แชร์

บทที่ 1690

ผู้เขียน: จุ้ยหลิงซู
ฟู่จาวหนิงเลิกม่านมองไปด้านนอก

สภาพของสองฟากถนน และสถานการณ์ของร้านเล็กบ้านเรือนต่างๆ ขณะที่แล่นผ่าน นางเห็นแน่นอนอยู่แล้ว

นางกระทั่งเห็นเด็กหลายคนกระจุกอยู่ด้วยกัน ตัวสั่นงันงก ล้อมไฟเล้กองหนึ่งไว้ เบ้าตาดำลึก

"คุณหนู ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าผู้ประสบภัยที่นี่จะมากขนาดนี้" เสี่ยวเยว่ใจผวาขึ้นมา

"ก็จริง ใครจะคิดออกกัน ว่าที่นี่ห่างจากเมืองหลวงแค่ห้าหกวันเท่านั้น?"

ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกไม่อยากเชื่อ

ผู้ประสบภัยเดินได้ช้า เช่นนั้นถ้าจะเดินไปเมืองหลวงก็น่าจะกินเวลาครึ่งเดือน

ใกล้กันแค่นี้ แต่เมืองเจ้อกับเมืองหลวงก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว

เมืองหลวงทางนั้น ถ้าไม่ใช่ก่อนหน้านี้ต้องลำบากกันเพราะเรื่องโรคระบาดของชินอ๋องเซียวล่ะก็ อย่างน้อยก็ยังถือว่าร้องรำทำเพลงกันได้อยู่

แต่ทางนี้กลับสภาพเลวร้ายมาก

ตอนที่ผ่านซอยหนึ่ง ฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงหมาร้อง จากนั้นไม่นานก็กลายเป็นเสียงครางเบาๆ แล้วก็เงียบเสียงไป

มีคนนับสิบถือกระบองรวมตัวอยู่ที่นั่น เอะอะมะเทิ่งกัน

ตอนที่รถม้าแล่นผ่านฟู่จาวหนิงก็เห็นว่าพวกเขาจู่ๆ ก็ต่อสู้กันขึ้นมา

น่าจะไม่ได้แย่งหมาตัวนั้นกันหรอกกระมัง?

นางยังได้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1691

    สืออีเดินมาข้างๆ พวกเขา คุกเข่าลงมา สบกับดวงตาแดงก่ำชอบหนุ่มน้อยคนนั้นเขาหยิบขวดยาใบหนึ่งออกมา เทยาลูกกลอนเม็ดหนึ่ง ยัดเขาไปในปากเขา แต่ก็รู้สึกเหมือนชาหนุ่มคิดจะคายยานั้นออกมา"นี่เป็นยาห้ามเลือดรักษาแผล หมอเทวดาทำขึ้นมา ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็รีบกินเสีย ข้าไม่มีความจำเป็นต้องมาทำร้ายเจ้าเวลานี้" สืออีเอ่ยขึ้นทันทีชายหนุ่มจึงกลืนกลืนยาลงไปพร้อมกับเลือดทันควันฟังรู้เรื่องสินะ ดีมาก"ครอบครัวพวกเจ้าล่ะ?" สืออีถามต่อแม่นางน้อยยังคงร้องไห้จ้า สองมือกอดแขนพี่ชายไม่ยอมปล่อยแต่พอได้ยินเสียงเขา แม่นางน้อยยังก็ยังตอบกลับพลางสะอื้น "พ่อ ตายแล้ว แม่ตายแล้ว ไม่ ไม่มีใคร...โฮ!"สืออีไม่รู้ควรจะพูดอย่างไรต่อดีตอนนี้เขาก็เพิ่งเห็นว่าท้ายทอยของแม่นางน้อยก็มีคราบเลือดอยู่ จนผมติดกันเป็นก้อน ไม่รู้ว่าบาดเจ็บมานานแค่ไหนแล้วพออยู่กับฟู่จาวหนิงนานไป แม้เขาจะไม่มีวิชาแพทย์ แต่ก็ยังรู้ว่าบาดเจ็บที่หัวเป็นไปทั้งเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก จึงรีบบอกกับแม่นางน้อยว่า "เด็กน้อยรีบหยุดร้องเร็ว พวกเราพาพี่ชายเจ้าไปหาหมอดีไหม?""ไม่ ไม่มีหมอ..."แม่นางน้อยเพิ่งพูดประโยคนี้จบ ดวงตาก็เหลือก แล้วก็สลบลงไปกะทัน

