"ขอโทษ...ข้าลืมตัวไปหน่อย ไม่คิดว่าอาเฉินจะซื่อ....(บื้อ)ตรงเช่นนี้....?

"ข้าชอบ....เวลาที่หรงเอ๋อร์หัวเราะ ดูมีชีวิตชีวาดี..."

"ฮะแฮ่ม..ต่อไปข้าจะดามแขนทั้งสองข้างให้อาเฉินด้วยไม้ไผ่ อาจจะอึดอัดไปสักเดือน ท่านจงอดทน ห้ามแกะผ้าพันแผลออกโดยเด็ดขาด ข้ารับรองว่า มันจะช่วยให้แขนท่าน กับมาใช้งานได้ตามปกติแน่นอน แต่ท่านต้องทำตามวิธีการรักษาของข้า ห้ามสงสัยในตัวข้าเด็ดขาด..." โม่เฉินพยักหน้ารับคำ

"ดาม...? โม่เฉินหลุดปากเอ่ยออกมา

"ข้าพึ่งจะกล่าวไปหยกๆ เฮ้ออออ...ดามก็คือ การเอาสิ่งของขนาดแข็งมาพันเข้ากับร่างกายภายนอก เพื่อกันไม่ให้กระดูกแขนขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว จากนั้นท่านต้องกินยาบำรุงให้ต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง"

"เอาเถอะ ข้าเชื่อหรงเอ๋อร์"

หรงหรงนำเอาไม้ไผ่มาวางทาบกับแขนของโม่เฉิน นางใช้ผ้าสีขาวพันรอบแขนเขาอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานแขนทั้งสองข้างก็ถูกดามเสร็จเรียบร้อย

โม่เฉินตั้งใจดูอย่างไม่ละสายตา เขาไม่เคยเจอวิธีการรักษาที่แปลกพิศดารเช่นนี้มาก่อน ยามที่นางรักษาใบหน้าดูจริงจัง มีเสน่ห์ยิ่งนัก

"ปกติจะใช้เหล็กดาม ตอนนี้ข้าไม่รู้จะไปหาเหล็กมาได้จากที่ไหน ใช้ไม้ไผ่แทนไปก่อนก็แล้วกัน.."

"ทำตามที่เจ้าเห็นสมควรเถิด"

"อาเฉิน...ขาท่าน ข้าจะลองหาวิธีอื่นดูก่อน เพราะข้าไม่ค่อยถนัดชำนาญด้านการต่อกระดูก รอข้าศึกษาให้แม่นยำอย่างละเอียด หลังจากนั้น...ข้าจะทำให้ท่าน กลับมาเดินได้อีกครั้งอย่างแน่นอน"

"เดินไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หรงเอ๋อร์ค่อยๆคิดหาวิธี ไม่ต้องกดดันตัวเองมากหรอก" ชีวิตนี้เขาคงไม่มีโอกาสที่จะเดินได้อีกแล้ว แววตาโม่เฉินฉายออกมาอย่างมืดมน

"ไม่ได้หรอก ขาก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ อีกอย่าง....มันเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของท่าน ข้าจะช่วยท่านอย่างเต็มที่แน่นอน ขอเเค่ท่านอย่าสิ้นหวังไร้กำลังใจ ข้าเองก็จะไม่ยอมแพ้ในการรักษาท่านเช่นกัน" คำพูดนี้ทำให้โม่เฉินมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับนางเป็นแสงสว่างส่องนำทางให้เขาอย่างแท้จริง

พูดจบหรงหรงเดินหายไปสักพัก ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดหนึ่ง ถึงจะดูเก่าไปหน่อย แต่ก็ยังสามารถสวมใส่ได้

"นี้เป็นเสื้อผ้าของพ่อข้า ข้าจะไปเอาน้ำมาเช็ดตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ท่านก่อน สภาพเช่นนี้ท่านคงเปลี่ยนเองไม่สะดวก ดึกแล้วคนป่วยต้องรีบพักผ่อน..."

"อืม"

สตรีร่างบางเปลี่ยนน้ำไปตั้งห้ารอบ นางเช็ดตัวให้โม่เฉินจนสะอาดหมดจด แล้วหลับตาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาอย่างมีมารยาท

โม่เฉินมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา หากว่านางจะมองเรือนร่างของเขา โม่เฉินก็ไม่ได้ถือสาหาความ เพราะเขาเองก็เห็นเรือนร่างนางไปหมดแล้วเช่นกัน

ในยุคสมัยนี้ การเห็นเรือนร่างของฝ่ายตรงข้าม ถือเป็นสิ่งต้องห้ามยิ่งกว่าชีวิต หรงหรงจึงหลับตา เพื่อให้เกียรติฝ่ายตรงข้าม

โม่เฉินแอบลอบยิ้มที่มุมปาก เขาจ้องมองใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของสตรีตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา เขารู้สึกว่านางมีจิตใจดี อบอุ่น และมีเสน่ห์มากกว่าสตรีคนอื่นๆ

ตั้งแต่โม่เฉินเกิดมา เขาไม่เคยสัมผัสหรือใกล้ชิดกับสตรีนางใดมาก่อนในชีวิต แต่เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจสตรีตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ช่างแตกต่างจากสตรีคนอื่นๆ ที่เข้าหาเขาหวังเพียงรูปร่างหน้าตา แค่โม่เฉินได้กลิ่นน้ำหอมจากพวกนาง เขาก็อยากจะอาเจียนออกมาทันทีอย่างสะอิดสะเอียน

