เซียวหลันยวนขมวดคิ้ว หญิงสาวคนนี้โผล่ออกมาจากที่ไหนกัน?ที่นี่มีเรื่องเกี่ยวกับนางด้วยหรือ?"แต่ว่าท่านก็อย่าเห็นว่าแปลกเลยอ๋องเจวี้ยน ถ้าหากอ๋องเจวี้ยนนัดข้าออกไปเที่ยวเล่นในภูเขา ข้า ข้าจะทำตัวตามประเพณีอย่างแน่นอน ข้ากับอ๋องเจวี้ยนจะพูดคุยกันแต่เรื่องกลอนเรื่องภาพ จะไม่พูดคุยอะไรที่ไม่งามแม้แต่น้อย"หลินหว่านซินตอนนี้เสียใจจนจะบ้าอยู่แล้ว นางยังคิดว่าตนเองยังสามารถเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนได้ คิดไม่ถึงว่าอ๋องเจวี้ยนแม้จะสนใจต่อตัวนาง แต่ตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยนกลับมีคนนั่งอยู่แล้วหรือว่าอ๋องเจวี้ยนคิดจะให้นางเป็นพระชายารองกัน?ถ้าหากจะให้นางไปเป็นพระชายารอง เช่นนั้นนางก็ต้องเห็นเขาปลดหน้ากากลงก่อนจึงจะรับปากได้ถึงอย่างไร พระชายารองอ๋องเจวี้ยน ตัวตนฐานะก็ยังสูงกว่าภรรยาหลวงของเหล่าขุนนางใหญ่เสียอีกนางแต่ก็ยังรู้สึกทั้งดิ่งทั้งเสียใจ"อื๋อ?"เซียวหลันยวนไม่เข้าใจว่านางกำลังพูดอะไร เขาทำไมต้องนัดนางออกไปเที่ยวด้วย?"ข้าไปพูดเมื่อไรกันว่าจะนัดเจ้าออกไปเที่ยว?"หลินหว่านซินน้ำตาไหลพูดกับเขาอย่างเสียใจ "อ๋องเจวี้ยนอยากจะกลับเมืองหรือว่าอยากจะไปฟังดนตรีที่ไหนหรือ? หรือว่าจะนั่ง
พวกลิ่วล่อข้างกายโหวอาวุโสน้อยอี้หลายคนนั้นก็ล้วนเดินเข้าไปหาเขา ดูกังวลเล็กน้อย"โหวอาวุโสน้อย แล้วตอนนี้ทำอย่างไรดี?""โหวอาวุโสน้อย แผนการของพวกเรายังทำต่อไหม?"โหวอาวุโสน้อยอี้กัดฟัน"ขอแค่อันชิงยังไม่เข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ข้าจะแตะต้องนางก็ไม่ต้องกลัวอ๋องเจวี้ยนหรอก" ถึงตอนนั้นไปโวยวายต่อหน้าองค์จักรพรรดิฮองเฮา ข้าเชื่อว่าองค์จักรพรรดิไม่มีทางช่วยอ๋องเจวี้ยน"ไปหาอันชิง"เขาก็แค่จัดการเรื่องให้เสร็จสิ้นก่อนที่อันชิงจะพบกับอ๋องเจวี้ยน อันชิงก็เป็นของเขาแล้ว หนีไปไหนไม่รอดหรอกถึงตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนยังกล้ามาแย่งก็คงไม่สำเร็จแล้วกระมัง?ฟู่จาวหนิงถูกเซียวหลันยวนดึงไปอยู่ในมุมลับตาคนเซียวหลันยวนถึงได้ปล่อยมือนางออก"เซียวหลันยวนท่านบ้าหรือเปล่า?" ฟู่จาวหนิงมองข้อมือขาวของตนเองถูกเขาจับจนแดงเป็นวง ก็อดถลึงตามองเขาไม่ได้ นวดนวดข้อมือขึ้นมานี่คิดจะบิดแขนของนางให้หลุดเลยหรือไร?"ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องที่เจ้าไล่ตามรัฐทายาทเซียวจะมีคนรู้กันมากมายขนาดนี้"เซียวหลันยวนพอคิดถึงคำพูดคนเหล่านั้นเมื่อครู่ ก็รู้สึกว่าในใจมีไฟโกรธพุ่งขึ้นไปถึงบนหัว"เจ้าเพื่อที่จะให้เซียวเหยียนจิ่ง
