บทที่ 27 ตอน ให้สวรรค์ขีดเส้นชะตา/1เจ้าตัวกลมกระโดดกอดร่างของมารดา ทำให้หลิวซืออินที่กำลังมองแผ่นหลังของคนที่นั่งอยู่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับเซ ในวงแขนมีร่างป้อมของผิงอัน นางรีบหมุนตัวไม่ให้ล้มทับร่างน้อยของลูกสาว ขาจึงขัดกันหงายหลังล้มลง “ว้าย !” หลิวซืออินอุทานด้วยความตกใจทว่า... ในจังหวะเดียวกัน ร่างสูงใหญ่ของคนที่นั่งอยู่ก็ใกล้ๆ ก็พลิกตัวมารองรับสองแม่ลูกเอาไว้ จึงไม่ล้มฟาดแต่ล้มไปในอ้อมแขนของเขาแทน อุ๊บ !เสียงร้องดังขึ้นเบาๆ จากชายที่กลายเป็นเบาะอยู่ด้านล่าง ฉู่หมิงฮ่าวโอบกอดร่างนุ่มนิ่มของหลิวซืออินไว้ในอ้อมแขน ศีรษะของนางซบแนบกับอกกว้างของเขา ใบหน้าของเขาแนบอยู่ข้างใบหูขาว จมูกโด่งได้กลิ่นหอมราวกับกลิ่นของบุปผาจากกายนาง จนเผลอสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด หัวใจเต้นแรง ความรู้สึกแปลกๆ ผุดขึ้นในหัวใจ วงแขนรัดรอบร่างของสองแม่ลูกแน่นขึ้นอย่างลืมตัว จนกระทั่งคนในอ้อมแขนเริ่มดิ้นรนลุกขึ้น"ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"อี้หนิงรีบลุกขึ้นมาช่วยดึงร่างของน้องสาวให้ลุกขึ้น เด็กชายมองดูมารดาที่ยามนี้นอนทับอยู่บนร่างหนาของท่านลุง ด้วยความห่วงใย"แม่ไม่เป็นอะไร อุ๊
บทที่ 28. ตอน ให้สวรรค์ขีดเส้นชะตา/2 หลิวซืออินแบกหน้าร้อนผ่าวด้วยความอายของตัวเองมาจัดโต๊ะอาหาร จากนั้นก็เชิญแม่ทัพหนุ่มกับเด็กๆ มากินข้าวด้วยกัน อาหารจากโรงเตี๊ยมฝูไหล ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่สุดในเมืองหนานไห่ วัตถุดิบสดใหม่มีทั้งอาหารทะเลและหมูไก่ เถ้าแก่เนี้ยเจ้าของโรงเตี๊ยมฝูไหลเป็นหญิงม่ายลูกติด หลิวซืออินรู้จักและคบหาสนิทสนมกับนางมาหลายปีแล้ว ทั้งสองเป็นหญิงม่ายมีลูกน้อยให้เลี้ยงดู จึงเข้าใจกันเป็นอย่างดี เจ้าซาลาเปาแฝดอายุเท่ากับบุตรสาวของเถ้าแก่เนี้ย ยามพบกันก็มักจะเล่นกันเสมอ ทั้งสี่ร่วมโต๊ะกันกินข้าวไปคุยกันไป ผู้ที่พูดคุยมากที่สุดเป็นผิงอันน้อย นางใช้ตะเกียบคีบอาหารมาวางบนชามข้าวของท่านลุงฉู่ ท่านลุงก็คีบน่องไก่วางใส่ชามข้าวนางคืน และยังคีบอีกน่องใส่ชามให้อี้หนิง "นี่ของเจ้า"แม่ทัพฉู่หมิงฮ่าวคีบหมูสามชั้นวางบนชามข้าวของหลิวซืออิน ราวกับเขารู้ว่านางชอบ จากนั้นตัวเขาก็คีบกับข้าวใส่ชามเด็กน้อยทั้งสอง ชักชวนให้กินผักกินเนื้อ"ผิงอันเจ้ากินผักด้วย จะได้ไม่ท้องอืด อี้หนิงเจ้าอย่ากินแต่ผักกินเนื้อให้มากๆ เด็กผู้ชายต้องกินเนื้อถึงจะโตเร็ว"แม่ทัพฉู่หมิงฮ่าวรู้สึกว่ามื้ออาหารนี
