นางจะลงไปขวางพวกนางก่อนที่พวกนางจะลงจากเขาและก็ตามคาด ระหว่างที่ฟู่จาวลงจากเขา ก็เจอเข้ากับรถม้าของฟู่เป่าเจินกับฟู่เจียวเจียวพอเห็นรถม้าตระกูลฟู่ ฟู่จาวหนิงก็มายืนอยู่กลางถนนคนขับรถพอเห็นคนยืนอยู่ตรงกลาง ก็รีบร้อนร้องขึ้น "รีบหลีกทาง หลีกทาง!"ฟู่จาวหนิงไม่ขยับเขยื้อนรถม้าพอมาถึงหน้านางก็ทำได้แค่หยุดรถเท่านั้นฟู่เจียวเจียวกับฟู่เป่าเจินในรถม้าจึงเลิกม่านแล้วตะโกนด่าออกมาก่อน"ใครน่ะ? มาขวางรถม้าพวกข้า จาวหนิง?"พวกนางตอนที่เห็นฟู่จาวหนิงก็สีหน้าเปลี่ยน"จะรีบหนีไปไหน?" ฟู่จาวหนิงพูดแล้วเดินตรงเข้ามา แตะมือแล้วกระโจนขึ้นรถม้า มุดเข้ามาในตัวรถ"เจ้า เจ้าเจ้าเจ้าขึ้นมาทำอะไรกัน"ฟู่เป่าเจินพูดพลางยื่นมาผลักนางลงไปฟู่จาวหนิงคว้าข้อมือของนางไว้ บิดมือของนาง ฟู่เป่าเจินร้องแหลมขึ้นมา"เจ็บๆๆ! เจ้าปล่อยนะ! ฟู่จาวหนิงเจ้าเป็นบ้าไปแล้ว!"ฟู่เจียวเจียวถลึงตาโตมองนางฟู่จาวหนิงแบบนี้ราวกับเป็นคนละคนไป"ข้าบ้าหรือ? ข้าจะบ้าหรือไม่บ้า ก็ต้องดูว่าพวกเจ้าจะซื่อตรงหรือไม่"ฟู่จาวหนิงสะบัดมือฟู่เป่าเจิน นั่งอยู่ที่นั่นพิจารณารถม้าคันนี้ บนรถม้ายังใส่ของไว้ไม่น้อยด้วย ดูท่าครั้งน
ความรู้สึกสัมผัสที่คมมีดนำมา ทำให้ใจฟู่เป่าเจินสั่นระริกนางมองสายตาฟู่จาวหนิงไม่เคยเห็นฟู่จาวหนิงที่สายตานิ่งขรึมและมั่นคงเช่นนี้มาก่อนเลย ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้เป็นคนที่รังเกียจและเห็นพวกเขาเป็นศัตรู แต่เพราะอยากจะเข้าให้ได้กับเหล่าพี่สาวน้องสาวอย่างพวกนาง ดังนั้นสายตาของนางจึงมักจะมีความไม่ยินยอมอยู่บ้างท่าทางเหมือนหญิงสาวที่แข็งขืนดื้อรั้นแตกต่างกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิงตอนนี้ความรู้สึกที่สายตาของฟู่จาวหนิงมีให้นาง ก็คือว่านางจะออกแรงกรีดใบหน้าของตนเองจริงๆ นางกล้าจริงๆ"เจ้าอยากจะลองทนดูก็ได้ ลองดูว่าข้าจะกล้าทำจริงไหม""แม่นางสี่ แม่นางหก"คนขับรถที่อยู่ด้านนอกเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไร"ท่านลุง ท่านอย่าเข้ามานะ แล้วก็ไม่ต้องเลิกม่านรถด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่ใช่แค่การเล่นกันระหว่างพี่น้องแล้ว"คำพูดของฟู่จาวหนิงทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าเลิกผ้าม่านดูว่าพวกนางทำอะไรกันเมื่อครู่ฟู่จาวหนิงยืนอยู่ที่กลางถนน มองเห็นรถม้าพุ่งเข้ามาแต่ก็ไม่หลบเลี่ยง ภาพฟู่จาวหนิงที่สงบนิ่งนั้นทำเอาเขาตกใจ"จาวหนิง มีอะไรก็พูดกันดีดีไม่ได้หรือ?"ฟู่เจียวเจียวหดอยู่ในมุมหนึ่ง แต่ชายกร
