ผู้ดูแลตัวแข็งทื่อ เดินไปที่ธรณีประตูทางนั้น เพียงแค่มองใจก็เย็นวาบไปแล้วทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้?ตอนที่หมอเทวดาหลี่ล้มลงมา ก็กระแทกเข้ากับธรณีประตูอย่างจัง แล้วก็แรงมากเลยทีเดียว ทำเอาหน้าผากของเขาแตกจนเป็นแผลใหญ่ ตอนนี้เลือดทะลักออกมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น มุมปากเขาก็มีเลือดไหลด้วยเป็นไปได้ว่าการถีบของรัฐทายาททำเอาเขาใกล้ตายเลยทีเดียวเขาย่อตัวลงมา ยื่นมือไปผลักๆ หมอเทวดาหลี่ "หมอเทวดาหลี่ รีบตื่นเถอะ!"หมอเทวดาหลี่แน่นิ่งไปแล้วเขายื่นมือไปวัดลมหายใจ แล้วก็รีบหดมือกลับอย่างรวดเร็ว หันหน้าไปมองเซียวเหยียนจิ่ง "รัฐทายาท เขา ไม่หายใจแล้ว!"เซียวเหยียนจิ่งร่างโงนเงน สมองขาวโพลนไปหมดเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงถึงแม้จะไม่เห็นฉากนี้ แต่ว่าเซียวหลันยวนกำลังภายในมากล้น ระยะห่างแค่นี้ แล้วยังเสียงดังขนาดนี้ เขาได้ยินมันอย่างชัดเจนเขาบอกกับฟู่จาวหนิง"เซียวเหยียนจิ่งสังหารหมอเทวดาหลี่แล้ว"เขายังคิดไม่ถึง ว่าเรื่องจะบานปลายมาขนาดนี้ฟู่จาวหนิงงงเป็นไก่ตาแตก"ทำไมพ่อลูกหัวกระแทกตายกันหมดเลยล่ะ?"นี่มันบังเอิญจนประหลาดไปไหม?ถึงแม้หลี่จื่อเหยาจะหกล้มไปเอง หมอเทวดาหลี่ถูกถีบลอยออกไปถ
เซียวหลันยวนอธิบาย "แล้วตอนนี้ องค์จักรพรรดิจะปกป้องเซียวเหยียนจิ่งหรือ? พวกเขาแทบจะไม่มีคุณค่าอะไรแล้ว ต่อให้เขาคิดจะปกป้อง ก็จะมีคนมากดดันเขาเอง"ใครให้สมาคมหมอใหญ่มีตัวตนสูงส่งขนาดนี้ในใต้หล้ากันล่ะ?"ดังนั้น เซียวเหยียนจิ่งคือจบเห่แล้วหรือ?""ใช่"เซียวหลันยวนมองจวนชินอ๋องเซียว น้ำเสียงเย็นลงเล็กน้อย "เขาเองก็น่าจะจบเห่แล้ว"แล้วก็ตามคาด เพียงไม่นาน เซียวเหยียนจิ่งก็ถูกคุมตัวออกมาเขาไม่อยากเชื่อว่าคนในที่ว่าการจะกล้าจับเขาจริงๆ ยังคิดจะต่อต้านอยู่ แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่นำมาจะพูดกับเขาเสียงแหบต่ำว่า "รัฐทายาทเซียว เกรงว่าท่านคงยังไม่รู้ องค์จักรพรรดิยังกังวลว่าโรคระบาดจะแพร่ออกมาจากพวกเจ้าทางนี้ ตอนนี้พวกเจ้าตายก็ตายไป ต้องรับโทษก็รับโทษไป เหมาะเจาะพอดี"พอคำพูดนี้ออกมา ใจของเซียวเหยียนจิ่งก็ดิ่งลงทันควันเขาเข้าใจขึ้นมาในพริบตาองค์จักรพรรดิกลัวตายขนาดนั้นเชียว!กลัวตายเพราะชินอ๋องเซียวป่วยตาย องค์จักรพรรดิเลยกลัวว่าเขาจะติดโรคนั่นด้วย ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในราชวงศ์ ถ้าหากเกิดไปสัมผัสกับคนในราชวงศ์คนอื่น ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่โรคจะระบาดไปถึงตัวองค์จักรพรรดิได้ดังนั้น อง
