หยางหลงตะลึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าหย่าจิ้งมีความสัมพันธ์ใดกับท่านข่าน เท่าที่รู้แต่เพียงว่านางเป็นหญิงงามจากชนเผ่าเท่านั้น“ท่านพี่ข้าคาดการณ์ว่าท่านคงต้องมาแต่ไม่คิดว่าจะมาด้วยตัวเอง”หย่าจิ้งเอ่ยปากหลังจากที่เงียบมานาน“อย่างนั้นหลานคงต้องขอบคุณท่านป้าอย่างที่สุดที่ทำให้หลานไม่ต้องเอ่ยคำใดให้มากความ”ประสานมือโค้งคำนับหย่าจิ้งด้วยท่าทีอ่อนน้อม“กำลังทหารของเราแม้จะไม่มากแต่ก็ไม่น้อยเมื่อทั้งท่านและหย่าจิ้งลงแรงขอร้องอีกทั้งข้าไม่อาจดูดายต่อคำขอของหย่าจิ้ง และป้องกันไม่ให้แผ่นดินลุกเป็นไฟในภายภาคหน้าจึงเต็มใจที่จะมอบกองทหารฝีมือดีของเราในการยกทัพกอบกู้บัลลังก์คืนมามอบให้แก่ท่าน”โหวหยางจื้อยิ้มพอใจไม่คิดว่าเรื่องที่ยากกลับกลายมาง่ายดายเช่นนี้ กองกำลังของท่านข่านนับว่ายิ่งใหญ่ทีเดียวและเป็นที่เลื่องลือเรื่องการรบที่ไม่เป็นรองใคร“หลาน ต้องขอบคุณท่านลุงที่เมตตาหลาน หากมีสิ่งใดที่หลานจะทำเพื่อท่านได้”“555 เรื่องที่ท่านหยางหลง จะทำเพื่อเรานะหรือมีเพียง”ชำเลืองมองลี่เซียนด้วยแววตาเอ็นดู“ข้ามีเพียงสิ่งเดียวที่ห่วงใย ลี่เซียนยกน้ำชา”ลี่เซียนยกน้ำชาเดินออกมายืนเบื้องหน้าหยางหลง“ลูกสาวคนเดีย
ป้ายหยกติดตัวถูกยกขึ้นมาดู“ป้ายหยกอันนี้ของเซี้ยนตี้ให้ไว้กับหยางหลงหยกชิ้นเล็กไปหน่อย ข้าจะหาชิ้นที่ใหญ่และสวยกว่านี้มอบให้เจ้าเฟยลี่” แพรวายิ้มบางบาง ความจริงใจที่ส่งผ่านแววตาและน้ำเสียงไม่อาจมองเป็นอื่น“อีกไม่กี่วัน เรา ...ข้าและเจ้าก็จะเข้าพิธีสำคัญ ในวันนั้นข้าอยากให้เจ้างดงามที่สุดทั้งผ้าไหมและเครื่องประดับถูกคัดสรรมาอย่างดีเพื่อเจ้าเท่านั้นเฟยลี่”มือเรียวบางเหมือนมือผู้หญิงกุมมือแพรวาไว้แน่น แพรวาไม่มีคำกล่าวใดใดหลุดออกมาเนื่องด้วยก้อนแข็งๆที่จุกที่คอหอยเหอหลงปรายตามองแพรวา“ยังจำได้ครั้งเมื่อข้าพบเจ้าครั้งแรก ข้าก็โมโหที่เจ้าทำให้ท่านพี่หยางหลงเสื่อมเกียรติ”แววตาหม่นลงเมื่อพูดถึงหยางหลงในฐานะพี่ชายอย่างที่เขาเคยเรียกนับตั้งแต่ได้รู้ใจตัวเองว่าคิดกับแพรวาอย่างไรชินอ๋องก็แทบจะไม่ได้เอ่ยปากเรียกหยางหลงว่าท่านพี่อีกเลย“เจ้าคงจะโกรธเกลียดข้าน่าดูตอนนั้น”“ไม่เลยฝ่าบาทตรงกันข้าม ตอนนั้นฝ่าบาททรงเป็นหนุ่มน้อย ที่พยายามสร้างภาพให้ดูดุดันทั้งทั้งที่เป็นคนที่อ่อนโยน”แพรวาคิดอย่างนั้นจริงจริงคงเป็นเพราะเหอหลงที่ต้องนำทัพตั้งแต่ยังเล็กจึงทำให้สร้างเกราะขึ้นมาป้องกันตัวเอง ว่าเป็น