บทที่ 29 ตอน ถูกกล่าวหา"เจ้าเป็นใคร บังอาจขัดขวางเจ้าหน้าที่"มือปราบคนหนึ่งผลักซุนเซิงให้หลบไป แต่เขาไม่ยอมหลบยื้อหยุดไปมาจนมือปราบอีกคนต้องเข้ามาช่วย จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น"หยุดนะ อย่าตีกัน"หลิวซืออินเข้าไปห้าม แต่มือเท้าไม่มีหูตานางจึงโดนลูกหลงถูกฟาดเข้าที่ไหล่ กระเด็นออกมา โชคดีมีใครคนหนึ่งมาเข้ามาดึงตัวนางหลบ แล้วฟาดฝ่ามือใส่มือปราบผู้นั้นจนล้มลง"บังอาจ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร!"มือปราบผู้นั้นตะโกนออกมาด้วยความโมโห กำหมัดหมายจะซัดคืน แต่เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ฟาดฝ่ามือใส่เขา ก็หยุดชะงักทันที "ตะ ใต้เท้า ท่านแม่ทัพฉู่"เขารีบยั้งมือก้มลงประสานมือคารวะทันที เพื่อนที่มาด้วยกันรีบผลักซุนเซิงออกไป แล้วขยับมายืนทำความเคารพข้างๆ กันซุนเซิงหันไปมองคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วย ตอนนี้คนผู้นั้นกำลังประคองหลิวซืออินเอาไว้ ใช้มือข้างหนึ่งโอบรอบเอวนางดึงตัวมากอดไว้ท่าทางสนิทสนม เขามองใบหน้าที่สวมหน้ากากเงินไว้ ก่อนจะรู้สึกว่าใบหน้าครึ่งหนึ่งที่โผล่พ้นหน้ากาก ช่างคุ้นตา แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นริมฝีปากแบบนี้ที่ใดมาก่อน "ขอบคุณท่านแม่ทัพ เอ่อ ... ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว"หลิวซ
บทที่ 30. ตอน ข้อกล่าวหาทั้งสองนั่งรถม้าไปด้วยกัน หลิวซืออินร้อนใจเรื่องคดี จึงได้อธิบายให้เขาฟังว่า"ท่านแม่ทัพฉู่ เมื่อวานเถ้าแก่เฉินได้เชิญข้าไปที่โรงเตี๊ยม เขาบอกข้าว่ามีลูกค้าสนใจสินค้าของข้า เมื่อไปถึงเขากลับเสนอให้ข้า ร่วมมือกับเขาในการค้าเกลือเถื่อน แต่ข้าไม่ยินยอม จึงคิดกลับออกมา แล้วเจ้าหน้าที่ก็บุกเข้าจับกุมเขา หลังจากนั้นก็เป็นท่านที่เข้ามาช่วยข้า""เจ้ามีหลักฐานหรือไม่ ว่าเจ้าไม่ได้ร่วมมือกับเขา คำพูดแค่นี้ใช้ยืนยันในศาลไม่ได้"ฉู่หมิงฮ่าวแม้คิดช่วยเหลือนาง แต่เขาไม่ต้องการช่วยคนผิด จึงต้องให้นางยืนยันหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์เสียก่อน"ข้ามีโรงผลิตอาหารทะเลแห้งสองแห่ง และมีโรงผลิตเกลือแห่งหนึ่ง ข้าใช้เกลือจากโรงผลิตของข้าในการหมักปลาเค็ม ส่วนที่เหลือนำส่งทางการมีการจ่ายภาษีถูกต้อง