เจ้าอารามสีหน้าเปลี่ยนไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนางกล้า...แววตาเขาหม่นลง ยื่นมือไปวางบนศีรษะนางทันที มืออีกข้างก็ปล่อยหมอกเขียวออกมาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่สมองยังไม่ตื่นดีก็ตกอยู่ในสถาำสับสนมากขึ้นทันทีสองมือเจ้าอารามจับบ่านางไว้ ผลักนางออกแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกอดเอวเขาไว้แน่น ดังนั้นการผลักนี้จึงผลักออกแค่ริมฝีปากของคนทั้งสอง นางยังคงอยู่ในอ้อมกอดเขานางตัวสั่นค่อยๆ ลืมตาขึ้นแหงนหน้าสบตาเข้ากับใบหน้างดงามไร้เทียมทาน"อ๋องเจวี้ยน..."เจ้าอารามจับมือของนางดึงนางแยกออก ส่วนตนเองถอยออกไปสองก้าว"ควรออกไปได้แล้ว"พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกจากถ้ำภูเขาไปก่อนแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังตั้งสติกลับมาไม่ได้ นางยังตกตะลึงอยู่ว่าตนเองจูบกับอ๋องเจวี้ยนจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกริมฝีปากนั่น ทำให้ทั่วร่างนางตอนนี้ชาดิก มึนงงไปทั้งตัว ใจเต้นเร็ว หน้าแดงราวกับจะเผาไหม้ขึ้นมา"ยังไม่ไปอีกรึ?"เจ้าอารามหันกลับมาเหลือบมองนางผาดหนึ่ง ขมวดคิ้วเบาๆองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นในที่สุดก็ได้สติกลับมา สะกดความบ้าคลั่งในใจลง "แต่ว่า ชะตาทำนายเสร็จแล้วหรือ? ข้ายังไม่ได้ฟังผลลัพธ์ของเจ้าอารามเลย เขา..."
สิ่งที่เขาเห็น คือสองบทสรุปกับช่วงชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าจาวหนิงเองก็เห็นสิ่งเหล่านั้นด้วย นางไม่โกรธสิจะแปลกแต่ตอนที่นางยังไม่ออกว่าตนเองเห็นอะไรมาก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่กล้าจะยอมรับก่อน ถ้าเผื่อไม่เหมือนกับสิ่งที่นางเห็นล่ะ?ฟู่จาวหนิงร้องเชอะ"ก่อนจะบอกว่าข้าเห็นอะไรมา เรามาพูดเรื่องที่เจ้าอารามทำตัวเผด็จการหน่อยไม่ดีรึ?""อืม ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าอารามจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย"เซียวหลันยวนนึกได้แล้วว่าตอนนั้นตนเองเดินไปหน้าแท่นหินอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เข้าไปในแดนชะตาอย่างไม่รู้ตัว ในใจรู้สึกไม่อยากเชื่อเช่นกันเดิมทีเขาค่อนข้างมั่นในใจพลังปณิธานของตนเองมาก ครั้งนี้ทำให้ความคิดเขาสั่นสะเทือน ทำเขาตื่นขึ้นจากความหยิ่งทะนงของตน"เจ้าเองก็ไม่ทันรู้ตัวด้วยรึ?" เขาถามฟู่จาวหนิง"ท่านอาจจะเชื่อใจเจ้าอาราม ดังนั้นภายใต้สภาพจิตใจที่เชื่อใจ จึงถูกควบคุมได้ง่ายกว่า แต่ข้าไม่เชื่อเขา ข้ายกความระแวดระวังขึ้นมาแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังติดกับ"ฟู่จาวหนิงบอกเรื่องนี้กับเขา เพราะนางหวาดระแวงเจ้าอารามมากขึ้นแล้วชายหนุ่มหน้าตาดีแบบนั้น ชายหนุ่มที่มีความสามารถลึกเกินหยั่งนั่น"พวกเร