เมื่อรู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างจังที่ระหว่างคิ้วแพรวา ก็รู้ว่าตัวเองได้ดำดิ่งลงสู่พื้นน้ำ นาฬิกาบนหน้าจอมือถือ หยุดเดินตรงที่เวลา 21นาฬิกา28นาที31วินาที สติสัมปชัญญะดับวูบลงไป ความหนาวเหน็บในเดือนธันวาคม เหมือนจะเสียดแทงแต่ความหนาวเหน็บจากน้ำรอบๆ กายยิ่งเลวร้ายกว่าน้ำตาที่เอ่อนองอยู่เต็มตา เจือจางไปด้วยน้ำในแม่น้ำกลิ่นหอมขจรขจาย คล้ายกลิ่นมะลิ โชยมาอ่อนๆ ความหนาวเหน็บยังคงอยู่ แพรวา กวาดสายตามองรอบๆ ตัว เตียงนอนไม่สูงนักที่เธอนอนอยู่กลิ่นหอมที่ได้กลิ่นเมื่อกี้ คงมาจาก อ่างสีทองใบใหญ่ ใส่น้ำลอยดอกอะไรสักอย่างสีแดงเข้มไว้ข้างๆ อ่างทองใบนั้นมีกำยานถูกจุดไว้ควันสีขาวลอยอ้อยอิ่ง ยังไม่ทันขยับตัวสายตาไปสะดุดลงที่ร่างสูงที่ยืนหันหลังให้ความผึ่งผายของแผ่นหลังชวนให้อยากเห็นใบหน้าเจ้าของร่างแต่อาภรณ์ที่สวมใส่เหมือนกับหลุดมาจากหนังจีนกำลังภายใน เธอพยุงกายลุกขึ้นเสียงเตียงลั่นดังออดแอด ร่างสูงหันกลับมา ตาคมจ้องเขม็งมาที่เธอ ใบหน้าหล่อเหลา สะอาดตา คิ้วเข็มขมวดเข้าหากันเพียงเสี้ยววินาทีเธอเห็นสายตาห่วงใย แล้วก็แปรเปลี่ยนไปเป็นสายตาคมกริบปนไปด้วยความฉงนเหมือนเดิม“ฟื้นแล้วรึเจ้า นอนไปหลายวันเชียว ข้
“ความจริงฉัน ฉันแค่”“ฉันๆ อะไรของเจ้า ข้าไม่เข้าใจ พักผ่อนไปเหอะข้ามีราชการประชุมขุนนางเร่งด่วน วันนี้แค่แวะมาดูฟื้นก็ดีแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยสอบสวนกันต่อ" แพรวา อยากตะโกนให้ร่างสูงนั้นอยู่คุยกับเธอก่อนแต่ไม่ทันเสียแล้วพริบตาเดียว เจ้าของแววตาอบอุ่นทว่าปากคอจัดจ้านก็ก้าวขาพ้นธรณีประตูออกไป ทิ้งไว้ให้ความสงสัยอยู่กับเธอเพียงลำพัง รอบกายถูกห้องล้อมด้วยคนแปลกหน้า สองสาวในชุดจีนรุ่มร่าม นั่งพับเพียบอยู่ข้างเตียง ลุกขึ้นยืนกดตัวเธอนอนลง ลองหยิกแขนตัวเองเบาๆ ถึงกับร้องโอ๊ยมันเจ็บจริงอะไรจริง“นอนเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะหาข้าวต้มร้อนๆ มาให้ทาน เดี๋ยว ฮ่องเต้ กลับมาจะโดนตำหนิเอาได้ พระองค์ให้ดูแลเจ้าอย่างดี ให้พักผ่อนให้จงหนักเจ้าค่ะ”เธอทะลึ่งพรวดขึ้นมามองคนพูด นี่แต่ล่ะคนแปลกๆ ทั้งนั้นพูดคล้ายลิเกชอบกลเป็นคนต่างจังหวัดก็ไม่น่าจะใช่ด้วยคำพูดคล้ายคนโบราณเหมือนจะตั้งใจและเคยชินในการพูด“ฮ่องเต้อะไร คือใคร”เธอยิงคำถามทันทีสาวใช้สองคนทำหน้างุนงงสงสัย อ้าวๆ ๆ ถามไม่ตอบเสียได้เดินหลบเลี่ยงออกจากห้องทั้งคู่ก่อนที่ประตูแบบในหนังจีนถูกปิดลง แพรวาสงสัยเป็นหนักหนาอะไรพาเธอมาอยู่ตรงนี้จะหาคำตอบจากใครได