ข้างลานบ้าน ยังมีเปลนอนขนาดเล็ก เป็นเปลไม้ไผ้ที่เจ้าของร่างเดิมชอบนอนเล่นในยามว่าง หรงหรงเดินไปลากมาวางไว้ใกล้โม่เฉิน ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน แล้วนำผ้าห่มสองผืนติดมือกลับมาด้วย

หรงหรงเอาผ้าผืนแรกปูรองก่อน จากนั้นจึงออกแรงอุ้มโม่เฉินไปวางลงในเปลที่นางเตรียมเอาไว้อย่างเบามือ

โม่เฉินรีบใช้กำลังภายใน ทำให้ร่างกายเบาขึ้น เพื่อทำให้หรงหรงไม่ต้องออกแรงอุ้มเขามาก เพราะวันนี้นางเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน

"อือ..ทำไมข้ารู้สึกว่าตัวอาเฉินเบาขึ้นกว่าตอนแรก...?

"จริงหรือ.....?

"จริงสิ เอ๊ะ...หรือว่าข้าจะคิดมากไป...?

"น่าจะเป็นเช่นนั้น..."

"ช่างเถอะ...ต่อไปข้าจะสระผมให้ท่านก่อน ตอนนี้ผมของท่านมีแต่กลิ่นคาวเลือด หากทิ้งไว้นาน เลือดที่ติดเส้นผมและหนังศรีษะ จะยิ่งล้างออกยาก.."

พูดจบหรงหรงลงมือเดินไปตักน้ำมาหนึ่งถัง จากนั้นนางเดินไปลากโต้ะไม้มา พร้อมกับดันฝั่งปลายเท้าของโม่เฉินให้สูงขึ้น เพื่อให้ฝั่งทางหัวเขาต่ำลง และง่ายต่อการสระ

Related chapters

  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   6. ปฎิเสธ....?

    หรงหรงนั่งลงมืออย่างพิถีพิถัน นางตักน้ำรดโคนผมให้โม่เฉิน เพื่อล้างคราบเลือดออกไปก่อนสองถึงสามรอบ ก่อนจะเทน้ำมันระเหยที่ทำจากธรรมชาติ นวดให้ทั่วทั้งบริเวณศรีษะของเขา และขยี้เบาๆจนเกิดฟองอย่างระแวดระวัง เพราะกลัวว่าหนังศรีษะเขา จะมีบาดแผลในส่วนที่นางมองไม่เห็นอีก โชคดีที่เจ้าของร่างเดิมทำน้ำมันระเหยไว้หลายขวด... ปกติชาวบ้านในหมู่บ้านระเเวกแถวนี้ ไม่มีเงินมากพอ ที่จะซื้อข้าวของเครื่องใช้แพงๆ แตกต่างกับคนในเมืองหลวง เพียงข้าวจะกรอกหม้อ ยังต้องใช้แรงงานหลายวันกว่าจะมีปัญญาซื้อมา ชาวบ้านที่นี้จึงอยู่กันอย่างประหยัดมัธยัสถ์ ไม่ค่อยใช่จ่ายฟุ่มเฟือยเหมือนกับคนในเมืองหลวง หรงหรงสระผมให้โม่เฉิน นางค่อยๆเกาอย่างเบามือ เพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บ จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกหลายรอบ "อาเฉิน ท่านเป็นบุรุษคนแรกที่ข้าสระผมให้ และเป็นบุรุษคนแรกที่ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ตั้งแต่เกิดมา...ข้าไม่เคยสระผมหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บุรุษคนใดมาก่อน ท่านเชื่อหรือไม่...? "เชื่อสิ นี้ถือว่าข้าเป็นบุรุษคนแรกของเจ้าสินะ.." โม่เฉินก็คิดในใจเช่นเดียวกันกับนาง นางก็เป็นสตรีคนแรก ที่เขายอมเปิดใจให้นางเห็นเรือนร่างและ

    Last Updated : 2024-12-01
  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   7.ตรวจอาการ

    รุ่งเช้าที่อากาศแจ่มใส.... หรงหรงตื่นแต่เช้าตรู่ นางนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะมัวแต่คิดเรื่องไร้สาระ หรงหรงจึงลงมือเข้าครัวทำอาหารตั้งแต่รุ่งสาง หลังจากนั้นนางรีบออกไปหาบน้ำที่ท้สยหมู่บ้านมาใส่ไว้ในตุ่ม บ้านเรือนบางหลังก็เริ่มทยอยตื่นขึ้นมาบ้างแล้วประปราย "หรงเอ๋อร์...เจ้าช่างขยันจริงเชียว ตื่นมาหาบน้ำตั้งแต่เช้าตรู่ นางเมิงช่างโชคดีที่มีบุตรสาวเช่นเจ้าจริงๆ" ลุงจางในหมู่บ้านตะโกนถามไถ่สารทุกข์สุกดิบแล้วเอ่ยชื่นชมนาง "ท่านลุงก็พูดเกินไปเจ้าคะ นี้เป็นหน้าที่ของข้าที่ควรจะทำในฐานะลูกเจ้าคะ.." "อืม...แม่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง...? "ท่านแม่ดีขึ้นมากแล้วเจ้าคะ ขอบน้ำใจท่านลุงจางที่ยังเป็นห่วง ข้าต้องกลับไปแล้ว จะรีบกลับไปดูแลท่านเเม่ต่อเจ้าคะ.." "ได้...ไปดีมาดีนะนางหนู..." "เจ้าคะท่านลุง" หรงหรงหาบน้ำจนเต็มตุ่มทุกใบ นางมองไปที่โม่เฉินอย่างหมั่นไส้ เขายังคงนอนหลับตาอยู่ ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี เพื่อเข้าไปดูอาการมารดาของเจ้าของร่างเดิม เมื่อเห็นสภาพหญิงชราตรงหน้า หรงหรงถึงกลับตื่นตระหนกตกใจขึ้นมา ร่างกายหญิงชราตรงหน้า ดูซูบผอมเกือบเหลือแต่โครงกระดูก หน้าตาที่อิดโรยเหมือนนอนรอความตา

