แชร์

บทที่ 1686

ผู้เขียน: จุ้ยหลิงซู
"จาวหนิง พวกเราต้องเร่งเดินทางแล้วกระมัง?"

ฟู่จิ้นเชินให้พวกสืออีไปตรวจสอบรถม้าแต่ละคันอีกหน่อย ดูว่าสัมภาระมัดแน่นดีหรือไม่

เขาเองก็ไม่คิดจะเปลืองน้ำลายอธิบายเรื่องนี้

ความจริงมันเกิดขึ้นแล้ว เมื่อครู่จูเฉียนเฉี่ยนก็พูดเรื่องที่พวกเขาเคยเจอกันออกมาชัดเจนแล้ว ไม่มีอะไรให้อธิบายอีก

ยิ่งไปกว่านั้น ปฏิกิริยากับการจัดการของฟู่จาวหนิงก็เด็ดขาด

ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก

"รีบเดินทางเถอะ" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ติดใจกับเรื่องนี้

อันที่จริง เรื่องราวก็แค่นี้เอง ทุกคนเข้าใจแล้ว พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ต่อให้เป็นเซียวหลันยวนเองถ้าเจอกับเรื่องนี้ หลังจากนางชัดเจนแล้วก็จะปล่อยมันไปเหมือนกัน แล้วนี่ก็เป็นพ่อของนางด้วยนะ

เพียงไม่นาน ทุกหลังจากที่พวกเขาจัดขบวนเรียบร้อยก็เดินทางต่อ ทิ้งจูเฉียนเฉี่ยนทั้งขบวนไว้ด้านหลัง

จูเฉียนเฉี่ยนมองเงาของพวกเขาที่จากไป ยืนนิ่งอยู่ที่นั่น

"แม่นาง ช่างมันดีกว่าไหม?" ไฉ่เอ๋อร์อดเตือนนางขึ้นมาไม่ได้ "คุณชายฟู่คนนั้น ดูแล้วก็ไม่ได้ต้องการให้แม่นางตอบแทนนี่นา แล้วก็แม่นางข้างๆ เขาคนนั้น ข้ากลัวอยู่หน่อยๆ ด้วย"

ฟู่จาวหนิงหน้าตาสะสวย ดูแล้วยังอายุน้อย ไม่ได้ลงไม้ลงมืออะ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1687

    อันเหนียนเองก็เป็นคนมีความสามารถ ฟู่จิ้นเชินเองก็ด้วย สองวันต่อมาพวกเขาก็ไม่อยู่บนรถม้าแล้ว แต่ออกไปเดินกับพวกผู้ประสบภัยเวลาสองวัน พวกเขาสองคนก็เลือกผู้ประสบภัยมาสิบคน ถึงเวลาสามารถนำมาใช้งานได้เป็นพวกที่ซื่อๆ คล่องแคล่วไม่พูดมาก เนื่องจากในบ้านประสบภัยจนไปต่อไม่ไหวแล้วจึงตรงมาที่เมืองเจ้อ แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะเอาแต่ขอความช่วยเหลือจากจวนทางการ แต่ยังคิดว่าหลังจากถึงเมืองเจ้อแล้วจะทำอะไรได้บ้าง เอามาแลกข้าวไปกินฤดูใบไม้ผลเมืองเจ้อหนาวเย็น พวกเขาอย่างน้อยยังต้องผ่านมันไปอีกสองเดือนภายใต้สิ่งแวดล้อมเช่นนี้ อากาศเย็นๆ เอาชีวิตพวกเขาไปได้ ถึงอย่างไรก็กลัวจะไม่มีที่คุ้มกะลาหัว กลัวไม่มีข้าวต้มร้อนๆ กิน และยิ่งไม่มีเงินที่จะหาหมอซื้อยาด้วยอันเหนียนกับฟู่จิ้นเชินเลือกผู้ประสบภัยมาสิบคน ว่าจ้างพวกเขาชั่วคราว ถึงเวลาถ้าช่วยเหลือได้ ก็รับประกันว่าได้กินอิ่ม เจ็บป่วยมียาให้สิ่งนี้ถือว่าดีมากๆ สำหรับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นในใจก็เกิดความปลอดภัยขึ้นมาทันทีพวกเขาอย่างน้อยยังมีประโยชน์บ้าง ยังมีความรู้สึกพึ่งพาได้ ตอนมาถึงเมืองเจ้อก็ไม่ต้องชะเง้อซ้ายขวา ไม่รู้ว่าควรไปที่ไหน จะถูกจัดแจงที่พั

