สตรีที่อยู่ในร่างหม่าเยี่ยนถิงปรารถนาจะดูแลบุตรทั้งสองต่อให้ เป็นความตั้งใจของนางที่ก็ไม่ต่างจากเขาในเวลานี้ แล้วก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันก็ได้กระมังแม่ทัพแดนเหนือที่พึ่งคืนสถานะตนได้ไม่นาน วางแผนทวงคืนสิทธิ์ควรได้ของภรรยาอย่างเงียบ ๆก่อนวันที่ถูกสหายบิดาเชิญไปร่วมโต๊ะในงานเลี้ยงนั้น มารดาของจางจื่อเสวียนก็เริ่มมองหาสตรีที่คู่ควรมาเป็นคู่หมั้นหมายไว้แล้ว หนึ่งในนั้นคือบุตรสาวคนโตของเสนาบดีหม่าซึ่งตอนนั้นยังเป็นขุนนางชั้นผู้น้อย เขากับนางเคยเล่นกันเมื่อสมัยเด็ก และน้องสาวของหม่าเหลียนหลิวก็มักมาแอบมองอยู่ใกล้ ๆ ทุกครั้ง จนเขาต้องเอ่ยปากชวนอีกฝ่ายมาเล่นด้วย สตรีผู้นั้นเติบใหญ่มาเป็นภรรยาเขาในวันนี้แม้ขั้นตอนจะไม่ถูกต้องตามขนบ แต่ลึก ๆ ในใจเจ้าของร่างแท้จริงก็พึงใจนางมากกว่าผู้เป็นพี่สาว แม้มารดาจะมีสตรีที่หมายตาไว้มากมาย แต่ไม่ว่าจะเลือกใครมาเป็นภรรยาก็จะต้องผ่านความเห็นของเขาก่อน สถานะในบ้านของจางจื่อเสวียนสำคัญขึ้นมากหลังได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการทว่าหลังเสร็จสิ้นคืนที่ร่วมเตียงกันไปวันนั้น เขาก็ได้รับคำสั่งด่วนให้ไปช
จะว่าไปนางก็ไม่เคยเห็นดอกไม้ขายที่ตลาดจริง ๆ รู้สึกว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย"เรื่องนี้แม่ยกความดีความชอบให้ความคิดเจ้า อยากลองปลูกดอกไม้ขายดูไหมเล่า""ได้หรือขอรับ?" เด็กชายตาวาววับขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีกเมื่อมารดาพยักหน้าหม่าเยี่ยนถิงไม่เคยเห็นร้านขายดอกไม้ที่เมืองไหนเลยแม้แต่เมืองที่นางไปทำภารกิจ บุรุษที่นี่เกี้ยวสตรีด้วยการซื้อของไปฝาก ส่วนมากเป็นเครื่องประดับหรือเครื่องประทินโฉมนี่อาจเป็นการทำตลาดใหม่ในแคว้นนี้ก็ได้ใครจะรู้แม้ว่าสตรีทุกคนจะไม่ได้ชอบดอกไม้เหมือน ๆ กันไปหมด แต่นางมั่นใจว่าไม่มีใครเกลียดบุปผาสวยงามเป็นแน่ หากจัดช่อให้สวยงามหน่อย อย่างไรต้องมีบุรุษมากหน้าหลายตา มาหาซื้อไปฝากสตรีที่ตนหมายใจหาไม่แล้วนางก็ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่คิดไว้ ตัดสินใจได้ดังนั้นหม่าเยี่ยนถิงก็ลงมือเลยทันที ทำการถอนหญ้าถางวัชพืชทำแปลงใหม่อีกส่วนหนึ่งสำหรับปลูกดอกไม้โดยเฉพาะเด็ก ๆ เห็นมารดาทำเรื่องใหม่ ๆ และน่าสนุกอยู่ตลอดเวลาก็ซึมซับพฤติกรรมนั้นมาด้วยหลังตะวันคล้อยลงมา