    Last Updated : 2024-12-02
  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   8. นางเมิงถูกพิษ

    หรงหรงรีบหยดเลือดพิสูจน์หาสาเหตุทันที เลือดสีแดงกายเป็นสีดำในชั่วพริบตาเดียว สตรีร่างบางยังไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ นางจึงหยิบเข็มเงิน เพื่อพิสูจน์หาพิษให้แน่ชัดอีกครั้ง ผลที่ได้...ปลายเข็มเงินกลายเป็นสีดำสนิทขึ้นมาทันที "ร่ายกายได้รับพิษ ท่านแม่....ท่านถูกพิษได้เช่นไรเจ้าคะ...? หรงหรงรีบหันไปถามหญิงชราตรงหน้าอย่างสงสัย "จะถูกพิษได้เยี่ยงไร แม่ก็กินยาตามที่ท่านย่าของเจ้าให้มาตลอด นอกจากนั้น...แม่ก็ไม่ได้กินยาที่ไหนอีกเลย...? นางเมิงตอบไปตามความจริง "ท่านย่า นี้ท่านย่าเป็นคนนำยามาให้ท่านตลอด เลยหรือเจ้าคะ...? "ใช่...ทำไมหรือ....? "อ่อ...เปล่าเจ้าคะ..." "ก็ลำพังบ้านเรา ไม่มีตำลึงซื้อยาที่แพงเช่นนั้นหรอก ท่านย่าเจ้าเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา นางช่วยส่งยามาให้แม่ต้มกินในทุกๆเดือน" "ท่านแม่...ขอข้าดูห่อยาที่ท่านย่าส่งมา ได้ไหมเจ้าคะ...? "ได้....นั้นไง วางข้างตระกร้าผ้าตรงนั้น แต่ยาน่าจะใกล้หมดแล้วแหละ ประเดี๋ยวอีกไม่นาน ย่าเจ้าน่าจะให้คนนำมาส่งให้เพิ่ม" หรงหรงที่ได้ฟังกัดฟันกรอดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง.. หรงหรงรีบลุกขึ้นเดินไปหยิบห่อยาขึ้นมาดู เพียงนางเปิดห่อยาออก นางก็ได้กลิ่

    Last Updated : 2024-12-02
  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   ว่าที่สามี

    "หรงเอ๋อร์!!! รีบตามแม่เข้ามาในห้องประเดี่ยวนี้ แม่ต้องการคำอธิบาย...? นางเมิงทำหน้าตาขึงขังไม่พอใจเป็นอย่างมาก แววตานางลุกโชนราวกับเปลวไฟที่กำลังร้อนระอุ พร้อมที่จะปะทุได้ทุกเมื่อ หญิงชราผู้นี้อยากจะรู้จริงๆเชียว ว่าบุตรสาวตัวดีของนางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้พาบุรุษลึกลับไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไหนก็ไม่รู้ กลับมาพักที่ชายคาเดียวกันเช่นนี้ หากเป็นเพียงญาติสนิท นางยังพอจะอนุโลม แต่นี้นางเมิงไม่รู้จักบุรุษผู้นี้เสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเขามีที่มาที่ไปอย่างไร ยิ่งทำให้นางเมิงไม่พอใจเอามากๆ "ท่านแม่ ท่านฟังข้า...." หรงหรงทำหน้าตาสำนึกผิด "ไม่ แม่ไม่ฟัง รีบไล่เขาออกไป" หญิงชรารีบเอ่ยตัดบท "ท่านแม่....แต่เขาคือผู้มีพระคุณของลูกนะเจ้าค่ะ ลูกจะกล้าไล่ผู้มีพระคุณของลูกไปได้อย่างไรกัน ท่านแม่เคยสอนลูกเอง ว่าเป็นหนี้ต้องทดแทนบุญคุณคน ลูกจะหลงลืมได้เยี่ยงไร" หรงหรงชักเอาแม่น้ำทั้งแปดขึ้นมาสาธยาย จนมารดาเริ่มคล้อยตาม "ได้...แม่จะให้โอกาสเจ้าได้อธิบาย หากเจ้ามีเหตุผลไม่เพียงพอ แม่จะตีเจ้าให้ตาย และไล่ตะเพิดบุรุษผู้นั้นออกบัดประเดี๋ยวนี้.....? หรงหรงเงียบไปครู่หนึ่ง นางจึงได้เริ่มพูดความจริ

    Last Updated : 2024-12-04
  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   10. ปรึกษาหารือ..

