ร่างบางถูกพยุงให้ลุกยืน สองเท้าแทบก้าวไม่ไหว โชคดีมีเจ๊มะนาวคอยช่วย ทว่าบรรยากาศรอบๆ กลับมืดลง สติลับรู้เริ่มเลือนหาย มันหายใจไม่ออก รู้สึกกดดันตุบ!นาราภัทรล้มพับลงกับพื้น ภีมพลรีบวิ่งเข้าไปช่วยประคอง“นารา!” รุ่งรันต์เรียก สีหน้าตื่นตระหนก“คงเป็นลมไป เดี๋ยวผมอุ้มไปที่ห้องพยาบาลของบริษัทให้ครับ” ภีมพลไม่รออนุญาต ช้อนร่างคนเป็นลมไว้ในอ้อมแขน แล้วพาไปยังห้องพยาบาลร่างบางถูกวางไว้บนเตียง แอมโมเนียถูกนำมาจอตรงจมูก ภีมพลทอดสายตามองแววตาหม่นเศร้า รุ่งรันต์ขมวดคิ้วรู้สึกผิดปกติ ปกตินาราไม่เคยเป็นแบบนี้เลย เธอแสดงอาการหวาดกลัว ท่าทางลุกลี้ลุกลน อาการไม่ปกติเช่นนี้อาจมีปัญหาอะไรแต่ไม่บอกให้รู้“ผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาบอกเสียงเบา แล้วเดินออกมา ต่อให้อยากอยู่เพื่อดูว่าเธอหายดีแล้ว แต่เขาไม่กล้าพอ กลัวนาราภัทรตื่นขึ้นมา แล้วจะเป็นลมไปอีก ความผิดในอดีตจะลบล้างได้ยังไง เขาแทบหาทางออกไม่เจอร่างเล็กถูกตระกองกอดไว้แนบแน่น น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย รุ่งรัตน์มองภาพนั้นด้วยความสงสาร ไม่อยากถามนาราว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเท่าที่เห็นตอนนี้ เด็กคนนี้กำลังเจ็บปวด และทรมานกับบางอย่าง ตนเองคงทำได้แค่ให้กำลังใจ หวั
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เจ้าของเครื่องกดรับสาย คิ้วบางขมวดเมื่อมีคนรายงานข่าว เมื่อวางสายขวัญจิรากัดฟันแน่น แรงโทสะสะกดไว้ไม่อยู่เพล้ง!โทรศัพท์แตกกระจายต่อหน้า แววตาวาวโรจน์ นังดาราหน้าใหม่นั้น กำลังทำให้เธอต้องร้าย คนอย่างขวัญจิราไม่เคยยอมใคร และไม่ให้ของของเธอเป็นของใคร วันก่อนเห็นเข้าหาสามี วันต่อมาเข้าหาลูกชายเขา หน้าด้านไร้ยางอายที่สุด เธอต้องจัดการเรื่องนี้ก่อนสายไป นังนั่นมันสวยเสียด้วยสิ ภีมอาจหลงมันเอาได้ เธอยอมไม่ได้ไม่มีวันเด็ดขาดหยิบโทรศัพท์บ้านยกหูขึ้นมา แล้วกดเบอร์หาที่ทำงาน“สวัสดีค่ะ”“ขอสายพินทุอรหน่อย!”“เอ่อ ไม่ทราบว่าจากคุณอะไรคะ” ปลายสายถาม“ขวัญจิรา พอใจไหม!” เธอตวาดแว๊ด ปลายสายสะดุ้ง“ทราบแล้วค่ะ สักครู่นะคะ”เสียงเงียบหายไป ขวัญจิรากัดริมฝีปากด้วยความหงุดหงิด“ค่ะคุณขวัญ”“ชักช้าไปงมหอยอยู่หรือไงฮะ!”“ขอโทษด้วยค่ะ”“ไปเอาเบอร์ของนังนาราภัทรมาให้ฉันหน่อย!”“คุณขวัญจะเอาไปทำอะไรคะ!” พินทุอรถามด้วยความกังวล กลัวเกิดปัญหา“ไม่ต้องเสือก ไปเอามา!”“ได้ค่ะ” เธอรอสาย แล้วรีบค้นหาเบอร์ทันทีขวัญจิรากัดฟันแน่นเมื่อได้เบอร์ติดต่อมา ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่อยากนั้นม