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1692

    ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเดิมทียังคิดว่าผ่านการเร่งเดินทางมาหลายวัน บวกกับพอเข้าเมืองเจ้อก็เห็นสภาพแบบนี้ พระชายาอ๋องเจวี้ยนน่าจะหน้าซีดเซียว สีเหน้าตึงเครียดเป็นกังวล แต่คิดไม่ถึง ว่าที่เขาเห็นจะเป็นฟู่จาวหนิงที่เคร่งขรึม แต่ไม่ได้ร้อนรนและตึงเครียดสีหน้านางยังคงดีมาก ท่วงท่าบุคลิกก็ไม่ธรรมดา จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนหญิงสาวอ่อนหวานที่ถูกเลี้ยงดูมาจากครอบครัวเล็กที่ตกอับตามที่ลือกันเลยผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเก็บความรู้สึกดูถูกลงไปทันทีเดิมทีเขายังคิดว่า พระชายาสูงส่งคนหนึ่งวิ่งแจ้นเข้ามาที่แบบนี้ ไม่ใช่ยังต้องจ่ายเงินแรงคนออกมาปกป้องรึ? น่าจะเป็นคนที่เวลาเดินทาง จะต้องมีองครักษ์มากมายติดตาม ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้บ้างตอนนี้เขารู้สึกคาดหวังมากคิดอยากจะเห็นว่าฟู่จาวหนิงจะทำอะไรได้"พระชายา!"ฟู่จาวหนิงกำลังจะให้ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเล่าเรื่องสภาพผู้ประสบภัยเมืองเจ้อ พวกของสืออีก็รีบร้อนเข้ามาแล้ว"เมื่อครู่ตอนที่ข้าไปเด็กคนนี้กำลังถูกทุบตี ส่วนแม่นางน้อยคนนี้เป็นน้องสาวนาง ที่ท้ายทอยมีแผล" สืออีรีบบอกออกมาอย่างชัดเจนฟู่จาวหนิงดูอยู่ครู่เดียว "เอาพวกเขาไปในห้องโถง เสี่ยวเยว่ กล่องยา"

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1693

    พอเห็นแผลนี้ ก็เป็นไปได้มากว่าสมองจะกระทบกระเทือน แผลน่าจะสองวันแล้ว ทนมาได้อย่างไรกันนี่?นางกับเสี่ยวเยว่ช่วยกันล้างแผลให้แม่นางน้อย ทายา พันผ้าไว้หลังจากเสื้อผ้าส่งเข้ามา ก็จัดแจงเปลี่ยนให้กับเด็กทั้งสองคนสืออีดึงผ้ากั้นแยกทั้งสองคนไว้ พวกเขาเปลี่ยนให้เด็กหนุ่ม ส่วนทางนี้ ฟู่จาวหนิงกับเสี่ยวเยว่เปลี่ยนให้แม่นางน้อยพวกเขาไม่ใช่แค่มีแผลเต็มตัว แต่ทั้งตัวยังหนาวเย็น บวกกับเสื้อผ้าที่ทั้งบางทั้งขาด เต็มไปด้วยรอยเย็บมากมาย กระทั่งยังมีกลิ่น"คุณหนู เสื้อผ้าสองชุดนีต้องเผาไหม?" เสี่ยวเยว่ถามฟู่จาวหนิงเหลือบมอง "วางไว้ด้านนอกก่อน รอพวกเขาตื่นแล้วค่อยถามพวกเขา"ผ้าเผื่อนี่เป็นเสื้อผ้าสุดท้ายที่พ่อแม่พวกนางทำไว้ให้ล่ะ? ต่อให้จะขาดจะเก่าจะสกปรก แต่สำหรับพวกเขาอาจจะล้ำค่ามากก็ได้เสี่ยวเยว่พยักหน้านางมองฟู่จาวหนิง รู้สึกว่าคุณหนูเป็นคนที่ละเอียดและจิตใจดีมากฟู่จาวหนิงจัดการแผลให้แม่นางน้อยเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงท้องของนางร้องขึ้นมา จากนั้นจึงเป็นเสียงโครกครากต่อเนื่องอีกครั้ง"หิวมากเลย""ใต้เท้าอันให้คนไปทำกับข้าวแล้ว ข้าไปเอาของวางมาให้ก่อน" เสี่ยวเยว่เอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงพย

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1694

    "ให้เสี่ยวยากิน ค่อยๆ กิน กินของวางชิ้นหนึ่งก่อน ตอนนี้อากาศเย็น รอข้าวเย็นเสร็จก่อนแล้วค่อยกินข้าวนะ" ฟู่จาวหนิงลูบหัวนางเบาๆเสี่ยวเยว่ยื่นของว่างชิ้นหนึ่งเข้ามาเสี่ยวยารับไปแบบใจตุ้มต่อม มองของว่างชิ้นนั้นแล้วก็ร้องไห้ขึ้นมา จากนั้นจึงมองไปทางพี่ชาย"ข้าอยากให้พี่ตื่นขึ้นมา แล้วให้พี่ชายกิน..."ของว่างดีดีแบบนี้ นางได้กลิ่นหอมหวานแล้ว นางจะกินเองไม่ได้ ต้องเหลือไว้ให้พี่ชาย"รอพี่ชายเจ้าตื่นก็ยังมีอีก เจ้ากินเถอะ"เสี่ยวเยว่รีบปลอบนางฟู่จิ้นเชินเองก็หาไม้กระดานกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงเริ่มทายาพันแผลให้เด็กหนุ่มทันที ขึ้นไม้กระดาน พลางบอกจุดที่ต้องระวังกับฟู่จิ้นเชินสืออีกไป๋หูก็ฟังอยู่ข้างๆ เผื่อนำไปใช้ได้เสี่ยวยาตอนนี้จึงเพิ่งสังเกตเห็นอย่างตกใจ เสื้อผ้าบนตัวพี่ชายเปลี่ยนไปแล้ว สวมใส่ชุดที่สะอาดเอี่ยมทั้งตัวนางเองก็ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู แล้วก้มลงมองตัวเอง จึงพบว่าตัวเองก็เปลี่ยนชุดใหม่แล้วเหมือนกันเป็นชุดผ้าฝ้ายที่อุ่นมากนางมองงงๆ ไปทางฟู่จาวหนิงอีกครั้ง แล้วนางก็บอกว่านางไม่ใช่พี่สาวนางฟ้า!ไม่ใช่พี่สาวนางฟ้า แล้วทำไมถึงให้เสื้อผ้าใหม่กับนางและพี่ชายล่ะ?เสี่ยวยาร

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1695

    เก๋อมู่กวงหลายวันก่อนตรวจเจอจดหมายจากในแผลของโป๋จีน่าเสียดายที่จุดหมายนั้นชุ่มไปด้วเยลือด อักษรด้านบนอ่านไม่ได้ สืบสวนต่อก็ไม่ได้อะไร โป๋จีแม้จะบอกว่าจดหมายต้องส่งให้ฟู่จาวเฟย แต่เขาก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยแม้แต่น้อย ที่ยืนยันได้ว่าฟู่จาวเฟยสองปีนี้ติดต่อกับราชาเฮ่อเหลียน"ก็มาหาอยู่สองครั้ง"เซียวหลันยวนเองก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ "แต่ก็ถูกข้าไล่กลับไป"ตลกแล้ว ฟู่จาวเฟยอยู่ในจวนอ๋อง ถ้าไม่มีหลักฐาน เขาจะมาเอาตัวคนไปได้อย่างไร?เก๋อมู่กวงคนนี้เองก็รับการกระตุ้นไม่ไหว พอกระตุ้นก็จะพูดผิด ตอนที่เขามาครั้งที่สองก็ถูกผู้ดูแลจงกระตุ้นไปสองคำ โมโหจนฟาดโต๊ะ แต่ผลลัพธ์...ก็ทำโต๊ะนั่นพังแล้วจะปล่อยได้อย่างไร?ดังนั้น เซียวหลันยวนจึงให้คนเข้าวังไปฟ้องทันทีองค์จักรพรรดิพอได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกไม่อยากเชื่อ แต่พอไปถามเก๋อมู่กวง เก๋อมู่กวงก็ยอมรับแล้วเขาเองก็ไม่กล้าไม่ยอมรับ เพราะนี่เป็นเรื่องจริง แต่เขาพูดเรื่องที่เขาถูกผู้ดูแลจวนอ๋องเจวี้ยนกระตุ้นจนเลือดขึ้นหัวจึงอดรนทนไม่ไหวได้หรือ?เขาทำไม่ได้ เขาที่เป็นแค่รองแม่ทัพคนหนึ่ง แต่กล้าไปอาละวาดในจวนอ๋องเจวี้ยน นี่ก็ถือว่าละเมิดเบื้องสูงแล้วด

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1696

    เซียวหลันยวนยืนมือไว้บนหน้าผาก ถามเขาว่า "เจ้าคิดว่า เจ้าอารามอยู่บนยอดเขาโยวชิงจะเหงาไหม?""หา?" ชิงอีงงงันเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงอยู่บนเขามาไม่รู้กี่ปี พวกเขาแม้จะอยู่ที่นั่นมาสิบกว่าปี แต่ก็ไม่เคยเห็นปัญหานี้มาก่อนดังนั้น ชิงอีจึงไม่รู้คำตอบของคำถามนี้คิดๆแล้ว เขาจึงถามคำถามที่ซ่อนไว้ในใจออกมา "ท่านอ๋อง เจ้าอารามตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว?"คำถามนี้อันที่จริงเขาอยากถามมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่กล้าเซียวหลันยวนเหลือบมองเขา "ข้าเองก็ไม่เคยถาม""ดังนั้นท่านอ๋องก็ไม่รู้ว่าเจ้าอารามอายุเท่าไรหรือ?""นี่มันสำคัญไหม?""ไม่ ไม่ขอรับ" ชิงอีรีบโบกมือ "ข้าน้อยก็แค่อยากรู้""ออกไปก่อน""่ขอรับ"หลังจากชิงอีออกไป เซียวหลันยวนจึงหยิบจดหมายขึ้น เปิดออกอ่านจดหมายสั้นกระชับ เป็นลักษณะของเจ้าอารามโยวชิงแต่ที่เขียนบนจดหมาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่เร่งรีบอะไร"ก่อนเดือนสาม พาภรรยาของเจ้ามาที่ยอดเขาโยวชิงหน่อย"แค่ประโยคเดียวเซียวหลันยวนงงงันพาจาวหนิงไปยอดเขาโยวชิง? มีเรื่องอะไรกัน?พอคิดๆ เซียวหลันยวนจึงเขียนตอบกลับจาวหนิงตอนนี้ไปเมืองเจ้อ หลังจากกลับมายังต้องถามนางอีก ไม่รู้ว่านางจะยอมไปยอดเข