จวนชินอ๋องเซียวล้มหายไปอย่างรวดเร็วและกะทันหัน คนของเมืองหลวงล้วนไม่ทันได้ตั้งตัวยังจำได้ดีที่จวนชินอ๋องเซียวตอนนั้นดูถูกฟู่จาวหนิง ในวันพิธีสร้างความอับอายขนาดนั้นให้กับนาง ตอนนั้นคนทั้งหมดยังรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงไม่คู่ควรกับเซียวเหยียนจิ่งจริงๆ ล้วนคิดกันว่าหลังจากที่นางถอนหมั้นกลางถนนแล้ว นางจะยังแต่งงานกับใครได้อีก ที่จะดีไปกว่าเซียวเหยียนจิ่งใครจะรู้ ว่าตอนนี้จวนชินอ๋องเซียวจะพังไม่เป็นท่าไปแล้วแบบนี้ ชินอ๋องเซียวตายแล้ว เซียวเหยียนจิ่งก็ถูกเนรเทศสามพันลี้ยิ่งไปกว่านั้น ตอนแรกหลี่จื่อเหยายังมีพ่อเป็นหมอเทวดา กำเริบเสิบสานต่อหน้าฟู่จาวหนิงเสียขนาดนั้นแล้วใครจะรู้ ว่าตอนนี้หมอเทวดาหลี่จะถูกสังหาร ตัวนางเองจะถูกหย่าจนหกล้มแล้วตายไป แต่ฟู่จาวหนิงกลับยังเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนอย่างสบายไร้กังวล ยิ่งไปกว่านั้นยังเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วยหลังจากหมอเทวดาหลี่ตาย ในเมืองหลวงก็เหลือคนของสมาคมหมอใหญ่แค่คนเดียวแล้ว ตัวตนฐานะของฟู่จาวหนิงก็สูงขึ้นไปอีกหลังจากนี้ถ้าเจอโรคยากๆ ก็ทำได้แค่ต้องมาหานางแล้ว ไม่มีหมอเทวดาหลี่อีกแล้วประชาชนต่างก็รู้สึกเศร้าเสียใจกับการจากไปของหมอเทวดาหล
เซียวหลันยวนกำลังคุยเรื่องนี้กับฟู่จาวหนิงเพระาคนที่ช่วยคนในที่ว่าการไว้ คือลุกน้องของหลานหรงหลานหรงสั่งคนส่งจดหมายกลับเมืองหลวง แล้วเจอกับพวกผู้ประสบภัยก่อเรื่องขึ้น ช่วยออกมาอย่างหวุดหวิดได้แค่คนเดียว"ให้ตายเถอะ" ฟู่จาวหนิงอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา "องครักษ์ตอนนั้นช่วยเซียวเหยียนจิ่งไม่ทันหรือ? ลูกน้องของหลานหรงน่าจะรู้จักเซียวเหยียนจิ่งกระมัง?"พอได้ยินนางถามเช่นนี้ เซียวหลันยวนจึงเอียงตัวเข้ามา มองนางนิ่งๆ"ทำอะไรน่ะ? ทำไมถึงมองข้าแบบนั้น..." ฟู่จาวหนิงถอยหลัง เขาก็ยังบีบชิดเข้ามา มือรองไปที่หลังขาเธอ ไม่ได้เธอหกล้อม"เจ้าอยากจะช่วยชีวิตเซียวเหยียนจิ่งหรือ?""ทำไมข้าต้องอยากช่วยชีวิตเขา? ข้าก็แค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ถึงอย่างไรเขาก็เป็นสายเลือดราชวงศ์คนหนึ่ง จะว่าไป ลูกน้องของเขาก็ไม่น่าจะยืนมองเขาถูกผู้ประสบภัยไปนี่นา เพราะว่าหลานหรงทางนั้นยังไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?"ฟู่จาวหนิงเห็นสภาพของเซียวหลันยวนก็รู้ว่าเขาหึงเสียแล้ว อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้"ถ้าข้าอยากช่วยชีวิตเซียวเหยียนจิ่ง วันนั้นข้าแค่ขวางท่านไม่ให้ไปแจ้งทางการก็พอแล้วไหม? ถ้าตอนนั้นพวกเราไม่แ