“เด็กๆ ตบปาก”เสียงเข้มทรงอำนาจ หญิงสองสามคนตรงเข้ามาจับตัวแพรวาไว้ทั้งแขนขา ป้าร่างอวบอ้วนเดินเงื้อมือมาแต่ไกล“จะทำอะไรฉันปล่อยนะ”เอาจริงแน่เลย มืออวบอูมเกือบฟาดลงบนปากสวยของแพรวา โหดร้ายเธอป่วยอยู่นะถ้าไม่มีเสียงขานดังมาขัดจังหวะ“ฮ่องเต้ เสด็จ”มืออ้วนๆ ชะงัก“ปล่อยนาง”คนตัวสูงเดินสาวเท้ายาวๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว“คารวะฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปี”ประสานเสียงพร้อมเพรียงกัน“นางทำอะไรผิด หรือเสด็จแม่”ไทเฮามองหน้าลูกชายด้วยแววตาสนเท่ห์“วาจานาง ต่างจากพวกชนชั้นสูง หยาบคาย ทั้งกิริยาไม่น่ามอง”“เพียงเท่านี้ท่านก็กล่าวโทษนางแล้วหรือ”“แม่ปกครองวังหลัง ฮ่องเต้ก็ทราบดี ถ้าแม่ไม่ลงโทษนางต่อไปใครจะเกรงกลัว หยางหลงฮ่องเต้ก็รีบแต่งตั้งฮองเฮาเสียแม่จะได้วางใจ”“นางไม่มีตำแหน่งใดๆ ไม่รู้ที่มาที่ไป อีกทั้ง ไม่ใช่คนในวังต้องห้ามหรือวังใดๆ แล้วยังล้มป่วย เสด็จแม่จะลงทัณฑ์คนป่วยไข้ได้อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ”ไทเฮา ระงับอารมณ์โกรธได้แต่ หันหน้าไปทางอื่น“กษัตริย์ตัดแล้วไม่คืนคำ แม่เป็นแม่กษัตริย์ฮ่องเต้จะให้แม่คืนคำได้หรือ”“เสด็จแม่กดดันลูก อย่างนั้นไม่สู้ ลูก... แต่งตั้งนางเป็น ฮองเฮาเสียดีกว่า” นั่งลง
“เจ้าเขินอายเยี่ยงนี้ ข้าไม่กวนใจเจ้าแล้ว”โอ้โห้ขึ้นเลยสำคัญตัวผิด“ใครบอก ฝ่าบาทพูดเองคิดเอง ข้าพระองค์แค่คิดถึง...คนรักเก่า”คิ้วคมขมวดเข้าหากันแสดงอาการไม่พอใจ“เจ้าเมื่อมาอยู่ในตำหนักข้า ก็คงจิตใจบอบซ้ำจะคิดฆ่าตัวตายก็ไม่แปลก แต่คำพูดนั้นตรงไปหน่อย กิริยาไม่แน่ว่าเป็นหญิงงาม”ล้ำลึกจริงๆ คำพูด“การเป็นหญิงงามก็เหมือนดอกเหมยยามโดนลมหนาว ไหวเอนก็เพียงนิดหน่อยจะแกว่งไกวก็คงไม่เหมาะ เพราะดอกเหมยถูกสร้างมาเพียงเพื่อทานลมหนาว”โอ้แพรวา เจอ คำคมล้วนๆ เป็นดอกเหมยก็ขอเป็นดอกเหมยสีแดงละวะจัดจ้านดี“ฝ่าบาทว่าข้าพระองค์ฆ่าตัวตายมิสู้ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าหม่อมฉันตกลงไปในน้ำได้อย่างไร”“เจ้าร่วงลงมาจากสะพานหรือที่ไหนไม่อาจรู้ได้ อย่างนั้นข้าจึงเรียกเจ้าว่าเฟยลี่ ข้าเองกำลังหารือกับเสนาบดีอยู่ อากาศหนาวเช่นนั้นใครจะลงไปช่วย”นึกย้อนไปเมื่อครั้งรับเสื้อคลุมมาจาก เสี่ยวโอขันทีน้อย คลุมร่างบางที่เปียกปอนจนเสนาบดีสองสามคนต้องลงทุนคุกเข่าทัดทานว่าเสื้อคลุมมังกรจะใช้คลุมให้หญิงสาวนั้นไม่อาจทำการเป็น ผู้อยู่สูงสุดของแผ่นดีนี่มันยากลำบากนัก“แล้วฝ่าบาททรง เห็นวัตถุอื่นใดไหม”เผื่อจะเห็นรถคันโปรดของ
“หลานน้อมบัญชาเสด็จย่า”“กุ้ยเหริน เจ้ากลับไปก่อนย่ามีเรื่อง หารือกับฮ่องเต้เพียงลำพัง”“ลู่เอินกุ้ยเหริน ทูลลา” กิริยางดงามน่ามองเป็นที่ต้องตาของทั้งบุรุษและสตรี แม่ทั่วหล้าอาจมีเพียงหนึ่งเดียว แม้แต่พระอัยยิกายังพึงพระทัย แต่หาใช่กับฮ่องเต้ไม่“เห็นไหมล่ะเจ้าไม่อาจละเลยหญิงงามอย่างกุ้ยเหรินได้ งดงามหาหญิงใดเปรียบ อย่าเอาอดีต มาทำให้ชีวิต จมอยู่ในความเศร้า”“ลืมได้อาจไม่ลืม