ข้ามีบัญชีส่วนนี้ทำไว้ชัดเจน""เช่นนั้น เพียงเจ้าปฏิเสธข้อกล่าวหา และนำบัญชีส่วนนี้ไปชี้แจง ก็คงจะไม่มีปัญหา"ฉู่หมิงฮ่าวได้ยินเช่นนี้ก็สบายใจขึ้น เขามีทางช่วยนางแล้ว "ข้าไม่กลัวเรื่องสอบสวน แต่เกรงอิทธิพลเบื้องหลัง เถ้าแก่เฉินค้าเกลือเถื่อนมานานอาจจะมีคนหนุนหลัง หากคิดใช้อุบายให้ข้าเป็นแพะรับบ
บทที่ 31. ตอน ข้อเสนอใต้เท้าจื่อฝู่ถูกเรียกตัวมาพูดคุยที่จวนแม่ทัพ ดังนั้นเขาจึงรีบกลับออกไปยังคุก สั่งให้คนนำตัวหลิวซืออินออกมาพบเขา เมื่อได้เห็นแม่ม่ายสาวลูกติด ก็เข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วว่า เหตุใดแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว ถึงใส่ใจสตรีม่ายเช่นนาง "เจ้าคือหลิวซืออินสินะ""เจ้าค่ะใต้เท้า ข้าถูกเฉินอวี้ใส่ความ ใต้เท้าโปรดให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วย"หลิวซืออินถูกขังคุกอยู่ถึงสองคืน แม้ไม่ได้โดนเรียกตัวไปสอบสวน แต่ก็ถูกขังในคุกที่หนาวเย็นจนมีอาการไข้ ใบหน้าจึงซีดเซียว "คดีนี้ ยังต้องมีการสอบสวนอีกนาน ตัวเจ้าถูกเฉินอวี้ซัดทอด ข้าต้องสอบสวนเจ้าเสียก่อน แต่หากเจ้าอยากให้ตัวเองพ้นคดีนี้โดยเร็ว ข้ามีหนทางช่วยเหลือ"ใต้เท้าจื่อฝู่มองดูสตรีตรงหน้าอย่างสำรวจ หลิวซืออินมีใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่งเล็ก ดวงตาเรียวงามราวกับผลซิ่ง ริมฝีปากอวบอิ่มสีระเรื่อคล้ายสีผลอิงเถา รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นแทบดูไม่ออกว่าเคยผ่านการมีลูกมาแล้ว โดยรวมนางคือหญิงงามล่มเมืองผู้หนึ่ง เขาเป็นจื่อฝู่เมืองหนานไห่มาหลายปี กลับไม่เคยพบหญิงงามเทียบเท่านางมาก่อน อาจเป็นเพราะนางเป็นแม่ค้า ไม่ใช่คุณหนูตระกูลดัง จึงไม่มีโอกาสเผยโฉมให้เขาพบเจอ ใต้เ
บทที่ 32 ตอน ป้อนยา"นี่ท่านจะทำอะไร"นางขยับถอยห่าง หมุนกายจะวิ่งหนีออกมา แต่อีกฝ่ายมีวรยุทธสูงส่ง ดีดเท้ามาดักหน้าเอาไว้ก่อน เขากระชากร่างงามเข้ามากอดไว้แน่น วงแขนแข็งแกร่งดุจเหล็กรัดไว้จนกระดิกตัวไม่ได้ "ปล่อยนะ คนสารเลว อุ๊บ!"