ร้านกาแฟใจกลางกรุง นาราภัทรวางกระเป๋าแล้วหย่อนกายนั่งตรงข้าม เหลือบมองผู้หญิงที่กำลังยกกาแฟขึ้นจิบอย่างสบายใจ คนนัดยกมือกอดอกแล้วยิ้มหยัน ดาราเช่นเธอรู้ดีว่าตนเป็นเป้าสายตา ขนาดพยายามปกปิดยังมีคนจดจำได้อีก เหมือนผู้หญิงคนนี้จงใจนัดให้เธอมาสถานที่แจ้ง“รีบคุยธุระของคุณดีกว่าไหม” พูดจบ เธอวางนาฬิกาซึ่งเวลากำลังเดินไปข้างหน้า “ฉันคิดคุณนาทีละพันอย่าลืมล่ะ”“ฉันคุยกับเธอเป็นเดือนยังมีเงินจ่ายเลยนาราภัทร” เธอยิ้มมุมปาก ราวกับว่าตนเองเหนือกว่าอีกฝ่ายมากมาย“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจคุณ อยากทำอะไรเชิญตามสบาย เพราะฉันได้ผลประโยชน์อยู่แล้ว”ขวัญจิรากำแก้วในมือจนสั่น แล้วสูดลมหายใจเข้าปอด“ยกเลิกการเซ็นสัญญาเล่นละครเรื่องใหม่ซะ แล้วก็เลิกติดต่อกับภีมพลด้วย!” เธอบอกจุดประสงค์ในที่สุดคนถูกสั่งยิ้มเย็น “ทำไมล่ะคะ ละครเรื่องนี้ถ้าฉันเล่นฉันคงดัง แถมได้เงินเยอะอีกด้วย” ช้อนสายตามองอีกฝ่าย “ส่วนเรื่องคุณภีมพล คุณควรไปสั่งเขาไม่ให้ยุ่งกับฉันดีกว่าไหม”ขวัญจิราพยายามข่มอารมณ์ตนเอง สีหน้าแววตา ท่าทางของอีกฝ่าย ไม่ได้บ่งบอกว่ากลับเธอแม้แต่น้อยเลย มิหนำซ้ำยังยั่วยวนกวนประสาทให้อยากลงไม้ลงมือ“ภีมเขาไม่ลดตัวลงไ
เพียะ เพียะเสียงตบ เสียงอื้ออึง เสียงคนพูดคุยกัน คลิปหลายคลิปถูกอัพโหลดสู่โลกโซเชียลอย่างรวดเร็ว และคำถามมากมายพรั่งพรูเข้ามากับทางบริษัท อรรถเดชเม้มริมฝีปากสีหน้าหนักใจ ช้อนสายตามองบุตรชาย“เราจะทำยังไงได้บ้าง” เขาถามบุตรชายเสียงแผ่ว“ผมตามลบแล้ว แต่คนแชร์ไปเยอะมาก”“แล้วแบบนี้... มันจะมีปัญหาไหม”ชายหนุ่มระบายลมหายใจ“นาราเป็นนางเอกละครเรื่องใหม่ของเรา ขวัญจิราเป็นทั้งนางแบบ นักแสดง และผู้บริหารด้วย ประชาชนก็รู้กันหมด บริษัทเราเสียชื่อมากครับในเรื่องนี้”สีหน้าคนเป็นพ่อเครียดขึ้น สิ่งที่กลัวคือผู้ถือหุ้นท่านอื่น อาจตำหนิเอาได้ ตอนที่เขารับขวัญจิราเป็นภรรยา ตอนนั้นก็ถูกคนในบริษัทไม่พอใจ เพราะเกรงเสียระบบ และมันก็เป็นจริงอย่างนั้น ขวัญจิราเอาแต่ใจ ทว่าเขาก็พยายามอดทนเสมอมา“แล้วจะแก้ข่าวนี้ได้ยังไง” คนเป็นพ่อถามเสียงเครียด“พ่อไม่ต้องเป็นห่วงผมจัดการเอง พ่อสบายใจได้ครับ” ภีมพลบอก แล้วหันหลังเพื่อเดินกลับห้องทำงาน“ภีม พอขอโทษที่ขวัญก่อเรื่อง” เขารู้สึกผิด ลูกชายอยากมีบริษัทเป็นของตัวเอง กำลังรุ่งโรจน์ แต่เพราะบริษัทนี้เกิดปัญหาจนแทบปิดกิจการ ภีมพลเลยต้องวางมือจากทางนั้นมาช่วยเหลือ ทำ
ร่างสูงใหญ่ก้าวเท้าเข้าสู่ตัวบ้าน แล้วกวาดตามองรอบๆ ด้วยความคิดถึง จำได้เมื่อครั้งแม่ยังมีชีวิต บ้างหลังนี้มีความสุขความอบอุ่นมากมาย ทว่าทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป เมื่อแม่สิ้นลมด้วยโรคร้าย พ่อ.. กลายเป็นคนละคน มีผู้หญิงมากหน้าหลายตา พ่อม่ายลูกติดรูปหล่อ แถมพ่วงด้วยทรัพย์สินมหาศาลจากภรรยาเก่า สาวน้อยสาวใหญ่เลยพากันตอมภีมพลทรุดกายลงนั่งบนโซฟา สาวใช้นำน้ำผลไม้มาเสริฟ์ไว้ให้แล้วออกไป