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1

    ณ เมืองหลวง แคว้นเจาบนถนนที่คึกคักหญิงสาวที่สวมชุดงดงามนางหนึ่งกำลังนำทหารหลายคนของนางไปดักขบวนแห่เจ้าสาวขบวนหนึ่งอย่างดุดัน“หลีกไป นี่คือคุณหนูใหญ่จากตระกูลของหมอเทวดาหลี่ หากว่าพวกเจ้าทำให้คุณหนูไม่พอใจระวังจะเดือดร้อน!” ผู้คนที่กำลังเดินอยู่บนถนนต่างพากันรีบหลีกทางให้ในทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลง เหล่าชาวเมืองมองไปที่ขบวนแห่เจ้าสาวที่ถูกตกแต่งด้วยความรู้สึกเห็นใจ “นี่เจ้าสาวจากตระกูลไหนกันเนี่ย? ไปทำอะไรให้คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ขัดใจกัน?”“เจ้าไม่รู้หรือ? วันนี้เป็นวันแต่งงานของรัชทายาทเซียวกับคุณหนูตระกูลฟู่ คนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวนั่นก็ต้องเป็นคุณหนูฟู่นั่นแหละ”โครม เกี้ยวเจ้าสาวถูกทหารของตระกูลหลี่ใช้กำลังบังคับให้หยุดลง หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ได้ยินเสียงตุ๊บดังออกมา คล้ายจะเป็นเสียงของศีรษะที่กระแทกอะไรสักอย่าง“ไปเอาตัวฟู่จาวหนิงมา! แล้วก็ไปถอดชุดเจ้าสาวของนางทิ้งซะ!”คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ชี้นิ้วไปยังเกี้ยวเจ้าสาวก่อนจะสั่งออกมาอย่างวางอำนาจ ทันใดนั้นทหารรับใช้ก็วิ่งไปแล้วยื่นมือไปเปิดม่านบังเกี้ยวเจ้าสาวทันทียายเฒ่าผู้ดูแลพิธีที่ยืนอยู่ด้านข้

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2

    สมองจาวหนิงผุดภาพร่างกายที่อ่อนแอของผู้เฒ่าฟู่ขึ้นมาฟู่จาวหนิงกับรัชทายาทเซียวเดิมทีมีการหมั้นหมายอยู่ สุขภาพผู้เฒ่าฟู่เองก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือสามารถเห็นหลานสาวแต่งเข้าจวนตระกูลเซียวได้อย่างราบรื่น ได้มีที่พึ่งพิงในภายภาคหน้า แต่ตระกูลเซียวก็ไม่ยอมเอ่ยเรื่องงานมงคลเสียทีช่วงนี้อาการป่วยของผุ้เฒ่าฟู่ก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว เขาเป็นลมหมดสติอยู่บ่อยครั้ง พอตื่นขึ้นมาก็จะคว้ามือของนางและกังวลเรื่องงานแต่ง ฟู่จาวหนิงก็ร้อนรน ดังนั้นแต่ละวันจึงเอาแต่เซ้าซี้รัชทายาทเซียว หลังถูกปฏิเสธมาหลายครั้ง นางจึงหยิบยกเอาคุณงามความดีที่บิดามารดาของนางเคยช่วยชีวิตองค์รัชทายาทไว้ออกมาให้องค์จักรพรรดิประทานจัดงานแต่งงานให้รัชทายาทเซียวก็ถูกบีบจนต้องจำใจยอมรับการแต่งงานกับฟู่จาวหนิงเซียวเหยียนจิ่งเองก็เป็นบุรุษรูปงามอันดับต้นๆ ในเมืองหลวงจริงๆ คิ้วกระบี่ดวงตาดอกท้อ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเชิด รูปหน้ายอดเยี่ยม ร่างสูงโปร่ง เสื้อคลุมสักหลาดพอดีตัวดูสูงส่ง ขับเน้นร่างของเขาออกมาจนตัวดูเป็นคนแต่นิสัยเป็นสุนัขเสียอย่างนั้นไม่แปลกที่หลี่จื่อเหยาหลงใหลเขามาตลอดพอคิดถึงสถาน