เซียวหลันยวนกับชิงอีรีบจากออกไปฟู่จาวหนิงมองแผ่นหลังพวกเขา ชั่วขณะหนึ่งยังไม่แน่ใจว่าตนเองมีความรู้สึกอะไร"คุณหนู""จาวหนิง!"นางงงงัน รอจนฟางซือฉิงกับเสี่ยวเถาเข้ามา พอได้ยินเสียงของพวกนางจึงได้สติกลับมาเสี่ยวเถามองนาง สายตามองหาไปรอบๆ "คุณหนู ท่านอาเขยล่ะ?""อาเขย? เขยอะไร?!"ฟู่จาวหนิงร้องเชอะอาเขยอะไร เพื่อผู้หญิงคนอื่นก็ร้อนรนจนหน้าเสีย ครั้งนี้คงได้เจอคนในดวงใจเขาแล้วสินะฟางซือฉิงกลับมองไม่ออกเลยว่าอารมณ์นางไม่ถูกต้อง เข้ามาคล้องแขนนาง เอ่ยขึ้นอย่างดีใจ "จาวหนิง ดีเหลือเกิน ที่เจ้าไม่ได้แต่งงานกับรัฐทายาทเซียว ข้าดีใจแทนเจ้าจริงๆ!"นางก่อนหน้านี้ก็รู้สึกว่าเซียวหลันยวนไม่ดีนัก ที่ปล่อยให้ฟู่จาวหนิงเอาแต่ไล่ตาม แล้วยังพูดคำจาทำร้ายจิตใจไม่น้อยอีกด้วยถ้าหากบอกมาว่าไม่อยากแต่งงานกับจาวหนิง เช่นนั้นก็บอกถอนหมั้นมาเลยสิ เดิมทีพวกเขาเองก็มีการหมั้นหมายอยู่แล้วแต่ว่ารัฐทายาทเซียวก็ไม่ยอมบอกถอนหมั้นมาโดยตลอด จนทำให้ฟู่จาวหนิงทำได้แค่คอยตื๊อให้เขาแต่งงานด้วย นางเป็นคู่หมั้นของรัฐทายาทเซียว ไม่มีทางไปไล่ตามตื้อคนอื่นให้แต่งกับนางหรอก"ยิ่งไปกว่านั้นอ๋องเจวี้ยนก็เก่งกาจม
นางจะลงไปขวางพวกนางก่อนที่พวกนางจะลงจากเขาและก็ตามคาด ระหว่างที่ฟู่จาวลงจากเขา ก็เจอเข้ากับรถม้าของฟู่เป่าเจินกับฟู่เจียวเจียวพอเห็นรถม้าตระกูลฟู่ ฟู่จาวหนิงก็มายืนอยู่กลางถนนคนขับรถพอเห็นคนยืนอยู่ตรงกลาง ก็รีบร้อนร้องขึ้น "รีบหลีกทาง หลีกทาง!"ฟู่จาวหนิงไม่ขยับเขยื้อนรถม้าพอมาถึงหน้านางก็ทำได้แค่หยุดรถเท่านั้นฟู่เจียวเจียวกับฟู่เป่าเจินในรถม้าจึงเลิกม่านแล้วตะโกนด่าออกมาก่อน"ใครน่ะ? มาขวางรถม้าพวกข้า จาวหนิง?"พวกนางตอนที่เห็นฟู่จาวหนิงก็สีหน้าเปลี่ยน"จะรีบหนีไปไหน?" ฟู่จาวหนิงพูดแล้วเดินตรงเข้ามา แตะมือแล้วกระโจนขึ้นรถม้า มุดเข้ามาในตัวรถ"เจ้า เจ้าเจ้าเจ้าขึ้นมาทำอะไรกัน"ฟู่เป่าเจินพูดพลางยื่นมาผลักนางลงไปฟู่จาวหนิงคว้าข้อมือของนางไว้ บิดมือของนาง ฟู่เป่าเจินร้องแหลมขึ้นมา"เจ็บๆๆ! เจ้าปล่อยนะ! ฟู่จาวหนิงเจ้าเป็นบ้าไปแล้ว!"ฟู่เจียวเจียวถลึงตาโตมองนางฟู่จาวหนิงแบบนี้ราวกับเป็นคนละคนไป"ข้าบ้าหรือ? ข้าจะบ้าหรือไม่บ้า ก็ต้องดูว่าพวกเจ้าจะซื่อตรงหรือไม่"ฟู่จาวหนิงสะบัดมือฟู่เป่าเจิน นั่งอยู่ที่นั่นพิจารณารถม้าคันนี้ บนรถม้ายังใส่ของไว้ไม่น้อยด้วย ดูท่าครั้งน