"ความสามารถการทำนายของเจ้าอาราม ก่อนหน้นี้ข้าไม่เคยสงสัยมาก่อน" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น"งั้นท่านจะบอกว่าข้าพูดไร้สาระหรือ?""ความหมายของข้าคือ ข้าเชื่อชะตาที่เขาทำนาย แต่ไม่เชื่อว่าจะเป็นแบบในภวังค์พวกนั้น"ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง"ยังมีจุดหนึ่งเจ้าเคยคิดถึงไหม?"สายตาที่เซียวหลันยวนมองนางลึกซึ้งมาก ในนั้นมีความลึกซึ้งที่ฟู่จาวหนิงมองไม่ชัดอยู่ เขาขยับร่างกาย นั่งไม่ติดอย่างหาได้ยากขึ้นมาพอถูกเขามองแบบนี้ นางก็รู้สึกเหมือนถูกเปลื้องผ้าออกทั้งหมดอย่างไรอย่างนั้น"อะไรเล่า?"เซียวหลันยวนอันที่จริงก็สังเกตได้นานแล้ว แต่ไม่พูดมาตลอดถ้าไม่ใช่ตอนนี้เห็นว่าเขตแดนชะตาที่เจ้าอารามทำออกมาส่งผลกระทบกับฟู่จาวหนิง ต่อให้นางจะเชื่อทั้งหมดที่อยู่ในเขตแดนชะตาจริง คิดจะทอดทิ้งเขาเพื่อใต้หล้า เขาก็ไม่คิดจะพูดออกมาแต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว"ถ้าหากฟู่จาวหนิงเมื่อสิบหกปีก่อน บางทีชะตาอาจจะไม่เหมาะกับข้าจริงๆ เป็นไปได้ว่าจะทำลายงานของข้าไปทีละก้าว"คำพูดของเซียวหลันยวน ทำให้สายตาฟู่จาวหนิงเกร็งขึ้นมา"แน่นอน ข้าเองก็คงจะไม่ได้อยู่กับคุณหนูฟู่เมื่อสิบหกปีก่อนด้วย จาวหนิงที่ตอนนั้นถ
เขตแดนชะตาที่เจ้าอารามทำนาย เป็นสิ่งที่ชี้ออกมาหลังจากเซียวหลันยวนอยู่กับนางนั่นเองก็เป็นนางนี่ ดังนั้นที่ทำนายออกมาไม่ใช่นางหรือ? ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรนักคุณหนูฟู่ก่อนอายุสิบหกปีจะว่าไป คุณหนูฟู่ก่อนอายุสิบหก ก็ไม่ได้เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนด้วยเซียวหลันยวนส่ายหัว"หนิงหนิงมองข้ามไปจุดหนึ่ง""ข้ามองข้ามอะไรไป?""ถึงแม้เจ้าในตอนนี้จะอยู่ด้วยกันกับข้า แต่ว่าชะตาน่ะกำหนดออกมาตอนที่ถือกำเนิด ดังนั้นการทำนายทั่วไป จะเริ่มจากตอนที่กำเนิดมา มีคนที่ฝืนลิขิตฟ้าแก้โชคชะตา ถ้ามาทำนายช่วงเวลานี้ ก็จะเกิดความสับสนหรือความไม่แม่นยำ"ฝืนลิขิตฟ้าแก้โชคชะตา?ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนอย่างประหลาดใจหน่อยๆเขาไม่ใช่สงสัยว่านางฝืนชะตาลิขิตมาหรอกหรือ?"ชะตาเปลี่ยนไปกลางทาง คนอื่นมาทำนายซ้ำ ก็ไม่แน่ว่าจะแม่นยำ ถึงแม้เจ้าก่อนอายุสิบหกกับที่อยู่กับข้า แต่สิ่งที่เจ้าอารามทำนายออกมา เป็นไปได้มากว่าจะเป็นชะตาของเจ้าเมื่อก่อนอายุสิบหกปี"เซียวหลันยวนพูดอ้อมๆ แต่ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจความหมายของเขาแม้สิ่งที่เห็นในภวังค์จะเป็นผลลัพธ์หลังจากนางแต่งงานกับเซียวหลันยวน แต่ตอนนี้ที่เจ้าอารามทำนายชะตาออกมา ยังคง
