เซียวหลันยวนบีบมือฟู่จาวหนิงนางจะต้องเหนื่อยล้าไปหมดแน่ๆเขาเอ่ยถามเสียงต่ำ "ได้ยินจากอันเหนียนว่าเจ้าขาดแคลนวัตถุดิบยา?""อืม ไม่ใช่แค่ตอนนี้ที่คนป่วยที่เป็นโรคระบาดต้องการวัตถุดิบยา แต่ยังต้องเตรียมการป้องกันไม่ให้มีคนถูกระบาดอีก ตอนนี้จากที่เห็น เส้นทางการระบาดยังไม่ถูกตัดขาดอย่างสมบูรณ์"ฟู่จาวหนิงยอมให้ตนเองพิงหน้าอกเขาพักผ่อนสักครู่แต่นางก็รู้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นางจะมาพักผ่อนอย่างผ่อนคลายได้นางพลิกมือมากุมมือเซียวหลันยวน ลืมตากว้าง เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ "ดังนั้นท่านจะอยู่ที่นี่นานไม่ได้ พรุ่งนี้กลับเมืองหลวงเถิด""ไล่ข้าไวขนาดนี้เชียว?"ฟู่จาวหนิงถอนใจ "เพราะข้ากังวลว่าถ้าท่านอยู่อีกวันสองวันแล้วจะออกไปลำบากแล้ว"ถึงตอนนั้นถ้าคนถูกระบาดมีมากขึ้น ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดก็คือการปิดเมืองถ้าปิดเมืองขึ้นมา พวกเขาก็ออกไปมไม่ได้ อยู่ที่นี่ไปก็อันตรายถ้าออกไปก็จะมีความเสี่ยงเอาเชื้อโรคออกไปอีกฟู่จาวหนิงในฐานะหมอคิดว่ามันไม่ค่อยจะฉลาดนักแต่ว่านางไม่พูดผลลัพธ์ว่าอาจจะต้องปิดเมืองกับเซียวหลันยวน เพราะหากพูดออกไป เซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยให้นางอยู่ที่นี่ต่อแน่แต่นางก็คิดไม่ถึง
ความรักต่อประชาชนของฟู่จาวหนิง มากกว่าโอรสสวรรค์ที่พวกเขาเคารพกว่ามากนักเซียวหลันยวนอดกัดเบาๆ ลงไปบนหน้านางไม่ได้ เอ่ยขึ้นอย่างเคืองๆ "ข้าว่า ตำแหน่งนั้นในวังจักรพรรดิควรให้เจ้าไปนั่ง""พรวด" ฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมา "คำพูดนี้มันพูดเรื่อยเปื่อยได้ด้วยหรือ?"จะให้นางขึ้นเป็นจักรพรรดินีหรือไรกัน?"เขาไม่สนอะไรทั้งนั้น แต่เจ้าจะเอาตัวเองมาถวายให้ประชาชนของเขาอยู่แล้ว" เซียวหลันยวนร้องเชอะขึ้นมา"ท่านอยากให้ข้าไปเป็นจักรพรรดินีหรือไรกัน? แล้วจักรพรรดินีอยู่ในวังหลังต้องมาสามพัน..."ฟู่จาวหนิงเองก็หยอกตามมา แต่นางยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกปากของเซียวหลันยวนประกบปิดเสียแล้วจนนางหายใจหอบ เซียวหลันยวนจึงปล่อยนาง จิ้มไปที่แก้มนาง "ล้อเล่นแบบนี้ห้ามพูดอีกนะ"ยังอยากจะได้สามพันอะไรที่วังหลังกัน?คิดอะไรน่ะ?!ไม่รู้เพราะอะไร ยิ่งโมโห เซียวหลันยวนก็ยิ่งควบคุมความคิดตนเองไม่อยู่ ถ้าหากฟู่จาวหนิงไปเป็นจักรพรรดินีจริง ก็จะมีทั้งสวามี แล้วยังมีสามพันที่วังหลังอีก แบบนั้น ซือถูไป๋คงได้รีบเข้าวังแน่ๆชิ่งอวิ๋นเซียวเจ้าผู้นำน้อยตระกูลชิ่งนั่น ก็น่าจะเข้าวังด้วยไหม?แล้วก็องค์ชายสองต้าชื่อนั่นอีกคน ต