เซียวหลันยวนเองก็ได้ยินว่ามีผู้ประสบภัย จึงไปตรวจสอบทันทีว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรผลคือพอไปตรวจสอบก็นำเรื่องที่ชินอ๋องเซียวทำไว้สองปีก่อนมาเทียบกันได้พอดี"บนโลกนี้มีเรื่องกรรมตามสนองหรือไม่ ข้าเองก็ไม่รู้ แต่เรื่องนี้ก็เหมือนจะมีอะไรบางอย่างมาเชื่อมโยงกันอย่างลึกลับอยู่กระมัง?""ตอนนั้นเหล่าประชาชนที่ถนนจ้าจี๋บ่นไม่พอใจชินอ๋องเซียวกันหมด เกลียดชังอย่างที่สุด เพียงเพราะเขาเป็นชินอ๋อง ข้าราชการที่นั่นมีคนหนึ่งเป็นคนจากบ้านฝ่ายหญิงของพระชายาชินอ๋องเซียว ถือว่าชินอ๋องเซียวทิ้งตาข้างหนึ่งไว้ทางนั้น เหล่าประชาชนถ้าหากกล้าเคลื่อนไหวอะไรขึ้นมา ชินอ๋องเซียวก็จะรู้""ดังนั้นพวกเขาคิดจะร้องทุกข์ก็ยังลำบาก มีประชาชนที่กล้าหน่อยถูกเลือกออกมาจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมที่เมืองหลวง ก็ถูกฆ่าตายกลางทาง โดนเอาศพไปทิ้งที่ทุ่งร้างทั้งหมด เรื่องนี้พอมีขึ้นสักสองสามครั้ง เหล่าประชาชนก็ไม่มีใครกล้าเสนอหน้าแล้ว"เซียวหลันยวนถอนหายใจมาทีหนึ่ง "ดังนั้น ข้าสงสัยว่าในกลุ่มผู้ประสบภัยเหล่านั้น ต้องมีคนที่จำตัวตนฐานะของเซียวเหยียนจิ่งได้ พวกเขาเดิมทีคือคิดจะฆ่าเขา ไม่เช่นนั้น แค่คนในที่ว่าการคุมตัวนักโทษไปเนรเทศ
ฟู่จาวหนิงรีบปลอบประโลมเขา"การช่วยเหลือผู้ประสบภัย? เจ้าเข้าใจหรือ?"ดวงตาของเซียวหลันยวนเปล่งประกายเล็กๆ อดทวนประโยคนี้ขึ้นมาไม่ได้คำพูดนี้น่าสนใจจริงๆ เรื่องแบบนี้ นางไปเข้าใจมาจากที่ไหนกัน?ฟู่จาวหนิงใจสั่นกึกมัวแต่สนใจเรื่องปลอบ จนหลุดปากไปเสียแล้วนางน่าจะไม่มีประสบการใดๆ เลยจึงจะถูกสิ?พอเห็นสายตาเซียวหลันยวนผิดปกติ นางก็ชดเชยเข้ามาทันที "ตอนอยู่ที่ต้าชื่อเคยมีประสบการณ์ครั้งสองครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกลอบโจมตีบนถนนเมืองหลวงนั่นก็ด้วย สถานการณ์ที่สับสนวุ่นวายแบบนั้น ข้าเองก็มีประสบการณ์อยู่นะ"นางทำได้แค่เอาเรื่องตอนต้าชื่อออกมาพูดเท่านั้นถึงอย่างไรก็มีแค่ตอนนี้ที่เซียวหลันยวนไม่รู้และไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนเชื่อหรือไม่นางลุกขึ้นยืน พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดเขา เงยหน้ามองเขา น้ำเสียงออดอ้อน "ข้าเป็นหมอ ข้าเองก็มีหน้าที่ของข้านะ"เซียวหลันยวนมองเห็นการยืนหยัดในตาของนางช่วงนี้เขารู้เรื่องของผู้ประสบภัยมาไม่น้อยเลยจริงๆ เมืองเจ้อทางนั้นเองก็ขอความช่วยเหลือไปทางเมืองหลวงแล้วหลายครั้ง ผู้บริหารท้องถิ่นเมืองเจ้อเป็นศิษย์พี่คนหนึ่งของอันเหนียน อันเหนีย