เซียวหลันยวนปลอบฟู่จาวหนิงไว้ได้จริงๆแม้ว่านางจะไม่ไปสนใจเรื่องในภวังค์เลย แต่ถูกคนอื่นมองว่านางเป็นเหมือนปีศาจที่ทำให้บ้านเมืองล่มจมแบบนี้ ในใจเองก็ไม่พอใจอยู่บ้างและเทียบกับนาง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเหมาะกับเซียวหลันยวนกว่าขนาดนั้น ในใจนางยิ่งไม่สบอารมณ์แต่เซียวหลันยวนก็ลบความไม่สบายใจในใจนางไปจนเกลี้ยง"หรือก็คือ ของข้ากับท่านอาจจะไม่เป็นจริง แต่ของท่านกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นล่ะ? พอเห็นการพัฒนาหลังจากอยู่ด้วยกันกับนางแล้ว ท่านก็แทบจะอยู่เหนือองค์จักรพรรดิเลยนะ อย่างกับเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ดูสง่าผ่าเผยมากนะ ไม่ชอบหรือ?"หลังจากในใจไม่มีความไม่สบอารมณ์ ฟู่จาวหนิงจึงหันกลับมาหยอกเซียวหลันยวนได้แล้วพอได้ยิน เซียวหลันยวนในที่สุดก็ทนไม่ไหว ก้มหัวลงกัดเบาๆ ที่ริมฝีปากนาง"อกตัญญูแบบนั้น เรียกว่าสง่าผ่าเผยได้รึ? อย่างในภวังค์นั่น มีนางมาครองตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าก็มีชีวิตได้อีกแค่ไม่กี่ปี แล้วก็ตายไปก่อนอยู่ดี ชีวิตยังไม่ทันได้ลิ้มรสความรักใคร่ ก็ตายไปอย่างจืดชืดแล้ว แต่ดันให้นางมีเกียรติยศไปทั้งชาติ ข้าดูสง่างามตรงไหน? เป็นคนโง่สิไม่ว่า""พรวด!"ฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่า
เขตแดนชะตาที่เจ้าอารามทำออกมา เดิมทีก็สร้างผลกระทบระดับหนึ่งกับฟู่จาวหนิงด้วยแต่เซียวหลันยวนก็ลบทิ้งผลกระทบนี้ออกไปอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงพบว่าเขาแยกแยะความแตกต่างนางเมื่ออายุก่อนสิบหกปีออก ยิ่งกว่านั้นยังยอมรับว่าสองคนแตกต่างกัน และคำอธิบายการฝืนลิขิตฟ้าแก้โชคชะตาหลังจากตายแล้วฟื้น ก็กล่อมนางจนหมดจดฟู่จาวหนิงรู้สึกว่า เซียวหลันยวนพูดถูกต้องถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่คุณหนูฟู่คนเดิมแล้ว ต่อให้นางจะรู้สึกอยู่รางๆ ว่ามีความสัมพันธ์ประหลาดระหว่างตนเองกับคุณหนูฟู่แคว้นเจาคนนี้อยู่ แต่อันที่จริงก็ไม่ใช่คนคนเดียวกันดังนั้น นางจึงเชื่อคำอธิบายของเขาเจ้าอารามถึงแม้จะทำนายชะตานางออกมาแปลกประหลาดหน่อย แต่เขตแดนชะตานี้ต้องไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดแน่นอนต่อให้ผู้ทรงศีลหรือนักพรตที่เก่งกาจแค่ไหน ก็ไม่อาจหยั่งรู้อนาคตได้ ทำนายวิถีการพัฒนาของใต้หล้าออกมาได้อย่างชัดเจนยิ่งไปกว่านั้น เซียวหลันยวนถ้าอยู่ด้วยกันกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ก็จะอายุไม่ยืนจริงๆคืนวันมีอำนาจครองใต้หล้าอยุ่ได้แค่ไม่กี่ปี แล้วมันจะมีความหมายอะไร?ตอนที่พวกเขาสามีภรรยาหารือเรื่องรางวัลบนเตียง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เพิ่งกลับมาถ