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1688

    "หมอเทวดาฟู่"ทุกคนราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน ทำความเคารพฟู่จาวหนิงกันอย่างระมัดระวังพวกเขาอันที่จริงอยากจะคุกเข่าลงโขกศีรษะด้วยซ้ำ แต่พวกสืออีกประคองตัวไว้ เป็นสัญญาณว่าพวกเขายืนไว้ก็พอ"เรียท่านหมอฟู่ก็พอแล้ว"ฟู่จาวหนิงเองก็จนใจหน่อยๆ พวกเขาเหล่านี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากฏพวกนี้ตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ที่ว่าพอเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ จะถูกเรียกว่าหมอเทวดาอันที่จริง เทวดาก็ไม่ได้เป็นเทวดาอะไร นางเองก็มีโรคที่รักษาไม่ได้เหมือนกัน"ทุกคนรู้จักกันไว้ก่อนก็พอ อีกเดี๋ยวข้าจะจับชีพจรให้พวกเจ้าทั้งสิบคน ถ้ามีตรงไหนไม่สบาย มีโรคระบาดอะไรให้บอกข้าไว้ก่อน"ในเมื่อต้องใช้พวกเขา ฟู่จาวหนิงก็ต้องตรวจอาการพวกเขาก่อน"ข้าไม่มีโรคอะไร ข้าชื่ออาเหอ ใต้เท้าอันให้ขาพาพวกเขามา แล้วต้องฟังการกำชับจากหมอ ท่านหมอฟู่"อาเหอมองฟู่จาวหนิง รู้สึกประหม่าหน่อยๆหมอเทวดาหญิงที่สูงส่งเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะรังเกียจพวกเขาไหม"ได้ ไม่ต้องเครียดนัก บอกชื่อของตัวเองมาหน่อย"อาเหออันที่จริงก็ไม่ค่อยเชื่อนักว่าพูดเพียงรอบเดียว ฟู่จาวหนิงก็จะจำชื่อพวกเขาได้ แต่ว่า ได้พูดชื่อของตนเองออกมารอบหนึ่งต่อหน้านาง พวกเขากลับรู้สึกว่า

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1689

    ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้ว่าอันเหนียนจะมาเมืองเจ้อ จึงพยายามจัดหาที่พักให้พวกเขาอย่างสุดกำลัง สองวันนี้ก็คอยมาวนไปวนมาที่ประตูเมืองด้วยตนเอง รอต้อนรับพวกเขาพวกอันเหนียนอยู่ที่นอกประตูเหมืองมองแล้วเหมือนยังพอไหว แค่สองข้างทางของถนนทางการนอกเมืองมีขยะที่คนผ่านทางบางส่วนทิ้งเอาไว้ และยังมีก้อนหินไม้กระดานที่ทำขึ้นเป็นเพิงง่ายๆ ดูแล้วค่อนข้างระเกะระกะ"ก่อนหน้านี้น่าจะมีผู้ประสบภัยมากมายที่เข้าเมืองไม่ได้ จึงมาพักเท้ากันที่นี่" อันเหนียนเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงยังมองเห็นบางจุดบนพื้นที่รอยเปื้อนสีน้ำตาลเข้มที่น่าสงสัยอยู่น่าจะเป็นรอยเลือดที่แห้งแล้วกระมังก่อนหน้านี้ที่นี่คงวุ่นวายมาก น่าจะมีคนตายด้วยพวกเขาเดิมทีคิดว่านั่นคงเป็นก่อนหน้า ตอนนี้คนพอเข้าไปในเมืองก็น่าจะดีขึ้นหน่อย ผลลัพธ์คือพอเข้าประตูเมือง ก็เห็นว่าพื้นที่ว่างใกล้ๆ ประตุเมืองมีกระดจมทหารง่ายๆ ตั้งอยู่เต็มไปหมดผ้าหลากสีสัน ด้านบนยังมีรอยเปื้อนมากมาย ใช้ไม้ไผ่กระบองอะไรยันค้ำไว้เป็นกระโจม บางส่วนยังขาดเป็นรู เบียดเสียดกันอย่างหนาแน่นตอนนี้ในกระโจมเหล่านี้มีคนอัดกันแน่น นั่งบ้างพิงบ้างนอนบ้าง แต่ละคนหน้าตาซีดเซียว ดวงตาเห