ตั้งแต่ได้ความทรงจำกลับมา ก็ทำใจไว้แล้วว่าคงต้องเข้ารับราชการอย่างเสียไม่ได้ ดีอยู่เพียงว่าไม่ต้องเข้าไปปวดหัวกับพวกขุนนางฝ่ายพลเรือนในราชสำนัก หากไม่มีข้าศึกศัตรูให้เขาต้องไปออกรบที่ชายแดนอีก ก็แค่อยู่จวนและไปรายงานการฝึกทหารเป็นครั้งคราว"ตามใจเจ้า""เช่นนั้นก็ดี ข้าจะกลับเมืองด้วย" หม่าเยี่ยนถิงคิดตรึกตรองแล้วเอ่ยตอบรับ แม้งานที่ไร่จะมากแต่ตอนนี้พึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ไว้จ้างชาวบ้านที่ไว้ใจได้แถวนี้ช่วยดูแลให้ก่อนระหว่างไม่อยู่ท่าทีขึงขังจริงจังเมื่อก่อนหน้าเริ่มมลายหายไป ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานเมื่อครู่แสดงสีหน้าเก้อเขินออกมา มือยกขึ้นลูบท้ายทอยเพราะไม่รู้จะเอามันไปวางไว้ตรงไหน"แบบนี้เท่ากับว่าเราเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการแล้วใช่ไหม" ถามทีก็หลบสายตานางที่เหลือบมองนางที ไม่รู้จะเอาสายตาไปวางไว้ตรงไหนจริง ๆ นั่นล่ะ"เป็นอย่างนั้นจริงๆ"หม่าเยี่ยนถิงยอมรับอย่างง่าย ๆ มุมปากยกยิ้มออกมาน้อย ๆ ก่อนจะปรับเป็นสีหน้าจริงจังเหมือนเดิม"ท่านอยากเดินทางไปวันไหน" หม่าเยี่ยนถิงเอ่ยถามเพราะไ
"เป็นอย่างไร สนุกหรือไม่""สนุกมากเลยเจ้าค่ะ มันคล้ายกับการที่ข้าเล่นกับพี่และเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน" พวกเด็ก ๆ มักจับกลุ่มกันเองเพื่อเล่นสวมบทต่างๆ อยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ไม่ได้ไกลตัวเลย"ลองคิดว่าถ้าไปเล่นแบบนี้ที่หน้าแพงขายดอกไม้ ลูกค้าก็จะสนใจหันมามอง ถึงไม่ซื้อในทันทีก็จะต้องเอาไปพูดต่อแน่""แม่จะให้พวกข้าเล่นบทบาทสมมุติตอนขายดอกไม้หรือขอรับ""ถูกต้อง แต่มันจะสั้นและกระชับกว่านี้""มันจะได้ผลใช่ไหมขอรับ""ได้ผลในแง่ดึงความสนใจละนะ ที่นี่ยังไม่นิยมมีดอกไม้ขายตามรายทาง เขาไม่รู้จะซื้อมันไปทำอะไร เพราะฉะนั้นนี่คือการนำทาง ว่าการซื้อดอกไม้ทำประโยชน์อะไรให้พวกเขาบ้าง" หนี่เหวินไม่เข้าใจจึงบอกให้มารดาอธิบายเพิ่มเติม"ดอกไม้ถูกนำไปประดับตามบ้านเรือนเต็มไปหมด เกือบทุกหลังที่มีดอกไม้ประดับ ไม่มีใครเกลียดดอกไม้หรืออย่างน้อยก็เท่าที่แม่รู้สึก" เด็ก ๆ ตั้งใจฟังต่อไปไม่กล้าเอ่ยขัด"บุรุษนิยมนำเครื่องหอม ถุงหอม เครื่องประทินโฉมต่าง ๆ ไปเกี้ยวพาสตรีที่ตนชอบพอ ดอกไม้นี้ก็ทำหน้าที่นั้นได้เช่นกัน
