"ใช่แล้ว ผู้จัดการใหญ่ต่งให้ข้ารีบมาบอกท่าน""คนล่ะ?""อยู่ที่โถงหน้า"ฟู่จาวหนิงวางพู่กันลงทันที นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่นางให้ความสำคัญที่สุดในช่วงนี้ จะอย่างไรก็ต้องรีบไปดูเสียหน่อยตอนที่นางมาถึงโถงหน้า ก็เห็นพี่น้องสกุลหลิว จากนั้นจึงเห็นวัตถุดิบยาที่ถูกขนเข้ามา แล้วจึงตรงเข้าไปตรวจสอบวัตถุดิบยาเหล่านั้นโดยไม่สนอะไรอีก"หวงฉีนี่ทำไมดูแล้วคุณภาพถึงดีขนาดนี้?"ดูอยู่พักหนึ่ง ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงไปเพราะวัตถุดิบยาเหล่านี้ คุณภาพค่อนข้างดีเลยคุณภาพของวัตถุดิบยา ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพด้วย นางไม่เคยเห็นคุณภาพที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลย!"ศิษย์น้องหญิง รีบมาฟังหลิวซานหลิวไห่พูดเร็ว" ต่งฮ่วนจือเมื่อครู่ดูวัตถุดิบยาไปแล้ว รู้สึกตกตะลึงขึ้นด้วยเช่นกันเดิมทีบอกว่าลดราคามาได้สามส่วน เขาก็รู้สึกว่ายอดมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าวัตถุดิบยาจะมีคุณภาพดีขนาดนี้ตามหลักการแล้ว คุณภาพที่ดีขนาดนี้ไม่มีทางที่จะลดราคาให้ถึงจะถูก กระทั่งยังเพิ่มราคาได้อีกหน่อยด้วยซ้ำ"หลิวซานหลิวไห่คารวะพระชายาอ๋องเจวี้ยน"ฟู่จาวหนิงมองไปทางพี่น้องคู่นี้ ดูหน้าตาก็ไม่ได้ฉลาดอะไร ออกจะดูซื่อๆ ด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าพวกเขาพอลง
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจอย่างจนใจ"ให้นางเข้ามาเถอะ"จะเลี่ยงไม่พบตลอดก็ไม่ได้ ในเมื่อซื้อวัตถุดิบยาชุดนี้จากตระกูลจูมา เช่นนั้นก็รักษาซ้ำให้จูเฉียนเฉี่ยนหน่อยก็ไม่น่าเป็นไรนางให้ต่งฮ่วนจือพาพี่น้องตระกูลหลิวไปพักผ่อน ส่วนตนเองนั่งอยู่ที่นี่รอจูเฉียนเฉี่ยนจูเฉียนเฉี่ยนหลังจากเข้ามาก็รีบเดิมมาด้านหน้าฟู่จาวหนิง"หมอฟู่ ทำไมพวกเขาถึงขวางข้าไว้? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่บอกแล้วหรือ? พอพิษที่เหลืออยู่หายไป ก็ให้ข้ามาช่วยที่นี่ได้ ท่านบอกว่าประมาณสามวันก็พอ ตอนนี้ผ่านไปห้าวันแล้ว ก็ยังไม่มีใครไปเรียกข้าเลย"จูเฉียนเฉี่ยนรู้สึกน้อยใจเสียแรงที่นางก็เอาแต่รอว่าฟู่จาวหนิงจะส่งคนไปเรียกนางเข้ามา"แม่นางจูรู้สึกว่าข้าว่างนักหรือ?"ฟู่จาวหนิงเหลือบมองจูเฉียนเฉี่ยน เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ"หมอฟู่พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?""เจ้าคิดว่าเจ้าสำคัญ ขนาดที่ข้าต้องมานั่งจำว่าเจ้าจะหายตอนไหน จากนั้นก็ส่งคนไปเชิญเจ้ามาโดยเฉพาะหรือ?""ก็ ก็ไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ตอนนั้นก็บอกไว้แล้วนี่ว่าสามวัน...""โอ้ เช่นนั้นก็ขอโทษด้วย ข้าบอกว่าพิษที่เหลือในตัวเจ้าประมาณสามวันก็หาย แต่ไม่ได้บอกว่าหลังจากสามวันจะไปเ
