เซียวหลันยวนขมวดคิ้ว หญิงสาวคนนี้โผล่ออกมาจากที่ไหนกัน?ที่นี่มีเรื่องเกี่ยวกับนางด้วยหรือ?"แต่ว่าท่านก็อย่าเห็นว่าแปลกเลยอ๋องเจวี้ยน ถ้าหากอ๋องเจวี้ยนนัดข้าออกไปเที่ยวเล่นในภูเขา ข้า ข้าจะทำตัวตามประเพณีอย่างแน่นอน ข้ากับอ๋องเจวี้ยนจะพูดคุยกันแต่เรื่องกลอนเรื่องภาพ จะไม่พูดคุยอะไรที่ไม่งามแม้แต่น้อย"หลินหว่านซินตอนนี้เสียใจจนจะบ้าอยู่แล้ว นางยังคิดว่าตนเองยังสามารถเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนได้ คิดไม่ถึงว่าอ๋องเจวี้ยนแม้จะสนใจต่อตัวนาง แต่ตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยนกลับมีคนนั่งอยู่แล้วหรือว่าอ๋องเจวี้ยนคิดจะให้นางเป็นพระชายารองกัน?ถ้าหากจะให้นางไปเป็นพระชายารอง เช่นนั้นนางก็ต้องเห็นเขาปลดหน้ากากลงก่อนจึงจะรับปากได้ถึงอย่างไร พระชายารองอ๋องเจวี้ยน ตัวตนฐานะก็ยังสูงกว่าภรรยาหลวงของเหล่าขุนนางใหญ่เสียอีกนางแต่ก็ยังรู้สึกทั้งดิ่งทั้งเสียใจ"อื๋อ?"เซียวหลันยวนไม่เข้าใจว่านางกำลังพูดอะไร เขาทำไมต้องนัดนางออกไปเที่ยวด้วย?"ข้าไปพูดเมื่อไรกันว่าจะนัดเจ้าออกไปเที่ยว?"หลินหว่านซินน้ำตาไหลพูดกับเขาอย่างเสียใจ "อ๋องเจวี้ยนอยากจะกลับเมืองหรือว่าอยากจะไปฟังดนตรีที่ไหนหรือ? หรือว่าจะนั่ง
พวกลิ่วล่อข้างกายโหวอาวุโสน้อยอี้หลายคนนั้นก็ล้วนเดินเข้าไปหาเขา ดูกังวลเล็กน้อย"โหวอาวุโสน้อย แล้วตอนนี้ทำอย่างไรดี?""โหวอาวุโสน้อย แผนการของพวกเรายังทำต่อไหม?"โหวอาวุโสน้อยอี้กัดฟัน"ขอแค่อันชิงยังไม่เข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ข้าจะแตะต้องนางก็ไม่ต้องกลัวอ๋องเจวี้ยนหรอก" ถึงตอนนั้นไปโวยวายต่อหน้าองค์จักรพรรดิฮองเฮา ข้าเชื่อว่าองค์จักรพรรดิไม่มีทางช่วยอ๋องเจวี้ยน"ไปหาอันชิง"เขาก็แค่จัดการเรื่องให้เสร็จสิ้นก่อนที่อันชิงจะพบกับอ๋องเจวี้ยน อันชิงก็เป็นของเขาแล้ว หนีไปไหนไม่รอดหรอกถึงตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนยังกล้ามาแย่งก็คงไม่สำเร็จแล้วกระมัง?ฟู่จาวหนิงถูกเซียวหลันยวนดึงไปอยู่ในมุมลับตาคนเซียวหลันยวนถึงได้ปล่อยมือนางออก"เซียวหลันยวนท่านบ้าหรือเปล่า?" ฟู่จาวหนิงมองข้อมือขาวของตนเองถูกเขาจับจนแดงเป็นวง ก็อดถลึงตามองเขาไม่ได้ นวดนวดข้อมือขึ้นมานี่คิดจะบิดแขนของนางให้หลุดเลยหรือไร?"ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องที่เจ้าไล่ตามรัฐทายาทเซียวจะมีคนรู้กันมากมายขนาดนี้"เซียวหลันยวนพอคิดถึงคำพูดคนเหล่านั้นเมื่อครู่ ก็รู้สึกว่าในใจมีไฟโกรธพุ่งขึ้นไปถึงบนหัว"เจ้าเพื่อที่จะให้เซียวเหยียนจิ่ง