"เยี่ยนถิง ข้าควรต้องเอาเสื้อผ้าไปกี่ชุด"ชายหนุ่มยืนถามจากหน้าประตู เขาไม่เคยต้องจัดกระเป๋าด้วยตัวเองมาก่อน การจัดของกลับเมืองหลวงครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกก็ว่าได้"ถ้ามีจวนอยู่ คิดว่าไม่จำเป็นต้องจัดส่วนของท่านหรอกนะ ข้าวของจำเป็นคงอยู่ที่จวนหมดแล้ว แต่เสื้อผ้าของข้ากับเด็ก ๆ คงยังไม่มีอยู่ที่นั่นแน่นอน""อ่า พูดไปก็จริงของเจ้า เช่นนั้นข้าควรทำอะไรล่ะ""ดึกดื่นป่านนี้จะทำอะไรอีกเล่า เก็บแรงไว้ทำอาหารและงานบ้านวันพรุ่งนี้เถอะ""หือ?""ถ้าเข้าเมืองหลวงไปแล้ว ไปอยู่ในจวนแล้ว ท่านคงไม่มีโอกาสทำมันอีก แล้วข้าก็อดเห็นชายหนุ่มมากความสามารถใส่ผ้ากันเปื้อนทำงานบ้านด้วย"หม่าเยี่ยนถิงใช้สายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แฝงเจตนาโลมเลียอยู่หน่อยๆ จนชายหนุ่มเผลอยกมือปิดหน้าอกตัวเองไม่รู้ตัว"เจ้าเป็นคนแบบนี้หรือนี่!""ยังไม่รู้ก็รู้ไว้เสีย" นอกจากหน้าด้านไร้ยางอายตอบกลับแล้ว นางยังกล่าวท้าทายอีกด้วย"หรืออยากลองรู้มากกว่านี้วันนี้เลยก็ได้"จางจื่อเสวียนกรีดร้อง
"ข้าเอง" จางจือเหวินเอ่ยตอบพร้อมดึงหมวกคลุมลง เขามองพ่อบ้านในความทรงจำที่ดูเหมือนจะแก่ขึ้นมากกว่าในความทรงจำ"นายท่าน กลับมาได้อย่างไร กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ!?" อีกฝ่ายรีบโค้งเคารพ ถามเป็นการใหญ่ด้วยความใจร้อนปนตื่นเต้น"เกิดเรื่องขึ้นหลายอย่างน่ะ เตรียมน้ำให้ข้าอาบที""ทราบแล้วขอรับจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้"ใช้เวลาไม่นานข่าวการกลับมาของเขาก็กระจายไปทั่วจวน สาวใช้รีบเร่งทำความสะอาด และงานที่ติดพันอยู่ให้เสร็จก่อนไปช่วยงานในครัวห้องครัวต้องจัดลำดับอาหารและรายการใหม่ทั้งหมด ในตอนที่เจ้านายหายตัวไปพวกเขากินของง่าย ๆ ที่ใช้เวลาเตรียมไม่นาน แต่พอชายหนุ่มกลับมาแล้วเขาต้องเตรียมไว้ทั้งหมด ต้องใช้วัตถุดิบที่ดีและเป็นอาหารที่นิยมทำให้ชนชั้นสูงหลังสาวใช้ออกไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาด ข่าวการกลับมาของเขาก็กระจายออกไปอีก กลายเป็นหัวข้อสนทนาใหญ่ที่ทั้งเมืองต่างรู้กัน ใช้เวลาไม่ถึงวันก็รู้ไปถึงในวังหลวงพอผู้เป็นนายกลับมาแล้ว พ่อบ้านจึงให้ผู้ช่วยไปติดตามงานส่วนใหญ่ที่ยังคั่งค้างอยู่แทน ส่วนตนเองก็มาปฏิบัติรับใ
"เจ้าเป็นไรไหม" เมื่อเห็นสหายชะงักไปเขาก็ถามด้วยความเป็นห่วง"ไม่ๆ ขอโทษด้วย ข้าแค่ยังไม่ชิน" เขาโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน"ข้าเป็นห่วงเจ้าแทบแย่ ไม่รู้ว่าหนึ่งปีที่ผ่านมานี้เจ้าไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ทุกคนตามหาก็ไม่เจอ""ข้าความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้อยู่เกือบปี""ทำไมถึงความจำเสื่อมได้ เจ้าบอกว่าจะออกเดินทางไปตามหาภรรยามิใช่หรือ" หลี่อวิ๋นกอดอก เขาขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ และความเป็นไปได้ก็ไม่ได้มีเพียงหนึ่ง ซึ่งเขาสงสัยอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องถูกลอบทำร้าย อีกทั้งพวกเขาเองก็ตามหามาตลอดเกือบหนึ่งปี แต่กลับเหมือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย"ข้าคิดว่าตัวเองถูกลอบทำร้าย แต่ข้าจำไม่ได้เลยว่าใครเป็นคนลงมือ""ไม่แปลก ศีรษะเจ้าได้รับการกระทบกระเทือนจนถึงกับลืมเลือนไปเลยนี่""เท่าที่เจ้าตามสืบหาข้า สงสัยใครบ้างไหม""คนที่อยากกำจัดเจ้ามีอยู่สักกี่คนเชียว" สหายเจ้าสำอางตบที่นั่งว่างข้างตัว ให้เขารีบลงไปนั่งหารือกันเร็ว ๆห้องรับรองถูกจัดเป็นสถานที่ห้ามรบกวนชั่วคราว สองสหายปรึกษากันอย่า
หม่าเยี่ยนถิงพยักหน้า ก่อนจะพาเด็ก ๆ ขึ้นรถม้าที่เช่ามานางจ้างพวกเขาให้ไปส่งเพราะสะดวกกว่าการเอารถม้าไปเอง เมื่อไปถึงเมืองถัดไปนางก็จะเช่ารถม้าไปเมืองต่อเมือง เปลี่ยนคันโดยสารที่เมืองนั้น ๆ แล้วไปต่อใช้เวลาค่อนวันก็เดินทางมาถึงที่หมายแรก นางเข้าพักที่โรงเตี๊ยมพวกเด็ก ๆ ที่พึ่งเคยได้ออกจากเมืองมาไกลถึงขนาดนี้เป็นครั้งแรกจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก พวกเขามองซ้ายมองขวาสองข้างทางตลอดตั้งแต่เข้าเมืองมา มันมีทุกอย่างขายเหมือนเมืองที่พวกเขาอยู่ต่างแต่สถานที่เด็ก ๆ คงชอบบรรยากาศระหว่างการเดินทางมากกว่าเป้าหมายของมัน"ไปกินข้าวกันก่อนเถิด""ข้าอยากกินหมูตุ๋นน้ำแดง" เป่าเปาน้อยมองหน้ามารดาอย่างไม่แน่ใจ เขารู้ว่าสถานะที่บ้านตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าพอจะร้องขอสิ่งที่มีมูลค่ามากมายกว่าที่เคยกิน"เอาสิ แล้วเหมียวเหมียวอยากกินอะไรล่ะ" นางหันมาถามบุตรสาวอีกคน"เกี๊ยวน้ำเจ้าค่ะท่านแม่""งั้นไปที่เหลาอาหารตรงนั้นก็แล้วกัน"หม่าเยี่ยนถิงพาบุตรทั้งสองไปที่ร้านอาหาร สั่งของง่าย ๆ มาสองสามอย่างกับข้าวหนึ่งโถ นางต
"ถ้าลูกรับตำแหน่งจะลาออกจริงหรือ?""แน่นอน""ท่านคิดไว้หรือยังว่าอยากไปไหน""ต่างแคว้น"ในแคว้นนี้จางจื่อเสวียนไปเที่ยวชมมาทุกเมืองตลอดสิบปีนี้หลายครั้งแล้ว ถึงเวลาต้องเปิดหูเปิดตาข้างนอกแดนเกิดของตนบ้าง"ข้าเชื่อว่าอยู่กับเจ้าข้าจะปลอดภัย" บุรุษข้างกายยิ้มเผล่จนนางอดกลอกตาใส่ไม่ได้ จะมีใครภูมิใจในตัวภรรยาได้เท่าเขาอีก"ท่านก็วางใจเกินไป หากเกิดศึกไม่พ้นเรียกตัวท่านกลับมาอยู่ดี""แคว้นนี้สงบสุขมาเป็นสิบปี