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1690

    ฟู่จาวหนิงเลิกม่านมองไปด้านนอกสภาพของสองฟากถนน และสถานการณ์ของร้านเล็กบ้านเรือนต่างๆ ขณะที่แล่นผ่าน นางเห็นแน่นอนอยู่แล้วนางกระทั่งเห็นเด็กหลายคนกระจุกอยู่ด้วยกัน ตัวสั่นงันงก ล้อมไฟเล้กองหนึ่งไว้ เบ้าตาดำลึก"คุณหนู ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าผู้ประสบภัยที่นี่จะมากขนาดนี้" เสี่ยวเยว่ใจผวาขึ้นมา"ก็จริง ใครจะคิดออกกัน ว่าที่นี่ห่างจากเมืองหลวงแค่ห้าหกวันเท่านั้น?"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกไม่อยากเชื่อผู้ประสบภัยเดินได้ช้า เช่นนั้นถ้าจะเดินไปเมืองหลวงก็น่าจะกินเวลาครึ่งเดือนใกล้กันแค่นี้ แต่เมืองเจ้อกับเมืองหลวงก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวเมืองหลวงทางนั้น ถ้าไม่ใช่ก่อนหน้านี้ต้องลำบากกันเพราะเรื่องโรคระบาดของชินอ๋องเซียวล่ะก็ อย่างน้อยก็ยังถือว่าร้องรำทำเพลงกันได้อยู่แต่ทางนี้กลับสภาพเลวร้ายมากตอนที่ผ่านซอยหนึ่ง ฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงหมาร้อง จากนั้นไม่นานก็กลายเป็นเสียงครางเบาๆ แล้วก็เงียบเสียงไปมีคนนับสิบถือกระบองรวมตัวอยู่ที่นั่น เอะอะมะเทิ่งกันตอนที่รถม้าแล่นผ่านฟู่จาวหนิงก็เห็นว่าพวกเขาจู่ๆ ก็ต่อสู้กันขึ้นมาน่าจะไม่ได้แย่งหมาตัวนั้นกันหรอกกระมัง?นางยังได้

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1691

    สืออีเดินมาข้างๆ พวกเขา คุกเข่าลงมา สบกับดวงตาแดงก่ำชอบหนุ่มน้อยคนนั้นเขาหยิบขวดยาใบหนึ่งออกมา เทยาลูกกลอนเม็ดหนึ่ง ยัดเขาไปในปากเขา แต่ก็รู้สึกเหมือนชาหนุ่มคิดจะคายยานั้นออกมา"นี่เป็นยาห้ามเลือดรักษาแผล หมอเทวดาทำขึ้นมา ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็รีบกินเสีย ข้าไม่มีความจำเป็นต้องมาทำร้ายเจ้าเวลานี้" สืออีเอ่ยขึ้นทันทีชายหนุ่มจึงกลืนกลืนยาลงไปพร้อมกับเลือดทันควันฟังรู้เรื่องสินะ ดีมาก"ครอบครัวพวกเจ้าล่ะ?" สืออีถามต่อแม่นางน้อยยังคงร้องไห้จ้า สองมือกอดแขนพี่ชายไม่ยอมปล่อยแต่พอได้ยินเสียงเขา แม่นางน้อยยังก็ยังตอบกลับพลางสะอื้น "พ่อ ตายแล้ว แม่ตายแล้ว ไม่ ไม่มีใคร...โฮ!"สืออีไม่รู้ควรจะพูดอย่างไรต่อดีตอนนี้เขาก็เพิ่งเห็นว่าท้ายทอยของแม่นางน้อยก็มีคราบเลือดอยู่ จนผมติดกันเป็นก้อน ไม่รู้ว่าบาดเจ็บมานานแค่ไหนแล้วพออยู่กับฟู่จาวหนิงนานไป แม้เขาจะไม่มีวิชาแพทย์ แต่ก็ยังรู้ว่าบาดเจ็บที่หัวเป็นไปทั้งเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก จึงรีบบอกกับแม่นางน้อยว่า "เด็กน้อยรีบหยุดร้องเร็ว พวกเราพาพี่ชายเจ้าไปหาหมอดีไหม?""ไม่ ไม่มีหมอ..."แม่นางน้อยเพิ่งพูดประโยคนี้จบ ดวงตาก็เหลือก แล้วก็สลบลงไปกะทัน

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1692

    ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเดิมทียังคิดว่าผ่านการเร่งเดินทางมาหลายวัน บวกกับพอเข้าเมืองเจ้อก็เห็นสภาพแบบนี้ พระชายาอ๋องเจวี้ยนน่าจะหน้าซีดเซียว สีเหน้าตึงเครียดเป็นกังวล แต่คิดไม่ถึง ว่าที่เขาเห็นจะเป็นฟู่จาวหนิงที่เคร่งขรึม แต่ไม่ได้ร้อนรนและตึงเครียดสีหน้านางยังคงดีมาก ท่วงท่าบุคลิกก็ไม่ธรรมดา จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนหญิงสาวอ่อนหวานที่ถูกเลี้ยงดูมาจากครอบครัวเล็กที่ตกอับตามที่ลือกันเลยผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเก็บความรู้สึกดูถูกลงไปทันทีเดิมทีเขายังคิดว่า พระชายาสูงส่งคนหนึ่งวิ่งแจ้นเข้ามาที่แบบนี้ ไม่ใช่ยังต้องจ่ายเงินแรงคนออกมาปกป้องรึ? น่าจะเป็นคนที่เวลาเดินทาง จะต้องมีองครักษ์มากมายติดตาม ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้บ้างตอนนี้เขารู้สึกคาดหวังมากคิดอยากจะเห็นว่าฟู่จาวหนิงจะทำอะไรได้"พระชายา!"ฟู่จาวหนิงกำลังจะให้ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเล่าเรื่องสภาพผู้ประสบภัยเมืองเจ้อ พวกของสืออีก็รีบร้อนเข้ามาแล้ว"เมื่อครู่ตอนที่ข้าไปเด็กคนนี้กำลังถูกทุบตี ส่วนแม่นางน้อยคนนี้เป็นน้องสาวนาง ที่ท้ายทอยมีแผล" สืออีรีบบอกออกมาอย่างชัดเจนฟู่จาวหนิงดูอยู่ครู่เดียว "เอาพวกเขาไปในห้องโถง เสี่ยวเยว่ กล่องยา"