"แล้วกล่องล่ะ?""ยังอยู่กับอาสี่ทางนั้น เขาแค่ล้วงเอาของข้างในออกมา ตัวกล่องไม่ได้ให้พวกเราไว้""นอกจากเรื่องนี้ล่ะ?" ฟู่จาวหนิงถามต่อ"ไม่มีแล้ว พวกเราไม่ได้เอาอะไรของเจ้ามาอีก!" ฟู่เป่าเจินเหมือนกลัวว่านางจะไม่เชื่อ จึงรีบพูดออกมาอีกคำหนึ่ง "เจ้าเดิมทีก็ไม่มีอะไรอยู่แล้วนี่นา"บ้านใหญ่ตระกูลฟู่จนกรอบจะตาย เดิมทีดูเหมือนจะรุ่งเรืองก้าวหน้า เหมือนว่าจะทะยานตัวขึ้นมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น แล้วยังคิดจะพาบ้านอื่นๆ อย่างพวกเขาเบียดตัวเข้าไปอยู่ในวงอำนาจด้วยกัน ผลลัพธ์คือฟู่หลินซื่อกลับไปสร้างเรื่องใหญ่โตเอาไว้เสียอย่างนั้นขนาดฟู่เป่าเจินก็ยังเกลียดฟู่หลินซื่อด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่หลินซื่อ พวกนางไม่แน่คงกลายเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยไปแล้วฟู่จาวหนิงยังพิจารณาตัวพวกนางอีกผาดหนึ่ง "หลังจากพวกเจ้าขายบ้านตระกูลฟู่แล้วคิดจะทำอะไร?""พวกเราไม่รู้จริงๆ ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้บอกอะไร!"พอเห็นฟู่เป่าเจินตกใจจนร้องไห้ หลบตาปี๋ร้องลั่น ฟู่จาวหนิงเองก็มองออกว่าน่าจะไม่กล้าพูดโกหกแต่นางก็ยังกดคมมีดลงไป "เจ้าลองคิดดีดี ฮูหยินรองฮูหยินสามพูดอะไรกับพวกเจ้าหรือเปล่า?"ต่อให้ไม่รู้ นางก็บีบเอาเบาะแสร่องรอยอ
ฟู่จาวหนิงหันกลับมามอง และไม่เตรียมจะไปห้ามพวกนางอีก นางเลือกถนนเล็กๆ เตรียมค่อยๆ กลับไปเรือนรับรอง แล้วค่อยๆ คิดเรื่องตระกูลฟู่ไปด้วยพอเดินมาได้พักหนึ่งก็มองเห็นป่าไผ่ผืนหนึ่ง ใบไผ่ร่วงแผ่เต็มพื้น มีถนนหินก้อนเล็กทอดยาวเข้าไปในป่าทิศที่ถนนหินเล็กนี้ทดเข้าไปน่าจะตรงไปถึงเรือนรับรองพินิศทิวเขาได้ฟู่จาวหนิงจึงไม่คิดมาก ยกเท้าเดินออกไปวุ่นวายอยู่ครึ่งค่อนวัน ตอนนี้ตะวันก็บ่ายคล้อยเข้าสู่ยามเย็นที่นี่น่าจะเพราะห่างไกลเกินไป พอบวกกับลมฤดูใบไม้ร่วงหวีดหวิว ป่าไผ่จึงดูอึมครึมอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่มีใครมาที่นี่ เงียบเสียเหลือเกินฟู่จาวหนิงย้อนคิดเรื่องของอาสี่จากในความทรงจำไปด้วยพลางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นพอลมพัดมา ก็เหมือนได้ยินเสียงรางๆ จากในส่วนลึกของป่าไผ่ฟู่จาวหนิงยืนนิ่ง ตั้งใจฟัง และได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงเสียงหนึ่ง แต่เหมือนถูกปิดปากไปอย่างรวดเร็วอย่างไรอย่างนั้นใครกัน?มาทำเรื่องชั่วๆ ที่นี่ สิ่งแวดล้อมก็ดูจะเหมาะสมเป็นที่สุด!ฟู่จาวหนิงคิดคิด หยิบเข็มพิษออกมาไว้ที่ง่ามนิ้ว รีบเดินตรงไปทางนั้นพอเข้าส่วนลึกของป่าไผ่ ก็เห็นศาลาที่ดูรกร้างแห่งหนึ่ง ข้างศาลามีภูเข
เซียวหลันยวนเองก็เดินออกมา"ไม่เป็นไรแล้ว"พอได้ยินประโยคนี้ของเขา ฟู่จาวหนิงก็คิดในใจ ที่แท้อ๋องเจวี้ยนก็ปลอบคนเป็นนี่นา พอเห็นหญิงสาวที่ตนเองชอบเป็นเช่นนี้ เขาเองก็ปวดใจขึ้นมาแล้วใช่ไหม?"ท่านอย่าเข้ามา"อันชิงกลับเหมือนจะตกใจอย่างมาก พอเขาเดินออกมา นางก็ถอยกลับไปหลายก้าว แต่ยังห่อเสื้อคลุมของเขาเอาไว้แน่น"อันเหนียนให้ข้ามาหาตัวเจ้า"เซียวหลันยวนพอเห็นนางยังมีสีหน้าระแวดระวัง จึงพูดออกมาประโยคหนึ่ง"พี่ชายข้าหรือ?" อันชิงพอได้ยินชื่อของพี่ชายก็ตัวสั่นขึ้นมา รีบร้อนถามขึ้น "แล้วพี่ชายข้าล่ะ? เขามาด้วยไหม?"ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากคนนี้คือใคร?"เขายังปลีกตัวมาไม่ได้" เซียวหลันยวนพูดพลางคิด ฟู่จาวหนิงหนีไปไหนแล้วนะ? ชิงอีไล่ไปตั้งครึ่งค่อนวันก็ยังตามไม่ทัน?เขาปลอบหญิงสาวไม่เป็น พอเห็นอันชิงตกใจอย่างหนัก แข้งขาอ่อนจนยืนแทบไม่อยู่ จงจะเดินกลับเรือนรับรองไม่ได้แน่เขาเองจะแบกนางหรือประคองนางก็ไม่ได้ฟ้ามืดแล้ว ลมเองก็แรงขึ้น เขาอยู่ในสถานที่นี้นานๆ เกรงว่าจะป่วยเอาเซียวหลันยวนเริ่มหมดความอดทน"ฮือๆๆ..."อันชิงยืนไม่อยู่ ล้มนั่งลงบนพื้น ร้องไห้อย่างหวาดกลัวออกมา"เจ้ายังจะร้
"ข้าเองก็จงใจมาช่วยเจ้าปกป้องเจ้านะ"โหวอาวุโสอี้น้อยตอนนี้เองก็ดูระแวดระวังมาก คนที่เขาส่งมาทำไมหายไปแล้ว? ทำไมถึงมีแค่อันชิงอยู่ที่นี่คนเดียว?เดิมทีเขาก็ให้คนล่ออันชิงไปยังจุดลับตาคน พอดีจนสลบแล้วจึงพามาที่นี่ กรอกยาให้กับนางต่อมาเจ้าคนนั้นก็แสร้งทำเป็นจะทำร้ายอันชิง เขาก็ปรากฎตัวออกมาเหมือนวีรบุรุษ ช่วยชีวิตอันชิงแต่ว่ายาที่เขาให้คนกรอกใส่อันชิง คุณสมบัติทางยากลับรุนแรงเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวที่บริสุทธิ์แค่ไหนร้อนแรงแค่ไหนก็ล้วนทนไม่ไหว ดังนั้น อันชิงจะทนรับไม่ไหว มึนงงจนจำตัวเองไม่ได้ อ้อนวอนขอให้เขาช่วยสนองความใคร่ด้วยตัวเองเขายังจัดเวลาเอาไว้อย่างดี รอจนที่เขาใกล้จะลงมือ เจ้าพวกเพื่อนสุนัขของเขาเหล่านั้นก็จะหาคนมาที่นี่พวกเขาจะได้ยินเสียงอันชิงอ้อนวอนให้เขาสนองความใคร่กับนางด้วยตนเองพอถึงตอนนั้น อันชิงจะโดดลงแม่น้ำล้างตัวอย่างไรก็ไม่สะอาดแล้วคนทั้งหมดล้วนได้ยินนางอ้อนวอนกับเขา หลังจากกลับไปเมืองหลวง นางไม่แต่งกับเขาก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าไม่แต่งกับเขา นางก็มีแต่ต้องไปตายเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีหน้าอยู่บนโลกนี้แล้วและตอนนั้นเอง เขาก็ยังยืดหน้ายืดตา ให้ตระกูลอั
ตอนที่โหวอาวุโสน้อยอี้พูดประโยคนี้น้ำเสียงก็อึมครึมขึ้นมา ระงับความโกรธเอาไว้เขามองอันชิงเป็นเหมือนของเล่นบนฝ่ามือตนเอง และตอนนี้ก็พบว่าอันชิงน่าจะเป็นของอ๋องเจวี้ยนไปแล้ว ความริษยาจึงทำให้ใจเขาเจ็บปวดขึ้นมา"เซียว เซียวหลันยวน"อันชิงคุณสมบัติยากำเริบ หัวสมองเองก็มึนงงขึ้นมาแล้ว แต่ว่าร่างกายกลับยิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ นางปล่อยผ้าคลุมออกอย่างควบคุมไม่อยู่เดิมทีคิดอยากจะถามว่าเซียวหลันยวนเป็นใคร แต่นางถ้าพูดตอนนี้ กลับจะยิ่งเหมือนเป็นการร้องเรียกเซียวหลันยวนแทน"เจ้าจะเรียกเขามาช่วยเจ้าหรือ?"โหวอาวุโสอี้ยื่นมือออกมาฉับพลัน จับผ้าคลุมของนางออกแรงสะบัดออกอันชิงมองเขา สายตาเหม่อลอยไม่ว่าคนที่เขาเตรียมมาจะไปอยู่ไหน ถึงอย่างไรตอนนี้โหวอาวุโสน้อยอี้ก็มองออกแล้ว ว่าอันชิงถูกกรอกยาไป ยิ่งไปกว่านั้นยากำลังออกฤทธิ์ผู้ชมที่เขาเตรียมไว้ก็ใกล้จะมาแล้ว จะมาเสียเวลาไม่ได้อีกโหวอาวุโสน้อยอี้ยื่นมือไปกดบ่าของอันชิง"เสี่ยวชิงชิง ไม่ต้องเซียวหลันยวนหรอก เจ้ามองข้านี่ ข้ามีตรงไหนที่ดูไม่ดีหรือ? ข้าชอบเจ้ามาตั้งหลายปีแล้ว ถ้าเป็นหญิงสาวคนอื่น ข้าจะยังทนต่อไปได้อย่างไร? ตีให้สลบแล้วลากเข้าไปเ