ไม่เคยมีใครกล้าบุกนับแต่ข้าได้ชัย อย่าห่วงเลย""ทุกครั้งที่มีไอ้บ้าคนหนึ่งคิดแบบนี้จะต้องมีหายนะเกิดขึ้นทุกทีสิน่า"หม่าเยี่ยนถิงไม่ได้เชื่อเรื่องโชคชะตาอะไรนั่น มันก็แค่ค่าเฉลี่ยของผู้วางบทที่ไม่มีทฤษฎีด้วยซ้ำ แต่ต้องยอมรับเลยว่านางเริ่มเอนเอียงจากนิสัยเดิมตัวเองไปไม่น้อย อาจเพราะอายุที่มากขึ้นทำให้นางกังวลไปหมดทั้งที่เมื่อไม่เป็นบ่อยเท่านี้จางจื่อเสวียนประคองภรรยาเดินมาตลอดทาง บ่าวไพร่เห็นกันตั้งแต่หน้าจวนยันท้ายจวน หลังพวกเขาเดินผ่านก็รีบจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องรักๆ ของเ
ทว่าพอจะหันกลับมาแล้วออกไปจากช่องว่างที่นอนตรงนั้นนางก็หลุดเสียงกรี๊ดดังขึ้น เพราะได้สบตาเข้ากับมารดาที่มองอยู่"ท่านแม่! ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าคะ!" คนพึ่งถูกปลุกจากเสียงรบกวนนัยน์ตาหลุกหลิกคิดข้ออ้างไม่ทัน"พวกเจ้าเสียงดัง" เด็กสองคนมองหน้ากันงง ๆ มั่นใจว่าเมื่อครู่พวกตนคุยกันเสียงเบายิ่งกว่าเสียงยุง ขนาดท่านพ่อยังไม่ตื่นเลยแล้วมารดารู้สึกตัวได้อย่างไรเสียงกรี๊ดก่อนหน้านี้ของคุณหนูน้อยทำให้เวรยามมากรูกันที่หน้ากระโจม"นายท่าน ฮูหยิน เกิดอะไรขึ้นด้านในหรือไม่ขอรับ!?""ไม่ ไม่มีอะไร ลูกสาวข้าตกใจเท่านั้น พวกท่านทำงานต่อเถอะ""เช่นนั้นไม่รบกวนแล้วขอรับ" เงาที่ยืนมุงอยู่ด้านนอกห่างออกไปเรื่อย ๆ กระจายกันไปประจำจุดเฝ้ายามเหมือนเดิม มือสังหารสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ คืนนี้นางไม่ได้นอนแน่แล้ว..."ข้าไม่นึกว่าระดับเซียนผู้หยั่งรู้อย่างท่านแม่จะทายผิดได้จริงๆ""ข้าหวังว่าตัวเองจะทายผิดบ้าง และอีกอย่างนะลูกรัก ข้ายังไม่ได้ทายอะไรทั้งนั้น" หม่าเยี่ยนถิงสุดจะเอือมระอา ฝากลูกไว้กับแม่ย่าทุกหน้าร้อนมาสิบปี นางพลาด
"เรื่องเช่นนี้เหตุใดต้องมาถามข้า เจ้าทูลแก่ฝ่าบาทเลยจะไม่เร็วกว่าหรือ""หม่อมฉันคิดว่าแรงสนับสนุนจากฮองเฮาก็เป็นสิ่งจำเป็นเพคะ"มารดาแผ่นดินไม่เข้าใจเจตนาของนางชัดเจน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดเมื่อครู่นั้นสะกิดใจนางอยู่ อยากรู้ว่าสตรีผู้นี้จะมาไม้ไหนกันแน่ ฮองเฮาโบกมือไล่นางกำนันทั้งหมดออกไปจากตรงนั้น เหลือเพียงแต่นางและแขกผู้มาเยือนในห้องปิดมิดชิด"เจ้าอยากให้ข้าทำอะไร""พิจารณาวันพักผ่อนของข้าราชการชั้นขุนนางเพคะ""เจ้าว่าอะไรนะ" นางไม่เคยได้ยินความคิดอะไรประหลาดแบบนี้มาก่อนเลย"ฮองเฮาฟังหม่อมฉันก่อนจึงค่อยตัดสินพระทัยก็ได้เพคะ…"หม่าเยี่ยนถิงปราศรัยความคิดของนางให้มารดาแผ่นดินฟัง จากในใจคิดต่อต้านและคัดค้านเพราะฟังดูเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรก ฮองเฮาปักใจไปส่วนหนึ่งอีกด้วยว่านางช่างสามหาวนักถึงกล้ามาพูดเรื่องนี้ แต่พอได้ฟังสิ่งที่นางคิดจริง ๆ แล้วมารดาแผ่นดินก็เปลี่ยนใจ..."