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1

    ณ เมืองหลวง แคว้นเจาบนถนนที่คึกคักหญิงสาวที่สวมชุดงดงามนางหนึ่งกำลังนำทหารหลายคนของนางไปดักขบวนแห่เจ้าสาวขบวนหนึ่งอย่างดุดัน“หลีกไป นี่คือคุณหนูใหญ่จากตระกูลของหมอเทวดาหลี่ หากว่าพวกเจ้าทำให้คุณหนูไม่พอใจระวังจะเดือดร้อน!” ผู้คนที่กำลังเดินอยู่บนถนนต่างพากันรีบหลีกทางให้ในทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลง เหล่าชาวเมืองมองไปที่ขบวนแห่เจ้าสาวที่ถูกตกแต่งด้วยความรู้สึกเห็นใจ “นี่เจ้าสาวจากตระกูลไหนกันเนี่ย? ไปทำอะไรให้คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ขัดใจกัน?”“เจ้าไม่รู้หรือ? วันนี้เป็นวันแต่งงานของรัชทายาทเซียวกับคุณหนูตระกูลฟู่ คนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวนั่นก็ต้องเป็นคุณหนูฟู่นั่นแหละ”โครม เกี้ยวเจ้าสาวถูกทหารของตระกูลหลี่ใช้กำลังบังคับให้หยุดลง หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ได้ยินเสียงตุ๊บดังออกมา คล้ายจะเป็นเสียงของศีรษะที่กระแทกอะไรสักอย่าง“ไปเอาตัวฟู่จาวหนิงมา! แล้วก็ไปถอดชุดเจ้าสาวของนางทิ้งซะ!”คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ชี้นิ้วไปยังเกี้ยวเจ้าสาวก่อนจะสั่งออกมาอย่างวางอำนาจ ทันใดนั้นทหารรับใช้ก็วิ่งไปแล้วยื่นมือไปเปิดม่านบังเกี้ยวเจ้าสาวทันทียายเฒ่าผู้ดูแลพิธีที่ยืนอยู่ด้านข้

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2

    สมองจาวหนิงผุดภาพร่างกายที่อ่อนแอของผู้เฒ่าฟู่ขึ้นมาฟู่จาวหนิงกับรัชทายาทเซียวเดิมทีมีการหมั้นหมายอยู่ สุขภาพผู้เฒ่าฟู่เองก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือสามารถเห็นหลานสาวแต่งเข้าจวนตระกูลเซียวได้อย่างราบรื่น ได้มีที่พึ่งพิงในภายภาคหน้า แต่ตระกูลเซียวก็ไม่ยอมเอ่ยเรื่องงานมงคลเสียทีช่วงนี้อาการป่วยของผุ้เฒ่าฟู่ก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว เขาเป็นลมหมดสติอยู่บ่อยครั้ง พอตื่นขึ้นมาก็จะคว้ามือของนางและกังวลเรื่องงานแต่ง ฟู่จาวหนิงก็ร้อนรน ดังนั้นแต่ละวันจึงเอาแต่เซ้าซี้รัชทายาทเซียว หลังถูกปฏิเสธมาหลายครั้ง นางจึงหยิบยกเอาคุณงามความดีที่บิดามารดาของนางเคยช่วยชีวิตองค์รัชทายาทไว้ออกมาให้องค์จักรพรรดิประทานจัดงานแต่งงานให้รัชทายาทเซียวก็ถูกบีบจนต้องจำใจยอมรับการแต่งงานกับฟู่จาวหนิงเซียวเหยียนจิ่งเองก็เป็นบุรุษรูปงามอันดับต้นๆ ในเมืองหลวงจริงๆ คิ้วกระบี่ดวงตาดอกท้อ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเชิด รูปหน้ายอดเยี่ยม ร่างสูงโปร่ง เสื้อคลุมสักหลาดพอดีตัวดูสูงส่ง ขับเน้นร่างของเขาออกมาจนตัวดูเป็นคนแต่นิสัยเป็นสุนัขเสียอย่างนั้นไม่แปลกที่หลี่จื่อเหยาหลงใหลเขามาตลอดพอคิดถึงสถาน