เซียวหลันยวนกับชิงอีรีบจากออกไปฟู่จาวหนิงมองแผ่นหลังพวกเขา ชั่วขณะหนึ่งยังไม่แน่ใจว่าตนเองมีความรู้สึกอะไร"คุณหนู""จาวหนิง!"นางงงงัน รอจนฟางซือฉิงกับเสี่ยวเถาเข้ามา พอได้ยินเสียงของพวกนางจึงได้สติกลับมาเสี่ยวเถามองนาง สายตามองหาไปรอบๆ "คุณหนู ท่านอาเขยล่ะ?""อาเขย? เขยอะไร?!"ฟู่จาวหนิงร้องเชอะอาเขยอะไร เพื่อผู้หญิงคนอื่นก็ร้อนรนจนหน้าเสีย ครั้งนี้คงได้เจอคนในดวงใจเขาแล้วสินะฟางซือฉิงกลับมองไม่ออกเลยว่าอารมณ์นางไม่ถูกต้อง เข้ามาคล้องแขนนาง เอ่ยขึ้นอย่างดีใจ "จาวหนิง ดีเหลือเกิน ที่เจ้าไม่ได้แต่งงานกับรัฐทายาทเซียว ข้าดีใจแทนเจ้าจริงๆ!"นางก่อนหน้านี้ก็รู้สึกว่าเซียวหลันยวนไม่ดีนัก ที่ปล่อยให้ฟู่จาวหนิงเอาแต่ไล่ตาม แล้วยังพูดคำจาทำร้ายจิตใจไม่น้อยอีกด้วยถ้าหากบอกมาว่าไม่อยากแต่งงานกับจาวหนิง เช่นนั้นก็บอกถอนหมั้นมาเลยสิ เดิมทีพวกเขาเองก็มีการหมั้นหมายอยู่แล้วแต่ว่ารัฐทายาทเซียวก็ไม่ยอมบอกถอนหมั้นมาโดยตลอด จนทำให้ฟู่จาวหนิงทำได้แค่คอยตื๊อให้เขาแต่งงานด้วย นางเป็นคู่หมั้นของรัฐทายาทเซียว ไม่มีทางไปไล่ตามตื้อคนอื่นให้แต่งกับนางหรอก"ยิ่งไปกว่านั้นอ๋องเจวี้ยนก็เก่งกาจม
นางจะลงไปขวางพวกนางก่อนที่พวกนางจะลงจากเขาและก็ตามคาด ระหว่างที่ฟู่จาวลงจากเขา ก็เจอเข้ากับรถม้าของฟู่เป่าเจินกับฟู่เจียวเจียวพอเห็นรถม้าตระกูลฟู่ ฟู่จาวหนิงก็มายืนอยู่กลางถนนคนขับรถพอเห็นคนยืนอยู่ตรงกลาง ก็รีบร้อนร้องขึ้น "รีบหลีกทาง หลีกทาง!"ฟู่จาวหนิงไม่ขยับเขยื้อนรถม้าพอมาถึงหน้านางก็ทำได้แค่หยุดรถเท่านั้นฟู่เจียวเจียวกับฟู่เป่าเจินในรถม้าจึงเลิกม่านแล้วตะโกนด่าออกมาก่อน"ใครน่ะ? มาขวางรถม้าพวกข้า จาวหนิง?"พวกนางตอนที่เห็นฟู่จาวหนิงก็สีหน้าเปลี่ยน"จะรีบหนีไปไหน?" ฟู่จาวหนิงพูดแล้วเดินตรงเข้ามา แตะมือแล้วกระโจนขึ้นรถม้า มุดเข้ามาในตัวรถ"เจ้า เจ้าเจ้าเจ้าขึ้นมาทำอะไรกัน"ฟู่เป่าเจินพูดพลางยื่นมาผลักนางลงไปฟู่จาวหนิงคว้าข้อมือของนางไว้ บิดมือของนาง ฟู่เป่าเจินร้องแหลมขึ้นมา"เจ็บๆๆ! เจ้าปล่อยนะ! ฟู่จาวหนิงเจ้าเป็นบ้าไปแล้ว!"ฟู่เจียวเจียวถลึงตาโตมองนางฟู่จาวหนิงแบบนี้ราวกับเป็นคนละคนไป"ข้าบ้าหรือ? ข้าจะบ้าหรือไม่บ้า ก็ต้องดูว่าพวกเจ้าจะซื่อตรงหรือไม่"ฟู่จาวหนิงสะบัดมือฟู่เป่าเจิน นั่งอยู่ที่นั่นพิจารณารถม้าคันนี้ บนรถม้ายังใส่ของไว้ไม่น้อยด้วย ดูท่าครั้งน