ไม่นานเท่าใดนักเจ้าของบ้านเดินลงมาจากชั้นบน แล้วหย่อนกายลงตรงข้าม สีหน้าดูปกติ น่าแปลกที่พ่อนัดเขามาหาที่บ้าน“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับถึงนัดผมมาที่บ้าน ปกติพ่อจะคุยกับผมที่ทำงาน”คนเป็นพ่อยิ้มบางๆ มองหน้าตาหล่อเหลาของลูก ภีมพลคือความภาคภูมิใจ และเป็นดวงใจของเขาและภรรยา“พ่อไม่อยากคุยกับลูกที่ทำงาน”ภีมพลคิดได้ว่า อาจเป็นเรื่องส่วนตัว ที่บ้านหลังนี้เขาไม่ได้อาศัยอยู่แล้ว หลังจากที่พ่อตกลงรับขวัญจิรามาเป็นภรรยา เขาเลยขอย้ายออกในทันที แม้บิดาห้ามปรามสักเท่าไหร่“แล้วพ่อ มีอะไรกับผมเหรอครับ” เขาไม่อยากอยู่ที่นี่นาน เพราะขวัญจิราอาจกลับมาตอนไหนก็ได้ การเผชิญหน้ากันเป็นอะไรที่ทำให้ลำบากใจที่สุด“พ่อมีเรื่องอยากถามภี
คัท!นาราภัทรเดินออกมาจากบริเวณสถานที่ถ่ายทำ แล้วเข้ามาพักในเต็นท์ซึ่งทีมงานจัดไว้ให้ ทีมงานนำน้ำผลไม้มายื่นให้ เธอรับมากระดกดื่มแก้กระหาย แล้วหยิบบทมาอ่านต่อ มะนาวเดินเข้ามด้านในแล้วโบกพัดเพื่อคลายร้อน“อากาศวันนี้ร้อนมาก ไหวไหมนารา..” มะนาวถามเด็กในสังกัดด้วยความเป็นห่วง“ไหวอยู่แล้วเจ๊ะ เมื่อก่อนนาราทำงานหนักกว่านี้อีก”“จ้าๆ เจ๊รู้แล้วว่าเราน่ะอึดทนแค่ไหน แต่ตอนนี้เจ๊ไม่ไหวแล้ว ขอไปหลบหาที่เย็นๆ ก่อนนะ” เจ๊มะนาวสอดส่ายสายตา มองหาหนุ่ม เมื่อเห็นเป้าหมายรีบไปกระแซะทันทีหญิงสาวก้มลงอ่านบทต่อ แล้วระบายลมหายใจ การเป็นนักแสดงได้เงินดีแต่งานหนักไม่น้อยเลย ต้องทนแดดทนฝน และที่สำคัญต้องอดทนต่อสิ่งยั่วเย้าต่างๆ มากมาย ใช่ว่าทุกคนจะดีกับเรา คำนินทามากมายกำลังโหมเข้ามา แต่เธอไม่เคยสนใจ เพราะคนอย่างนาราภัทรผ่านอะไรมามาก เกินกว่าคนเหล่านั้นจะรู้“ขอโทษครับ” เสียงทุ้มดังอยู่ด้านนอกคนในเต็นท์ชะงัก แล้วช้อนสายตามองเมื่อม่านแหวกออก“คะ มีอะไรหรือเปล่า?” หญิงสาวถาม คิ้วบางขมวดเข้าหากัน เห็นในมือชายคนนั้นมีดอกไม้ช่อใหญ่“มีคนฝากมาให้คุณนาราครับ” เขาบอกแล้วยื่นดอกไม้มาให้ เธอรับมาสีหน้าสับสน“จากใคร
รถจอดหน้าร้านอาหารญี่ปุ่น เธอเดินตามเจ้ามือไป ห้องวีไอพีเปิดออก อาหารหน้าตาหน้าทานถูกวางเรียงราย นาราภัทรคีบอาหารเข้าปาก เขาคอยคีบใส่จานให้ตลอด เธอแสร้งยิ้มเพื่อให้เขาตายใจ“ทานเยอะๆ นะหนูนารา พักนี้ฉันว่าหนูผอมไป” พูดจบ กวาดตามองทั่วเรือนร่าง“ขอบคุณมากค่ะท่าน”“ทานอาหารเสร็จจะกลับเลยไหม ฉันจะไปส่ง” อรรถเดชอาสา“ไปส่งที่ลานจอดรถที่รับนารามาดีกว่านะคะ เพราะนาราต้องขับรถกลับบ้านด้วย”“ได้สิ” อรรถเดชคีบอาหารใส่ปาก สายตาไม่วายเหลือบมองสาวน้อยแสนสวยเป็นระยะ “แล้วพรุ่งนี้หนูมีนัดอะไรไหม ฉันอยากเจอหนูอีก”หญิงสาวชะงักมือคีบอาหาร “พรุ่งนี้มีถ่ายตั้งแต่เช้าถึงเย็นเลยค่ะ กลางคืนมีงานอีก พรุ่งนี้คงไม่ว่างนะคะ”“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอเบอร์หนูหน่อยได้ไหม