เซียวหลันยวนได้ยินเสียงหัวเราะของฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าสิ่งที่นางอยากพูด ไม่น่าจะใช่เรื่องดี"อะไรหรือ?""สร้างจักรพรรดิหุ่นเชิดขึ้นมา จากนั้นท่านก็ไปเป็นผู้สำเร็จราชการแทน เช่นนี้ก็ไม่ต้องมีสนมวังหลังแล้ว แล้วก็ไม่ต้องถูกคนคอยกดดันด้วย"เซียวหลันยวนปิดปากของนางไว้"ข้าไม่เคยเห็นใครที่กล้าแบบเจ้ามาก่อนเลย กล้าพูดมันทุกอย่าง""อุ๊บๆ..." ก็ไม่ใช่ท่านให้ข้าพูดหรือไรกัน?เซียวหลันยวนเข้าใจความหมายของนาง"อืม ข้าคือคนที่แหกคอกบุ่มบ่ามเสิบสานแบบนั้นนั่นล่ะ ใครจะรู้ว่าเจ้ายังกล้ายิ่งกว่าข้าเสียอีกเขาคิดมาตลอดว่ามีแต่เขานี่ล่ะที่กล้าพูดจาเหลวไหลฟู่จาวหนิงหัวเราะคิกคักทั้งสองคนหยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่งเซียวหลันยวนจึงพูดอย่างเป็นทางการ "อันเหนียนบอกว่าเจ้าจะไปซื้อยาจากโรงยาทงฝูหรือ?""เรื่องนี้เขาก็บอกท่านด้วยหรือเนี่ย?"ฟู่จาวหนิงดึงแขนเขา "ถ้าซื้อจากพันธมิตรโอสถได้ก็จะดีกว่า แต่ว่าร้านสาขาที่อยู่ใกล้ที่นี่ที่สุด ศิษย์พี่รองก็ขนวัตถุดิบยาเข้ามาหมดแล้ว ถ้าจะหาอีกก็ต้องไปหาสถานที่ที่ไกลออกไปหน่อย แต่โรงยาทงฝูของเมืองหลวงกับในเมืองเจ้อ พวกเรายังไม่ได้เข้าไปหาเลย"อาจารย์เคยบอกไว้ ผู
"ไม่รู้สิ รอเจ้าบอกมาแล้วกัน แต่ว่าไม่ว่าจะเท่าไร ถ้าเจ้าต้องการ ข้าก็จะไปหามา" เซียวหลันยวนบีบคางนางเบาๆ มองนางอย่างตั้งใจ "ข้าคือสามีเจ้านะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ข้าก็หวังให้เจ้าคิดถึงและมาหาข้าเป็นคนแรก"เขาหวังว่านางมีเรื่องอะไรที่ลำบากจะสามารถมาหาเขาเป็นคนแรกได้ พึ่งพาเขาเสียหน่อย อย่าเอาแต่ข้ามตัวเขาไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น"ข้าคิดว่าเรื่องวัตถุดิบยา..." ซือถูไป๋เขาทำเรื่องพวกนี้อยู่ ดังนั้นไปหาเขาน่าจะตรงไปตรงมามากกว่า ดังนั้นนางจึงคิดถึงซือถูไป๋ขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณแต่นางท้ายสุดก็ยังต้องล้มเลิกความคิดนี้ไปนี่?แต่ว่า ครั้งนี้นางไม่ได้คิดถึงเซียวหลันยวนเลยนางเดิมทีก็เป็นคนของพันธมิตรโอสถใต้หล้า ศิษย์พี่ของนางก็อยู่ที่นี่ อาจารย์ก็กำลังคิดหาวิธี ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าพวกเขาหาวัตถุดิบยาได้ทางตรงกว่าเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนส่ายหัว "หนิงหนิง หลายครั้ง ที่เจ้าไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องอำนาจเท่าไรนัก"ขณะฟู่จาวหนิงกำลังคิดประโยคนี้ของเซียวหลันยวน พวกของชิงอีในที่สุดก็ตามมาถึงแล้วขบวนรถที่ยิ่งใหญ่ ทำเอาคนทั้งหมดตกตะลึงผู้บริหารท้องถิ่นโหยวนำขบวนรถมาที่นี่ ต่งฮ่วนจือพวกเขาก็ออกไปดูแว