บทล่าสุด

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1696

    เซียวหลันยวนยืนมือไว้บนหน้าผาก ถามเขาว่า "เจ้าคิดว่า เจ้าอารามอยู่บนยอดเขาโยวชิงจะเหงาไหม?""หา?" ชิงอีงงงันเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงอยู่บนเขามาไม่รู้กี่ปี พวกเขาแม้จะอยู่ที่นั่นมาสิบกว่าปี แต่ก็ไม่เคยเห็นปัญหานี้มาก่อนดังนั้น ชิงอีจึงไม่รู้คำตอบของคำถามนี้คิดๆแล้ว เขาจึงถามคำถามที่ซ่อนไว้ในใจออกมา "ท่านอ๋อง เจ้าอารามตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว?"คำถามนี้อันที่จริงเขาอยากถามมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่กล้าเซียวหลันยวนเหลือบมองเขา "ข้าเองก็ไม่เคยถาม""ดังนั้นท่านอ๋องก็ไม่รู้ว่าเจ้าอารามอายุเท่าไรหรือ?""นี่มันสำคัญไหม?""ไม่ ไม่ขอรับ" ชิงอีรีบโบกมือ "ข้าน้อยก็แค่อยากรู้""ออกไปก่อน""่ขอรับ"หลังจากชิงอีออกไป เซียวหลันยวนจึงหยิบจดหมายขึ้น เปิดออกอ่านจดหมายสั้นกระชับ เป็นลักษณะของเจ้าอารามโยวชิงแต่ที่เขียนบนจดหมาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่เร่งรีบอะไร"ก่อนเดือนสาม พาภรรยาของเจ้ามาที่ยอดเขาโยวชิงหน่อย"แค่ประโยคเดียวเซียวหลันยวนงงงันพาจาวหนิงไปยอดเขาโยวชิง? มีเรื่องอะไรกัน?พอคิดๆ เซียวหลันยวนจึงเขียนตอบกลับจาวหนิงตอนนี้ไปเมืองเจ้อ หลังจากกลับมายังต้องถามนางอีก ไม่รู้ว่านางจะยอมไปยอดเข

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1695

    เก๋อมู่กวงหลายวันก่อนตรวจเจอจดหมายจากในแผลของโป๋จีน่าเสียดายที่จุดหมายนั้นชุ่มไปด้วเยลือด อักษรด้านบนอ่านไม่ได้ สืบสวนต่อก็ไม่ได้อะไร โป๋จีแม้จะบอกว่าจดหมายต้องส่งให้ฟู่จาวเฟย แต่เขาก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยแม้แต่น้อย ที่ยืนยันได้ว่าฟู่จาวเฟยสองปีนี้ติดต่อกับราชาเฮ่อเหลียน"ก็มาหาอยู่สองครั้ง"เซียวหลันยวนเองก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ "แต่ก็ถูกข้าไล่กลับไป"ตลกแล้ว ฟู่จาวเฟยอยู่ในจวนอ๋อง ถ้าไม่มีหลักฐาน เขาจะมาเอาตัวคนไปได้อย่างไร?เก๋อมู่กวงคนนี้เองก็รับการกระตุ้นไม่ไหว พอกระตุ้นก็จะพูดผิด ตอนที่เขามาครั้งที่สองก็ถูกผู้ดูแลจงกระตุ้นไปสองคำ โมโหจนฟาดโต๊ะ แต่ผลลัพธ์...ก็ทำโต๊ะนั่นพังแล้วจะปล่อยได้อย่างไร?ดังนั้น เซียวหลันยวนจึงให้คนเข้าวังไปฟ้องทันทีองค์จักรพรรดิพอได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกไม่อยากเชื่อ แต่พอไปถามเก๋อมู่กวง เก๋อมู่กวงก็ยอมรับแล้วเขาเองก็ไม่กล้าไม่ยอมรับ เพราะนี่เป็นเรื่องจริง แต่เขาพูดเรื่องที่เขาถูกผู้ดูแลจวนอ๋องเจวี้ยนกระตุ้นจนเลือดขึ้นหัวจึงอดรนทนไม่ไหวได้หรือ?เขาทำไม่ได้ เขาที่เป็นแค่รองแม่ทัพคนหนึ่ง แต่กล้าไปอาละวาดในจวนอ๋องเจวี้ยน นี่ก็ถือว่าละเมิดเบื้องสูงแล้วด