เอาไว้ติดต่อ”ใจไม่อยากให้ แต่เธอไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง อย่างไรต้องเล่นตามเกมไปก่อน“ได้สิคะท่าน”เธอแอดไลน์ และเบอร์ของอรรถเดชไว้ เมื่อกลับไปตั้งใจเปลี่ยนใหม่ ชายแก่คนนี้น่ากลัว เป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ใช้อำนาจบีบบับคับให้เธอจำยอม นาราภัทรตะเกียบเพื่อบอกว่าอิ่มแล้ว อรรถเดชเลยเรียกพนักงานเก็บเงิน สองร่างเดินเคียงกันออกมาจากร้าน“เดี
ภีมพลดันร่างบางอันสั่นเทาออกจากอ้อมแขนแม้สุดแสนเสียดาย เขาอยากให้นาราภัทรไว้ใจ และไม่คิดว่าตนนั้นฉวยโอกาส“ไม่เป็นไรแล้วครับ” ชายหนุ่มบอกเสียงเบาหญิงสาวชะงัก ผิวแก้มแดงระเรื่อ รู้สึกเหมือนตนเองกำลังทำผิด ถ้าไม่เกิดเรื่องคงไม่กล้าเข้าใกล้เขาแน่“ขอบคุณมากค่ะ” นาราภัทรเอ่ยเสียงแผ่ว แล้วก้มหน้างุด“ผมไปส่งที่บ้านดีกว่าไหม คุณจะได้ปลอดภัย เกิดพวกมันดักรอคงไม่ดีนัก”เธอครุ่นคิดหนัก ให้ไปส่งที่บ้านไม่ได้เด็ดขาด จะให้เขาพบกับลูกไม่ได้ ไม่มีทางบอกเรื่องนี้ให้รู้ กระนั้นเธอก็กลัวเกินกว่าจะกลับไปคนเดียว หากพวกมันคอยดักตามเส้นทาง คงแย่แน่“เอ่อคือ...” คนตัวเล็กอึกอัก เพราะหาทางออกไม่เจอ“ไม่สะดวกให้ผมไปส่งใช่หรือเปล่า” ภีมพลถามตรงๆ เขาดูท่าทางแล้ว เธอไม่อยากให้รู้ที่อยู่คนถูกถามไม่ตอบ แต่พยักหน้าช้าๆ แทน“ไปบ้านผมแทนไหม แต่ถ้าคุณกลัว จะไปโรงพักให้ตำรวจไปส่งก็ได้”ตำรวจไปส่งไม่ได้ ถ้ามาที่บ้านต้องเป็นข่าว แล้วคนพวกนั้นก็จะตามติดชีวิตเธอ และล่วงรู้ความลับอันแอบซ่อน“ไปที่บ้านคุณดีกว่าค่ะ!” หญิงสาวตัดบทอย่างรวดเร็วภีมพลแปลกใจกับการตัดสินใจ เพราะเธอดูกลัวเขามากในตอนแรก ทว่าตอนนี้กลับตัดสินใจไปที่
ภีมพลล้วงกระเป๋าสูท หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมา นาราภัทรชะงักดวงตาเบิกกว้างน้ำตาเริ่มไหลริน มือบางยกปิดปากเก็บอาการดีใจเอาไว้ เขาคุกเข่าต่อหน้านักข่าว“นารา... แต่งงานกับผมนะครับ”หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ “ค่ะคุณภีม”แหวนถูกบรรจงสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเธอไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้ครอบครองมันขวัญจิรากรีดร้อง น้ำตานองหน้า เมื่อเห็นข่าวในโลกโซเชียล ทำไมพวกมันถึงมีความสุข แล้วเหตุใดเป็นเธอที่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ ทุกวันนี้ข้าวจะกินแทบไม่มี ต้องอดอยาก ถูกคนอื่นตรงหน้าว่าเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ“เท่าไหร่น้อง!” เสียงลูกค้าเอ่ยถามขวัญจิรารีบเก็บอาการ “พันนึงค่ะพี่ ค้างคืนถึงเช้าเลยจ้ะ”ลูกค้าสองคนมองหน้ากัน “สองคนพันนึงไหวไหม”แม่ค้าชักสีหน้าแต่รีบเก็บอาการ วันนี้ยังไม่ได้ลูกค้า ถ้าปฏิเสธคงลำบากแน่“เพิ่มอีกสักห้าร้อยได้ไหมคะ”“สองร้อย ถ้าไม่ได้ไม่เอา”“ได้จ้ะๆ พันสองนะคะ”ประตูรถเปิดออก ร่างบางแทรกกายนั่ง ยังไม่ทันถึงห้อง เธอต้องบำรุงบำเรอลูกค้ากลัดมันขณะรถขับเคลื่อนอยู่ อีกคนจบ อีกคนก็สลับมาแทน ถึงบ้านพักไม่ทันได้อาบน้ำก็ถูกกระชากลากขึ้นเตียง จากนั้นพากับอัพยาคนละเม็ด ร่างกายเธอแทบลุกไม่ไหวเม