คำด่าไม่ทันจะหลุดพ้นออกมาครบทุกคำ ก็ถูกริมฝีปากร้อนรุ่มประกบปิดเอาไว้ หลิวซืออินเบิกตากว้างพยายามดิ้นรน แต่ไม่อาจต่อต้านไหว ถูกแม่ทัพหนุ่มบดเคล้าริมฝีปากจนแทบหายใจไม่ทัน เขาดันร่างงามจนหลังพิงขอบประตู จุมพิตของเขาดุดันและเร่าร้อน เรียวลิ้นร้อนซอกซอนเข้าไปในโพรงปากนุ่ม กวาดต้อนทุกความหวานดั่งภมรหนุ่มซุกไซ้หาเกสรดอกไม้ เขากำลังทำให้นางสิ้นแรงขัดขืน สัมผัสนั้นราวกับมอมเมานางให้อ่อนระทวยสิ้นเรี่ยวแรง ฉู่หมิงฮ่าวเพียงได้แตะริมฝีปากลงไป ในสมองของเขาก็เหมือนจะโล่งโปร่งเบาขึ้นมา ใบหน้าของสตรีในความฝันซ้อนทับกับใบหน้าของหลิวซืออิน จนยากจะแยกออก เขาดื่มด่ำริมฝีปากหอมหวาน มือก็ลูบไล้ผิวกายอ่อนนุ่ม กอดรัดร่างงามของนางไว้แนบชิด หัวใจพลันเกิดความรู้สึกอิ่มเอม ราวกับบางสิ่งที่หายไปในชีวิตหวนกลับคืนมาอีกครั้ง เขาเฝ้าวนเวียนจุมพิตนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเมื่อร
บทที่ 33. ตอน จิ้งจอกห่มหนังแกะ"ข้าร้ายกาจเช่นนี้ ท่านยังสนใจอีกหรือ""เจ้าทำให้ข้าสนใจเจ้าเอง คนอย่างข้าเมื่อสนใจสิ่งใดก็จะไม่มีวันเลิกรา"สตรีนางนี้ทำให้เขาติดใจ เดิมคิดเสียใจที่กระทำหยาบหยามน้ำใจนาง แต่ยามนี้เขากลับรู้สึกว่า พบเจอความท้าทายขึ้นมา และเขาก็ชอบเจ้าซาลาเปาแฝดทั้งสองมาก ได้แม่แถมลูกมาก็นับว่าได้กำไร จะยอมปล่อยให้นางหลุดมือได้อย่างไร “ท่านมันจิ้งจอกห่มหนังแกะ” นางไม่เคยเจอคนเช่นเขามาก่อน บุรุษที่เคยเข้ามาเกี้ยวพาหากนางแสดงท่าทางไร้เยื่อใย ก็จะถอยห่างไปเอง มีบางรายพยายามตามตื้อก็ไม่ได้ทำให้นางลำบากใจเท่าแม่ทัพผู้นี้ “อืม เปรียบเทียบได้ไม่เลว แล้วเจ้าคิดว่าข้าเป็นอะไรได้อีกล่ะ” ปากพูดไปก็หาเรื่องกินเต้าหู้ จากร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอดไปด้วย มือไม้กอดรัดลูบไล้ จมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอนางสูดกลิ่นหอมๆ จากกายนาง “อย่านะ ปล่อยข้านะ” หลิวซืออินผลักไส หดคอเบือนหน้าหนี น้ำตาคลอออกมา นึกรังเกียจการกระทำหยาบหยามนั้น แต่ไม่มีปัญญาดิ้นหนีหลุดจากปลอกแขนแข็งแรงของเขาไหว “รู้หรือไม่
บทที่ 34. ตอน อย่าเอ่ยถึงคนผู้นั้นอีกหลิวซืออินกลับมาถึงบ้านก็นอนซมด้วยพิษไข้อยู่หลายวัน นางฉีฮุ่ยจึงต้องมาช่วยดูแล โดยให้ซุนเชิงช่วยดูแลร้านขายอาหารทะเลแห้งชั่วคราว หอยาได้นำยามาส่งที่บ้านของหลิวซืออิน โดยบอกว่าเป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว"ป้าฉี อี้หนิงกับผิงอันล่ะ"เมื่อหลิวซืออินอาการดีขึ้น นางถามหาเด็กๆ นางฉีฮุ่ยซึ่งกำลังยกถ้วยโจ๊กเข้ามา ก็บอกว่า"อาซุนพาเด็กๆ ไปที่ร้านขายอาหารทะเลแห้ง เด็กๆ บ่นว่า อยู่ที่บ้านเบื่อหน่ายนัก อยากจะกินขนม น้ำตาลปั้นและถังหูลู่ ข้าเห็นว่าช่วงนี้เด็กๆ รู้ความมาก