    "เพลี้ยะ.!!!" ฝ่ามือหยาบกร้านฟาดไปที่ต้นแขนบุตรสาวไม่ยั้ง "โอ้ยยย...." "ท่านแม่ พอแล้ว ข้าสำนึกผิดไปแล้วจริงๆ" หรงหรงรีบหยิบฝ่ามือหญิงชราขึ้นมาเป่า เมื่อเริ่มเห็นรอยเป็นสีแดง หญิงชรารีบสะบัดมือออกไปในทันที สายตาเพชรฆาตมองไปที่บุตรสาวตัวดี ไม่รู้ว่าบุตรสาวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้พาบุรุษลึกลับที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไหนก็ไม่รู้ กลับมาพักที่ชายคาเดียวกันเช่นนี้ หากเป็นเพียงญาติสนิท นางยังพอจะอนุโลมให้ แต่นี้นางเมิงไม่รู้จักบุรุษผู้นี้เสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเขามีที่มาที่ไปอย่างไร ยิ่งทำให้นางเมิงรู้สึกไม่พอใจเอามากๆ "ท่านแม่ ท่านฟังลูกสาวท่านอธิบายก่อนสิ...." หรงหรงทำหน้าตาสำนึกผิด พร้อมกับขยับเข้าไปใกล้หญิงชรา "ไม่ แม่ไม่ฟัง รีบไล่เขาออกไปให้ไว.." หญิงชรารีบเอ่ยตัดบท "ท่านแม่....แต่เขาคือผู้มีพระคุณของลูกนะเจ้าคะ ลูกจะกล้าไล่ผู้มีพระคุณของลูกไปได้อย่างไรกัน ท่านแม่เคยสอนลูก ว่าเป็นหนี้ต้องทดแทนบุญคุณคน ลูกจะหลงลืมได้เยี่ยงไรเจ้าคะ..." หรงหรงชักเอาแม่น้ำทั้งแปดขึ้นมาสาธยาย จนมารดาเริ่มมีท่าทีอ่อนลง "ได้...แม่จะให้โอกาสเจ้าได้อธิบาย หากเจ้ามีเหตุผลไม่เพียงพอ แม่จะตีเจ้าให้ตาย แล

    Last Updated : 2024-12-05
  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   11. ตาขวากระตุก...

    นางเมิงมองดูบุรุษตรงหน้าอย่างไม่ลดสายตา นางมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่นาน แล้วจึงเอ่ยออกไป "เจ้าชื่อว่ากระไร......? "ข้าชื่อโม่เฉินขอรับ ท่านแม่..." "ใครเป็นแม่ของเจ้า...เรียกข้าว่าท่านน้าก็พอ.." "คิก...คิก" หรงหรงแอบหลุดหัวเราะออกมา เมื่อได้เห็นว่ามารดาตำหนิคำเรียกของโม่เฉิน "ได้ขอรับ ท่านน้า..." "เจ้า...อย่าได้คิดว่าเจ้าหน้าตาดี แล้วจะมาล่อลวงหรงเอ๋อร์ของข้า หากข้ายังอยู่ เจ้าไม่มีวันได้สมใจกมายแน่นอน ข้าจะจับตาดูเจ้าทุกฝีก้าว จงอยู่อย่างเจียมตัวดีๆ.." "ข้าให้สัญญาขอรับ ข้าจะไม่มีวันชิงสุกก่อนห่ามเเน่นอน ข้าจะให้เกียรติหรงเอ๋อร์ และปกป้องนางจนสุดชีวิต เท่าที่ข้าจะทำได้ขอรับ" *.....* คำพูดเขาดูกำกวมยิ่งนัก..... "หึ...จงจำคำพูดของเจ้าเอาไว้ให้ดีเถิด หากข้าไม่อนุญาติ พวกเจ้าทั้งสองก็ห้ามใกล้ชิดกัน ทำได้เพียงแค่รักษาเท่านั้น ได้ยินหรือไม่...? พูดจบหญิงชราก็หันสายตาไปมองค้อนบุตรสาวทันทีเพื่อเป็นการตักเตือน หรงหรงรีบหลุบตามองต่ำและยิ้มเจือนๆออกมา "ขอรับ" โม่เฉินตกปากรับคำอย่างจริงจัง "ตอนนี้ที่เรือนก็มีเพียงแค่ห้องเดียว ข้าจะเอาผ้ากั้นกลางระหว่างห้องเอาไว้ หรงเ

    Last Updated : 2024-12-05
  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   12.ลูกสะใภ้...

    "พวกท่านพาคนบุกมายังเรือนของข้ามากมายเยี่ยงนี้ มาด้วยเหตุอันใดมิทราบ....? หรงหรงเอ่ยออกไป โดยไม่สนใจคำพูดของแม่เฒ่าอิ๋นเมื่อครู่ ทำกับว่าแม่เฒ่าอิ๋นเป็นเพียงอากาศธาตุสำหรับนาง "หรงเอ๋อร์....เจ้าจะพูดเช่นนี้ก็มิได้..." แม่เฒ่าอิ๋นรีบเอ่ยแทรกขึ้นมา "หุบปาก ข้ามิได้ถาม" หรงหรงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นล้วนแต่ตกตะลึงอ้าปากค้าง เหตุใดหญิงสาวที่เคยอ่อนโยนไร้เดียงสา ถึงได้มีท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้นมาเยี่ยงนี้ ราวกับว่านางมิใช่หรงหรงคนเดิม ทุกคนต่างคิดไปในทิศทางเดียวกัน "นี้เจ้า...เจ้ากล้าขึ้นเสียงกับข้าเชียวรึ ข้าเป็นย่าเจ้านะ...? "เหอะ....ชั่วชีวิตนี้ ข้าไม่เคยมีญาติพี่น้องที่ไหน ข้ามีเพียงท่านแม่เพียงคนเดียว คนอื่นข้าล้วนไม่นับญาติ.." *.....* ชาวบ้านหลายคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างตกตะลึงไปกับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาอีกครั้ง... "ชิช่ะ....พวกเจ้าสองคนเลิกโต้เถียงกันไปมาได้แล้ว...ข้ามาในนามลูกชายของข้า สินสอดก็เอาไปแล้ว ยังจะแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่อีก มีที่ใดกัน....ภรรยาทุบตีสามี ...? นายท่านเซิ๋นยังพูดขึ้นต่อ.... " พวกเจ้ายังจะมัวย