ความรู้สึกสัมผัสที่คมมีดนำมา ทำให้ใจฟู่เป่าเจินสั่นระริกนางมองสายตาฟู่จาวหนิงไม่เคยเห็นฟู่จาวหนิงที่สายตานิ่งขรึมและมั่นคงเช่นนี้มาก่อนเลย ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้เป็นคนที่รังเกียจและเห็นพวกเขาเป็นศัตรู แต่เพราะอยากจะเข้าให้ได้กับเหล่าพี่สาวน้องสาวอย่างพวกนาง ดังนั้นสายตาของนางจึงมักจะมีความไม่ยินยอมอยู่บ้างท่าทางเหมือนหญิงสาวที่แข็งขืนดื้อรั้นแตกต่างกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิงตอนนี้ความรู้สึกที่สายตาของฟู่จาวหนิงมีให้นาง ก็คือว่านางจะออกแรงกรีดใบหน้าของตนเองจริงๆ นางกล้าจริงๆ"เจ้าอยากจะลองทนดูก็ได้ ลองดูว่าข้าจะกล้าทำจริงไหม""แม่นางสี่ แม่นางหก"คนขับรถที่อยู่ด้านนอกเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไร"ท่านลุง ท่านอย่าเข้ามานะ แล้วก็ไม่ต้องเลิกม่านรถด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่ใช่แค่การเล่นกันระหว่างพี่น้องแล้ว"คำพูดของฟู่จาวหนิงทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าเลิกผ้าม่านดูว่าพวกนางทำอะไรกันเมื่อครู่ฟู่จาวหนิงยืนอยู่ที่กลางถนน มองเห็นรถม้าพุ่งเข้ามาแต่ก็ไม่หลบเลี่ยง ภาพฟู่จาวหนิงที่สงบนิ่งนั้นทำเอาเขาตกใจ"จาวหนิง มีอะไรก็พูดกันดีดีไม่ได้หรือ?"ฟู่เจียวเจียวหดอยู่ในมุมหนึ่ง แต่ชายกร
"แล้วกล่องล่ะ?""ยังอยู่กับอาสี่ทางนั้น เขาแค่ล้วงเอาของข้างในออกมา ตัวกล่องไม่ได้ให้พวกเราไว้""นอกจากเรื่องนี้ล่ะ?" ฟู่จาวหนิงถามต่อ"ไม่มีแล้ว พวกเราไม่ได้เอาอะไรของเจ้ามาอีก!" ฟู่เป่าเจินเหมือนกลัวว่านางจะไม่เชื่อ จึงรีบพูดออกมาอีกคำหนึ่ง "เจ้าเดิมทีก็ไม่มีอะไรอยู่แล้วนี่นา"บ้านใหญ่ตระกูลฟู่จนกรอบจะตาย เดิมทีดูเหมือนจะรุ่งเรืองก้าวหน้า เหมือนว่าจะทะยานตัวขึ้นมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น แล้วยังคิดจะพาบ้านอื่นๆ อย่างพวกเขาเบียดตัวเข้าไปอยู่ในวงอำนาจด้วยกัน ผลลัพธ์คือฟู่หลินซื่อกลับไปสร้างเรื่องใหญ่โตเอาไว้เสียอย่างนั้นขนาดฟู่เป่าเจินก็ยังเกลียดฟู่หลินซื่อด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่หลินซื่อ พวกนางไม่แน่คงกลายเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยไปแล้วฟู่จาวหนิงยังพิจารณาตัวพวกนางอีกผาดหนึ่ง "หลังจากพวกเจ้าขายบ้านตระกูลฟู่แล้วคิดจะทำอะไร?""พวกเราไม่รู้จริงๆ ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้บอกอะไร!"พอเห็นฟู่เป่าเจินตกใจจนร้องไห้ หลบตาปี๋ร้องลั่น ฟู่จาวหนิงเองก็มองออกว่าน่าจะไม่กล้าพูดโกหกแต่นางก็ยังกดคมมีดลงไป "เจ้าลองคิดดีดี ฮูหยินรองฮูหยินสามพูดอะไรกับพวกเจ้าหรือเปล่า?"ต่อให้ไม่รู้ นางก็บีบเอาเบาะแสร่องรอยอ