"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวถ้าได้ยินคำนี้ของเจ้าก็คงจะปลื้มใจมาก"ฟู่จาวหนิงสีหน้าเรียบเฉย นางไม่มีแนวคิดเรื่องการอ้างทางศีลธรรม ที่รู้สึกว่าคนที่ปลูกวัตถุดิบยาก็ควรจะบริจาคออกมาอย่างให้เปล่าอะไรแบบนั้นแต่คนอย่างจูเฉียนเฉี่ยน หญิงสาวที่เวลาแบบนี้แล้วยังเอาวัตถุดิบยาที่ช่วยเหลือคนได้มากมายมาเจรจาต่อรองกับนาง เพียงเพราะความเห็นแก่ตัว นางเองก็ไม่มีเหตุผลต้องไปชอบแล้วก็ นี่ก็ถือว่าเป็นการช่วยลุงของนางด้วยพวกเขาอ้างทางศีลธรรมไม่ได้ แต่ถ้ามองในเหตุผลความเหมาะสม ในใจผู้บริหารท้องถิ่นโหยวก็คงรู้สึกไม่ค่อยดีนักนี่คือไม่ได้คิดจะช่วยเขาเลยกระมัง?"ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก หลังจากนี้ข้าจะดีกับท่านลุงให้มาก"จูเฉียนเฉี่ยนรู้สึกละอายใจหน่อยๆ นางเองก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าทำแบบนี้ไม่ดี แต่ใครให้ท่านลุงไม่ช่วยนางกันเล่า? นางก็แค่ต้องมาคิดหาวิธีเองไม่ใช่หรือ"จะว่าไป ข้าเองก็เชื่อ ว่าหมอฟู่จะเลือกเช่นนี้ ดังนั้น สุดท้ายวัตถุดิบยาพวกนี้ไม่ใช่ว่าก็ต้องขนย้ายมาที่เมืองเจ้อหรือไรกัน?"พวกเขาเองก็ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายนี่ถ้าหากคุณชายฟู่ถูกความจริงใจของนางทำให้หวั่นไหว แล้วรับนางเป็นอนุได้ก็คงจะดีมาก
"แน่นอนว่าเพราะยาที่แม่นางจูรับไปมันพิเศษไงล่ะ""นี่ท่าน! พวกเจ้าชู้!"จูเฉียนเฉี่ยนเดือดดาล ยกเท้าพัดเตะไปทางหยวนอี้เดิมทีหยวนอี้ก็หลบได้ แต่ไม่รู้ทำไมเขาจึงไม่หลบ จูเฉียนเฉี่ยนเองก็เตะมาไม่เบา ซัดเข้าไปบนหัวเข่าเขา"แม่นาง..." พี่สะใภ้อาเหออยุ่ข้างๆ พอเห็นก็ตกอกตกใจ คิดจะขวาง แต่ก็ขวางไม่อยู่นางเองก็คิดไม่ถึงว่าจูเฉียนเฉี่ยนนึกจะเตะก็เตะออกไปแบบนี้หยวนอี้ถูกเตะจนลงไปกุมหัวเขา สูดปากซี๊ด ดูแล้วน่าจะเจ็บปวดเอาการหลังจูเฉียนเฉี่ยนเตะไปก็รู้สึกละอายขึ้นมา นางเตะแล้วยังเจ็บเลย อีกฝ่ายคงไม่พิการหรอกใช่ไหม?"ให้ใครท่านหน้าไม่อายแบบนี้! พี่สะใภ้อาเหอ พวกเรารีบไปเถอะ!"จูเฉียนเฉี่ยนเองก็ไม่กล้าอยู่ที่นี่นาน รีบดึงพี่สะใภ้อาเหอออกเดินตอนที่ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าพวกนางแล้ว หยวนอี้จึงค่อยๆ ประคองกำแพงลุกขึ้นยืน ถอนหายใจออกมา"นิสัยนี้ก็ห่ามเหลือเกิน" เขาทอดถอนใจมาคำหนึ่ง จากนั้นก็พูดกับตัวเอง "ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าก็มีเหตุผลไปหาพระชายาอ๋องเจวี้ยนให้ดูขาให้แล้วสิ?"หยวนอี้กะเผลกๆ ไปหาฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงพอได้ยินว่าเขาถูกจูเฉียนเฉี่ยนเตะ ก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน"แล้วสองคนนี้ไปเจอกัน