ไม่ลืมกลับอยากให้ลืม หลานยังคงยืนยันคำเดิมนางคือนางในดวงใจของหลานเพียงผู้เดียว”“ทำไมฮ่องเต้ยังคงดื้อรั้น ย่าและหลายคนพยายามที่จะสรรหาหญิงงามทั่วหล้าแต่ฮ่องเต้กลับใช้เวลากับพวกนางแค่เพียงหนึ่งคืน”“เป็นเพราะหลานไม่อาจลืม เหมยเจียงนางยังอยู่กับหลานตราบลมหายใจ”“ย่าจะคอยดู ว่าฮ่องเต้จะเป็นแบบนี้อีกสักเท่าไหร่ คนเรามีความรักได้ครั้งที่ร้อย ยิ่งป็นฮ่องเต้ความรัก ไม่ใช่ส่วนประกอบเดียว” รอยยิ้มมีเลศนัยของอัยยิกาทำเอา ฮ่องเต้เริ่มหวาดกลัวหัวใจของตัวเองแพรวานั่งนอนอยู่บนที่นอนจนเบื่อเดินออกมาภายนอกเห็นประตูไม่ได้ล็อก เดินไปบนทางเดินที่มีดอกไม้ที่แพรวาไม่เคยเห็นมาก่อนสองข้างทางสวยงาม ชุดรุ่มร่ามที่ใส่อยู่มองแปลกตาแต่สวยอย
แพรวามัวแต่มองคนที่เป็นฝ่าบาทจนชนเข้ากับคนที่ทำความเคารพ ล้มลงไปบนตัก อ้อมแขนของท่านโหวโอบรอบเอวบางด้วยความรวดเร็วแพรวายิ้มอย่างอายๆเกือบขายหน้า ฮ่องเต้ขยับตัวแต่กลับเปลี่ยนใจทำมาดนิ่งเหมือนเดิม“แม้นางจะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งใด แต่นางก็พำนักอยู่ที่ตำหนักข้า ท่านโหวกรุณาแล้ว แต่ไม่อาจรบกวน”เดินมาฉุดร่างแพรวาขึ้นจากตักท่านโหวสายตาดุเข็มเชือดเฉือนกัน สงสัยจะไม่ค่อยลงรอยกันแพรวาคิด“ฝ่าบาท กล่าวเกินไปแล้ว โหวหยางจื้อมิกล้า เพียงเพราะบังเอิญได้มีโอกาสสนทนากับแม่นาง...เฟยลี่ จึงทราบว่าแม่นางแค่ผ่านมาพักพิงมิได้ดำรงตำแหน่งใดใดในวังหลัง”โอโห้ เชือดเฉือนเหมือนกัน ไม่เบาไม่เบา แต่ไม่ค่อยจะเข้าใจ ไอ้ที่พูดมาเลย พูดกันตรงๆไม่ได้เหรอ ปากก็บอกมิกล้าแต่ทำไมถึงเหมือนกับเหน็บแนมชอบกลประมาณว่าช้าไม่มีสิทธิ์ฮ่องเต้ก็ไม่มีสิทธิ์“อย่างนั้นข้าคงต้อง มอบตำแหน่งใดให้นางกัน ในเมื่อเจ้าก็ดูเหมือนจะพึงใจในตัวนาง”อะฮ้าพูดกันตรงๆ แบบนี้เลยเหรอฟะ เคยถามแพรวาสักคำไหมว่าพึงใจใครบ้างคงต้องขอเวลาทำใจแป็บเพิ่งจะอกหักมา“ในเมื่อฝ่าบาท เอ่ยมาเช่นนี้โหวหยางจื้อก็อยากเสนอตำแหน่งให้แม่นางเฟยลี่ ด้วยความมิบั
ป้ายหยกติดตัวถูกยกขึ้นมาดู“ป้ายหยกอันนี้ของเซี้ยนตี้ให้ไว้กับหยางหลงหยกชิ้นเล็กไปหน่อย ข้าจะหาชิ้นที่ใหญ่และสวยกว่านี้มอบให้เจ้าเฟยลี่” แพรวายิ้มบางบาง ความจริงใจที่ส่งผ่านแววตาและน้ำเสียงไม่อาจมองเป็นอื่น“อีกไม่กี่วัน เรา ...