เมืองเจ้อทางนั้นใกล้จะคลั่งแล้วหนังสือราชการขอความช่วยเหลือทั้งหมดส่งไปที่เมืองหลวงอยู่ตลอดบนโต๊ะขององค์จักรพรรดิมีหนังสือราชการกองอยู่เต็ม แต่ก็ยังไม่กลับมาประชุมเช้าขุนนางที่ปรึกษาก็รู้สึกไม่ดี เข้าไปหาองค์จักรพรรดิเพื่อเสนอความเห็นอ้อมๆ"องค์จักรพรรดิ ผู้ประสบภัยมีมากขึ้นเรื่อยๆ เมืองเจ้อทางนั้นไม่อาจจัดหาที่พักได้อีกแล้ว เราควรจะประชุมเช้ากับเหล่าขุนนางเพื่อหารือเรื่องนี้แล้วกระมัง?""ข้ายังไปประชุมเช้าไม่ได้"องค์จักรพรรดิไม่สนใจ"องค์จักรพรรดิ ต่อให้ไม่หารือเรื่องผู้ประสบภัย ต้าชื่อก็จะมีทูตเข้ามาแล้ว แคว้นหมิ่นทางนั้นก็จะมีทูตมาอีก ถึงตอนนั้นถ้าระหว่างทางเจอเข้ากับกลุ่มผู้ประสบภัยจะทำอย่างไรกัน? เรื่องนี้ต้องมาหารือกันให้ดีนะ""พวกเขาคงมาไม่ถึงเร็วขนาดนั้นกระมัง? ต้าชื่อน่าจะต้องอีกเป็นเดือน แคว้นหมิ่นทางนั้นยิ่งไกลเข้าไปใหญ่ รอพวกเขามา ผู้ลี้ภัยพวกนั้นคงไม่อยู่บนถนนแล้ว"ขุนนางที่ปรึกษาแทบจะโมโหจนเป็นลมไม่มีคนไปช่วยจัดแจงที่พักให้ผู้ประสบภัย แล้วผู้ประสบภัยพวกนั้นช่วงนี้จะหายไปหรือ?องคฺ์จักรพรรดิไม่กลัวว่าถึงตอนนั้นบนถนนจะมีพวกหิวตายหรือ? บนถนนไม่มีผู้ประสบภัยเด
ถ้าไม่ใช่ว่าป่วย จะพูดวิธีการสมองกลับแบบนี้ออกมาได้หรือ?"บังอาจ!"แค่องค์จักรพรรดิได้ยินคำนี้ กลับมีปฏิกิริยาเร็วเหลือเกิน แค่พริบตาก็เข้าใจว่าเขากำลังกังขาตนเองขุนนางที่ปรึกษารีบโค้งเอวลงทันที "กระหม่อมผิดไปแล้ว""เจ้าเองก็ไม่คิดดูหน่อย ไม่ใช่แค่เมืองเจ้อที่มีผู้ประสบภัย ยังมีอีกหลายที่ที่มีผู้ประสบภัย ถ้าหากทั้งหมดต้องให้ข้าควักเงินมาเลี้ยงพวกเขา เช่นนั้นคลังหลวงก็ว่างเปล่าน่ะสิ!""องค์จักรพรรดิ ภาษีจากประชาชนก็ต้องใช้ที่ประชาชน""เหอะๆ" องค์จักรพรรดิหัวเราะเย็นชา "จะให้ข้าส่งคนไปตรวจบ้านของเจ้าไหม?"ขุนนางที่ปรึกษาพูดมาเหมือนจะน่าฟัง เหมือนเขาเป็นขุนนางที่ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ถ้าภาษีที่เก็บมาทั้งหมดต้องเอาไปใช้บนตัวประชาชน แล้วพวกขุนนางที่ปรึกษาจะไม่ละโมบกันหรือ?คนอื่นคิดว่าเขาไม่รู้ ขุนนางที่ปรึกษามีอยู่เยอะจะตาย!เพียงแต่เขารู้สึกมาตลอด น้ำใสเกินไปก็ไม่มีปลา คนเราเองก็เช่นกัน การจะหาขุนนางที่ซื่อสัตย์สุจริตจริงๆ เป็นเรื่องยากมาก มันก็มีพวกแบบที่พูดอะไรทำอะไรก็น่ารังเกียจไม่เป็นที่พอใจ อย่างเช่นอันเหนียน เขารังเกียจมาก! ดังนั้นนี่จึงจะทำให้ขุนนางที่ปรึกษานั่งอยู่ใ
เหล่าคุณหนูพวกนี้พอเอ่ยถึงผู้ประสบภัย ก็มีสีหน้าหวาดกลัวและดูถูกพวกนางล้วนมีอำนาจในเมืองหลวง กินดีอยู่ดีมาตั้งแต่เด็ก ผุ้ประสบภัยน่ะห่างจากพวกนางไกลโขเลยกระทั่งจินตนาการ พวกนางก็ยังจินตนาการไม่ออกว่าผู้ประสบภัยเป็นอย่างไรด้วยซ้ำคุณหนูเหล่านี้ไม่กล้าไปสถานที่วุ่นวายมาก่อน ในเมื่อเมืองเจ้อเต้มไปด้วยผู้ประสบภัย แล้วพวกนางจะกล้าไปได้อย่างไรกัน?"จริงด้วย ต่อให้มีผู้ประสบภัยหญิงมากแค่ไหน พวกเราเองจะไปช่วยอะไรได้? หรือว่าพวกเรายังต้องรับพวกนางกลับมาเมืองหลวงด้วย?""