รุ่งรันต์มองหน้าเด็กแล้วถอนหายใจ ชีวิตเด็กคนนี้น่าสงสาร แต่ยังมีวาสนาอยู่บ้าง คงไม่มีใครเหมือนนาราอีกแล้ว ที่พ่อของลูกย้อนกลับมาสร้างความสัมพันธ์กันตั้งแต่ศูนย์รถจอดเสียงดังจนคนในบ้านชะงัก นาราภัทรและเจ๊มะนาวมองหน้ากันแล้วเดินออกมา เห็นร่างสูงใหญ่กำลังเปิดประตูลงมา เขาเร่งฝีเท้ามาหยุดยืนหน้าคนรักแล้วดึงมือบางมากุมไว้“นารา ผมขอโทษ เกิดเรื่องกับคุณอีกแล้ว!” สีหน้าแววตาบ่งบอกถึงความห่วงใย รุ่งรันต์เม้มริมฝีปากแล้วระบายลมหายใจ“เรื่องนี้คุณจะทำยังไงคะ คุณภีมพล ในเมื่อคุณมีส่วนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” มะนาวถามหาความรับผิดชอบ และคิดว่ามีเพียงเขาที่แก้ปัญหานี้ได้“ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการเอง ผมไม่มีทางทำให้นาราต้องเจ็บปวดหรือร้องไห้อีก” เขายืนยันเสียงหนักแน่นนาราภัทรยิ้มบางๆ ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับเรื่องข่าวสักเท่าไหร่ ในวงการบันเทิงสามารถกอบโกยเงินได้มากก็จริง ทว่ามันไม่ได้สร้างความสุขให้เลย มีแต่คนริษยาแก่งแย่งชิงดีกัน เธอเองคงยืนในสถานะดาราดังได้ไม่นานสามคนพากันเดินเข้าห้องรับรองในบ้าน แล้วนั่งปรึกษากัน“พรุ่งนี้ผมนัดนักข่าวเพื่อแถลงข่าวแล้ว”“แล้วจะแถลงข่าวยังไงให้นาราไม่กลายเป็นประเด็
ขวัญจิรากัดฟันเมื่อเห็นข่าวตามหน้าหนังสือ และสื่อในโลกออนไลน์ มือยกนิตยสารฉีกจนขาดวิ่น แล้วเหวี่ยงลงพื้น กระทืบซ้ำด้วยความเกลียดชัง และขออาฆาตแค้นคนในรูปไปตลอดเธอหยิบมือถือติดต่อหาเพื่อนสนิท ไม่มีวันให้มันได้มีความสุข รวมถึงเขาด้วย บังอาจทอดทิ้งเธอไม่ไยดี“ว่าไงขวัญ” เสียงวิชาญรับสาย“เจอกันหน่อยได้ไหม”“มีอะไรอีกล่ะ ช่วงนี้ฉันยุ่งนะ”“ออกมาเถอะน่า รอบนี้ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย สองแสนพอไหม”ปลายสายชะงักแล้วยิ้มกว้าง“ตกลง เดี๋ยวไปหานะ”วิชาญเดินทางถึงคอนโด เมื่อประตูเปิดออก เขารีบแทรกกายเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วทิ้งกายลงบนโซฟาตัวยาว ขวัญจิรารีบนั่งลงตรงข้าม“มีอะไรจะใช้งานอีกล่ะ!” วิชาญถามแล้วระบายลมหายใจ“ฉันอยากให้ช่วยจัดการนังนาราภัทรหน่อย”วิชายตวัดสายตามองสีหน้าตกใจ“จะทำอะไรอีกล่ะขวัญ แค่ที่ทำไปมันยังไม่พอหรือไง ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงประกันตัว หาเรื่องใส่ตัวเดี๋ยวก็โดนหนักขึ้นอีกหรอก!” คนเป็นเพื่อนเตือน“ช่างมัน! คนอย่างฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ตอนนี้ทำอะไรได้บ้างนอกจากนอนอยู่ในห้องไปวันๆ งานที่ไหนก็ไม่จ้าง เงินเก็บก็ร่อยหรอลงไปทุกที!”“ถ้ารู้ว่าลำบาก ก็อย่าเลยดีกว่าไหม” ไม่คิดว่าขวัญจ