ข้าและเจ้าก็จะเข้าพิธีสำคัญ ในวันนั้นข้าอยากให้เจ้างดงามที่สุดทั้งผ้าไหมและเครื่องประดับถูกคัดสรรมาอย่างดีเพื่อเจ้าเท่านั้นเฟยลี่”มือเรียวบางเหมือนมือผู้หญิงกุมมือแพรวาไว้แน่น แพรวาไม่มีคำกล่าวใดใดหลุดออกมาเนื่องด้วยก้อนแข็งๆที่จุกที่คอหอยเหอหลงปรายตามองแพรวา“ยังจำได้ครั้งเมื่อข้าพบเจ้าครั้งแรก ข้าก็โมโหที่เจ้าทำให้ท่านพี่หยางหลงเสื่อมเกียรติ”แววตาหม่นลงเมื่อพูดถึงหยางหลงในฐานะพี่ชายอย่างที่เขาเคยเรียกนับตั้งแต่ได้รู้ใจตัวเองว่าคิดกับแพรวาอย่างไรชินอ๋องก็แทบจะไม่ได้เอ่ยปากเรียกหยางหลงว่าท่านพี่อีกเลย“เจ้าคงจะโกรธเกลียดข้าน่าดูตอนนั้น”“ไม่เลยฝ่าบาทตรงกันข้าม ตอนนั้นฝ่าบาททรงเป็นหนุ่มน้อย ที่พยายามสร้างภาพให้ดูดุดันทั้งทั้งที่เป็นคนที่อ่อนโยน”แพรวาคิดอย่างนั้นจริงจริงคงเป็นเพราะเหอหลงที่ต้องนำทัพตั้งแต่ยังเล็กจึงทำให้สร้างเกราะขึ้นมาป้องกันตัวเอง ว่าเป็น
หยางหลงตะลึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าหย่าจิ้งมีความสัมพันธ์ใดกับท่านข่าน เท่าที่รู้แต่เพียงว่านางเป็นหญิงงามจากชนเผ่าเท่านั้น“ท่านพี่ข้าคาดการณ์ว่าท่านคงต้องมาแต่ไม่คิดว่าจะมาด้วยตัวเอง”หย่าจิ้งเอ่ยปากหลังจากที่เงียบมานาน“อย่างนั้นหลานคงต้องขอบคุณท่านป้าอย่างที่สุดที่ทำให้หลานไม่ต้องเอ่ยคำใดให้มากความ”ประสานมือโค้งคำนับหย่าจิ้งด้วยท่าทีอ่อนน้อม“กำลังทหารของเราแม้จะไม่มากแต่ก็ไม่น้อยเมื่อทั้งท่านและหย่าจิ้งลงแรงขอร้องอีกทั้งข้าไม่อาจดูดายต่อคำขอของหย่าจิ้ง และป้องกันไม่ให้แผ่นดินลุกเป็นไฟในภายภาคหน้าจึงเต็มใจที่จะมอบกองทหารฝีมือดีของเราในการยกทัพกอบกู้บัลลังก์คืนมามอบให้แก่ท่าน”โหวหยางจื้อยิ้มพอใจไม่คิดว่าเรื่องที่ยากกลับกลายมาง่ายดายเช่นนี้ กองกำลังของท่านข่านนับว่ายิ่งใหญ่ทีเดียวและเป็นที่เลื่องลือเรื่องการรบที่ไม่เป็นรองใคร“หลาน ต้องขอบคุณท่านลุงที่เมตตาหลาน หากมีสิ่งใดที่หลานจะทำเพื่อท่านได้”“555 เรื่องที่ท่านหยางหลง จะทำเพื่อเรานะหรือมีเพียง”ชำเลืองมองลี่เซียนด้วยแววตาเอ็นดู“ข้ามีเพียงสิ่งเดียวที่ห่วงใย ลี่เซียนยกน้ำชา”ลี่เซียนยกน้ำชาเดินออกมายืนเบื้องหน้าหยางหลง“ลูกสาวคนเดีย
กิริยาอ่อนช้อยกว่านักนางเองจึงไม่ต่างจากแพรวา“ลี่เซียนเออร์ ยั้งมือด้วย”หย่าจิ้ง ในอาภรณ์สีทึ่มเดินมาเผชิญหน้า“ท่านอา”ลดธนูลงข้างตัว หยางหลงและโหวหยางจื้อกระโดดลงจากหลังม้า“หยางหลงและโหวหยางจื้อคารวะท่านป้า ไม่ทราบว่าท่านมาได้อย่างไร”หย่าจิ้งเมียงมองเหมือนต้องการเอยคำถามใด“ไยท่านมาเพียงสอง เฟยลี่นางไปไหนเสีย”“หย่าจิ้งเป็นห่วงนางเยี่ยงนี้ คงยังมิทันได้ข่าวเรื่องการแต่งตั้งฮองเฮาในวังหลวง”โหวหยางจื้อเอ่ยขึ้นบ้าง หยางหลงใบหน้าสลดลงทันที“ท่านอา ท่านผู้นี้เป็นใคร”ลี่เซียนอดไม่ได้ที่จะถามตามประสาคนที่ค่อนข้างอยู่ไม่สุข นิสัยนางเป็นเด็กเสียสามในสี่ส่วน“ทั้งสองคือแขกคนสำคัญของท่านอา ลี่เซียนเอ่อร์อาต้องไหว้วานเจ้าให้บอกพ่อของเจ้าแล้วว่าแขกคนสำคัญมาถึงแล้วตามที่เขาคาดการณ์”หย่าจิ้งพยายามที่จะกันลี่เซียนเอ่อร์ออกไปจากการสนทนา เพียงแวบเดียวที่สายตาสบตากับหยางหลงเหมือนหญิงสาวทั่วไปที่ประทับใจในรูปโฉมที่แตกต่างจากบุรุษทั่วไป“ข้าจะบอกท่านพ่อเดียวนี้เชิญท่านอาคุยกับแขกของท่านไปก่อน ลี่เซียนเอ่อร์จะเร่งทำตามประสงค์”ร่างอ้อนแอ้นแต่การก้าวเดินเหมือนบุรุษหนุ่ม“ท่านป้า ท่านเองก็ไม่อาจอยู่