ความรู้สึกสัมผัสที่คมมีดนำมา ทำให้ใจฟู่เป่าเจินสั่นระริกนางมองสายตาฟู่จาวหนิงไม่เคยเห็นฟู่จาวหนิงที่สายตานิ่งขรึมและมั่นคงเช่นนี้มาก่อนเลย ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้เป็นคนที่รังเกียจและเห็นพวกเขาเป็นศัตรู แต่เพราะอยากจะเข้าให้ได้กับเหล่าพี่สาวน้องสาวอย่างพวกนาง ดังนั้นสายตาของนางจึงมักจะมีความไม่ยินยอมอยู่บ้างท่าทางเหมือนหญิงสาวที่แข็งขืนดื้อรั้นแตกต่างกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิงตอนนี้ความรู้สึกที่สายตาของฟู่จาวหนิงมีให้นาง ก็คือว่านางจะออกแรงกรีดใบหน้าของตนเองจริงๆ นางกล้าจริงๆ"เจ้าอยากจะลองทนดูก็ได้ ลองดูว่าข้าจะกล้าทำจริงไหม""แม่นางสี่ แม่นางหก"คนขับรถที่อยู่ด้านนอกเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไร"ท่านลุง ท่านอย่าเข้ามานะ แล้วก็ไม่ต้องเลิกม่านรถด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่ใช่แค่การเล่นกันระหว่างพี่น้องแล้ว"คำพูดของฟู่จาวหนิงทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าเลิกผ้าม่านดูว่าพวกนางทำอะไรกันเมื่อครู่ฟู่จาวหนิงยืนอยู่ที่กลางถนน มองเห็นรถม้าพุ่งเข้ามาแต่ก็ไม่หลบเลี่ยง ภาพฟู่จาวหนิงที่สงบนิ่งนั้นทำเอาเขาตกใจ"จาวหนิง มีอะไรก็พูดกันดีดีไม่ได้หรือ?"ฟู่เจียวเจียวหดอยู่ในมุมหนึ่ง แต่ชายกร
"แล้วกล่องล่ะ?""ยังอยู่กับอาสี่ทางนั้น เขาแค่ล้วงเอาของข้างในออกมา ตัวกล่องไม่ได้ให้พวกเราไว้""นอกจากเรื่องนี้ล่ะ?" ฟู่จาวหนิงถามต่อ"ไม่มีแล้ว พวกเราไม่ได้เอาอะไรของเจ้ามาอีก!" ฟู่เป่าเจินเหมือนกลัวว่านางจะไม่เชื่อ จึงรีบพูดออกมาอีกคำหนึ่ง "เจ้าเดิมทีก็ไม่มีอะไรอยู่แล้วนี่นา"บ้านใหญ่ตระกูลฟู่จนกรอบจะตาย เดิมทีดูเหมือนจะรุ่งเรืองก้าวหน้า เหมือนว่าจะทะยานตัวขึ้นมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น แล้วยังคิดจะพาบ้านอื่นๆ อย่างพวกเขาเบียดตัวเข้าไปอยู่ในวงอำนาจด้วยกัน ผลลัพธ์คือฟู่หลินซื่อกลับไปสร้างเรื่องใหญ่โตเอาไว้เสียอย่างนั้นขนาดฟู่เป่าเจินก็ยังเกลียดฟู่หลินซื่อด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่หลินซื่อ พวกนางไม่แน่คงกลายเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยไปแล้วฟู่จาวหนิงยังพิจารณาตัวพวกนางอีกผาดหนึ่ง "หลังจากพวกเจ้าขายบ้านตระกูลฟู่แล้วคิดจะทำอะไร?""พวกเราไม่รู้จริงๆ ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้บอกอะไร!"พอเห็นฟู่เป่าเจินตกใจจนร้องไห้ หลบตาปี๋ร้องลั่น ฟู่จาวหนิงเองก็มองออกว่าน่าจะไม่กล้าพูดโกหกแต่นางก็ยังกดคมมีดลงไป "เจ้าลองคิดดีดี ฮูหยินรองฮูหยินสามพูดอะไรกับพวกเจ้าหรือเปล่า?"ต่อให้ไม่รู้ นางก็บีบเอาเบาะแสร่องรอยอ