บทล่าสุด

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1692

    ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเดิมทียังคิดว่าผ่านการเร่งเดินทางมาหลายวัน บวกกับพอเข้าเมืองเจ้อก็เห็นสภาพแบบนี้ พระชายาอ๋องเจวี้ยนน่าจะหน้าซีดเซียว สีเหน้าตึงเครียดเป็นกังวล แต่คิดไม่ถึง ว่าที่เขาเห็นจะเป็นฟู่จาวหนิงที่เคร่งขรึม แต่ไม่ได้ร้อนรนและตึงเครียดสีหน้านางยังคงดีมาก ท่วงท่าบุคลิกก็ไม่ธรรมดา จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนหญิงสาวอ่อนหวานที่ถูกเลี้ยงดูมาจากครอบครัวเล็กที่ตกอับตามที่ลือกันเลยผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเก็บความรู้สึกดูถูกลงไปทันทีเดิมทีเขายังคิดว่า พระชายาสูงส่งคนหนึ่งวิ่งแจ้นเข้ามาที่แบบนี้ ไม่ใช่ยังต้องจ่ายเงินแรงคนออกมาปกป้องรึ? น่าจะเป็นคนที่เวลาเดินทาง จะต้องมีองครักษ์มากมายติดตาม ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้บ้างตอนนี้เขารู้สึกคาดหวังมากคิดอยากจะเห็นว่าฟู่จาวหนิงจะทำอะไรได้"พระชายา!"ฟู่จาวหนิงกำลังจะให้ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเล่าเรื่องสภาพผู้ประสบภัยเมืองเจ้อ พวกของสืออีก็รีบร้อนเข้ามาแล้ว"เมื่อครู่ตอนที่ข้าไปเด็กคนนี้กำลังถูกทุบตี ส่วนแม่นางน้อยคนนี้เป็นน้องสาวนาง ที่ท้ายทอยมีแผล" สืออีรีบบอกออกมาอย่างชัดเจนฟู่จาวหนิงดูอยู่ครู่เดียว "เอาพวกเขาไปในห้องโถง เสี่ยวเยว่ กล่องยา"

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1691

    สืออีเดินมาข้างๆ พวกเขา คุกเข่าลงมา สบกับดวงตาแดงก่ำชอบหนุ่มน้อยคนนั้นเขาหยิบขวดยาใบหนึ่งออกมา เทยาลูกกลอนเม็ดหนึ่ง ยัดเขาไปในปากเขา แต่ก็รู้สึกเหมือนชาหนุ่มคิดจะคายยานั้นออกมา"นี่เป็นยาห้ามเลือดรักษาแผล หมอเทวดาทำขึ้นมา ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็รีบกินเสีย ข้าไม่มีความจำเป็นต้องมาทำร้ายเจ้าเวลานี้" สืออีเอ่ยขึ้นทันทีชายหนุ่มจึงกลืนกลืนยาลงไปพร้อมกับเลือดทันควันฟังรู้เรื่องสินะ ดีมาก"ครอบครัวพวกเจ้าล่ะ?" สืออีถามต่อแม่นางน้อยยังคงร้องไห้จ้า สองมือกอดแขนพี่ชายไม่ยอมปล่อยแต่พอได้ยินเสียงเขา แม่นางน้อยยังก็ยังตอบกลับพลางสะอื้น "พ่อ ตายแล้ว แม่ตายแล้ว ไม่ ไม่มีใคร...โฮ!"สืออีไม่รู้ควรจะพูดอย่างไรต่อดีตอนนี้เขาก็เพิ่งเห็นว่าท้ายทอยของแม่นางน้อยก็มีคราบเลือดอยู่ จนผมติดกันเป็นก้อน ไม่รู้ว่าบาดเจ็บมานานแค่ไหนแล้วพออยู่กับฟู่จาวหนิงนานไป แม้เขาจะไม่มีวิชาแพทย์ แต่ก็ยังรู้ว่าบาดเจ็บที่หัวเป็นไปทั้งเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก จึงรีบบอกกับแม่นางน้อยว่า "เด็กน้อยรีบหยุดร้องเร็ว พวกเราพาพี่ชายเจ้าไปหาหมอดีไหม?""ไม่ ไม่มีหมอ..."แม่นางน้อยเพิ่งพูดประโยคนี้จบ ดวงตาก็เหลือก แล้วก็สลบลงไปกะทัน