“เป็นฝ่าบาทที่รู้จักนางมากกว่าใครข้าน้อยไม่กล้าออกความเห็น แต่อย่างไรเสียจะเอามาเป็นกังวลคงมิได้ เรามีงานใหญ่ให้ต้องเร่งจัดการ เหอหลงนั่งบัลลังก์เพียงไม่กี่วันกับสังหารผู้คนมากมาย แม้จะเป็นคนของตงเฉิง แต่คนที่ถูกสังหารก็เป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ทั้งเด็ก และคนชราเสียส่วนมาก เหอหลงและไทฮองไทเฮาไม่เคยเห็นด้วยกับการปกครองแผ่นดินในแบบของฝ่าบาท เขาต้องการขยายดินแดนและขูดรีดทั้งขุนนางและชาวบ้านเพื่อนำเงินที่ได้เก็บเข้าคลังหลวงที่ร่อยหรอส่งเสริมกองทัพ ฝ่าบาทไม่ตัดสินใจกระทำการใดแผ่นดินนี้คงไร้ซึ่งความสงบ”หยางหลงครุ่นคิดตามคำพูดของโหวหยางจื้อเพียงไม่กี่วันสังหารคนไปใช่น้อย แม้กระทั่งไทเฮาเหอหลงเขายังประทานผ้าขาวให้นางต่อไปหากใครทำเรื่องใดให้ไม่พอใจ คงไม่สามารถมีชีวิตรอดเหอหลงนับเป็นผู้ที่ใจคอเหี้ยมโหดคนหนึ่งที่เดียว เขาเองหากไม่หนีมาเช่นนี้ก็คงหาชีวิตไม่ไปแล้ว“ข้าได้ยินลี่มี่บอกว่า เหอหลงจะแต่งตั้ง เฟยลี่ในอีกสิบวันข้างหน้าไม่ขาดไม่เกิน วันนั้นเราสามารถนำกำลังโอบล้อมเมืองหลวง ถึงเวลานั้นท่านอา พ่อของซีหลิวคงสับเปลี่ยนกำลังเป็นคนของเราจนสิ้น”“ฝ่าบาทถึงเราจะมีกำลังองครักษ์ในวังหลวงจะเป็น
เขาคิดถึงนางทุกลมหายใจแต่ สิ่งที่ได้พบเจอกลับทำให้ใจแทบขาด หากไม่ใช่ที่นี่ตอนนี้เขาคงจะต้องกอดรัดไม่ยอมปล่อยแม้จะต้อง ผูกมัดนางด้วยเชือกเขาก็จะไม่ยอมปล่อยแพรวาไป อยากรู้นักว่าจะปากแข็งได้เพียงใด ขอเพียงให้ได้นางไว้ข้างกายแต่ที่นี่ เขาไม่อาจฉุดรั้งเธอไว้“บอกข้ามา อีกทีว่าเจ้าสิ้นเยื่อใยต่อข้าแล้ว”“ข้า ไม่มีท่านในใจแล้วหยางหลง ไปเสียเถิด”แพรวา หันหน้าหนีไม่อาจจ้องมอง เดินหลบเลี่ยงไปเปิดประตูกลัวว่าลี่มี่จะให้ใครมาพังประตูเพราะไม่ยอมขานรับเสียงเรียก ประตูเปิดออกโดยเร็ว หยางหลงทะยานขึ้นสู่เบื้องบนด้วยวิชาตัวเบาที่เป็นเลิศใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง แพรวาไม่สนใจว่าเขาจะจากไปอย่างไรชักชวนลี่มี่พูดคุย หยางหลงยังรั้งอยู่บนขื่อรอฟังบทสนทนา“เจ้านำอะไรมาให้ข้าลี่มี่”“นายหญิง.พี่สาวนี่เป็นผ้าไหมชั้นดีสีแดงสดฝ่าบาททรงให้ห้องเครื่องทรงคัดสรรมาให้พี่สาว ว่าจะเลือกสีประมาณไหนใส่ในวันแต่งตั้งฮองเฮา...”ลี่มี่เองรู้สึกใจหายอยู่ลึกลึก แพรวากลืนก้อนแข็งลงคอยากเย็น“ฝ่าบาททรงกำหนดวันไว้แล้วหรือ”“เจ้าค่ะ อีกสิบวันข้างหน้าไม่ขาดไม่เกินพี่สาวก็จะได้เป็นฮองเฮาเหนือกว่าหญิง ทั้งหมดในใต้หล้า.....”คำพูดขา