"วันนี้ซวยเสียจริง"ฟู่จาวหนิงยืดตัวตรง ถึงอย่างไรก็ถูกผลักออกมาแล้ว นางเองก็ซ่อนต่อไม่ได้เหมือนกันยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีก็ทนไม่ไหวอยู่แล้วด้วย จะมองดูอันชิงถูกคนอื่นข่มเหงต่อหน้าต่อตาได้อย่างไรกัน?"เจ้ามาทำอะไรที่นี่? อยู่แค่คนเดียวหรือ?"โหวอาวุโสน้อยอี้คิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะอยู่ที่นี่แต่ว่าเขาก็ไม่เห็นคนอื่นด้วยเช่นกัน ตอนนี้มีแค่ฟู่จาวหนิงคนเดียว น่าเสียดาย เขาเองเดิมทีก็สนใจตัวฟู่จาวหนิงอยู่ แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่านางเอป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนต่อให้มีความกล้าสักแค่ไหน โหวอาวุโสน้อยอี้ก็ไม่มีทางลงมือกับพระชายาคนหนึ่งแน่ดังนั้นตอนนี้ฟู่จาวหนิงปรากฎตัวขึ้นที่นี่ ทำให้เขารู้สึกตึงมือขึ้นมา"ทำไมหรือ ที่นี่เป็นที่ดินของเจ้าหรือไร? ข้าถึงมาที่นี่ไม่ได้? ข้ามาหาแม่นางอันน่ะ""มานานาง?""แน่นอน" ฟู่จาวหนิงพูดไปด้วยพลางเดินไปทางอันชิงเมื่อครู่เพราะอันชิงกัดลิ้นตนเอง ความเจ็บปวดทำให้นางได้สติขึ้นมา แต่ยาที่นางถูกกรอกลงไปก็รุนแรงเกินไป การได้สตินี้คงอยู่ไม่นานนักตอนนี้นางมองโหวอาวุโสน้อยอี้ จากนั้นก็เกิดอาการทนไม่ไหวอยากจะพุ่งตัวไปหาเขาอันชิงเดินออกไปหาเขาก้าวหนึ่งโหวอาวุโส
อันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวหลังรู้เรื่องนี้ก็ปวดเศียรเวียนเกล้าผู้ประสบภัยสามคนนั้นก่อนหน้านี้กักกันไว้แล้ว แต่ก่อนหน้าที่จะหาตัวพวกเขาเจอ พวกเขาก็ไปที่ศูนย์พักพิงมาเรียบร้อย ที่นั่นอยู่กันอย่างแน่นขนัด คนหลายคนเพิ่งมาถึง ในใจก็กระวนกระวาย แล้วยังสับสนเป็นพิเศษอีก ไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่ ดังนั้นสามคนนี้จึงดึงคนไม่น้อยเข้ามาพูดคุยกันเพื่อถามนั่นถามนี่ถึงอย่างไรคนที่อยู่ใกล้ด้วยก็น่าจะมีถึงยี่สิบกว่าคน ยี่สิบกว่าคนนี้ก็ยังมีคนที่ตนเองออกไปสัมผัสอยู่อีกและเพราะสามคนนั้นเป็นคนมาใหม่ คนไม่น้อยจึงจำไม่ได้ไม่รู้จัก ถ้าจะให้พวกเขาชี้ตัวคือยากมากผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอยากจะประกาศป่าว ให้คนเหล่านั้นลุกออกมากันเอง อันเหนียนกลับรู้สึกว่าถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้ประสบภัยอาจจะยิ่งหวาดกลัวเพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกขเาจะกลัวและไม่สงบ แล้วจะเข้ามาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"เรื่องพูดออกไปตรงๆ ไม่ได้ ต้องบอกว่าผู้ประสบภัยสามคนนั้นมีตัวตนฐานะน่าสงสัย ต้องทำการตรวจสอบ" อันเหนียนตัดสินใจแล้วผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเองก็เห็นด้วยแต่ว่าข้าราชการที่ออกไปประกาศตนเองก็กลัวเหมือนกัน ต้องการห