นั่นไม่ได้หรอก เมืองหลวงไม่มีทางให้ผู้ประสบภัยเข้ามาแน่""แล้วก็ ถึงแม้จะเป็นหญิง แต่ผู้ประสบภัยก็ยังเป็นผู้ประสบภัย ล้วนเป็นประชาชนชั้นต่ำทั้งนั้น" มีหญิงสาวคนหนึ่งมีสีหน้าดุร้ายขึ้นมาหน่อยๆคำพูดนี้มีหลายคนที่ยอมรับ เพียงแต่ว่า ไม่ได้แสดงออกมาตรงๆเฉินฮ่าวปิงหน้าแข็งทื่อไปคนเหล่านี้เป็นคุณหนูจากตระกูลดังนะ แต่เรื่องใหญ่พวกนี้ก็ทำกันไม่ได้หรือ!แต่ว่านางต้องการเรื่องใหญ่สักเรื่องเพื่อสร้างความนิยมให้ตนเอง ให้คนทั้งแคว้นเจารู้จักท่านหญิงปิงอวี้ในทันทีถึงตอนที่นางมีชื่อเสียง มีบารมี องค์จักรพรรดิก็จะตบรางวัลให้นางอ
คนเหล่านี้ล้วนดูถูกนาง!ขณะเดียวกัน นางก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก ทำให้ตนเองสงบลงมาหน่อย จากนั้นจึงพูดเป้าหมายของวันนี้ออกมา"ข้าเองช่วงนี้ก็เพิ่งถูกท่านพ่อยอมรับ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ตัวตนฐานะของตัวเอง แต่ท่านพ่อก็บอกข้าแล้ว เขาจะให้ท่านแม่เป็นพระชายารอง องค์จักรพรรดิเองก็เห็นด้วย ข้ารู้ว่าทุกคนล้วนคิดว่าท่านแม่ข้าเป็นบ้านน้อย แต่หลังจากนี้ไม่ใช่แล้ว ข้าเองก็หวังว่าจะได้เป็นเพื่อนกับทุกคน"ทุกคนเองก็คิดไม่ถึงว่านางจะพูดออกมาตรงๆ ว่าฮูหยินเฉินเป็นบ้านน้อย"เฮอะ อ๋องฉยงบอกจะให้แม่ของเจ้าเป็นพระชายารอง แล้วพระชายาอ๋องเจวี้ยนเห็นด้วยหรือยัง?" องค์หญิงหนานฉือเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจเฉินฮ่าวปิงข่มตัวเองไว้"องค์จักรพรรดิเห็นด้วยแล้ว เชื่อว่าพระชายาอ๋องฉยงคงไม่ขัดราชโองการแน่""เจ้านี่ชอบงัดองค์จักรพรรดิออกมาเหลือเกิน ว่ามา เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับที่เจ้าเรียกพวกเรามาวันนี้?""เป็นเช่นนี้ ข้าได้ยินว่าช่วงนี้แต่ละพื้นที่ล้วนประสบภัย มีผู้ประสบภายมากมาย คนมากมายพลัดพรากจากบ้าน ดังนั้นในใจคงลำบากมาก" เฉินฮ่าวปิงเอ่ยขึ้น"ชิ" องค์หญิงเจ็ดร้องเชอะขึ้นมาอย่าอดไม่อยู่นางม
การปักสองด้านของอันชิงโดดเด่นมากการปักสองด้านของฟางซือฉิงก็ดีมากพวกนางล้วนลงมือปักชุดแต่งงานของตนเองกันเอง ก่อนที่จะตกลงแต่งงานก็เริ่มปักกันแล้วตอนนี้จู่ๆ พอได้ยินว่ามีคนด้อยค่าการปักสองด้าน พวกนางจึงไม่ค่อยสบายใจนักแต่ว่า เมื่อครู่ได้เห็นโคมไฟวังงานปักที่ด้านนอกแล้ว พวกนางเองก็รู้เรื่องฝีมืองานปักของเฉินฮ่าวปิงมาระดับหนึ่ง และรู้ว่าพวกนางนั้นเทียบไม่ได้จริงๆประโยคเมื่อครู่นี้ คนที่พูดคือองค์หญิงหนานฉือองค์หญิงหนานฉือชอบการปักสองด้านอยู่โคมไฟวังงานปักเมื่อครู่เหล่านั้นก็ยังไม่ได้ดูดีดี แต่รู้สึกรำคาญหูและไม่ชอบในความอวดดีของเฉินฮ่าวปิงลูกสาวบ้านน้อยคนหนึ่ง จะมาอวดดีที่นี่ทำไมกัน? แล้วก็ เอางานปักพวกนี้ออกมาแสดงอย่างภาคภูมิใจ จะหยิ่งยโสขึ้นมาก็ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่ถือดีอย่างไรมาด้อยค่าคนอื่นเขา? ต่อให้มันด้อยค่าจริง แต่ใช้สิ่งที่นางต้องมาพูดไหม?"