รวบร่างของแพรวาเข้ามากอดแนบแน่นก้มลงจุมพิตหน้าผากแพรวาไม่มีอาการขัดขืนใดใดค่ำคืนมืดมิดแพรวายืนข้างหน้าต่าง ปล่อยจิตใจล่องลอยเงาดำไหววูบผ่านหน้าไปก่อนที่จะทะยานลงมาเบื้องหลังแพรวาแพรวาตกใจแต่คิดได้ว่าควรวิ่งไปที่ประตูแต่ช้าไปชายชุดดๆผู้นั้นวิ่งไปล็อกประตูจากด้านในแพรวาหันหลังด้วยความตกใจ แต่ช้าไปร่างบางถูกรวบกอดไว้แน่นปากบางถูกปิดด้วยฝ่ามือหนาแพรวาสะบัดตัวดิ้นหนี แต่ช้าไปเมื่ออีกฝ่ายผลักจนติดข้างฝาใช้ร่างบึกบึนกดทับไว้ ริมฝีปากหนาบดขยี้ด้วยความโหยหารุนแรง แพรวาดิ้นรนใช้มือยันอกกว้างก่อนจะดึงผ้าปิดหน้าออกเบิกตากว้างเสียงที่เล็ดลอดออกมาอู้อี้“หยางหลง”ริมฝีปากนั้นยังบดเบียดไม่เลิก แพรวาน้ำตาร่วงรินหยางหลงกอดรวบร่างสวยไว้แน่น“บอกมาเจ้าลืมรักข้าสิ้นแล้วหรือเฟยลี่”ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเชิดขึ้นอย่างทระนง“เส้นทางทุกเส้นทางมักมีทางแยกจากกันรู้ว่ามีพบต้องมีจากท่านจะแยแสไปใย ในเมื่อข้าเป็นหญิงยังมิมีสิ่งใดต้องกังวล”ใบหน้าหล่อเหลาแววตาวาวโรจน์ ก้มลงบดขยี้ริมฝีปากบางด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แพรวาปล่อยน้ำตาไหลรินหยางหลงถอนริมฝีปากออกด้วยสัมผัสถึงน้ำตาอุ่นอุ่นนั้น“ร้องทำไมเฟยลี่ ไหนว่าเจ้าส
“เฟยลี่ ข้าไม่เคยจะสงสัยในตัวเจ้าว่าทำไมถึงเปลี่ยนใจจากหยางหลงได้เร็วขนาดนี้ แม้มันเป็นเพียงแผนการของเจ้าเพื่อให้หยางหลงปลอดภัย ข้าก็ไม่แคลงใจและพูดถึงมันอีกขอเพียง...มีเจ้าอยู่ข้างกายข้าแบบนี้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ข้าขอเพียงมือของเจ้ายังอยู่ในมือในมือของข้า จูงแขนเจ้าเดินไปพร้อมกันสักวัน ข้าหวังว่าสักวันใจของเจ้าจะมีข้าอยู่บ้างสักเพียงเศษเสี้ยวของใจเจ้าข้าก็ยินดี”แพรวากลืนน้ำลายลงคอยากเย็นนัก“ฝ่าบาทอย่าทรงแคลงใจเลย ไม่มีหญิงนางไหนที่ไม่ปรารถนาตำแหน่งฮองเฮาแม้กระทั่งเฟยลี่ก็ตาม”ดวงหน้าใสซื่อกับรอยยิ้มหวานหยดเหอหลงสวมกอดแพรวานิ่งไม่เกรงกลัวสายตาของใคร แม้กระทั่งไทฮองไทเฮาที่เฝ้ามองอยู่ซีหลิวสาวเท้ามายืนตรงหน้าหยางหลงที่ยืนคิดบางอย่างในร่มต้นหลิวข้างแม่น้ำ“ฝ่าบาท ท่านพ่อส่งข่าวสำคัญ” หยางหลงหันหน้ามาแสดงความสนใจ“ว่ามา”“คือ...คือ ซีหลิวไม่กล้า”“มีอะไรที่ข้าไม่อยากรับฟังหรือ ซีหลิว”“พี่ใหญ่ หยางหลง ฝ่าบาท สัญญาก่อนว่าถ้าข้าพูดไปท่านจะไม่โมโหหรือเศร้าใจไปกว่านี้”“บอกมา อย่าซักช้า ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่อยู่ฟังเจ้าพูดเรื่องไร้สาระใดใดอีก”ตวาดซีหลิวเสียงดัง“พี่ใหญ่ ...ฝ่าบาทคือ ใต้เท้า