สองอาทิตย์ต่อมาร่างคนเจ็บยังคงอยู่บนเตียง ศีรษะและขามีผ้าพันไว้ เขาต้องเข้าเฝือกเนื่องจากกระดูกหัก และเย็บแผลตรงขาเนื่องจากมีแผลฉีกขาดเป็นทางยาว เขาตื่นมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ร้าวระบมไปทั่วร่าง นึกว่าตนเองคงตายไปแล้ว แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น โชคดีที่ยังรอด ได้กลับมาแก้ตัวกับคนที่รักอีก“ภีมเป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ครั้งนี้เพิ่งเข้าใจว่าลูกมีความสำคัญกับชีวิตเขามากแค่ไหน“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยครับ” เขาบอก แล้วกวาดตามองรอบๆ เพื่อหาใครบางคน แต่วันนี้กลับไม่มีวี่แววอรรถเดชรู้สึกได้ “มองหานาราอยู่เหรอ”เขายิ้มบางๆ “เธอคงไม่มา”คนที่มาเยี่ยม พบนาราบ่อยครั้ง มีเพียงเขาที่ตื่นมาไม่เคยพบเธอเลย นาราทำเหมือนต้องการหลบหน้า เขาอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม ตอนที่ยังไม่รู้อะไรเลย ยังดีเสียกว่ารู้ความจริงแล้วต้องเจ็บปวดแอด..เสียงประตูดัง ร่างบางก้าวเข้ามาในอ้อมแขนมีเด็กหญิงอายุราวๆ สองขวบ เด็กน้อยกวาดตามองรอบๆ แล้วยิ้มด้วยความดีใจ ภีมพลชะงักจ้องมองด้วยความดีใจ ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็น เขาขยับเตียงให้หลังตรงเพื่อมองหน้าเด็กคนนั้นให้ชัดเจนนาราภัทรอุ้มน้ำฟ้ามายืนข้างเตียง เด็กน้อยมองดูค
เธอเดินผ่านหน้า เขาคว้าข้อมือจับไว้แล้วบีบเบาๆ“หากวันใดคุณแต่งงานกับผม ผมก็ต้องรู้ คุณจะปิดผมไปตลอดชีวิตเลยหรือไง!”คนถูกจับหันกลับมามองทั้งน้ำตา“ฉันไม่คิดปิดบัง แต่ฉันยังไม่อาจทำใจได้ ถึงน้ำฟ้าจะไม่ได้เกิดมาจากความรักของพ่อแม่ แต่ฉันก็รักเขามาก คุณคงไม่เข้าใจเพราะตลอดเวลาที่ฉันเลี้ยงน้ำฟ้ามา คุณไม่เคยอยู่เคียงข้าง คุณอาจหลงลืมคนที่คุณทำร้ายไปแล้วด้วยซ้ำในเวลานั้น”ชายหนุ่มหลับตาเพื่อกลั้นน้ำตา“เพราะคุณไม่เคยบอก รู้ไหม... ว่าผมตามหาคุณตลอด ผมต้องการรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป แต่ผมหาคุณไม่พบ”หญิงสาวบิดข้อมือให้พ้นการเกาะกุม ช้อนสายตามองคนรักทั้งน้ำตา ใช่เธอยังรักเขา แต่ในหัวมันสับสน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี“ฉันขอเวลานะคะภีม ขอเวลาให้ฉันได้คิด ใคร่ครวญทุกอย่าง”“แล้วผมละนารา ระหว่างที่คุณขอเวลา ผมควรทำยังไง” เป็นครั้งแรกที่อยากร้องไห้ออกมาจริงๆ เจ็บแบบนี้เพิ่งเคยเผชิญ มันทรมานเหลือเกิน ต้องจากกันทั้งที่ยังรัก แล้วเมื่อไหร่จะกลับมาเหมือนเดิมอีก"ฉันขอร้อง ตอนนี้ฉันยังให้คำตอบอะไรคุณไม่ได้ ขอเวลาคิดหน่อยนะคะ”คนตัวเล็กไม่ให้อีกคนตอบ เดินออกมาจากบ้านแล้วใส่กระเป๋าไว้ท้าย ขับเคลื่อนออก ภีมพ