คารวะองค์หญิงหนานฉือ"มีคนลุกขึ้นยืน คารวะไปทางองค์หญิงหนานฉือแต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ก็มีคนที่เยอะกว่าลุกขึ้นมา และล้วนคารวะให้แก่นาง "คารวะพระชายาอ๋องเจวี้ยน"ก่อนหน้านี้คนไม่น้อยในเมืองหลวงยังคิดจะย่ำฟู่จาวหนิงอยู่เลย แต่พ
"ท่านพ่อในเมื่อให้องค์จักรพรรดิแต่งตั้งข้าเป็นท่านหญิง นั่นก็คือ แน่นอนว่าให้สถานะกับแม่ข้าด้วย องค์หญิงเจ็ด หลังากนี้คำพูดอย่างลูกสาวบ้านน้อย ได้โปรดอย่าเอ่ยขึ้นอีกเลย" เฉินฮ่าวปิงเอ่ยขึ้นอย่างอย่างอดกลั้นเกินพอแล้ว!นางเป็นท่านหญิงแล้ว แล้วทำไมตัวตนลูกสาวบ้านน้อยถึงยังมากดอยู่บนตัวนางอีก?เดิมทีนางยังคิดจะแสดงออกถึงความสูงส่งความหยิ่งยโสสักหน่อย ถึงอย่างไรนางก็เป็นท่านหญิงแล้ว แต่ถูกองค์หญิงเจ็ดพูดเช่นนี้ เกียรติของนางก็หล่นร่วงมาบนพื้นจนหมดชั่วขณะหนึ่ง เฉินฮ่าวปิงรู้สึกว่าสายตาคนทั้งหมดที่มองนางผิดปกติไป"ชิ"องค์หญิงเจ็ดไม่ใส่ใจถ้าไม่เห็นแก่หน้าพระชายาเยว่ นางไม่มีทางมาหรอกชิวอวิ๋นเดิมทีเป็นคนของพระชายาเยว่ ตอนนี้พอเห็นจึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย"องค์หญิงเจ็ด องค์จักรพรรดิกับพระชายาเยว่ล้วนชื่นชอบงานปักของท่านหญิงมาก ท่านหญิงของพวกเราเองก็เตรียมของขวัญให้กับองค์หญิงเจ็ดและคุณหนูทุกท่านด้วย เป็นงานปักด้วยมือทั้งหมด หวังว่าทุกท่านจะชอบ"นางรีบไปนำของขวัญออกมาทุกคนล้วนได้รับผ้าไหมผืนหนึ่ง"ผ้าไหมประกายหิมะ?"มีแม่นางรับผ้าไหมไปแล้วจำได้ขึ้นมาผ้าไหมประกายหิมะยอดเยี่ยมกว
ดังนั้นคนไม่น้อยจึงหัวเราะเยาะนาง อยากจะดูว่านางจะใช้ชีวิตเวทนาแค่ไหนตอนนี้พอได้เห็น องค์หญิงหนานฉือก็เหมือนจะงดงามกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด สายตาพริ้วไหวดูมีเสน่ห์ดึงใจอย่างมาก"ดูจากสภาพขององค์หญิงหนานฉือ น่าจะได้รับความโปรดปรานน่าดูเลยกระมัง?""ผู้ตรวจการอันเป็นอัจฉริยะลือชื่อในเมืองหลวงเราเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังหล่อเหลามากด้วย"ใช่ไหมล่ะ ก่อนหน้านี้ยังมีแม่นางตั้งมากมายชอบผู้ตรวจการอันเถอะ น่าเสียดายที่ผู้ตรวจการอันไม่ค่อยออกไปเที่ยว คนที่รู้จึงมีไม่เยอะ ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยบอกว่าไม่อยากรีบแต่งงานไม่เช่นนั้นจะวนมาถึงองค์หญิงหนานฉือได้อย่างไรกัน?ตอนนี้พอเห็นองค์หญิงหนานฉือดูดีราศีจับเหมือนเลี้ยงดูมาอย่างมีความสุขเช่นนี้ ก็มีแม่นางหลายคนอดรวดร้าวขึ้นมาไม่ได้ผู้ตรวจการอันต้องดีกับนางมากแน่นอน ไม่เช่นนั้นนางไม่มีทางดูมีความสุขขนาดนี้"ตระกูลของผู้ตรวจการอันก็มีคุณธรรมด้วย ไม่มีการรับอนุภรรยา ไม่มีเรื่องวุ่นวายเหล่านั้นของพวกเรือนหลัง ดูท่าองค์หญิงหนานฉือกับน้องสะใภ้อันชิงก็น่าจะเข้ากันได้ดีด้วย"ฮือๆๆ มองพวกนางแล้วก็อิจฉาถ้ารู้ว่าจะมีความสุขแบบนี้ พวกนางคงหน้าด้านให้