    Last Updated : 2024-12-06
  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   13.เจ็ดตำลึงทอง

    สตรีในสมัยนี้ ล้วนถือชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญ นางเมิงจึงต้องรีบออกตัวปกป้องบุตรสาวเพียงคนเดียว บวกกับความรักความห่วงใยที่มีต่อบุตรสาวเกินกว่าจะพรรณนา นางเมิงมีหรือจะยอมให้ใครมาแตะต้องแก้วตาดวงใจของนาง มิมีวันเสียหรอก "ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิด พวกเจ้าก็จงแยกย้ายกันได้แล้ว..." ท่านผู้นำหมู่บ้านหันไปทางสองผัวเมียตัวต้นเรื่อง "ประเดี๋ยวก่อน...เรื่องค่าสินสอดข้านั้นกระจ่างแล้ว แต่เรื่องที่นังหนูหรงหรงทำร้ายร่างกายบุตรชายข้าเล่า พวกเจ้าสองแม่ลูกจะรับผิดชอบเช่นไร.....? นายท่านเซิ๋นมองไปที่หรงหรง คิดว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่านาง "อ่อ....พอดีเลย ข้าก็พึ่งจะนึกขึ้นมาได้อยู่เรื่องหนึ่ง พวกท่านทุกคนลองสังเกตุดูร่องรอยฟกช้ำตามร่างกายของข้าสิเจ้าคะ..." "ตายแล้ว...นั้นมันร่องรอยการถูกทำร้ายชัดๆ" ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนออกมา "ใช่แล้ว นี้เป็นร่องรอยจากการถูกทำร้ายแน่นอนเจ้าค่ะ ข้าขอสาบานได้..." หรงหรงแสร้งเอามือปาดน้ำตา"โถ้ๆๆ ร่างกายนางบอบบางเยี่ยงนั้น นังหนู...รีบบอกลุงมาเถอะ ตกลงใครเป็นคนทำร้ายเจ้ากันแน่....? ท่านผู้นำหมู่บ้านถามด้วยความเป็นห่วง"ท่านลุงลองไปถามบุตรชายตัวดีของท่านลุงเซิ๋นสิเจ้าคะ ว่าร

    Last Updated : 2024-12-07

Latest chapter

  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   36.สัตว์เลี้ยงตัวแรก

    หรงหรงรีบเร่งฝีเท้า กว่านางจะเดินกลับถึงเรือน ก็เป็นเวลาในยามซวี(19.00-21.00) แสงตะเกียงริบหรี่ ส่องสะท้อนออกมาตามบ้านเรือนแต่ละหลังคาเรือน ราวกับแสงของหิ่งห้อยระยิบระยับ สตรีร่างบางเดินมาหยุดที่ทางเข้าหน้าประตูเรือนของตนเอง ด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้า ก่อนจะรีบปรับลมหายใจให้เป็นปกติที่สุด เพราะในระหว่างทาง หรงหรงรีบเร่งฝีเท้าเดินจ้ำอ้าว และใช้วิชาตัวเบาสลับกันไปมาอย่างไม่หยุดพัก หากขืนนางกลับมาช้ากว่านี้ เกรงว่ามารดากับโม่เฉินคงจะต้องอยู่ไม่สุขเป็นแน่... "หรงเอ๋อร์....นั้นใช่ลูกหรือไม่....? นางเมิงจุดตะเกียงนั่งรอบุตรสาวตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน จนตอนนี้ท้องฟ้ากลายเปลี่ยนเป็นสีดำมืดสนิท เมื่อหญิงชรามองเห็นเพียงเงเลือนลาง ก็จดจำได้ว่าเงาที่เห็น จะต้องเป็นบุตรสาวของตนอย่างแน่นอน "ใช่เจ้าคะ ข้าคือหรงเอ๋อร์ของท่านแม่ตัวจริงเสียงจริงแน่นอน..." เมื่อได้ยินเสียงบุตรสาวตอบรับ หญิงชราก็รีบกระโจนตัววิ่งออกไปเปิดประตูเรือนด้วยความเร็วแสง แล้วแอบถอยหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าบุตรสาวกลับมาอย่างปลอดภัยดี โม่เฉินมองดูจากระยะไกล เมื่อเห็นว่าหรงหรงกลับมาอย่างปลอดภัย เขาจึงรีบถอนหายใจ