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1694

    "ให้เสี่ยวยากิน ค่อยๆ กิน กินของวางชิ้นหนึ่งก่อน ตอนนี้อากาศเย็น รอข้าวเย็นเสร็จก่อนแล้วค่อยกินข้าวนะ" ฟู่จาวหนิงลูบหัวนางเบาๆเสี่ยวเยว่ยื่นของว่างชิ้นหนึ่งเข้ามาเสี่ยวยารับไปแบบใจตุ้มต่อม มองของว่างชิ้นนั้นแล้วก็ร้องไห้ขึ้นมา จากนั้นจึงมองไปทางพี่ชาย"ข้าอยากให้พี่ตื่นขึ้นมา แล้วให้พี่ชายกิน..."ของว่างดีดีแบบนี้ นางได้กลิ่นหอมหวานแล้ว นางจะกินเองไม่ได้ ต้องเหลือไว้ให้พี่ชาย"รอพี่ชายเจ้าตื่นก็ยังมีอีก เจ้ากินเถอะ"เสี่ยวเยว่รีบปลอบนางฟู่จิ้นเชินเองก็หาไม้กระดานกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงเริ่มทายาพันแผลให้เด็กหนุ่มทันที ขึ้นไม้กระดาน พลางบอกจุดที่ต้องระวังกับฟู่จิ้นเชินสืออีกไป๋หูก็ฟังอยู่ข้างๆ เผื่อนำไปใช้ได้เสี่ยวยาตอนนี้จึงเพิ่งสังเกตเห็นอย่างตกใจ เสื้อผ้าบนตัวพี่ชายเปลี่ยนไปแล้ว สวมใส่ชุดที่สะอาดเอี่ยมทั้งตัวนางเองก็ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู แล้วก้มลงมองตัวเอง จึงพบว่าตัวเองก็เปลี่ยนชุดใหม่แล้วเหมือนกันเป็นชุดผ้าฝ้ายที่อุ่นมากนางมองงงๆ ไปทางฟู่จาวหนิงอีกครั้ง แล้วนางก็บอกว่านางไม่ใช่พี่สาวนางฟ้า!ไม่ใช่พี่สาวนางฟ้า แล้วทำไมถึงให้เสื้อผ้าใหม่กับนางและพี่ชายล่ะ?เสี่ยวยาร

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1693

    พอเห็นแผลนี้ ก็เป็นไปได้มากว่าสมองจะกระทบกระเทือน แผลน่าจะสองวันแล้ว ทนมาได้อย่างไรกันนี่?นางกับเสี่ยวเยว่ช่วยกันล้างแผลให้แม่นางน้อย ทายา พันผ้าไว้หลังจากเสื้อผ้าส่งเข้ามา ก็จัดแจงเปลี่ยนให้กับเด็กทั้งสองคนสืออีดึงผ้ากั้นแยกทั้งสองคนไว้ พวกเขาเปลี่ยนให้เด็กหนุ่ม ส่วนทางนี้ ฟู่จาวหนิงกับเสี่ยวเยว่เปลี่ยนให้แม่นางน้อยพวกเขาไม่ใช่แค่มีแผลเต็มตัว แต่ทั้งตัวยังหนาวเย็น บวกกับเสื้อผ้าที่ทั้งบางทั้งขาด เต็มไปด้วยรอยเย็บมากมาย กระทั่งยังมีกลิ่น"คุณหนู เสื้อผ้าสองชุดนีต้องเผาไหม?" เสี่ยวเยว่ถามฟู่จาวหนิงเหลือบมอง "วางไว้ด้านนอกก่อน รอพวกเขาตื่นแล้วค่อยถามพวกเขา"ผ้าเผื่อนี่เป็นเสื้อผ้าสุดท้ายที่พ่อแม่พวกนางทำไว้ให้ล่ะ? ต่อให้จะขาดจะเก่าจะสกปรก แต่สำหรับพวกเขาอาจจะล้ำค่ามากก็ได้เสี่ยวเยว่พยักหน้านางมองฟู่จาวหนิง รู้สึกว่าคุณหนูเป็นคนที่ละเอียดและจิตใจดีมากฟู่จาวหนิงจัดการแผลให้แม่นางน้อยเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงท้องของนางร้องขึ้นมา จากนั้นจึงเป็นเสียงโครกครากต่อเนื่องอีกครั้ง"หิวมากเลย""ใต้เท้าอันให้คนไปทำกับข้าวแล้ว ข้าไปเอาของวางมาให้ก่อน" เสี่ยวเยว่เอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงพย

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1692

    ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเดิมทียังคิดว่าผ่านการเร่งเดินทางมาหลายวัน บวกกับพอเข้าเมืองเจ้อก็เห็นสภาพแบบนี้ พระชายาอ๋องเจวี้ยนน่าจะหน้าซีดเซียว สีเหน้าตึงเครียดเป็นกังวล แต่คิดไม่ถึง ว่าที่เขาเห็นจะเป็นฟู่จาวหนิงที่เคร่งขรึม แต่ไม่ได้ร้อนรนและตึงเครียดสีหน้านางยังคงดีมาก ท่วงท่าบุคลิกก็ไม่ธรรมดา จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนหญิงสาวอ่อนหวานที่ถูกเลี้ยงดูมาจากครอบครัวเล็กที่ตกอับตามที่ลือกันเลยผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเก็บความรู้สึกดูถูกลงไปทันทีเดิมทีเขายังคิดว่า พระชายาสูงส่งคนหนึ่งวิ่งแจ้นเข้ามาที่แบบนี้ ไม่ใช่ยังต้องจ่ายเงินแรงคนออกมาปกป้องรึ? น่าจะเป็นคนที่เวลาเดินทาง จะต้องมีองครักษ์มากมายติดตาม ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้บ้างตอนนี้เขารู้สึกคาดหวังมากคิดอยากจะเห็นว่าฟู่จาวหนิงจะทำอะไรได้"พระชายา!"ฟู่จาวหนิงกำลังจะให้ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเล่าเรื่องสภาพผู้ประสบภัยเมืองเจ้อ พวกของสืออีก็รีบร้อนเข้ามาแล้ว"เมื่อครู่ตอนที่ข้าไปเด็กคนนี้กำลังถูกทุบตี ส่วนแม่นางน้อยคนนี้เป็นน้องสาวนาง ที่ท้ายทอยมีแผล" สืออีรีบบอกออกมาอย่างชัดเจนฟู่จาวหนิงดูอยู่ครู่เดียว "เอาพวกเขาไปในห้องโถง เสี่ยวเยว่ กล่องยา"

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1691

    สืออีเดินมาข้างๆ พวกเขา คุกเข่าลงมา สบกับดวงตาแดงก่ำชอบหนุ่มน้อยคนนั้นเขาหยิบขวดยาใบหนึ่งออกมา เทยาลูกกลอนเม็ดหนึ่ง ยัดเขาไปในปากเขา แต่ก็รู้สึกเหมือนชาหนุ่มคิดจะคายยานั้นออกมา"นี่เป็นยาห้ามเลือดรักษาแผล หมอเทวดาทำขึ้นมา ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็รีบกินเสีย ข้าไม่มีความจำเป็นต้องมาทำร้ายเจ้าเวลานี้" สืออีเอ่ยขึ้นทันทีชายหนุ่มจึงกลืนกลืนยาลงไปพร้อมกับเลือดทันควันฟังรู้เรื่องสินะ ดีมาก"ครอบครัวพวกเจ้าล่ะ?" สืออีถามต่อแม่นางน้อยยังคงร้องไห้จ้า สองมือกอดแขนพี่ชายไม่ยอมปล่อยแต่พอได้ยินเสียงเขา แม่นางน้อยยังก็ยังตอบกลับพลางสะอื้น "พ่อ ตายแล้ว แม่ตายแล้ว ไม่ ไม่มีใคร...โฮ!"สืออีไม่รู้ควรจะพูดอย่างไรต่อดีตอนนี้เขาก็เพิ่งเห็นว่าท้ายทอยของแม่นางน้อยก็มีคราบเลือดอยู่ จนผมติดกันเป็นก้อน ไม่รู้ว่าบาดเจ็บมานานแค่ไหนแล้วพออยู่กับฟู่จาวหนิงนานไป แม้เขาจะไม่มีวิชาแพทย์ แต่ก็ยังรู้ว่าบาดเจ็บที่หัวเป็นไปทั้งเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก จึงรีบบอกกับแม่นางน้อยว่า "เด็กน้อยรีบหยุดร้องเร็ว พวกเราพาพี่ชายเจ้าไปหาหมอดีไหม?""ไม่ ไม่มีหมอ..."แม่นางน้อยเพิ่งพูดประโยคนี้จบ ดวงตาก็เหลือก แล้วก็สลบลงไปกะทัน

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1690

    ฟู่จาวหนิงเลิกม่านมองไปด้านนอกสภาพของสองฟากถนน และสถานการณ์ของร้านเล็กบ้านเรือนต่างๆ ขณะที่แล่นผ่าน นางเห็นแน่นอนอยู่แล้วนางกระทั่งเห็นเด็กหลายคนกระจุกอยู่ด้วยกัน ตัวสั่นงันงก ล้อมไฟเล้กองหนึ่งไว้ เบ้าตาดำลึก"คุณหนู ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าผู้ประสบภัยที่นี่จะมากขนาดนี้" เสี่ยวเยว่ใจผวาขึ้นมา"ก็จริง ใครจะคิดออกกัน ว่าที่นี่ห่างจากเมืองหลวงแค่ห้าหกวันเท่านั้น?"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกไม่อยากเชื่อผู้ประสบภัยเดินได้ช้า เช่นนั้นถ้าจะเดินไปเมืองหลวงก็น่าจะกินเวลาครึ่งเดือนใกล้กันแค่นี้ แต่เมืองเจ้อกับเมืองหลวงก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวเมืองหลวงทางนั้น ถ้าไม่ใช่ก่อนหน้านี้ต้องลำบากกันเพราะเรื่องโรคระบาดของชินอ๋องเซียวล่ะก็ อย่างน้อยก็ยังถือว่าร้องรำทำเพลงกันได้อยู่แต่ทางนี้กลับสภาพเลวร้ายมากตอนที่ผ่านซอยหนึ่ง ฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงหมาร้อง จากนั้นไม่นานก็กลายเป็นเสียงครางเบาๆ แล้วก็เงียบเสียงไปมีคนนับสิบถือกระบองรวมตัวอยู่ที่นั่น เอะอะมะเทิ่งกันตอนที่รถม้าแล่นผ่านฟู่จาวหนิงก็เห็นว่าพวกเขาจู่ๆ ก็ต่อสู้กันขึ้นมาน่าจะไม่ได้แย่งหมาตัวนั้นกันหรอกกระมัง?นางยังได้