ถ้าหากฟู่จาวหนิงร้ว่านางกำลังคิดอะไร คงจะหัวเราะออกมาแน่องค์หญิงใหญ่ ตอนนี้กำลังตรวจรักษาอยู่นะ คิดอะไรกัน จะว่าไป ทางกดที่ปอดด้วย ไม่ใช่ที่หน้าอกตอนที่ตรวจฟู่จาวหนิงก็ใจจดใจจ่อมาก จะไปรู้ได้อย่างไรว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดเตลิดไปขนาดนั้น"อีกเดี๋ยวก็รีบต้มยาเสีย วันนี้ต้องดื่มยาสามห่อ ยาหนึ่งห่อต้มด้วยน้ำสามชามให้เหลือหนึ่งชาม"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "อีกเดี๋ยวยาจะส่งเข้ามา แน่ใจว่าจะต้มเองนะ?" ประโยคด้านหลัง ฟู่จาวหนิงมองไปทางเฉินเซียงเฉินเซ๊ยงพยักหน้าทันที "เจ้าค่ะ"ก็ต้องแน่สิ"ข้าจะตรวจเจ้าด้วย มานั่งลงตรงนี้" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเฉินเซียงนั่งลงไปฟู่จาวหนิงก้มหน้าจับชีพจรให้นาง ตรวจอาการเฉินเซียงเองก็ติดแล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่หนักเท่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ว่านางเหนื่อยเกินไป ดวงตาเขียวคล้ำ"วันนี้ต้องนอนพักผ่อนให้ได้" นางเอ่ยขึ้นคำหนึ่งอาการป่วยจะรุกรานเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วตอนที่ร่างกายอ่อนล้าขีดสุด"ข้าต้องปรนนิบัติองค์หญิงใหญ่" เฉินเซียงตอบเช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าเถอะฟู่จาวหนิงอยากจะตอบแบบนี้ แต่คำพูดค้างอยู่ที่มุมปาก จึงเปลี่ยนคำอื่น "ถ้าเหนื่อย
ความต้องการของเฉินเซ๊ยง ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ยังรับปากไปนางยอมจะให้ตนเองเหนื่อยอีกนิด ก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธเพียงแต่เฉินเซียงไม่ค่อยฉลาด ตอนนี้นางเป็นหมอนะ ถ้าหากนางจะทำอะไรล่ะก็ นางห้ามได้เสียที่ไหนกัน?พวกนางไม่เข้าใจวัตถุดิบยาเลยด้วยซ้ำเดิมทีฟู่จาวหนิงก็คิดเช่นนี้ ผลลัพธ์คือเช้าวันต่อมาตอนที่นางเข้าไปตรวจ ก็ได้ยินเฉินเซียงกำลังพูดเสียงแผ่วกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"ข้าน้อยรู้ ว่าหมอเทวดาฟู่ไม่มีทางทำอะไรไม่ดีในวัตถุดิบยากับการรักษา แต่ถ้าหากในใจนางยังคงเคียดแค้นอยู่ล่ะ ให้คนถ่มน้ำลายหรืออะไรลงไปในยาน้ำ พวกเราจะทำอย่างไรกัน?""องค์หญิงใหญ๋ว่าไหม? เรื่องพวกนี้ แต่ก่อนข้าน้อยเคยได้ยินมา ในวังมีคนตั้งมากมายที่ทำ ป้องกันเท่าไรก็ไม่พอ ข้าน้อยไม่มีทางยอมให้องค์หญิงใหญ่ต้องถูกทำให้อัปยศเช่นนี้แน่"ฟู่จาวหนิงโมโหจนขำดังนั้นนิสัยของนางในใจเฉินเซียงต้องเลวร้ายแค่ไหนกันที่แท้ก็กันเรื่องพวกนี้อยู่ นางยังคิดว่ามาป้องกันตนเองจะทำอะไรในวัตถุดิบยาเสียอีก นี่นางคิดเยอะไปสินะแล้วจึงได้ยินเสียงแหบพร่าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วันนี้ตอนเช้า เสียงของนางก็เปลี่ยนไปแล้ว แหบลงเหมือนกระดาษทรายขัดอย