  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   35.ขึ้นเขาอีกครั้ง

    ท้องฟ้าสีครามกับบรรยากาศที่สดใส พร้อมต้อนรับรุ่งอรุณในอีกไมช้า หรงหรงตื่นขึ้นมาตามสัญชาตญาณ เพื่อเตรียมตัวขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรราวกับเข็มนาฬิกาอย่างรู้หน้าที่ "หรงเอ๋อร์...จะไปแล้วรึ....? น้ำเสียงอันอ่อนโยนดังแว่วมาจากทางด้านหลัง ทำให้หรงหรงต้องรีบหันกลับไปมองทันที "อ้าว...ตื่นแล้วหรือ กลับไปนอนต่ออีกสักหน่อยเถิด พระอาทิตย์ยังไม่ทันจะขึ้น ท่านรีบตื่นขึ้นมาทำสิ่งใด ยามนี้มิใช่เวลาทำงานเสียหน่อย... " หรงหรงหันไปเอ่ยถามโม่เฉิน เมื่อเห็นเขากำลังนั่งอยู่บนรถเข็นแล้วจ้องมองมาที่นาง "นอนไม่หลับ...แล้วนั้นหรงเอ๋อร์จะไปนานหรือไม่...? โม่เฉินจ้องมองไปที่หรงหรงอย่างรอคำตอบ เมื่อเห็นคนตรงหน้ากำลังกุลีกุจอกับการเก็บสัมภาระ "อืม...วันนี้อาจจะใช้เวลานานกว่าทุกวัน ข้าคิดว่าจะเดินข้ามเขาขึ้นไปอีกสักสองลูก เผื่ออาจจะเจอโสมภูเขาและสมุนไพรล้ำค่าที่หายากเพิ่มขึ้น หากคาดคะเนไม่ผิด คงน่าจะกลับมาตอนพลบค่ำโน้นแหละ..." กล่าวจบ หรงหรงก็หันกลับไปจัดแจงกระเป๋าสัมภาระต่อ เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง "หากข้าเดินได้ก็คงจะดี หรงเอ๋อร์จะได้ไม่ต้องมาทนลำบากอยู่เช่นนี้เพียงลำพัง ข้าช่างเป็นคนที่ไร้ประโยชน์เสียจริง.

  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   34.กระชับความสัมพันธ์

    หลังจากหรงหรงได้เริ่มสอบถามอาการป่วยจากภรรยาลุงเหลียง หรงหรงจึงรีบเดินทางกลับไปที่บ้านลุงเหลียง พร้อมกับภรรยาลุงเหลียงในเวลาไม่นาน พอมาถึงกระท่อมที่มุงจากหญ้าคาที่ท้ายหมู่บ้าน หรงหรงก็ได้ยินเสียงลุงเหลียงนอนร้องโอดครวญดังแว่วมา เมื่อเปิดประตูมองเข้าไปดู ลุงเหลียงกำลังนอนเอามือกอดท้องไว้แน่น เขาบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด ราวกับไส้เดือนถูกน้ำร้อนลวก "ท่านป้า ปกติท่านลุงกินข้าวมากน้อยเพียงใดหรือเจ้าคะ...? หรงหรงหันไปสอบถามอาการลุงเหลียงจากปากภรรยาเขาในทันที "กินข้าวมื้อละชามตรงตามเวลาทุกวัน เอ๊ะ...นางหนู...เหตุใดเจ้าจักต้องถามหาถึงอาการสามีข้าเช่นนี้ หรือว่าเจ้าเกิดคิดจะเบี้ยวขึ้นมา ไม่ยอมจ่ายค่ารักษาให้สามีข้าเอาเสียดื้อๆ...? ภรรยาลุงเหลียงมองหรงหรงอย่างชั่งใจ "จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรกันเจ้าคะ ข้ามิคิดจะบิดเบี้ยวแน่นอนหากว่าสาเหตุมาจากอาหารที่เรือนข้าจริง ข้าจักต้องจ่ายค่าเสียเวลาให้ท่านลุงอย่างสมเหตุสมผลแน่นอน ส่วนเรื่องที่ข้าถาม เพียงเพราะอยากรู้ถึงสาเหตุให้แน่ชัด ข้าจะได้วินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น..." "วินิจฉัย....แม่นยำ.....? "ใช่เจ้าคะท่านป้า..." "

  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   33.ตัดขาดความสัมพันธ์

    หรงหรงทำทียกท่อนฟืนชูขึ้น สองผัวเมียก็ได้แต่ร้องตะโกนห้ามปราม ไม่กล้าเข้าไปใกล้อย่างอกสั่นขวัญแขวน แม่เฒ่าอิ๋นแทบจะเป็นลมทั้งยืน ในใจนางลุ้นระทึกยืนดูเหตุการณ์ อย่างกระสับกระส่าย "ข้ากับท่านแม่ มิมีสิ่งใดต้องเสีย แต่หากว่าเป็นพวกท่าน นั้นก็ไม่แน่ ข้ามีแค่สองปากหากินอย่างไรก็ได้ แต่พวกท่านมีตั้งหกปาก คงจะต้องลำบากน่าดู ข้าจะดูสิว่า....พวกท่านจะทนหิวตายไปในช่วงหน้าหนาวที่ใกล้จะมาถึงได้อย่างไร หากไม่มีธัญพืชให้เหลือพอประทังชีวิตทั้งครอบครัว...? หรงหรงทำทีจะโยนท่อนฟืนขึ้นไปบนยุ้งฉาง "หยุดนะหรงเอ๋อร์ นี้เจ้าบ้าไปแล้วหรือ...? ท่านป้าสะใภ้รีบตะโกนห้ามปรามหลานสาวอย่างหวาดหวั่น "หรงเอ๋อร์ เจ้าใจเย็นลงก่อน มีอะไรก็ค่อยๆพูด ค่อยๆจากัน อย่าได้วู่วามไปเชียว..." ฮ้าวสิงรีบเกลี้ยกล่อมหลานสาว "ที่ผ่านมา พวกท่านพากันใช้ธัญพืชส่วนของท่านแม่ไปอย่างไม่คำนึง ทั้งกิน ทั้งขาย ข้าล้วนไม่ถือสาหาความ ถือเสียว่า...ข้ายกหนี้ให้พวกท่านทั้งหมด และถือว่า...ข้าได้ทดแทนบุญคุณของตระกลูไปจนหมดสิ้น ในเมื่อบิดาของข้าได้ตายจากโลกนี้ไปนานแล้ว นับตั้งแต่วันนี้ ตระกูลของพวกท่าน ถือเสียว่าได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับข้าไ

  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   32.ธัญพืช...