ต้องทำให้ข้าประหลาดใจอีกกี่ครั้งถึงจะพอนะ""เรื่องปกติแท้ๆ" หม่าเยี่ยนถิงไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าสาม
เวลาอาหารของครอบครัวผ่านพ้นไป ก็ได้เวลาเข้านอน หน้าห้องมีเงาร่างที่เห็นชัดเจนว่าเป็นสตรียืนขวางอยู่ จางจื่อเสวียนไม่ได้เรียกใช้ใครจึงงุนงงร้องถามออกไป"ใคร""ข้าเอง"เสียงของภรรยาใครจะกล้าลืมลง แม่ทัพแดนเหนือรีบมาเปิดประตูให้ทันทีก่อนจะพบเข้ากับหญิงสาวในชุดเรียบ ๆ และไร้เครื่องประดับผม"เอ่อ...""ถอยสิ ข้าจะเข้าไปด้านใน"จางจื่อเสวียนเบี่ยงตัวหลบทันทีแล้วค่อย ๆ แง้มประตูปิดไว้ดังเดิม เขาหันไปมองอีกคนที่นั่งไขว่ห้ารออยู่บนเตียงด้วยอาการเก้อเขิน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเขินอายไปทำไมเช่นกัน ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกนี่จริง ๆ แล้วข้าเป็นคนแบบนี้หรอกหรือคิดไปก็เม้มปากไป แต่มุมปากดันยกค้างไม่หยุดเสียอย่างนั้น"ถวายพระพรพระพันปีเพคะ""นั่งสิ ไม่ได้พบกันเสียนาน ชีวิตสาวชาวไร่เป็นอย่างไรบ้าง"อุทยานหลวงมีผู้มาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง ที่แห่งนี้ยังคงเป็นสถานที่โปรดของพระพันปี สิ่งที่ต่างไปหลังจากเหตุการณ์นั้นคือพระนางสามารถมาที่นี่ได้บ่อยครั้งขึ้น"สงบสุขดีดังท
หม่าเยี่ยนถิงยิ้มให้มันก่อนจะผละออกไป จอมยุทธ์หญิงมาส่งนางที่ตีนเขากว่าจะกลับมาถึงจวนของผู้เป็นสามีก็เย็นแล้ว พอเห็นผู้เป็นแม่มา สองฝาแฝดก็โดดเข้าใส่นางจนแทบหงาย รู้สึกได้ถึงความต่างของน้ำหนักตัวก่อนหน้านี้ได้เลยว่าเด็กๆ โตขึ้นมาก และโตเร็วด้วย"ท่านแม่หายไปทั้งวันเลยนะเจ้าคะ" จางหนี่เหวินคลอเคลียอยู่กับขาก็เป็นมารดา"แม่ไปเยี่ยมคนรู้จักน่ะ พวกเจ้าล่ะไปหาท่านย่ามาเป็นอย่างไร""ท่านย่าพาไปกินของอร่อยในเมืองขอรับ"วันนี้เด็ก ๆ อยู่กับแม่สามีทั้งวัน พรุ่งนี้หม่าเยี่ยนถิงต้องไปเยี่ยมและขอบคุณนางเสียหน่อย หญิงสาวจูงมือลูกคนละข้างแล้วเดินไปด้วยกัน เด็กสองคนที่นางรับมาเป็นพี่เลี้ยงเพิ่มเดินตามหลังโดยเว้นระยะห่างออกไปราวสามถึงห้าก้าวพวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณหนูคุณชายที่ตนมาทำงานด้วยมีฐานะสูงส่งเพียงนี้ ทำให้เด็กชาวบ้านทั้งสองคนอดเกร็งไม่ได้ พวกเขาค่อนข้างจะสงบปากสงบคำมากกว่าเดิม เรียกได้ว่าไม่พูดเลยด้วยซ้ำ"เหรินอี้ เจียเหยา ไม่ต้องเกร็งไปหรอก ทำตัวสบาย ๆ เหมือนอยู่บ้านสวนก็ได้""ไม่ได้