ฟู่จาวหนิงดึงสติกลับมาไม่ได้ไปพักหนึ่งนางมองเซียวหลันยวน เพราะอยู่ใกล้มากที่สุด แต่ก็ยังมองเห็นตาของเขา รู้สึกแค่ว่าในตาของเขามีประกายดวงดาวอยู่...อา นั่นเป็นครั้งแรกที่นางเกิดอาการคลั่งรักจนอยากจะบ้าอยากจะตายเพื่อเขา อยากจะใช้เวทมนต์กระแทกกำแพงให้ดังก้องเพื่ออ๋องเจวี้ยน"ท่านทำได้อย่างไรกัน? องค์จักรพรรดิยอมได้อย่างไร?"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ ถามเซียวหลันยวนขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อคำนวณจากจดหมายก่อนหน้า จนถึงตอนที่เขานำวัตถุดิบยาและคนจำนวนมากมาที่นี่ ระหว่างนี้ก็เหมือนใช้เวลาไปไม่มากเลยหรือก็คือ เขาจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ จะต้องใช้ความกล้าหาญและกลยุทธ์มากมาย ทำปั๊ปก็เสร็จปุ๊ปเลยทีเดียวนี่เป็นประโยคที่พูดได้ชัดเจนที่สุดแล้ว"เขาจะยอมเห็นด้วยได้อย่างไรกัน?" เซียวหลันยวนเอ่ยอย่างสงย "ก็แค่ขวางข้าไม่อยู่เท่านั้น""หนึ่งครั้งสองครั้ง สามครั้งสี่ครั้งแบบนี้ เกรงว่าเขาคงไม่ทนต่อไปแล้ว ท่านไม่กลัวว่าเขาจะก่อเรื่อง แล้วพุ่งเข้ามาแว้งกัดท่านหรือไรกัน?"ฟู่จาวหนิงคิดถึงความยากลำบากตอนที่เขาจัดการเรื่องนี้ที่เมืองหลวง ก็อดรู้สึกปวดใจขึ้นมาไม่ได้เซียวหลันยวนมองออกถึงความเป็นห่วงในสาย
แต่ว่าหมอหลินเองอันที่จริงก็ไม่ค่อยเข้าใจ ตอนนั้นที่ฟู่จาวหนิงอายุสิบสามสิบสี่ปี นางไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ตอนที่ไปหาเขาที่โรงหมอเล็ก เรียกได้ว่าน่าสงสารไม่มีที่พึ่งพาเลย ตอนที่พูดถึงอาการของท่านปู่ ก็แทบจะร้องไห้ออกมาแล้วแต่ก็ไม่รู้เพราะอะไร พอนางอายุสิบหกปี เริ่มตั้งแต่วันที่ถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียว ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้นตอนนี้นางเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว กลายเป็นหมอเทวดาที่เลื่องชื่อไปทั่วพอคิดถึงตอนนั้นที่ตนเองเตือนฟู่จาวหนิงไป บอกให้ผู้เฒ่าฟู่ได้กินดื่มดีดี จากไปอย่างสงบ อย่าเสียเงินทองมาซื้อหยูกยาเลย หมอหลินก็รู้สึกว่าตนเองหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาจู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจละอายใจจนขึ้นมาพูดกับฟู่จาวหนิงก่อน นี่คงจะไม่ถูกฟู่จาวหนิงเย้ยหยันเอาหรอกกระมัง?เขาก็แค่จู่ๆ นึกถึงเรื่องในอดีตออกเท่านั้น จึงอยากจะชดเชยเสียหน่อย กระตือรือร้นหน่อย ช่วยฟู่จาวหนิงให้มากขึ้นอีกหน่อยครั้งนี้ หลังจากเขาได้ยินคำพูดของอ๋องเจวี้ยนในจวนอ๋องเจวี้ยน ก็เป็นคนแรกที่ไม่คิดอะไรมาก แล้วเลือกมาที่เมืองเจ้อทันทีในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าให้เสียเปล่า อย่างน้อยก็ต้องลงแรงกันบ้าง"หมอหลินไม่ได้ทำอะ