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1690

    ฟู่จาวหนิงเลิกม่านมองไปด้านนอกสภาพของสองฟากถนน และสถานการณ์ของร้านเล็กบ้านเรือนต่างๆ ขณะที่แล่นผ่าน นางเห็นแน่นอนอยู่แล้วนางกระทั่งเห็นเด็กหลายคนกระจุกอยู่ด้วยกัน ตัวสั่นงันงก ล้อมไฟเล้กองหนึ่งไว้ เบ้าตาดำลึก"คุณหนู ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าผู้ประสบภัยที่นี่จะมากขนาดนี้" เสี่ยวเยว่ใจผวาขึ้นมา"ก็จริง ใครจะคิดออกกัน ว่าที่นี่ห่างจากเมืองหลวงแค่ห้าหกวันเท่านั้น?"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกไม่อยากเชื่อผู้ประสบภัยเดินได้ช้า เช่นนั้นถ้าจะเดินไปเมืองหลวงก็น่าจะกินเวลาครึ่งเดือนใกล้กันแค่นี้ แต่เมืองเจ้อกับเมืองหลวงก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวเมืองหลวงทางนั้น ถ้าไม่ใช่ก่อนหน้านี้ต้องลำบากกันเพราะเรื่องโรคระบาดของชินอ๋องเซียวล่ะก็ อย่างน้อยก็ยังถือว่าร้องรำทำเพลงกันได้อยู่แต่ทางนี้กลับสภาพเลวร้ายมากตอนที่ผ่านซอยหนึ่ง ฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงหมาร้อง จากนั้นไม่นานก็กลายเป็นเสียงครางเบาๆ แล้วก็เงียบเสียงไปมีคนนับสิบถือกระบองรวมตัวอยู่ที่นั่น เอะอะมะเทิ่งกันตอนที่รถม้าแล่นผ่านฟู่จาวหนิงก็เห็นว่าพวกเขาจู่ๆ ก็ต่อสู้กันขึ้นมาน่าจะไม่ได้แย่งหมาตัวนั้นกันหรอกกระมัง?นางยังได้

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1689

    ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้ว่าอันเหนียนจะมาเมืองเจ้อ จึงพยายามจัดหาที่พักให้พวกเขาอย่างสุดกำลัง สองวันนี้ก็คอยมาวนไปวนมาที่ประตูเมืองด้วยตนเอง รอต้อนรับพวกเขาพวกอันเหนียนอยู่ที่นอกประตูเหมืองมองแล้วเหมือนยังพอไหว แค่สองข้างทางของถนนทางการนอกเมืองมีขยะที่คนผ่านทางบางส่วนทิ้งเอาไว้ และยังมีก้อนหินไม้กระดานที่ทำขึ้นเป็นเพิงง่ายๆ ดูแล้วค่อนข้างระเกะระกะ"ก่อนหน้านี้น่าจะมีผู้ประสบภัยมากมายที่เข้าเมืองไม่ได้ จึงมาพักเท้ากันที่นี่" อันเหนียนเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงยังมองเห็นบางจุดบนพื้นที่รอยเปื้อนสีน้ำตาลเข้มที่น่าสงสัยอยู่น่าจะเป็นรอยเลือดที่แห้งแล้วกระมังก่อนหน้านี้ที่นี่คงวุ่นวายมาก น่าจะมีคนตายด้วยพวกเขาเดิมทีคิดว่านั่นคงเป็นก่อนหน้า ตอนนี้คนพอเข้าไปในเมืองก็น่าจะดีขึ้นหน่อย ผลลัพธ์คือพอเข้าประตูเมือง ก็เห็นว่าพื้นที่ว่างใกล้ๆ ประตุเมืองมีกระดจมทหารง่ายๆ ตั้งอยู่เต็มไปหมดผ้าหลากสีสัน ด้านบนยังมีรอยเปื้อนมากมาย ใช้ไม้ไผ่กระบองอะไรยันค้ำไว้เป็นกระโจม บางส่วนยังขาดเป็นรู เบียดเสียดกันอย่างหนาแน่นตอนนี้ในกระโจมเหล่านี้มีคนอัดกันแน่น นั่งบ้างพิงบ้างนอนบ้าง แต่ละคนหน้าตาซีดเซียว ดวงตาเห

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1688

    "หมอเทวดาฟู่"ทุกคนราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน ทำความเคารพฟู่จาวหนิงกันอย่างระมัดระวังพวกเขาอันที่จริงอยากจะคุกเข่าลงโขกศีรษะด้วยซ้ำ แต่พวกสืออีกประคองตัวไว้ เป็นสัญญาณว่าพวกเขายืนไว้ก็พอ"เรียท่านหมอฟู่ก็พอแล้ว"ฟู่จาวหนิงเองก็จนใจหน่อยๆ พวกเขาเหล่านี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากฏพวกนี้ตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ที่ว่าพอเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ จะถูกเรียกว่าหมอเทวดาอันที่จริง เทวดาก็ไม่ได้เป็นเทวดาอะไร นางเองก็มีโรคที่รักษาไม่ได้เหมือนกัน"ทุกคนรู้จักกันไว้ก่อนก็พอ อีกเดี๋ยวข้าจะจับชีพจรให้พวกเจ้าทั้งสิบคน ถ้ามีตรงไหนไม่สบาย มีโรคระบาดอะไรให้บอกข้าไว้ก่อน"ในเมื่อต้องใช้พวกเขา ฟู่จาวหนิงก็ต้องตรวจอาการพวกเขาก่อน"ข้าไม่มีโรคอะไร ข้าชื่ออาเหอ ใต้เท้าอันให้ขาพาพวกเขามา แล้วต้องฟังการกำชับจากหมอ ท่านหมอฟู่"อาเหอมองฟู่จาวหนิง รู้สึกประหม่าหน่อยๆหมอเทวดาหญิงที่สูงส่งเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะรังเกียจพวกเขาไหม"ได้ ไม่ต้องเครียดนัก บอกชื่อของตัวเองมาหน่อย"อาเหออันที่จริงก็ไม่ค่อยเชื่อนักว่าพูดเพียงรอบเดียว ฟู่จาวหนิงก็จะจำชื่อพวกเขาได้ แต่ว่า ได้พูดชื่อของตนเองออกมารอบหนึ่งต่อหน้านาง พวกเขากลับรู้สึกว่า