    หนึ่งเดือนผ่านไป..... เรือนไม้หลังใหม่ใช้เวลาแก้แบบหลายครั้ง จึงทำให้ต้องขยายเวลาในการก่อสร้างเพิ่มขึ้น ตอนนี้ตัวเรือนทั้งด้านนอกและด้านใน ถูกสร้างเสร็จจนหมดทุกห้อง มีห้องครัว ห้องกินข้าว เรือนรับรอง รวมไปถึงห้องนอน แต่ละห้องล้วนถูกสร้างสรรค์ออกมา ได้อย่างปราณีตและมีแบบแผน หรงหรงรู้สึกพอใจกับผลงานชิ้นเอกที่ตนได้เป็นคนออกแบบเป็นอย่างมาก แต่ละโครงสร้างที่นางตั้งใจลงลายเส้นไปในกระดาษ ถูกสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อลังการ จนเกินความคาดหมาย ซึ่งในส่วนที่เหลือ เพียงแค่ตกแต่งและลงพื้นสีก็เป็นอันแล้วเสร็จ ช่างไม้ฉู่กับลูกมือทุกคนใช้เวลารวมกันร่วมสองเดือนเศษ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดการเอาไว้ เพราะกว่าจะสร้างเรือนหลังนี้ให้ตรงตามความพอใจของเจ้าของเรือน พวกเขายังต้องรื้อแก้ใหม่ไปอีกหลายรอบ หรงหรงยอมทุ่มตำลึงไปไม่อั้น หวังให้เรือนออกมาแข็งแรงและทนทาน เพื่อทนต่อแดดและลมฝน เนื่องจากเรือนไม้หลังใหม่ กว้างขวางโอ่อ่ากว่าแต่ก่อนจนเทียบกันไม่ติด บวกกับเนื้อที่ว่างเปล่าที่ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้นานโดยเปล่าประโยชน์ หรงหรงจึงได้สั่งให้ช่างไม้ฉู่สร้างกำแพงรอบบ้านขึ้นมาใหม่ โดยรื้อถอนตัวเรือนหลังเก่

  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   31.เอาคืน....

    "กรี้ดดดดดดด!!!!!"เสียงลั่วลั่วกรีดร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวด หรงหรงไม่รีรอ นางใช้แรงเพียงน้อยนิดกระชากเส้นผม บีบบังคับให้ลั่วลั่วเงยหน้าขึ้นมา โดยไม่ให้ลั่วลั่วได้ทันตั้งตัว ก่อนจะเหลือบไปทางชาวบ้านที่กำลังยืนมองดูเหตุการณ์อย่างลุ้นระทึก เมื่อหนังศรีษะลั่วลั่ว ถูกหรงหรงดึงกระชากเข้าให้ ลั่วลั่วพลันน้ำตาเล็ด แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา "หรงหรง นี้เจ้ากำลังทำบ้าอันใดกัน...? แม่เฒ่าอิ๋นกัดฟันกรอดเอ่ยออกมาอย่างโมโห เมื่อเห็นหรงหรงดดึงกระชากผมหลานสาวของตนอย่างไม่สะทกสะท้าน "ไอ๋หย่า.....นี้ข้ายังมิทันจะได้เริ่ม ใยพวกท่าน....ถึงได้พากันทำสีหน้าอย่างกับมีคนตายเยี่ยงนั้นด้วยเล่า อย่าพึ่งตกตะลึงกันไปก่อนสิเจ้าคะ นี้ข้ายังมิทันจะออกแรงเลยด้วยซ้ำ..." "นี้เจ้ากลายเป็นบ้าไปแล้วหรือ จู่จู่ก็มากระชากผมหลายสาวข้า ยังไม่รีบปล่อยมือเจ้าออกอีก ดูสิ...ลั่วลั่วคงจะเจ็บน่าดู..." "อ่อ...แล้วข้ามิใช่หลานสาวท่านหรอกหรือ เมื่อครู่ท่านยังจะเป็นจะตายเพราะข้าอยู่เลย ฉไนเลย...ตอนนี้กลับลืมข้าไปเสียเล่า....? "นี้เจ้า...." แม่เฒ่าอิ๋นยืนกำมือแน่นอย่างโกรธเคือง "พวกท่านมองดูนี้สิ....จากที่ข้าได้สัมผัส เหมือ

  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   30.พิสูจน์...