ประตูห้องนอนเปิดออก ร่างบางก้าวออกมาดวงตาแดงก่ำ เดินลงมาถึงชั้นล่างเห็นเขายืนพูดคุยกับสาวใช้ เมื่อสบตากันรอยยิ้มอ่อนโยนส่งมา นาราภัทรเม้มริมฝีปาก ภีมพลขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าแววตาคนรักผิดปกติ เขาเดินมาหารั้งมือบางมากุมไว้“เป็นอะไรครับ” เสียงทุ้มถามด้วยความเป็นห่วงคนตัวเล็กดึงมือออก มองเขาแววตาเย็นชา น้ำตาเริ่มคลอ“นารา...”ริมฝีปากบางสั่นระริก เจ็บตรงหัวใจเหลือเกิน เธออยากมีความสุข แต่กลับไม่หลุดพ้นห้วงความทุกข์ในอดีตเสียที“คุณภีม... คุณจำฉันได้บ้างหรือเปล่า” เสียงแผ่วเบาถาม น้ำตาเริ่มไหลรินภีมพลชะงักดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองใบหน้าคนรัก สีหน้าเริ่มเผือดลง“หมายความว่ายังไงครับ” พยายามทำใจดีสู้เสือ แต่แววตาเธอบ่งบอกมาหมดแล้วสะบัดมือออกจากการเกาะกุม ความเจ็บช้ำในอดีตตามหลอกหลอนเธอไม่เคยเจือจาง เธอเจ็บจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ ถ้าหากไม่ได้เจ๊มะนาวช่วยเหลือ คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา“คุณไม่เคยจำเรื่องที่ทำไว้ในอดีตเลยเหรอคะ ไม่เคยจำว่าทำร้ายใครไว้ ไม่สนว่าคนคนนั้นจะเจ็บปวดแค่ไหนด้วยใช่ไหม!” เธอตะโกนออกมาทั้งน้ำตา มือจับหน้าอกข้างซ้ายรวดร้าวทรมานคนถูกตำหนิเข้าโอบประคอง แต่เธอกลับเบี่ยงก
หญิงสาวหลับตาพยายามข่มใจตัวเอง ทำไมหัวใจมันถึงเต้นระรัวแบบนี้ นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าความรัก“คือว่า..” คนตัวเล็กอึกอัก“ไม่ได้เหรอครับ”“เปล่าค่ะ”“เช่นนั้นแล้ว...” ภีมพลนิ่งเพื่อรอคำตอบ จากคำถามเมื่อครู่“ค่ะ ฉัน... ก็รู้สึกเหมือนคุณ”เขาคลี่ยิ้มกว้างมากกว่าครั้งไหนๆ ความรู้สึกมากมายมันขยับขยายขึ้นเรื่อย สักวันเขาจะสารภาพเรื่องทุกอย่าง และขอให้เธออภัยให้เขาขวัญจิรากุมขมับเมื่อศาลตัดสินโทษให้จำคุกหนึ่งปี ไม่รอลงอาญา เธอหวาดหวั่นหวาดกลัว จนต้องตัดสินใจเดินทางมาพบสามีเพื่อให้เขาช่วยเหลือ เธอทรุดกายลงคุกเข่าตรงหน้าทันทีเมื่อมาถึงห้องพักของเขา อรรถเดชทอดสายตามองไร้ความอาลัย สำหรับเขาขวัญจิราไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ภีมพลต่างหากที่สำคัญ เขารู้ซึ้งในข้อนี้ ตั้งแต่ลูกขนข้าวของออกไป ให้ขวัญจิราเข้ามาแทนที่ ในใจรู้สึกผิดกับภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้ว เมื่อเขาไล่เธอออกไป เหมือนปลดทุกข์ออกจากความรู้สึกทั้งหมดคนกระทำผิดน้ำตานองหน้า วิงวอนขอร้องให้สามีช่วยเหลือ เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว เงินเก็บยิ่งนานวันก็ยิ่งหมดไปกับการต่อสู้คดี ทุกวันนี้ต้องวิ่งเต้นหาทนายเก่งๆ เพื่อแก้ต่าง จนแทบไม่มีเวลาทำงานเลย“คุณอ