นางไม่ได้ถามอะไรอีก เดินไปจับชีพจรองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วัดอุณหภูมิเกือบสี่สิบองศาเลย คิดไม่ถึงว่าเป็นไข้รุนแรงขนาดนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังทนมาคุยกับนางได้ตั้งหลายคำ"นอกจากตัวร้อน ยังมีตรงไหนไม่สบายอีกไหม? ตรงไหนที่รู้สึกแย่บ้าง?""แค่ก ปวดหัว แล้วก็ดวงตาร้อนผ่าวไปหมด..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ตรงหน้าก็มืดไป คอพับคงมาฟู่จาวหนิงปฏิกิริยารวดเร็ว เข้ารับนางไว้ทันทีเฉินเซียงตกใจ "องค์หญิงใหญ่!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็โดนเข้าซะแล้วฟู่จาวหนิงดูอยู่พักหนึ่ง ต้นกำเนิดโรคคือครอบครัวของป้าหนิวหลังจากสังเกตก็พบว่าเฉินเซียงก็เริ่มมีไข้อ่อนๆแต่ว่าองครักษ์คนอื่นยังไม่ติด น่าจะเพราะเดิมทีองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่าชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้กัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้เข้าใกล้พวกเขาแต่ยังต้องสังเกตต่อฟู่จาวหนิงให้องครักษ์หลายคนนั้นไปหาห้องพักพักผ่อนก่อน ส่วนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับเฉินเซียงต้องอยู่ที่ห้องนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหมือนได้พักหายใจมาตอบคำถามฟู่จาวหนิงพอดี จากนั้นก็เป็นไข้จนมึนหัว จนไม่รู้สึกตัวไม่ได้สติฟู่จาวหนิงคิดจะฉีดยาให้นาง แต่เฉินเซียงก็ไม่ยอมไปไหนอ
ฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทำอะไรเหมือนกับสืออี นางเองก็อยากรู้มากว่าฝ่าบาทต้าชื่อยอมปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาได้อย่างไรแต่ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองข้ามปัญหาชื่อเรียกของนางไปแล้ว แต่เอ่ยกับนางอย่างอบอุ่นว่า "เชิญหมอเทวดาฟู่ถามอาการเถิด รบกวนท่านรักษาข้าด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดูจากชุดแต่งกายประหลาดของฟู่จาวหนิง และการที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางถอดสิ่งที่เรียกว่าหน้ากากปิดปากออก นางก็เดาได้ทันที ว่าโรคของตนเองน่าจะไม่ใช่โรคธรรมดาแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ไม่ลนลานเลยแม้แต่น้อยถึงแม้โชคดีของนางหลายครั้งจะเป็นสิ่งที่คนทำขึ้น แต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของตัวนางเอง อันที่จริงก็ถือว่ามีโชคดีอยู่มากอย่างเช่นตั้งแต่เด็กนางไม่ค่อยป่วย ต่อให้จะป่วยก็เป็นปัญหาเล็กๆ กระทั่งบางครั้ง การป่วยของนางยังช่วยให้นางเลี่ยงเรื่องแย่ๆ อีกด้วยเหมือนก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเวียนหัวจนเป็ฯลม ดังนั้นจึงกลับเมืองหลวงช้าไปสองวัน ผลคือในสองวันนั้น ระหว่างทางมีคนถูกโจรปล้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางป่วยจนต้องเลื่อนเวลา เช่นนั้นนางอาจจะไปเจอกับโ