ฟู่จาวหนิงหันกลับมามอง และไม่เตรียมจะไปห้ามพวกนางอีก นางเลือกถนนเล็กๆ เตรียมค่อยๆ กลับไปเรือนรับรอง แล้วค่อยๆ คิดเรื่องตระกูลฟู่ไปด้วยพอเดินมาได้พักหนึ่งก็มองเห็นป่าไผ่ผืนหนึ่ง ใบไผ่ร่วงแผ่เต็มพื้น มีถนนหินก้อนเล็กทอดยาวเข้าไปในป่าทิศที่ถนนหินเล็กนี้ทดเข้าไปน่าจะตรงไปถึงเรือนรับรองพินิศทิวเขาได้ฟู่จาวหนิงจึงไม่คิดมาก ยกเท้าเดินออกไปวุ่นวายอยู่ครึ่งค่อนวัน ตอนนี้ตะวันก็บ่ายคล้อยเข้าสู่ยามเย็นที่นี่น่าจะเพราะห่างไกลเกินไป พอบวกกับลมฤดูใบไม้ร่วงหวีดหวิว ป่าไผ่จึงดูอึมครึมอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่มีใครมาที่นี่ เงียบเสียเหลือเกินฟู่จาวหนิงย้อนคิดเรื่องของอาสี่จากในความทรงจำไปด้วยพลางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นพอลมพัดมา ก็เหมือนได้ยินเสียงรางๆ จากในส่วนลึกของป่าไผ่ฟู่จาวหนิงยืนนิ่ง ตั้งใจฟัง และได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงเสียงหนึ่ง แต่เหมือนถูกปิดปากไปอย่างรวดเร็วอย่างไรอย่างนั้นใครกัน?มาทำเรื่องชั่วๆ ที่นี่ สิ่งแวดล้อมก็ดูจะเหมาะสมเป็นที่สุด!ฟู่จาวหนิงคิดคิด หยิบเข็มพิษออกมาไว้ที่ง่ามนิ้ว รีบเดินตรงไปทางนั้นพอเข้าส่วนลึกของป่าไผ่ ก็เห็นศาลาที่ดูรกร้างแห่งหนึ่ง ข้างศาลามีภูเข
เซียวหลันยวนเองก็เดินออกมา"ไม่เป็นไรแล้ว"พอได้ยินประโยคนี้ของเขา ฟู่จาวหนิงก็คิดในใจ ที่แท้อ๋องเจวี้ยนก็ปลอบคนเป็นนี่นา พอเห็นหญิงสาวที่ตนเองชอบเป็นเช่นนี้ เขาเองก็ปวดใจขึ้นมาแล้วใช่ไหม?"ท่านอย่าเข้ามา"อันชิงกลับเหมือนจะตกใจอย่างมาก พอเขาเดินออกมา นางก็ถอยกลับไปหลายก้าว แต่ยังห่อเสื้อคลุมของเขาเอาไว้แน่น"อันเหนียนให้ข้ามาหาตัวเจ้า"เซียวหลันยวนพอเห็นนางยังมีสีหน้าระแวดระวัง จึงพูดออกมาประโยคหนึ่ง"พี่ชายข้าหรือ?" อันชิงพอได้ยินชื่อของพี่ชายก็ตัวสั่นขึ้นมา รีบร้อนถามขึ้น "แล้วพี่ชายข้าล่ะ? เขามาด้วยไหม?"ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากคนนี้คือใคร?"เขายังปลีกตัวมาไม่ได้" เซียวหลันยวนพูดพลางคิด ฟู่จาวหนิงหนีไปไหนแล้วนะ? ชิงอีไล่ไปตั้งครึ่งค่อนวันก็ยังตามไม่ทัน?เขาปลอบหญิงสาวไม่เป็น พอเห็นอันชิงตกใจอย่างหนัก แข้งขาอ่อนจนยืนแทบไม่อยู่ จงจะเดินกลับเรือนรับรองไม่ได้แน่เขาเองจะแบกนางหรือประคองนางก็ไม่ได้ฟ้ามืดแล้ว ลมเองก็แรงขึ้น เขาอยู่ในสถานที่นี้นานๆ เกรงว่าจะป่วยเอาเซียวหลันยวนเริ่มหมดความอดทน"ฮือๆๆ..."อันชิงยืนไม่อยู่ ล้มนั่งลงบนพื้น ร้องไห้อย่างหวาดกลัวออกมา"เจ้ายังจะร้