ขวัญจิราตีหน้าเบื่อหน่าย “ก็บอกตามตรงไปเลยดีกว่าไหมวิชาญ จะมาอมพะนำทำไม!”“เออ ก็ได้!” วิชายตอบกลับด้วยความหงุดหงิด “เด็กคนนี้เป็นลูกของนาราภัทร!”“ลูกงั้นเหรอ!” คนฟังร้องลั่น รีบหยิบกล้องมาส่องภาพในนั้นใหม่อีกครั้ง“ฉันได้ยินนารามันเรียกเด็กคนนี้ว่าน้ำฟ้า ยัยเจ๊มะนาวนั้นมันก็บอกว่าถ้าอยากมาหาลูกให้หายก่อน จะให้คิดว่ายังไงถ้าไม่ใช่ลูกที่ยัยนาราภัทรนั่นซุกไว้!” เขาหยิบกล้องออกมา แล้วกดคลิปที่ถ่ายเอาไว้ “ถ้าไม่เชื่อดูคลิปได้เลย มีเสียงพูดอยู่”ขวัญจิราดูคลิปภาพเคลื่อนไหว ได้ยินชัดทั้งเสียง ทั้งภาพ เธอยิ้มกว้าง ข่าวใหญ่กว่าที่คิด แม่นี่มีความลับอันแสนทุเรศปิดบังไว้เลยนะเนี่ย“ทำดีมากวิชาญ ข่าวนี้ถูกใจฉันมาก” เธอบอกเสียงเย็น มองดูภาพนั้น นาราภัทรมันต้องสิ้นชื่อ“คำชมอย่างเดียวไม่โอเคหรอกนะ ต้องมีของตอบแทนอย่างอื่นด้วย”“ได้สิ” ขวัญจิราตอบกลับ แล้วล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมาปึกหนึ่ง “แสนนึงพอใช่ไหม”วิชาญหยิบมากรีดแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ“จะเรียกใช้อะไรอีกก็บอกแล้วกัน”ขวัญจิราไม่ได้ตอบเพื่อน แต่เลื่อนภาพอื่นดูต่อ เรื่องนี้ถ้าถึงหูอดีตคนรัก อยากรู้นักว่าเขาจะยอมรับได้หรือเปล่าที่แฟนใหม่มีลูกติดม
เจ้าของท่อนแขนสะบัดออก เหลือบเห็นแววตาบิดามองมา มันบ่งบอกถึงความเสียใจ“ปล่อยผม แล้วอย่ามายุ่งกับผมอีก!”ร่างสูงใหญ่ก้าวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ขวัญจิราผวาคิดเข้าขวาง กลับถูกสามีกระชากเรียวแขนไว้“ปล่อยฉันนะคุณอรรถ บอกให้ปล่อยไงเล่า!” กรีดร้องดิ้นรนเพื่อให้เขาปล่อย แต่ไม่เป็นผลเธอถูกรั้งให้หันมาเผชิญหน้า พยายามขัดขืนเท่าไหร่ อีกฝ่ายไม่ยินยอมเพียะ!ใบหน้าหันตามแรงฝ่ามือ ดวงตาคมวาวโรจน์ ขวัญจิราไม่เคยรักเขา และไม่เคยคิดเกรงใจต่อหน้ายังขนาดนี้ลับหลังมันขนาดไหนกัน ลูกต้องอดทนแค่ไหนกับผู้หญิงคนนี้“ถ้ารักลูกชายผมมาก ก็ออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ!” ชี้นิ้วไปยังหน้าประตู ขวัญจิรารู้สึกตัวทรุดกายคุกเข่าลงกับพื้น“ไม่ค่ะ ขวัญไม่ไป คุณอรรถขวัญผิดไปแล้ว”“เธอทำเหมือนฉันไม่มีความหมาย ไม่ให้เกียรติ นึกว่าฉันจะทนกับเธองั้นเหรอขวัญจิรา!” ตวาดเสียงลั่นคนถูกตวาดกอดขาสามีไว้แน่น “ขวัญผิดไปแล้วค่ะคุณอรรรถ อย่าไล่ขวัญเลย ขวัญพูดออกไปเพราะโกรธที่คุณคิดมีเมียอีก!”เขาสะบัดท่อนขาออก มองภรรยาแววตาเย็นชา“ผมให้โอกาสคุณมากพอแล้วขวัญ จากนี้ไปเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันต่างคนต่างอยู่!”ขวัญจิรารู้แน่ว่าสามีไม่ต้องการอ