"ยังต้องขอบคุณท่านน้าเฉิงมากที่ยอมมายอดเขาโยวชิงกับข้า" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นซาบซึ้งต่อฮูหยินเฉิงมาก"ได้ยินองค์หญิงใหญ่พูดแบบนี้ เจ้าอารามยอมออกให้ให้ท่านแล้วหรือ? แล้วเขาได้ทำนายชะตาของสามีภรรยาอ๋องเจวี้ยน""ทำนายแล้ว แต่ข้ามองไม่เห็น แล้วก้ไม่ได้ยินด้วยว่าเป็นอย่างไร"แม้ว่านางจะมองไม่เห็น แต่หลังจากลืมตาขึ้นเจ้าอารามกับฟู่จาวหนิงก็ไม่อยู่แล้ว เหลือแค่นางกับอ๋องเจวี้ยน นี่ยังไม่ชัดอีกหรือ?ฟู่จาวหนิงจะต้องรู้ว่าผลทำนายออกมาไม่ดี ดังนั้นจึงโมโหออกไปแล้ว เจ้าอารามก็ออกไปเตือนนางกระมังยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างฟู่จาวหนิงกับอ๋องเจวี้ยนต้องเกิดความขัดแย้งขึ้นแน่ ไม่เช่นนั้นพวกเขาสองคนที่ตัวติดกันตลอดทาง ครั้งนี้ทำไมจึงคนนึงอยู่อีกคนไปก่อนได้?องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่านี่จะต้องเป็นก้าวแรกของความเหินห่างพวกเขาและเป็นโอกาสให้นาง"ชะตาของเขาสองคนจะต้องไม่เข้ากันแน่ๆ"ฮูหยินเฉิงนั่งลงข้างๆ นาง วิเคราะห์กับนางอย่างตื่นเต้น"องค์หญิงใหญ่ ท่านเห็นว่าตอนนี้พวกเขาสามีภรรยาเหมือนจะมีความรู้สึกดีดีให้ แต่อ๋องเจวี้ยนหลังจากอยู่กับเขา ท่านเห็นอะไรบ้างไหม? องค์จักรพรรดิไม่เชื่อใจเขาขึ้นเรื่อ
เพียงไม่นานก็มีคนมาแจ้งเรื่องอาหารกลางวันงานเลี้ยงเล็กๆ บนยอดเขาโยวชิง แม้จะไม่มีปลาหรือเนื้อมากมาย แต่ไม่รู้ว่าพ่อครัวของยอดเขาโยวชิงเป็นใคร อาหารสิบอย่างบวกหนึ่งน้ำแกง ก็ยังรังสรรค์ออกมาได้อย่างครบสีและกลิ่นเจ้าอารามนั่งอยู่ข้างโต๊ะ มองเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงเดินเข้ามาสายตาเขาตกอยู่บนนิ้วทั้งสิบที่กุมกันแน่น ปิดหน้าผากถอนหายใจเบาฮูหยินเฉิงกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ตามติดเข้ามาพอองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้าประตู สายตาก็ตกไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน จะอย่างไรก็เลี่ยงออกมาไม่ได้นางเดิมทีคิดว่าตอนที่นางเข้ามาเซียวหลันยวนจะมองนาง เตรียมตัวจะประสานสายตากลับเอาไว้แล้ว คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ แต่ยังเอียงหน้าไปพูดกับเจ้าอารามในใจนางผิดหวังหน่อยๆ แต่ก็ยังรู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนน่าจะรู้สึกไม่ค่อยดี จึงมองไปทางฟู่จาวหนิงพอนึกถึงว่าฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ในใจนางก็แอบเกิดความความยินดีลับๆ ขึ้นในใจ คิดอยู่ว่าพูดออกมาได้ตอนไหน ว่าความสัมพันธ์ของอ๋องเจวี้ยนกับนางก้าวข้ามก้าวใหญ่ไปแล้วด้านซ้ายของเซียวหลันยวนคือเจ้าอาราม ด้านขวาคือฟู่จาวหนิง ทำให้องค์หญิงให
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