เฉินเซียงป่วยมานานแล้ว ทั้งเนื้อตัวดูหม่นไปหมด"จริงหรือ?""จริงเจ้าค่ะ! ครั้งนี้พวกเราจะพลาดโอกาสไม่ได้แล้ว!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพยักหน้า "ข้ารู้แล้ว ข้าจะหาโอกาสไปคุยกับเขา"นางเองก็ต้องหาโอกาสฟู่จาวหนิงมาตรงหน้าหยวนอี้"ได้ยินว่าคุณชายหยวนอี้ไปยั่วโมโหแม่นางจูเข้าหรือ?""ไม่ถือว่ายั่วโมโหกระมัง ข้าแค่ถามนางไม่กี่คำ" หยวนอี้ส่ายหัวอย่างจนใจ "ข้าว่าแม่นางจูกล้าหาญเด็ดเดี่ยว คิดว่านางจะไม่ใส่ใจปัญหาพวกนั้นเสียอีก คิดไม่ถึงว่านางก็ยังเป็นหญิงสาวอยู่...""ท่านเองก็รู้ว่านางเป็นหญิงาสว แล้วทำไมยังไปถามคำถามวอนโดนอัดแบบนั้นอีกล่ะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"พระชายาอ๋องเจวี้ยนเดี๋ยวค่อยตำหนิข้าเถอะ ช่วยข้าดูหัวเข่าก่อนได้ไหม? นางถีบเข้ามาเต็มแรง เจ็บจริงๆ ตอนนี้ยังยืนไม่ตรงเลย"หยวนอี้พูดแล้วก็นั่งลงข้างๆ รั้ว เตรียมจะเลิกชายเสื้อขึ้นเขาที่นั่งอยู่สูงกว่า พอเลิกชายเสื้อขึ้น ถ้าจะให้ฟู่จาวหนิงตรวจสอบหัวเข่า ฟู่จาวหนิงก็คงต้องนั่งยองลงข้างๆ ขาเขาฟู่จาวหนิงยังไม่ทันทำอะไร ข้างๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเสียงอ๋องเจวี้ยนดังเยียบเย็น "ข้าช่วยเจ้าดูได้นะ"พูดจบ ในมือเขาที่ไม่รู้หยิบหินก้อน
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้สนใจหยวนอี้อีก หมุนตัวเดินเข้าไปในเรือนนางกังวลหน่อยๆ ไม่รู้เมื่อกี้เข้ามารายงานด่วนเรื่องอะไร แต่ที่ทำให้เซียวหลันยวนรีบออกไปได้ จะต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ตอนนี้เรื่องมากเกินไปแล้ว ถ้ายังมีเรื่องอะไรมาอีก นางเองก็แบ่งร่างไม่ไหวแล้ว แล้วก็กังวลว่าเซียวหลันยวนจะเหนื่อยเกินไป"จาวหนิง รีบเข้ามาเร็ว ที่นี่มีคนป่วยกระตุกทั้งตัวจนนิ้วเริ่มม่วงแล้ว"เสียงฟู่จิ้นเชินดังขึ้นอย่างเร่งร้อนฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนสี รีบเดินเข้าไปคนป่วยคนนั้นเพิ่งจะส่งมาไม่ถึงสองวัน ประชาชนจากเมืองเจ้อ เดิมทีร่างกายก็อ่อนแอ ครั้งนี้บอกว่าตนเองป่วยอยู่ในบ้านมาหลายวัน พอครอบครัวพบก็รีบส่งตัวเขาเข้ามา สถานการณ์เดิมทีก็หนักอยู่แล้วดังนั้นที่นี่แม้จะที่ทางไม่พอ แต่ฟู่จาวหนิงก็พยายามเว้นที่เพื่อรับเขาเข้ามาหลังจากฟู่จาวหนิงเข้าไปตรวจสอบ สถานการณ์ก็วิกฤติ อุณภูมิร่างกายเขาสูงมาก นิ้วมือหงิกงอจนม่วง ร่างกายชักกระตุกคนป่วยอื่นๆ ล้วนล้อมมุง พูดกันไปต่างๆ นานา คนที่มือไม้เป็นระวิงทำอะไรไม่ถูกก็มี ส่วนใหญ่ล้วนมีสีหน้าหวาดกลัวปกติพอเห็นสภาพป่วยเช่นนี้ คงจะช่วยเหลือไม่ได้แล้วคนที่ขี้ขลาดหน่อ