หมอลินมองคนที่ถอยออกไปพวกนั้น ในใจก็กรีดร้องแหลมขึ้นมา...พวกเจ้ามันโง่!นี่มันโอกาสหายากขนาดไหน! ได้ติดตามไปรักษาคนป่วยข้างกายพระชายาอ๋องเจวี้ยน ได้ยินว่านางไม่หวงวิชาด้วย แล้วยังเอาจริงเอาจังต่างหาก ดังนั้นติดตามนางไปจะได้เรียนรู้ไม่น้อยเลย!บางที พอผ่านเรื่องนี้ไป วิชาแพทย์ของเขาก็อาจจะพัฒนาไปอีกขั้นก็ได้!ถ้ากหากเขาติดตามไปกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน ค้นคว้าตำรับยารักษาโรคนี้ได้ เช่นนั้นหลังจากนี้ในโรงหมอที่เมืองหลวง ตัวตนฐานะก็จะไม่ใช่แบบตอนนี้แล้ว!นี่เป็นโอกาสที่เขาอยากได้แต่ก็ไม่เคยจะได้มาเลยนะสองสามปีนี้ พอได้ยินว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนรักษาใครหาย เขาก็รู้สึกคันยุบยิบ อยากจะไปทักทายนาง แต่ก็ทำใจไม่ได้เสียที แล้วยังกลัวว่าฟู่จาวหนิงจะจำเรื่องในอดีตได้แล้วหันมาโกรธเขาแต่ตอนนี้โอกาสมากองอยู่ตรงหน้าเขาแล้วหมอหลินรู้สึกว่า ครั้งนี้ที่มาเมืองเจ้อคือถูกต้องแล้วในการเดินทางนี้ ยังมีคนไม่น้อยที่แอบนินตาอ๋องเจวี้ยน บอกว่าเขาอหังการเกินไป จะลากพวกเขามาเมืองเจ้อให้ได้แต่หมอหลินกลับรู้สึกซาบซึ้งตัวอ๋องเจวี้ยน ถ้าไม่ใช่อ๋องเจวี้ยน เขาจะมีโอกาสเช่นนี้ได้อย่างไร!หมอหลินตอนนี้มองคนโง่เ
"อย่างนี้เรียกว่าฉลาดได้อย่างไรกัน? คุณชายหยวนเลิกล้อเล่นได้แล้ว อ๋องเจวี้ยนจะต้องตามไปข้างกายพระชายาแน่ ท่านทำงานอยู่ข้างๆ พระชายา ท่านอ๋องจะไม่พบท่านได้อย่างไรกัน?"ถึงตอนนั้นเขาต้องมารับผิดชอบอีก ใครให้เขามาปกป้องคุณชายหยวน?ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่รู้ว่าเป้าหมายที่หยวนอี้ทำแบบนี้คืออะไร ทำไมถึงทำให้เขารู้สึกลนลานนักนะ"เมื่อครู่ข้าเห็นหมอเทวดาฟู่กับอ๋องเจวี้ยนอยู่ด้วยกันแล้ว รู้สึกว่าความรักสามีภรรยาของพวกเขานั้นดีมาก" หยวนอี้ตอบไม่ค่อยจะตรงคำถาม"แน่นอนสิ เห็นพูดกันว่าอ๋องเจวี้ยนเป็นคนที่โกรธได้เพื่อพระชายาของเขา""เช่นนั้น หมอเทวดาฟู่ตอนนี้จะไปรักษาคนป่วยพวกนั้น เห็นบอกว่าระบาดได้รุนแรงมาก แล้วนางทำไมจึงให้อ๋องเจวี้ยนติดตามอยู่ข้างกายตลอดล่ะ? ข้ากลับรู้สึกว่า หลังจากนี้ หมอเทวดาฟู่ไม่น่าจะมีโอกาสได้อยู่กับอ๋องเจวี้ยนเท่าไรนักหรอก"หมอหลวงเผียวงงงันไปทำไมถึงรู้สึกว่าคุณชายหยวนดูจะเข้าใจสามีภรรยาอ๋องเจวี้ยนดีเหลือเกิน?"นั่นก็ไม่ได้เช่นกัน พระชายาอ๋องเจวี้ยนเองก็อาจจะสงสัยตัวตนของท่านด้วย""นางเองก็ไม่เคยเห็นข้า ยิ่งไม่มีทางรู้จักคนทั้งหมดข้างกายหมอหลวงเผียวด้วย แล้วนี่ก็
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้