แม่ลูกฮูหยินเฉินหลังจากมาถึงเมืองหลวงแคว้นเจา ตอนแรกสุดไม่มีที่จะอยู่ด้วยซ้ำ ยังต้องอาศัยอยู่กับต่งฮ่วนจืออยู่เลยดังนั้นถ้าบอกว่าพวกนางมีเงิน ฟู่จาวหนิงยิ่งไม่เชื่อฟางซือฉิงดูไปพักหนึ่งจึงเข้ามา บอกกับนางเสียงแผ่วว่า "โคมไฟวังพวกนี้ใช้ผ้าไหมวาวระยับของต้าชื่อมาปัก ผ้าไหมวาวระยับแพงมากเลยนะ ปกติต้งจะเอามาทำฉากกั้นลม พัดกลม หรือพวกหน้าต่างอะไรพวกนั้น คนปกติทั่วไปไม่มีทางได้ใช้""เจ้ารู้จักผ้าไหมวาวระยับด้วยหรือ?""พ่อข้าเปิดร้านผ้านี่นา ไม่ใช่แค่ขายแต่ผ้าที่บ้านพวกเราทำออกมาเท่านั้น ยังมีผ้าไหมชั้นดีที่หาจากแคว้นต่างๆที่แคว้นเจาไม่มีด้วย บางครั้งก็มีคนมาหาซื้อของที่โดดเด่นไม่มีใครซ้ำ ผ้าไหมวาวระยับนี่พวกเราก็มีอยู่หลายม้วน แพงมาก"ตระกูลฟางทำการค้ากว้างไกล รู้จักข้าวของก็กว้างตาม ฟางซือฉิงจึงรู้จึกมากขึ้นหน่อย"ถ้าอย่างนั้นโคมไฟวังมากขนาดนี้ ดูท่าแต่ละใบราคาคงไม่ธรรมดาเลย""ใช่ เดิมทีแค่ผ้าไหมวาวระยับก็แพงแล้ว บวกกับงานปักชั้นสูงนี่อีก ใบละร้อยตำลึงยังถือว่าถูกไปเลย" ฟางซือฉิงเอ่ยขึ้นพอนางพูดจบก็ยังประหลาดใจหน่อยๆ ถึงอย่างไรที่นี่ก็มีโคมไฟวังอยู่อย่างน้อยสิบหกใบแล้ว นี่ถือว่าไ
ยิ่งไปกว่านั้น เทียบกับตอนที่ฟู่จาวหนิงมาก่อนหน้านี้ประดับประดาเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอย่างเช่น โคมไฟสลักงานปักที่เป็นเอกลักษณ์พวกนั้นตอนนี้แม้จะเป็นกลางวัน ดคมไฟวังยังไม่จุดสว่าง แต่ตอนกลางวันก็ยังมองเห็นงานเย็บปักด้านบนนั้นอย่างชัดเจน แต่ละชิ้นล้วนวิจิตรประณีต ฝีมือไม่ธรรมดามีคุณหนูหลายคนกำลังชื่นชมโคมไฟวังเหล่านั้น ดูชอบกันมาก แต่ละคนดูหลงใหลจนวางไม่ลงกันเลยทีเดียว"ข้าอยากจะเอากลับไปสักใบจัง สวยกมากเลย เมืองหลวงของพวกเราไม่มีปรากฏโคมไฟงานปักแบบนี้มาก่อนเลย""สวยมากจริงๆ นั่นล่ะ ท่านหญิงปิงอวี้กับฮูหยินเฉินเอาแค่ฝีมือด้านนี้ ก็ทำให้พวกนางเป็นที่สนใจในเมืองหลวงได้แล้ว"ฟู่จาวหนิงได้ยินคำวิจารณ์ของเหล่าแม่นางพวกนั้น ฟางซือฉิงเองก็ดูสนใจกับโคมไฟวังเหล่านั้นเหมือนกัน มองๆ ฟู่จาวหนิง สีหน้าก็ประหลาดใจหน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอยากไปดูโคมไฟวังพวกนั้นหรือ? อยากดูก็ไปดูสิ""เจ้าไม่ใช่ไม่ชอบเฉินฮ่าวปิงหรือ? เจ้าไม่ชอบ ข้าก็ไม่ชอบ" เฉินฮ่าวปิงบอกฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่"ไม่ถึงกับต้องขนาดนั้น ถึงข้าจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับเฉินฮ่าวปิงนัก แต่ว่า งานปักของพวกนางก็ประณีตสวยง