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1687

    อันเหนียนเองก็เป็นคนมีความสามารถ ฟู่จิ้นเชินเองก็ด้วย สองวันต่อมาพวกเขาก็ไม่อยู่บนรถม้าแล้ว แต่ออกไปเดินกับพวกผู้ประสบภัยเวลาสองวัน พวกเขาสองคนก็เลือกผู้ประสบภัยมาสิบคน ถึงเวลาสามารถนำมาใช้งานได้เป็นพวกที่ซื่อๆ คล่องแคล่วไม่พูดมาก เนื่องจากในบ้านประสบภัยจนไปต่อไม่ไหวแล้วจึงตรงมาที่เมืองเจ้อ แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะเอาแต่ขอความช่วยเหลือจากจวนทางการ แต่ยังคิดว่าหลังจากถึงเมืองเจ้อแล้วจะทำอะไรได้บ้าง เอามาแลกข้าวไปกินฤดูใบไม้ผลเมืองเจ้อหนาวเย็น พวกเขาอย่างน้อยยังต้องผ่านมันไปอีกสองเดือนภายใต้สิ่งแวดล้อมเช่นนี้ อากาศเย็นๆ เอาชีวิตพวกเขาไปได้ ถึงอย่างไรก็กลัวจะไม่มีที่คุ้มกะลาหัว กลัวไม่มีข้าวต้มร้อนๆ กิน และยิ่งไม่มีเงินที่จะหาหมอซื้อยาด้วยอันเหนียนกับฟู่จิ้นเชินเลือกผู้ประสบภัยมาสิบคน ว่าจ้างพวกเขาชั่วคราว ถึงเวลาถ้าช่วยเหลือได้ ก็รับประกันว่าได้กินอิ่ม เจ็บป่วยมียาให้สิ่งนี้ถือว่าดีมากๆ สำหรับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นในใจก็เกิดความปลอดภัยขึ้นมาทันทีพวกเขาอย่างน้อยยังมีประโยชน์บ้าง ยังมีความรู้สึกพึ่งพาได้ ตอนมาถึงเมืองเจ้อก็ไม่ต้องชะเง้อซ้ายขวา ไม่รู้ว่าควรไปที่ไหน จะถูกจัดแจงที่พั

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1686

    "จาวหนิง พวกเราต้องเร่งเดินทางแล้วกระมัง?"ฟู่จิ้นเชินให้พวกสืออีไปตรวจสอบรถม้าแต่ละคันอีกหน่อย ดูว่าสัมภาระมัดแน่นดีหรือไม่เขาเองก็ไม่คิดจะเปลืองน้ำลายอธิบายเรื่องนี้ความจริงมันเกิดขึ้นแล้ว เมื่อครู่จูเฉียนเฉี่ยนก็พูดเรื่องที่พวกเขาเคยเจอกันออกมาชัดเจนแล้ว ไม่มีอะไรให้อธิบายอีกยิ่งไปกว่านั้น ปฏิกิริยากับการจัดการของฟู่จาวหนิงก็เด็ดขาดไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก"รีบเดินทางเถอะ" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ติดใจกับเรื่องนี้อันที่จริง เรื่องราวก็แค่นี้เอง ทุกคนเข้าใจแล้ว พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ต่อให้เป็นเซียวหลันยวนเองถ้าเจอกับเรื่องนี้ หลังจากนางชัดเจนแล้วก็จะปล่อยมันไปเหมือนกัน แล้วนี่ก็เป็นพ่อของนางด้วยนะเพียงไม่นาน ทุกหลังจากที่พวกเขาจัดขบวนเรียบร้อยก็เดินทางต่อ ทิ้งจูเฉียนเฉี่ยนทั้งขบวนไว้ด้านหลังจูเฉียนเฉี่ยนมองเงาของพวกเขาที่จากไป ยืนนิ่งอยู่ที่นั่น"แม่นาง ช่างมันดีกว่าไหม?" ไฉ่เอ๋อร์อดเตือนนางขึ้นมาไม่ได้ "คุณชายฟู่คนนั้น ดูแล้วก็ไม่ได้ต้องการให้แม่นางตอบแทนนี่นา แล้วก็แม่นางข้างๆ เขาคนนั้น ข้ากลัวอยู่หน่อยๆ ด้วย"ฟู่จาวหนิงหน้าตาสะสวย ดูแล้วยังอายุน้อย ไม่ได้ลงไม้ลงมืออะ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1685