สิ่งนี้ทำให้เฉินเซียงรู้สึกไม่พอใจแล้ว ทำไมถึงให้องครักษ์มาอยู่ด้วยกันกับพวกนาง?ห้องส้วมล่ะ? หรือว่าพวกนางต้องใช้ร่วมกับองครักษ์สามคนนี้ด้วย?อย่างนี้ได้ที่ไหน!สืออีหลังจากกำชับเสร็จก็ออกไปเตรียมของสิ่งของที่เหลืออยู่ของพวกเขาตอนนี้ไม่พอแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงต้องแบ่งผ้าหุ่มของพวกเขาออกไปสามผืน แล้วนำออกไปของกิน ตอนนี้ก็เป็นแค่หมั่นโถวกับข้าวต้ม บวกกับกับข้าวอีกนิดหน่อย กับข้าวเองก็เหลือไม่มากแล้วหมั่นโถวของพวกเขาตอนนี้ก็ผสมแป้งอื่นเข้าไปด้วยแล้ว ไม่ได้อ่อนนุ่มหอมหวานเหมืนอตอนที่เพิ่งมาแล้ว ถึงอย่างไรกินให้ท้องอิ่มได้ก็ดีมากแล้วอันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวออกหาการบริจาคช่วยเหลือ หวังว่าสองสามวันนี้จะได้ผลลัพธ์อะไรบ้าง ไม่เช่นนั้นคงต้องเอาหมั่นโถวมานึ่งให้เล็กลงหน่อย ไม่แน่อาจจะต้องแบ่งของคนคนหนึ่งเป็นสองส่วนด้วยฟู่จาวหนิงพอดูเรื่องการฉีดยาให้ป้าหนิวเสร็จ ก็ดึงเข็มออก เก็บขวดเปล่ากับตะขอเกี่ยวเล็กกลับไป หลังจากออกประตูมาก็เปลี่ยนชุดป้องกันกับผ้าปิดปากและถุงมือใหม่ จากนั้นจึงไปยังฝั่งตรงข้ามเฉินเซียงพอเห็นนางเข้ามา ก็จำนางได้จากดวงตาของนางเพราะฟู่จาวหนิงห่อตัวมิดชิดย
ฟู่จาวหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าคนที่มาเมืองเจ้อจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกเขาก่อนหน้านี้คาดการณืไว้ ว่าฝ่าบาทของต้าชื่อไม่มีทางปล่อยให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาแน่ที่บอกว่าจะเลือกราชบุตรเขยให้นางแต่เดิม ก็เป็นแค่คำหลอกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทั้งเพองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนั้นไปที่เมืองจี้ ฝ่าบาทต้าชื่อยังส่งคนไปรับนางกลับวังหลวง ฝ่าบาทต้าชื่อรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นดาวนำโชคของเขามาตลอด โชคบนตัวนางล้วนจะเอามาไว้บนตัวเขาทั้งหมด ดังนั้นจึงมัดนางไว้ข้างกายแต่ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่เพียงแค่ออกมาจากวังหลวง แต่ยังเดินทางมาไกลถึงแคว้นเจา?!นี่มันไม่น่าเชื่อจริงๆไม่น่าเชื่อจนฟู่จิ้นเชินกับต่งฮ่วนจือก็กำลังคาดเดาเจตนาการมาขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่ว่า ตอนนี้พวกเขาไม่มีโอกาสได้ถาม เพราะฟู่จาวหนิงมีคำสั่ง ไม่ให้ใครก็ตามสัมผัสกับกลุ่มขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกจัดไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตก อยู่ตรงข้ามกับห้องผู้ป่วยของป้าคนนั้น คั่นไว้ด้วยสวนเล็กๆ ผืนหนึ่งสืออีให้พวกเขาสวมหน้ากากอนามัยทั้งหมดตอนแรกพวกเขาก้ไม่ค่อยยินดีนัก แต่ตอนนี้คนมาถึงแคว้นเจาแล้ว นี่เป็นถิ