ทิวเขาป่าไผ่เบื้องหน้า คือทิวทัศน์อัศจรรย์ที่นางได้เห็นเป็นครั้งที่สอง การมาถึงของบุคคลธรรมดาไม่เป็นที่สนใจของบรรดาผู้ฝึกตนนัก แต่เจ้าสำนักย่อมรู้ว่านางมา สตรีหนึ่งในกลุ่มที่เคยติดต่อกันเป็นผู้นำทางและคุ้มกันในครั้งนี้แม้สัตว์อสูรตนนั้นจะไม่ทำร้ายนางแต่สัตว์อสูรเฝ้ายามตัวเดิมของสำนักใช่ว่าจะไม่ทำร้ายนางไปด้วย พวกมันสองตัวถูกจับแยกกันไปอยู่คนละฝั่งขอบหุบเขา หากพวกมันปะทะกันขึ้นมาหุบเขาคงสะเทือน"หลังมันคลอดลูกแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ""ในฤดูรักปีถัดไปมันอาจจะจับคู่กับตัวที่เคยอยู่เดิมหรือเลือกที่จะไม่จับคู่เลยก็ได้ ส่วนลูก ๆ ของมัน เมื่อโตพอจะจัดให้อยู่เขตหุบเขาชั้นนอก"ทำอย่างกับเลี้ยงสัตว์ทั่วไปเลยนะ สำนักนี้ก็น่ากลัวใช่ย่อยตอนนั้นหม่าเยี่ยนถิงแค่เฉียดถูกมันจะตะปบยังเสียวสันหลังวาบไม่หาย เวลานึกถึงก็ยังขนลุกอยู่เลยบันไดหินทอดยาว มีทางแยกแตกออกไป หม่าเยี่ยนถิงไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนแต่ร่างกายกลับเดินไปตามทางเหมือนมีอะไรเรียกหา สัญชาตญาณดึงดูดให้ไปเส้นทางนั้นต้นไผ่สูงยาวโค้งงอลงมาให้ร่มเงาเหมือนซุ้มประต
มีบิดาเป็นถึงแม่ทัพ ตัวนางก็ได้รับยศเป็นท่านหญิง แม้จะเป็นขั้นต่ำที่สุดแต่ก็ได้รับเกียรติมากมาย บุตรทั้งสองหากไม่ละทางโลกเข้าทางธรรม ไม่ไปพเนจรเป็นจอมยุทธ์น้อย ไม่พ้นถูกดึงไปข้องเกี่ยวกับเรื่องในวังหลังไปได้นี่ข้าคาดหวังอะไรอยู่กัน มันจบตั้งแต่สามีของหม่าเยี่ยนถิงเป็นแม่ทัพแล้ว ตัวนางก็ใช่สามัญชนธรรมดาตั้งแต่เสียเมื่อไร"ท่านอาจารย์ จะให้พวกข้าทำอะไรอีกหรือขอรับ" เด็กชายนั่งแผ่ขาอย่างไร้เรี่ยวแรง เขาแหงนหน้าขึ้นฟ้าเพื่อสูดอาการหลังจากทำท่าเดิม ๆ มาจนเมื่อยและแขนสั่นไปหมด"ไต่เชือกไปกลับคนละสิบเที่ยว""สิบเที่ยว!"ทั้งสองเข้าใจแล้วว่าบ้านไม้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ที่มีแต่เชือกห้อยไปมานั้นมาอยู่กลางสวนด้วยจุดประสงค์ใด"ทำช้า ๆ ไม่ต้องรีบ แค่ครบสิบครั้งก็พอ"ฝาแฝดโอดครวญเรียกนางกันใหญ่ แต่คนแซ่เยี่ยนก็หาได้สนใจไม่ ระหว่างที่พวกเขากำลังค่อย ๆ โหนตัวเองไปกับเชือกป่านทีละเส้น ๆ เพื่อไปให้ถึงฝั่งตรงข้ามแต่สายตาก็ยังสังเกตหญิงสาวที่อ้างตัวว่าเป็นอาจารย์อยู่ทุกขณะ เพราะระแวงว่านางจะสั่งอะไรแผลง ๆ อี