ฟู่จาวหนิงหันกลับมามอง และไม่เตรียมจะไปห้ามพวกนางอีก นางเลือกถนนเล็กๆ เตรียมค่อยๆ กลับไปเรือนรับรอง แล้วค่อยๆ คิดเรื่องตระกูลฟู่ไปด้วยพอเดินมาได้พักหนึ่งก็มองเห็นป่าไผ่ผืนหนึ่ง ใบไผ่ร่วงแผ่เต็มพื้น มีถนนหินก้อนเล็กทอดยาวเข้าไปในป่าทิศที่ถนนหินเล็กนี้ทดเข้าไปน่าจะตรงไปถึงเรือนรับรองพินิศทิวเขาได้ฟู่จาวหนิงจึงไม่คิดมาก ยกเท้าเดินออกไปวุ่นวายอยู่ครึ่งค่อนวัน ตอนนี้ตะวันก็บ่ายคล้อยเข้าสู่ยามเย็นที่นี่น่าจะเพราะห่างไกลเกินไป พอบวกกับลมฤดูใบไม้ร่วงหวีดหวิว ป่าไผ่จึงดูอึมครึมอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่มีใครมาที่นี่ เงียบเสียเหลือเกินฟู่จาวหนิงย้อนคิดเรื่องของอาสี่จากในความทรงจำไปด้วยพลางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นพอลมพัดมา ก็เหมือนได้ยินเสียงรางๆ จากในส่วนลึกของป่าไผ่ฟู่จาวหนิงยืนนิ่ง ตั้งใจฟัง และได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงเสียงหนึ่ง แต่เหมือนถูกปิดปากไปอย่างรวดเร็วอย่างไรอย่างนั้นใครกัน?มาทำเรื่องชั่วๆ ที่นี่ สิ่งแวดล้อมก็ดูจะเหมาะสมเป็นที่สุด!ฟู่จาวหนิงคิดคิด หยิบเข็มพิษออกมาไว้ที่ง่ามนิ้ว รีบเดินตรงไปทางนั้นพอเข้าส่วนลึกของป่าไผ่ ก็เห็นศาลาที่ดูรกร้างแห่งหนึ่ง ข้างศาลามีภูเข
เซียวหลันยวนเองก็เดินออกมา"ไม่เป็นไรแล้ว"พอได้ยินประโยคนี้ของเขา ฟู่จาวหนิงก็คิดในใจ ที่แท้อ๋องเจวี้ยนก็ปลอบคนเป็นนี่นา พอเห็นหญิงสาวที่ตนเองชอบเป็นเช่นนี้ เขาเองก็ปวดใจขึ้นมาแล้วใช่ไหม?"ท่านอย่าเข้ามา"อันชิงกลับเหมือนจะตกใจอย่างมาก พอเขาเดินออกมา นางก็ถอยกลับไปหลายก้าว แต่ยังห่อเสื้อคลุมของเขาเอาไว้แน่น"อันเหนียนให้ข้ามาหาตัวเจ้า"เซียวหลันยวนพอเห็นนางยังมีสีหน้าระแวดระวัง จึงพูดออกมาประโยคหนึ่ง"พี่ชายข้าหรือ?" อันชิงพอได้ยินชื่อของพี่ชายก็ตัวสั่นขึ้นมา รีบร้อนถามขึ้น "แล้วพี่ชายข้าล่ะ? เขามาด้วยไหม?"ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากคนนี้คือใคร?"เขายังปลีกตัวมาไม่ได้" เซียวหลันยวนพูดพลางคิด ฟู่จาวหนิงหนีไปไหนแล้วนะ? ชิงอีไล่ไปตั้งครึ่งค่อนวันก็ยังตามไม่ทัน?เขาปลอบหญิงสาวไม่เป็น พอเห็นอันชิงตกใจอย่างหนัก แข้งขาอ่อนจนยืนแทบไม่อยู่ จงจะเดินกลับเรือนรับรองไม่ได้แน่เขาเองจะแบกนางหรือประคองนางก็ไม่ได้ฟ้ามืดแล้ว ลมเองก็แรงขึ้น เขาอยู่ในสถานที่นี้นานๆ เกรงว่าจะป่วยเอาเซียวหลันยวนเริ่มหมดความอดทน"ฮือๆๆ..."อันชิงยืนไม่อยู่ ล้มนั่งลงบนพื้น ร้องไห้อย่างหวาดกลัวออกมา"เจ้ายังจะร้
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