    "ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เช่นนั้นแม่นางจูก็มาตอบแทนบุญคุณด้วยการทำร้ายสินะ"อะไรนะ?จูเฉียนเฉี่ยนมองนางอย่างงงงัน"ข้า ข้าจะมาตอบแทนด้วยการทำร้ายได้อย่างไร?" นางยังไม่ได้เริ่มเลยนะ"เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่คนของข้าลงมือ เจ้ารู้ไหมว่าจะมีผลลัพธ์อย่างไร?" ฟู่จาวหนิงเดิมทีก็ใช้ท่าทีคนแปลกหน้ากับนางอยู่แล้ว พอตอนนี้มารู้อดีตเข้า ท่าทีของนางก็ยิ่งเย็นชากว่าเดิมเสียอีก"ข้าเองก็ไม่ได้เจตนานี่นา ข้าไม่รู้จริงๆ ว่ายาที่คนคนนั้นขายให้ข้าจะรุนแรงขนาดนี้""เจ้าจะเจตนาหรือไม่มันเป็นเรื่องของเจ้า แต่พวกเรามองแค่ผลลัพธ์ เพราะไม่ว่าเจ้าจะมีหรือไม่มีเจตนา เรื่องราวสุดท้ายก็เป็นเจ้าที่ทำมันขึ้น ก่อนหน้าที่เจ้าจะทำเรื่องนี้ก็ได้พิจารณาที่จะไล่ตามมาไว้แล้ว ถ้าไม่พิจารณาเลยว่าจะส่งผลกระทบอะไรกับพวกเราบ้าง"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจ "พวกเราตอนนี้เท่ากับช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้แล้วครั้งหนึ่ง ครั้งที่แล้วเขาช่วยเจ้า สิ่งที่แลกมาคืออันตรายครั้งหนึ่ง ครั้งนี้พวกเราช่วยเจ้า ใครจะรู้ว่าครั้งต่อไปเจ้าจก่อเรื่องอะไรออกมาอีก? การเดินทางพวกเราตอนนี้ถูกเจ้าทำให้ล่าช้า ถ้าหากพวกเรามีเรื่องที่เร่งด่วนเกี่ยวกับชีวิตคน เช

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1684

    ข้ารู้ว่าท่านไม่น่าจะลืมข้าคำพูดนี้มันคลุมเครือเสียเหลือเกินฟู่จาวหนิงมองพ่อนาง สีหน้าเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกหน่อยๆฟู่จิ้นเชินรักหวานชื่นกับเสิ่นเชี่ยวมาตลอด แล้วยังมีภาพลักษณ์ที่ซ์่อสัตย์มั่นคงด้วย พวกเขาปกติตอนที่อยู่ด้วยกัน ก็มองออกได้ง่ายมากกว่ามีความรู้สึกให้กันดีมากๆอย่าให้จู่ๆ ก็มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ขึ้นมาเชียว ความสงบสุขที่ตระกูลฟู่ได้มาอย่างยากลำบากอาจจะพังทลายลงได้ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเสิ่นเชี่ยวน่าจะไม่ใช่คนที่จะยอมรับหญิงสาวคนอื่นมาแบ่งสามีตัวเองไปได้ด้วยฟู่จิ้นเชินหลังจากได้ยินประโยคนั้นของจู่เฉียนเฉี่ยน ก็มองไปทางฟู่จาวหนิงทันทีพอสบกับสีหน้านาง เขาก็อธิบายออกมา แน่นอนว่าเป็นการอธิบายถึงเหตุการณ์ตอนนั้น"ตอนนั้นแม่ของเจ้าป่วย ไข้ขึ้นจนมึนไปหมด ข้าให้นางพักอยู่ในโรงเตี๊ยม ส่วนข้าเองก็ออกไปซื้อยา แล้วที่ด้านนอกร้านยานั้นก็เจอกับแม่นางคนนี้ โอ้ ตอนนั้นนางแต่งตัวเป็นชาย นางกำลังนำยาห่อหนึ่งให้กับหมอพเนจรคนหนึ่งดู""ตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นหมอพเนจรอะไร เขาบอกว่าเขาเป็นหมอเทวดาจากสมาคมหมอใหญ่" จูเฉียนเฉี่ยนอธิบายมาคำหนึ่ง"วัตถุดิบยาห่อนั้นของนางมองแล้วดูดีมีค

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status