    แม่เฒ่าอิ๋นรีบมองดูชาวบ้านที่กำลังคล้อยตามอย่างลำพองใจ นางรีบหันไปกระซิบกระซาบกับหลานสาว เพื่อเร่งให้ลั่วลั่วพูดต่อไปเรื่อยๆอย่าได้หยุดปาก เพราะคำพูดของหลานสาวดูจะมีน้ำหนักมากกว่าตน ซึ่งล่าสุดแม่เฒ่าอิ๋นพึ่งจะถูกตัดสินคดีความไปสดๆ ร้อนๆ หากให้ตนเองเป็นตัวตั้งตัวตี เกรงว่าชาวบ้านนั้นจะไม่หลงเชื่อ พวกชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ ล้วนเชื่อมั่นในคำพูดของหลานสาวมากกว่าตนแน่นอน เพราะตั้งแต่ลั่วลั่วเกิดมา นางไม่เคยทำเรื่องให้ต้องเสี่ยมเสียชื่อเสียงเลยสักครั้ง ชาวบ้านทุกคนต่างรู้ดี "ลั่วลั่ว เจ้ารีบบอกทุกคนไปสิว่า ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่.....? แม่เฒ่าอิ๋นรีบกำชับหลานสาว "เจ้าคะท่านย่า....." เมื่อลั่วลั่วบังเอิญหันไปสบตาเข้ากับหรงหรง นางพลันรู้สึกถึงแรงกดดัน เริ่มแสดงท่าทีกล้าๆกลัวๆออกมา "ตกลงเรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่.....? ท่านผู้นำหมู่บ้านรู้สึกมึนงงกับเรื่องราวในตอนนี้ "น....นางเป็นตัวปลอมเจ้าคะ นางไม่ใช่น้องสาวของข้าแน่นอน.." ลั่วลั่วยืนชี้นิ้วไปทางหรงหรง "ตัวปลอม...ว่าแต่เจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ว่าข้าเป็นตัวปลอม....? หรงหรงนั่งลงไปที่เก้าอี้ข้างโม่เฉิน ในมือนางถือส้มอยู่ลู

  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   29.แสดงละคร...

    ลั่วลั่วที่กำลังซักผ้าใกล้เสร็จ เมื่อพวกนางสามคนเห็นว่าหรงหรงกำลังเดินถือตระกร้าผ้า เพื่อมุ่งหน้ามาทางลำธารที่พวกนางทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ พวกนางต่างหันไปมองหรงหรง ราวกับเห็นศัตรูตัวฉกาจ ชิงหยวนและชิงผิง พวกนางสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุไล่เลี่ยกันกับลั่วลั่ว พ่อแม่ของพวกนางเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกันมาก จึงทำให้ชิงหยวนและชิงผิง สนิทกับลั่วลั่วไปโดยปริยาย โดยทั้งสามคนมักจะชอบไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง และมาไปหาสู่ไม่เคยขาดอยู่เป็นประจำ เพราะเรือนของพวกนางสองคน อยู่เพียงฝั่งตรงข้ามกับเรือนลั่วลั่ว จึงทำให้สตรีทั้งสาม สนิทชิดเชื้อกันมาตั้งแต่จำความได้ สตรีทั้งสามคนกำลังพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่พอเห็นว่าหรงหรงกำลังเดินผ่านไป พวกนางก็หยุดชะงักลงทันที ก่อนจะสุมหัวกันซุบซิบนินทาเรื่องจิปาถะ ตามสัญชาตญาณของหญิงสาวชาวบ้าน หรงหรงเดินอ้อมไปอีกฝาก แล้วนั่งลงซักผ้าอยู่เพียงลำพัง โดยไม่ได้สนใจสายตาของสตรีทั้งสามแม้แต่น้อย "ลั่วลั่ว...ข้าได้ยินมาว่าญาติผู้น้องของเจ้า ถึงกับต้องใช้ร่างกายไปแลกเอาเงินมาปลูกเรือนหลังใหม่ เป็นเรื่องจริงหรือไม่...? ชิงหยวนตะโกนถามเสียงดังเพื่อให้หรงหรง

  • เกิดมาอีกทีก็มีสามีเป็นเทพบุตรถึงสองคน   28.ลูกแมว....

    ท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืน หรงหรงรู้สึกอ่อนเพลียจากการขึ้นเขาไปล่าสัตว์เมื่อตอนกลางวันอยู่ไม่น้อย โดยนิสัยของนางควรจะหลับสนิทไปตั้งแต่หัวค่ำ แต่ลางสังหรณ์ของนางบอกว่า วันนี้จะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาแน่ๆ หรงหรงจึงได้หลับๆตื่นๆ และลุกขึ้นออกมาสูดอากาศในกลางดึกเพียงลำพัง สตรีร่างบางใช้วิชาตัวเบาดีดตัวเองให้ลอยขึ้นไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนั่งห้อยขาอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านตาอยู่ในบริเวณลานบ้าน ในมือนางพลางกัดแอปเปิ้ลไปคำ พร้อมทั้งแหงนหน้ามองไปบนฟ้า เพื่อดูทิวทัศน์ในยามค่ำคืน ทิวทัศน์ในยามนี้ช่างแตกต่างในตอนกลางอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้มีเพียงความมืดสนิทและเสียงจิ้งหรีดเรไร ต่างร้องขับขานประสานเสียงกันขึ้นลงเป็นจังหวะ อยู่เป็นครั้งคราว ค่ำคืนที่มืดสนิททำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่ บนท้องฟ้ามีดวงดาวประปรายเพียงน้อยนิด หรงหรงพลันเหลือบไปเห็นถึงความเคลื่อนไหวของเงาคนนอกรั้วบ้าน นางมองผ่านเเสงตะเกียงริบหรี่ ที่ส่องออกไปทางฝั่งประตูรั้วได้อย่างชัดเจน หากหลับตาฟังให้ดีๆ จะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเบาของคนจำนวนหนึ่งจากทางด้านนอก ลำพังเพียงคนธรรมดาทั่วไปไม่อาจสัมผัสได้ถึงความผิดปกติอ

DMCA.com Protection Status