สะบัดชายเสื้อเดินไปเปิดประตูออกไปทันทีแพรวาลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ทบทวนคำพูดที่ต้องการพูดกับสนมฮุ่ย“เฟยลี่”สนมฮุ่ยคว้ามือแพรวามาเขย่าด้วยความดีใจ“เจ้าสบายดี แล้วฝ่าบาทเล่าเขาบอกเจ้าหนีไปกับฝ่าบาทแล้วฝ่าบาทอยู่ที่ไหน”คำถามส่งมารัวรัว“ฝ่าบาทปลอดภัยดี ถ้าหากเป็นอะไรป่านนี้คงมีข่าวถึงคนทางนี้บ้างแล้ว”สนมฮุ่ยพยักหน้าเห็นด้วย“แล้วทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ หลังจากเหอหลงชิงบัลลังก์ก็ประทานผ้าขาวแก่ไทเฮาและก่อนหน้านั้นก็สังหารเสี่ยวโอขันทีข้างกายฝ่าบาท ข้ายังเป็นห่วงความปลอดภัยของฝ่าบาทว่าจะเป็นอย่างไร ฝ่าบาทปลอดภัยดีไหม”“ช่างโหดเหี้ยมนัก เสี่ยวโอพี่สาวไม่อาจช่วยเจ้าได้”แพรวาใจหายกับเรื่องของเสี่ยวโอ“เจ้าหายไปไหนมา แล้วหนีไปได้อย่างไร”“อย่าเพิ่งถาม ข้าเพียงแต่อยากให้เจ้าส่งข่าวให้หยางหลงด้วย”สนมฮุ่ยขมวดคิ้ว“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าฝ่าบาท อยู่แห่งใด” แพรวาพยักหน้า“หมู่บ้านในหุบเขาก่อนถึงเมืองหน้าด่าน”“มีข่าวอะไรที่จะส่งให้ฝ่าบาทกันเล่า หรือว่าจะบอกว่าเจ้าปลอดภัยดี ไม่มีอะไรต้องห่วงเจ้านี่ช่างหลงตัวเองเสียจริงนึกว่าฝ่าบาทจะกระวนกระวายห่วงใยเจ้าจนกินไม่ได้นอนไม่หลับหรืออย่างไร สนมของฝ่าบาทมีมากมา
แพรว่าถอนหายใจโล่งอก แต่แววตาเศร้าสร้อยป่านนี้เขาคงร้อนใจเมื่อแพรวาหายไป“เฟยลี่ เจ้าฟื้นแล้ว”เหอหลงเดินเข้ามาภายในห้องด้วยฝีเท้าเบากริบ ลี่มี่ย่อตัวคารวะเหอหลงพยักหน้าให้ลี่มี่ออกไปแพรวาชักรู้สึกไม่ปลอดภัย“ลี่มี่เจ้าจะไปไหน”เหอหลงขมวดคิ้ว ใบหน้าหล่อเหลาดูดุดันลี่มี่รีบเลี่ยงออกไปไม่อาจขัดใจ เหอหลงนั่งลงบนแท่นนอนชุดมังกรที่สวมใส่ใหม่เอี่ยม แพรวามองด้วยสายตาที่ไม่อาจอธิบายได้ทั้ง เยาะหยันและสงสารปนกันไป“เจ้าฟื้นแล้ว ข้าตั้งตารอ”“ไม่จำเป็นต้องตั้งตารอใ นเมื่อฝ่าบาทก็ทรงรู้ดีว่าเฟยลี่ไม่อาจรบกวนให้ฝ่าบาทรอ”ใบหน้าเศร้าหลุบตาลงต่ำ“ข้าพร้อมจะให้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ เพียงเจ้ายอมอยู่ข้างกายข้าในตำแหน่งฮองเฮา”แพรวาหันมามองเหอหลงด้วยแววตาค้นคว้า“ฝ่าบาท ทำให้เรื่องยุ่งยากข้ากับฝ่าบาทไร้ซึ่งวาสนา”“ไม่เฟยลี่ ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน ข้าพร้อมทำทุกอย่างให้ได้อยู่กับเจ้า”คว้ามือแพรวามากุมไว้แน่น แพรวาบิดข้อมือไปมาขัดขืนเต็มที่“ฝ่าบาทเฟยลี่ไม่อาจเป็นหญิงหลายใจอย่างนั้นได้ ในเมื่อเฟยลี่กับหยางหลงผูกสมัครรักใคร่กัน”ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วดกดำปล่อยมือจากการเกาะกุม“หยางหลงเขาอยู่ข้างนอกนั่น