ฟู่จาวหนิงหัวเราะ"ความสัมพันธ์มันก่อตัวขึ้นมานั่นล่ะ ก่อหนน้านี้ก็มีช่วงที่เขาทำให้ข้าโมโหแทบคลั่งตายเหมือนกัน"ยิ่งไปกว่านั้นตอนแรกสุด พวกเขายังมีความสัมพันธ์แบบจะฆ่ากันตายจริงๆ ด้วยก่อนหน้านางนี้นางแอบด่าเซียวหลันยวนว่าเป็นผู้ชายหมาๆ น้อยเสียที่ไหน"จริงหรือ? ตอนนี้มองไม่ออกเลยว่าอ๋องเจวี้ยนจะทำให้เจ้าโมโหได้"ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ใครจะเชื่อว่าอ๋องเจวี้ยนที่ถูกือกันว่าเย็นชาอย่างมากมาแต่ไหนแต่ไร จะโปรดปรานฟู่จาวหนิงเสียขนาดนี้?น้ำเสียงเวลาพูดจาก็หวานหยดย้อย"ตอนนี้ดีมากจริงๆ"โดยเฉพาะเมื่อคือน หลังจากที่พูดว่าไม่อยากให้นางมีโอกาสต้องดื่มยาน้ำเลี่ยงตั้งครรภ์ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าเซียวหลันยวนหล่อเหลากว่าแต่ก่อนเยอะเลยชายหนุ่มที่สามารถสะกดความบุ่มบ่ามของตนเองเพื่อสุขภาพร่างกายของนางได้ ต้องบวกคะแนนให้จริงๆ"แต่ว่า จาวหนิง อ๋องเจวี้ยนยังคงสวมหน้ากากอยู่ หน้าของเขายังไม่ดีขึ้นหรือ?"หลังจากฟางซือฉิงเข้ามา เซียวหลันยวนก็สวมหน้ากากไว้แล้วเมื่อวานนางไม่กล้ามองหน้าเขา วันนี้ก็มองไม่เห็นหน้าเขาแล้วฟางซือฉิงเดิมทีรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ควรพูดมาก กลัวว่าถ้าไปสาดเกลือใส่แผลฟู่จาวหน
"พรวด" ฟู่จาวหนิงสนุกขึ้นมาแล้ว "มองมาตั้งนานขนาดนี้ ยังไม่เบื่ออีกหรือ?"ได้ยินว่าชายหนุ่มรักความสดใหม่ ไม่ว่าภรรยาจะสวยแค่ไหน ดอกไม้ป่าข้างนอกที่แตกต่างก็ย่อมดึงดูดพวกเขาได้"ไม่มีทางเบื่อ" เซียวหลันยวนกอดนาง"ท่านรักข้าแค่เปลือกนอกจริงๆ ด้วย" ฟู่จาวหนิงจงใจพูดขึ้น"รักหมดนั่นล่ะ รูปลักษณ์ของเจ้าข้าชอบหมด แต่ถ้ามีแต่รูปลักษณ์ภายนอก คงชอบได้ไม่นานนัก ทว่าพอมีเจ้าอยู่ด้านใน ความชอบนี้จึงยั่งยืนยาวนาน"ใครไม่รักความสวยความงามบ้างล่ะ? แต่ความงามก็เป็นแค่ความประทับใจแรกพบ หากจะทำให้ยั่งยืน ก็ต้องมีจิตวิญญาณด้วยเขาโชคดีแค่ไหน ที่มีภรรยาแบบนี้ ภายนอกกับจิตวิญญาณเขารักมันทั้งหมด"เซียวหลันยวน ท่านตอนนี้ยิ่งปากหวานขึ้นทุกวันแล้วนะ"ฟู่จาวหนิงเพิ่งเงยหน้า ริมฝีปากก็ถูกเขากดลงมา"ประทินปาก..." ของข้าประทินปากของฟู่จาวหนิงนางทำขึ้นมาเอง ใส่แต่วัตถุดิบที่ไม่มีพิษอย่างพวกน้ำผึ้งดอกไม้เข้าไป ดังนั้นจึงดูมันวาวเป็นพิเศษ แล้วยังเป็นสีธรรมชาติ ไม่เหมือนกับที่ด้านนอกขายกัน ที่มีแต่แดงก่ำ แดงดอกท้อ แดงเลือดดันั้นหลังจากทาแล้วจึงดูน่าดึงดูดพอเห็นนาง เซียวหลันยวนก็อดเข้ามาจูบไม่ได้แล้วจู