สืออีขับรถม้าของตนเองออกไปรับคนแล้วเรื่องนี้เดิมทีก็แปลกอยู่หน่อยๆ ตอนนี้คนส่วนใหญ่ล้วนรู้ว่าเมืองเจ้อมีสถานการณ์เป็นอย่างไร ปกติจะไม่เข้ามากัน ต่อให้จะมาเยี่ยมญาติก็ตาม ไม่มีทางเลือกมาในเวลานี้หรือว่าคนที่มาจากต้าชื่อจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของที่นี่?แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ประสบภัย ถ้าหากในเมืองมีญาติอยู่ล่ะก็ บางทีอาจจะมีเงินอยู่ พอมาถึงจึงไม่ไปยังศูนย์สังเกตการณ์ น่าจะกลับไปที่บ้านญาติเลย หรืออาจจะไปพักโรงเตี๊ยมดังนั้น คนที่มาเป็นใครกันแน่?สืออีคาดเดาไปตลอดทาง แต่ตอนที่เห็นคนที่มา เขาก็ตกตะลึงไปแล้วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น!ไม่ว่าสืออีจะคิดอย่างไร ก็คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มาจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาได้อย่างไรกัน?ชั่วขณะหนึ่ง ในสมองสืออีกคิดไปมากมาย จะมากน้อยก็มีทฤษฏีสมคบคิดอยู่บ้างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกว่าจะสงบลงมาได้ หยุดไปแล้ว พอเห็นสืออี นางก็งงงันไปนิดหน่อย ยังจำเขาไม่ได้เพราะสืออีตอนนี้สวมชุดประหลาดแล้วยังสวมหน้ากากอนามัยด้วยแต่เพราะสายตาที่สืออีมองนาง ทำให้นางเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าจะต้องรู้จักนางแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ตกตะลึงแบบนี้นางยังสวมผ้าคลุมอยู่ ถ้าม
"พระชายา เอาข้าวเช้ากับน้ำร้อนมาให้แล้วขอรับ"เสียงของสืออีดังลอดเข้าาฟู่จาวหนิงเดินออกไป "วางไว้ตรงนั้นเลย เจ้าอย่าเข้ามานะ"พอเหลือบมองไป นางยังเห็นฟู่จิ้นเชินด้วย พวกเขาคนหนึ่งหิ้วน้ำร้อน คนหนึ่งถืออาหารเช้า"จาวหนิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" ฟู่จิ้นเชินยืนนิ่ง ถึงแม้อยากจะเดินเข้ามา แต่ก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะไม่ให้เขาเข้าไป"ข้าไม่เป็นไร คนป่วยข้างนอกพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงถามถึงสองพี่น้องเสี่ยวเฟิงเสี่ยวยา พอรู้ว่าพวกเขาไม่เป็นไร นางจึงวางใจลงได้ถือว่าโชคดีจริงๆ ที่หญิงสาวคนนี้มาถึงหลังจากที่พวกเขาทำงานไปแล้วหลายวัน ตอนนี้คนอื่นๆ ปรับตัวได้แล้ว ทำงานกันได้สมเหตุสมผลหมดแล้ว รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรถ้าเป็นเมื่อสามวันก่อน พอนางออกห่าง คนป่ววยพวกนั้นก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร คงจะวุ่นวายกันไปหมดแน่"ผู้ช่วยหมอสามคนที่ใต้เท้าอันหามาก็เพิ่งมาถึง ข้าให้เสี่ยวเยว่นำพวกเขาไปแล้ว ข้าเห็นว่าพวกเขาเองก็มือไม้คล่องแคล่วทำงานได้ดีอยู่ เจ้าไม่ต้องกังวล""ได้ สืออี ไปดูทหารขุนพลบัญชาการกับผู้ประสบภัยคนอื่นที่สัมผัสกับป้าคนนี้หน่อย ระวังด้วยนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"่ขอรับ"สืออี