ก็เลยปล่อยให้ไป เถ้าแก่เนี้ยไม่ต้องเป็นห่วง ข้ากำชับอาซุนกับเหล่าต้าแล้ว ให้ดูแลเด็กๆให้ดี""ที่ร้านกับโรงผลิตเป็นอย่างไรบ้าง ข้าไม่ได้ไปดูแลเสียหลายวัน""ร้านค้าเรียบร้อยดี ส่วนโรงผลิตนั้น อาซุนเป็นคนไปดูแลให้ สองสามวันมานี้ทางการได้เข้ามาตรวจโรงผลิตของเรา โดยเฉพาะโรงผลิตเกลือ อาซุนได้จัดการส่งบัญชีการส่งค้าเกลือให้ทางการเรียบร้อยแล้ว เถ้าแก่เนี้ยไม่ต้องเป็นห่วง"หลังจากมีการจับกุมพ่อค้าเกลือเถื่อนทางการได้ส่งคนเข้าตรวจตามโรงผลิตต่างๆ โดยเฉพาะโรงผลิตเกลือ คนที่ทำการค้าขายอย่างถูกต้อง ม
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู
บทที่ 74. ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /2"ท่านลุงโปรดให้อภัยด้วย ข้ากับนางเราเป็นสามีภรรยากันแล้วขอรับ""อะไรนะ นี่พวกเจ้า... "ฮูหยินได้ยินก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ นางได้ยินเรื่องบุตรีถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว รู้สึกปวดใจมาก เมื่อเห็นหลานทั้งสอง จึงนึกเอ็นดูและเวทนาที่มีบิดาเป็นโจร ไม่ทันได้เตรียมใจ บุตรชายของท่านโส่วฝู่มาบอกว่าเป็นสามีของบุตรีอีก วันนี้แผ่นดินใต้ฝ่าเท้านางพลิกไปมากี่รอบแล้ว นางมึนงงไปหมด"ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านนั่งลงก่อนเจ้าค่ะ"หลิวซืออินประคองมารดาให้นั่งลง สองแฝดมาช่วยบีบนวดท่านตาท่านยายอย่างเอาใจ "ท่านลุง เดิมทีท่านก็ทราบอยู่แล้วว่า ข้าถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ยังเล็ก ช่วงเวลาที่ข้ายังไม่ได้พบท่านพ่อ ข้าได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวตระกูลหลิน แล้วมีเหตุให้บุตรชายของท่านลุงหลินกับคู่หมั้น ถูกเจ้าของบ่อนทำร้าย ข้าจึงแก้แค้นแทนพวกเขาด้วยการไปดักปล้นขบวนเจ้าสาว ฉุดตัวเจ้าสาวของคนผู้นั้นมา ครั้งนั้นข้ากับนางได้กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาเกิดเหตุกับข้าทำให้ต้องพลัดพรากจากนางไป มาพบกันอีกครั้งที่เมืองหนานไห่ นางมีบุตรฝาแฝดชายหญิงให้ข้า ตอนนี้ข้าจึงอยากสู่ขอนางต่อท่านลุ