สาวใช้เหมียนเหมียนมองผู้มาเยือนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าอึ้งๆ ไม่รู้ฮูหยินของนางไปว่าจ้างใครมาถึงได้ไม่น่าไว้ใจไปทุกส่วนแบบนี้ ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้านางคือสตรีสวมชุดคล่องตัวอย่างพวกชาวยุทธ์และปกปิดใบหน้าตั้งแต่ใต้ตาลงมาผู้มาเยือนกระแอมไอก่อนกล่าวด้วยเสียงทุ้ม ๆ ของสตรี "ท่านหญิงหรูเหอเชิญข้ามา ไม่ทราบว่านี่บ้านแม่นางหม่าเยี่ยนถิงหรือไม่""อะ เอ่อ เชิญด้านใน" แม้จะยังงุนงงแต่เถาเหมียนเหมียนก็ยังทำหน้าที่นำทางไปไม่ให้ขายหน้าผู้เป็นนายนางนำทางสตรีผู้นั้นมาถึงลานด้านหลังที่ฮูหยินทำไว้เป็นพื้นดินโล่งๆ สำหรับการทำกิจกรรมออกแรงในครอบครัว คุณหนูคุณชายพอเห็นคนแปลกหน้ามาก็ตัวตรงแน่ว ในมือถือดาบไม้ไว้คนละอัน แหงนหน้ามองสตรีผู้นั้นจนคอตั้งบ่า"คุณหนูคุณชายเจ้าคะ นี่ท่านอาจารย์เยี่ยนที่ท่านแม่เชิญมาเจ้าค่ะ"ทั้งสองจึงรีบโค้งลงทำความเคารพ เถาเหมียนเหมียนถอยไปยืนดูอยู่ไกล ๆ ให้ไม่รบกวนผู้เป็นอาจารย์ สตรีแซ่เยี่ยนผู้นั้นแทนจะเริ่มสอนวิชากลับให้พวกคุณชายวางอาวุธเสียอย่างนั้น แม้จะรู้สึกอยากเข้าไปคัดค้านแต่นางก็สงบปากสงบคำร
มือน้อย ๆ ดึงแก้มผู้เป็นพ่อเบา ๆ บุตรชายที่เป็นคนเกาะหลังเลยยื่นหน้ามาอีกฝั่งหนึ่งเพื่อดึงแก้มบิดายืดออกเหมือนน้องสาว ภาพนั้นทำเอาหม่าเยี่ยนถิงหัวเราะออกมาเพราะจางจื่อเสวียนก็ไม่ห้ามลูกเลย "ท่านจะค้างหรือ?" "มาถึงขนาดนี้แล้วจะไม่ให้ข้านอนด้วยสักคืนเชียว" "ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย แค่ถามดูเท่านั้น" เป็นเวลาเย็นแล้ว จะให้กลับไปทั้งแบบนี้ก็กระไรอยู่ อีกทั้งนี่ก็ช่วยให้ลูกหายเศร้าจากการลาจากกระทันหันเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้นด้วย แบบนี้เด็ก ๆ ก็เชื่อได้ว่าพวกเขาได้ลาจากกันนานนัก แต่อย่างไรวันพรุ่งนี้จางจื่อเสวียนก็ต้องรีบกลับไปทำงานราชการต่อ ห้องครัวเดิมมีขนาดคับแคบ การทำอาหารให้พวกนายท่านจึงทุลักทุเลเล็กน้อย หม่าเยี่ยนจะต่อเติมให้พวกเขาใช้งานสะดวกขึ้นพร้อม ๆ กับการขยายที่ดิน หม่าเยี่ยนถิงมาส่งเด็ก ๆ เข้านอนแล้วก็กลับออกไป นางสูดลมหายใจก่อนจะเปิดประตูห้องนอนของตัวเองที่ทำใหม่ ห้องเดิมที่เคยให้สามีใช้ก็กำลังต่อเติมอยู่เช่นกันจางจื่อเสวียนจึงต้องมานอนกับนาง พอเห็นภรรยาเข้ามาจางจื่อเสวียนก็ตบที่นอนปุ ๆ นอกจากผู้เป็นภรรยาจะไม่แสดงสีหน้าอะไรแล้วยังเดินผ่านไปนั่งสางผมหน้าโต๊ะกระจก "เย็นชาเ