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1689

    ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้ว่าอันเหนียนจะมาเมืองเจ้อ จึงพยายามจัดหาที่พักให้พวกเขาอย่างสุดกำลัง สองวันนี้ก็คอยมาวนไปวนมาที่ประตูเมืองด้วยตนเอง รอต้อนรับพวกเขาพวกอันเหนียนอยู่ที่นอกประตูเหมืองมองแล้วเหมือนยังพอไหว แค่สองข้างทางของถนนทางการนอกเมืองมีขยะที่คนผ่านทางบางส่วนทิ้งเอาไว้ และยังมีก้อนหินไม้กระดานที่ทำขึ้นเป็นเพิงง่ายๆ ดูแล้วค่อนข้างระเกะระกะ"ก่อนหน้านี้น่าจะมีผู้ประสบภัยมากมายที่เข้าเมืองไม่ได้ จึงมาพักเท้ากันที่นี่" อันเหนียนเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงยังมองเห็นบางจุดบนพื้นที่รอยเปื้อนสีน้ำตาลเข้มที่น่าสงสัยอยู่น่าจะเป็นรอยเลือดที่แห้งแล้วกระมังก่อนหน้านี้ที่นี่คงวุ่นวายมาก น่าจะมีคนตายด้วยพวกเขาเดิมทีคิดว่านั่นคงเป็นก่อนหน้า ตอนนี้คนพอเข้าไปในเมืองก็น่าจะดีขึ้นหน่อย ผลลัพธ์คือพอเข้าประตูเมือง ก็เห็นว่าพื้นที่ว่างใกล้ๆ ประตุเมืองมีกระดจมทหารง่ายๆ ตั้งอยู่เต็มไปหมดผ้าหลากสีสัน ด้านบนยังมีรอยเปื้อนมากมาย ใช้ไม้ไผ่กระบองอะไรยันค้ำไว้เป็นกระโจม บางส่วนยังขาดเป็นรู เบียดเสียดกันอย่างหนาแน่นตอนนี้ในกระโจมเหล่านี้มีคนอัดกันแน่น นั่งบ้างพิงบ้างนอนบ้าง แต่ละคนหน้าตาซีดเซียว ดวงตาเห

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1688

    "หมอเทวดาฟู่"ทุกคนราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน ทำความเคารพฟู่จาวหนิงกันอย่างระมัดระวังพวกเขาอันที่จริงอยากจะคุกเข่าลงโขกศีรษะด้วยซ้ำ แต่พวกสืออีกประคองตัวไว้ เป็นสัญญาณว่าพวกเขายืนไว้ก็พอ"เรียท่านหมอฟู่ก็พอแล้ว"ฟู่จาวหนิงเองก็จนใจหน่อยๆ พวกเขาเหล่านี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากฏพวกนี้ตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ที่ว่าพอเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ จะถูกเรียกว่าหมอเทวดาอันที่จริง เทวดาก็ไม่ได้เป็นเทวดาอะไร นางเองก็มีโรคที่รักษาไม่ได้เหมือนกัน"ทุกคนรู้จักกันไว้ก่อนก็พอ อีกเดี๋ยวข้าจะจับชีพจรให้พวกเจ้าทั้งสิบคน ถ้ามีตรงไหนไม่สบาย มีโรคระบาดอะไรให้บอกข้าไว้ก่อน"ในเมื่อต้องใช้พวกเขา ฟู่จาวหนิงก็ต้องตรวจอาการพวกเขาก่อน"ข้าไม่มีโรคอะไร ข้าชื่ออาเหอ ใต้เท้าอันให้ขาพาพวกเขามา แล้วต้องฟังการกำชับจากหมอ ท่านหมอฟู่"อาเหอมองฟู่จาวหนิง รู้สึกประหม่าหน่อยๆหมอเทวดาหญิงที่สูงส่งเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะรังเกียจพวกเขาไหม"ได้ ไม่ต้องเครียดนัก บอกชื่อของตัวเองมาหน่อย"อาเหออันที่จริงก็ไม่ค่อยเชื่อนักว่าพูดเพียงรอบเดียว ฟู่จาวหนิงก็จะจำชื่อพวกเขาได้ แต่ว่า ได้พูดชื่อของตนเองออกมารอบหนึ่งต่อหน้านาง พวกเขากลับรู้สึกว่า

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status