บทที่73 ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /1หลิวซืออินพาบิดามารดานั่งรถม้า มาที่ร้านขายอาหารทะเลแห้งของนาง "ท่านพ่อท่านแม่เชิญด้านในเจ้าค่ะ"ย่านการค้าของเมืองหนานไห่ มีร้านค้าหลากหลาย ร้านของหลิวซืออินเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของเมือง อีกทั้งยังมีโรงผลิตปลาเค็มและอาหารทะเลแห้งเป็นของตนเอง สินค้าจึงได้คุณภาพกว่าร้านทั่วไป มีลูกค้ามาซื้อของและสั่งสินค้าอย่างคึกคัก คนงานในร้านทำงานอย่างขยันขันแข็ง สินค้าถูกจัดวางเป็นระเบียบดูสะอาดตา แม้จะมีกลิ่นของอาหารทะเลตากแห้ง แต่ก็เป็นปกติของร้านชนิดนี้ จึงไม่ทำให้คนที่เข้ามาต้องฝืนใจทน"ร้านใหญ่โต การค้าของเจ้ารุ่งเรืองมาก""ลูกแม่ เจ้าเก่งเหลือเกิน"ท่านเสนาบดีหยางกับฮูหยิน เมื่อเห็นร้านขายอาหารทะเลแห้งของบุตรีก็พากันเอ่ยชม"เถ้าแก่เนี้ยท่านมาแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"นางฉีฮุ่ยรีบเข้ามาหาด้วยความดีใจ เมื่อครู่ซุนเซิงกลับมาแจ้งข่าวว่า หลิวซืออินพ้นผิดอีกทั้งยังได้พบบิดามารดาของนางด้วย "ท่านป้าฉี ข้าสบายดี อ้อ นี่คือท่านพ่อกับท่านแม่ของข้า"หลิวซืออินแนะนำให้นางฉีฮุ่ย รู้จักบิดามารดาของนาง "ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ นี่คือท่านป้าฉีฮุ่ย หลายปีมานี้ ท่านป้าช่วยเหลื
บทที่ 72. ตอน สวรรค์เมตตาคนดี ฟ้าทอดทิ้งคนชั่ว/2"ลูกแม่ เจ้าผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นมาได้อย่างไร"ผู้เป็นมารดาอยากรู้เรื่องราวของลูกสาวทั้งหมด แค่คิดว่าลูกสาวถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาวไปก็ปวดใจนัก "ต่อมาข้ากราบไหว้ฟ้าดินกับโจรผู้นั้น แต่งเป็นภรรยาเขาเจ้าค่ะ เดิมคิดว่าจะมีชีวิตสุขสงบ แต่สวรรค์ไร้เมตตา สามีข้าตายจากไป หลังจากนั้นข้าจึงมาอยู่ที่หนานไห่ หวังจะใช้ชีวิตที่เหลือ แต่ข้ากลับตั้งครรภ์ คลอดบุตรฝาแฝดชายหญิง ห้าปีนี้ ข้าเลี้ยงดูลูกทั้งสอง ค้าขายปลาเค็มและอาหารทะเลแห้ง จนมีกิจการร้านขายอาหารทะเลแห้ง และโรงผลิตถึงสองแห่ง เรื่องราวชีวิตข้ามีเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่"หลิวซืออินเล่าจบ แล้วก็ยิ้มให้บิดามารดา ทุกสิ่งได้เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว วันนี้นางได้พบบิดามารดา สามีที่คิดว่าตายจากก็กลับมาหา มีลูกทั้งสองเป็นดังแก้วตาดวงใจ นางพอใจมากแล้ว"ลูกพ่อ เจ้ายอดเยี่ยมมาก จะมีสตรีสักกี่คนทำได้ดีเช่นเจ้า พ่อภูมิใจในตัวเจ้า"ท่านเสนาบดีชื่นชมบุตรี เรื่องราวของนางทำให้คนเป็นบิดารู้สึกทึ่ง สตรีตัวเล็กคนหนึ่งต้องเผชิญเคราะห์กรรมสาหัสเพียงนี้ แต่สามารถพาตัวเองผ่านพ้นมาได้อย่างเข้มแข็ง มีชีวิต