นางรู้สึกไม่สงบ เพราะคนที่ป่วยตายไม่ได้จบแค่ตรงนี้ ยังจะมีคนที่ป่วยแล้วตายอีก ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่จะทำได้ทุกอย่างศพของคนป่วยตายนี้ถูกยกออกไป ส่งให้กับคนของจวนทางการจัดการฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้แนะนำให้รวมคนมาตั้งกลุ่มพยาบาล วันนี้ก็จัดตั้งขึ้นมาแล้ว นางเองก็เอาแต่เสียใจไม่ได้ เข้าไปอบรมง่ายๆ กับคนเหล่านั้นทันทีพอยุ่งขึ้นมา ก็ผ่านไปอีกหลายวันหลายวันนี้ก็วุ่นจนหน้ามืดตามัว กลับถึงห้องดึกมากอยู่บ่อยๆ บางทีก็คุยกับเซียวหลันยวนคำสองคำ บางทีไม่เจอหน้าเลยก็มีคนอื่นถ้าไม่มีเรื่องสำคัญแล้วคิดจะมาคุยกับนาง คือเป็นไปไม่ได้เลยแต่ว่าในช่วงหลายวันนี้ คนที่ตายไปก็เพิ่มมากขึ้นแค่ไม่กี่วัน ก็ตายไปแล้วสิบกว่าคน และยังมีคนอีกหลายร้อยที่ติดโรคระบาดใหม่ประชาชนทั้งเมืองกับผู้ประสบภัยตกอยู่ในความหวาดกลัวและสิ้นหวัง ทุกวันได้ยินแต่เสียงร้องไห้น่าเวทนาทหารทางการกับกลุ่มพยาบาลที่ตั้งขึ้นมา ทุกวันซอกแซกไปทั่วเมือง คนทั้งหมดก็เหนื่อยมาก แต่ก็มีอ๋องเจวี้ยนคอยปรากฏตัวในเมืองทุกวัน ถือว่าเป็นยาสงบใจพิเศษ"ขนาดอ๋องเจวี้ยนก็ยังอยู่ในเมืองเจ้อ พวกเราไม่กลัว""ได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนสุขภาพอ่อนแอมีหลายโรค
หยวนอี้ถ้าถามว่าเสียใจไหมที่มาเมืองเจ้อ เขาก็ไม่ได้ถึงกับเสียใจอะไรนักถึงอย่างไรพอมาที่นี่ เขาจึงได้เห็นว่าฟู่จาวหนิงเป็นคนอย่างไร มีลักษณะการทำงานแบบไหน และยังได้เห็นว่านางกับอ๋องเจวี้ยนมีความรักกันแบบไหนด้วยรวมไปถึง ฟู่จิ้นเชินคนนี้ ก็ทำให้เขาตกตะลึงเหมือนกันเดิมทีเขาคิดจะมาเพื่อฟู่จาวหนิง แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าฟู่จิ้นเชินเองก็เป็ฯคนมีความสามารถแต่ต่อให้ไม่เสียใจ ตอนนี้เขาก็ต้องออกจากเมืองเจ้ออยู่ดี และต้องกลับเมืองหลวงด้วยถ้ายังไม่กลับไป พ่อของเขาเกรงว่าได้ส่งคนมาหาเขาแน่"อ๋องเจวี้ยน ข้าแอบติดตามมาคือข้าผิดเอง แต่เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจะอยู่นานขนาดนี้"หยวนอี้มองเซียวหลันยวน เอ่ยต่อว่า "ถ้าข้ายังไม่กลับไป พ่อของข้าเกรงว่าคงได้แจ้งกับฝ่าบาท แล้วจะบีบให้ฝ่าบาทส่งคนมาพาข้ากลับเมืองหลวงแน่ ถึงตอนนั้นสถานการณ์ที่เมืองเจ้อพวกท่านก็คงปิดไม่อยู่แล้ว"เขารู้สึกว่าเซียวหลันยวนคงกลัวว่าเขากลับเมืองหลวงแล้วจะเอาเรื่องที่นี่พูดออกไป"ให้ข้าลงนามสัญญาณก็ได้ รับประกันว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่เมืองเจ้อนี้ออกไป ไม่ใช่แค่จักรพรรดิเจา กระทั่งพ่อข้ากับทูตของข้าก็จะไม่เอ่ยถึง ถ้าหากมีอะไรจำ
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้