"นายท่าน ที่ประตูไม่รู้ทำไมจึงมีนักดนตรีมาร้องเพลงอยู่กลุ่มหนึ่ง..."ผู้ดูแลหน้าดำกลับมารายงานสถานการณ์กับหมอเทวดาหลี่ แต่ว่าเขาพูดไม่ออกว่าพวกเขาร้องเพลงอะไร เพียงแต่เมื่อครู่ที่เปิดประตูใหญ่ ยังไม่ทันได้ปิด ลมด้านนอกก็พัดเข้ามา นำเสียงเพลงที่เด็กสาวร้องเข้ามาด้วยนั่งอยู่ที่โถงหน้านี้ หมอเทวดาหลี่ก็ยังได้ยินประโยคครึ่งประโยคนั่น"วันดีอะไรกัน?" เขาถามขึ้นอย่างงงงันไม่ทันที่ผู้ดูแลจะตอบ เขาก็รู้สึกว่าตนเองต้องออกไปดูเสียหน่อย เพราะเมื่อครู่โดนผลกระทบไปรุนแรงมาก เขายังไม่รู้ว่าควรจะไปบอกอย่างไรกับลูกสาว ถึงเรื่องที่นางถูกเซียวเหยียนจิ่งขอหย่าสมองนี่ยังตื้ออยู่ จึงคิดจะออกไปขยับเนื้อขยับตัวเสียหน่อย ออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น"นายท่าน..."ผู้ดูแลคิดจะห้ามเขา แต่ก็ห้ามไม่อยู่ คิดๆ แล้วจึงทำได้แค่เดินตามออกไปเขาไม่รู้เลยว่านายท่านหลังจากออกไป ถ้าได้ยินเนื้อร้องของอีกฝ่ายแล้วจะโมโหจนตายเลยไหม"ออกมาแล้ว ออกมาแล้ว ร้องให้ถึงใจอีกหน่อย!"เฉินซานพอเห็นหมอเทวดาหลี่ ก็รีบเตือนเสียงกระซิบกับแม่นางน้อยทันที "หัวเราะ หัวเราะให้มันเบิกบานไปเลย"แม่นางน้อยก็ระเบิดเสียงหัวเราะร่าออกมาทันที
"พระชายารัฐทายาท! รัฐทายาทเขียนหนังสือจะหย่ากับท่านแล้ว ท่านถูกหย่าร้างแล้ว! ข้ากับเสี่ยวเหมยเป็นคนของจวนชินอ๋องเซียว พวกเราต้องรีบกลับไปแล้วสินะ?"สาวใช้อีกคนก็ถลึงตาโต "จริงหรือ?""จริงสิ! นี่หมอเทวดาหลี่พูดออกมาจากปากเลยนะ""เช่นนั้นพวกเราก็ต้องรีบกลับจวนชินอ๋องแล้วสิ!"สาวใช้สองคนนั้นไม่มองหลี่จื่อเหยาด้วยซ้ำ รีบเก็บของเตรียมจะหนีแล้วพวกเขาอยู่ที่นี่กลัวติดโรคก็เรื่องหนึ่ง หลักๆ คือหลี่จื่อเหยาปรนนบัติยากเสียเหลือเกิน! ถ้ายังอยู่ต่อไป พวกเนางไม่ทันได้ติดโรคก็อาจจะถูกทรมานจนตายไปก่อนแล้วจนตอนที่พวกหนีไป หลี่จื่อเหยาก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัวนางคิดอยู่ตลอด ว่าเมื่อครู่นางได้ยินอะไร?บอกว่าเซียวเหยียนจิ่งเขียนจดหมายหย่ากับนางหรือ? ไม่หรอก? เป็นไปไม่ได้หรอก?"ท่านพ่อ"หลังจากตั้งตัวได้หลี่จื่อเหยาก็ร้องเสียงแหลมขึ้นมาหมอเทวดาหลี่ยังคิดว่านางเกิดเรื่องอะไรขึ้น ปิดปากลากขากะเผลกเข้ามา หลี่จื่อเหยาคิดจะหนีออกไป แต่ว่านางนอนอยู่บนเตียงนานเกินไป จู่ๆ พอหนีไปแบบนี้ เท้าซ้ายสะดุดกับเท้าขวาพอเห็นท่าทางการเคลื่อนไหวของนางผิดปกติ หมอเทวดาหลี่ก็รู้สึกไม่ค่อยดี จึงตะโกนขึ้นมา "อย่าวิ่ง
"จาวหนิง? เจ้าทำไมถึงกลับมาตอนนี้?" ฟู่จิ้นเชินมองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นจึงเห็นเซียวหลันยวนเดินตามเข้ามา"เมื่อครู่ไปทำธุระที่พันธมิตรโอสถมา"และก่อนที่นางจะถาม ตอนที่เซียวหลันยวนเดินเข้ามาช้ากว่าก้าวหนึ่ง ก็มีองครักษ์ลับรีบเข้ามารายงานกับเขาแล้วหลี่จื่อเหยาหกล้มตายอยู่ในบ้านคิดไม่ถึงว่าพอเข้าประตูมาก็จะได้ยินประโยคนี้"กำลังพูดถึงหลี่จื่อเหยาหรือ?" เขาถามขึ้นฟู่จิ้นเชินไม่แปลกใจที่เขาจะรู้ อ๋องเจวี้ยนน่าจะมีเส้นทางข่าวของเขาอยู่"ใช่ พวกเราเองก็เพิ่งได้ข่าว หลี่จื่อเหยาหกล้มจนตายในบ้าน"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงนิ่งไปแล้ว"อะไรนะ? หกล้มจนตายหรือ?"ไม่ใช่ว่าชินอ๋องเซียวตายไปแล้วหรือไรกัน?หลี่จื่อเหยาถูกส่งกลับจวนตระกูลหลี่ างยังคิดยอู่ว่าสองวันนี้จะเข้าไปหาข่าวว่าหมอเทวดาหลี่จะรักษาอาการป่วยนางได้ไหม แต่นี่คือหลี่จื่อเหยาตายไปแล้วหรือ?ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนฝันไป"ทำไมถึงหกล้มแล้วตายล่ะ?" ฟู่จาวหนิงหาเสียงตัวเองกลับมาได้ จึงถามไปอีกคำหนึ่ง"พวกเจ้ารู้เรื่องที่เซียวเหยียนจิ่งเขียนจดหมายหย่ากับนางไหม?""จดหมายหย่า?"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนสบตากันผาดหนึ่งเรื่องนี
ฟู่จาวหนิงตบหัวเขา "ครั้งนี้ที่ข้าเพราะมีเรื่องจะพูดกับพวกท่าน"นางหยิบขวดยาใบหนึ่งออกมา "นี่คือยาลูกกลอนที่ข้าสกัดขึ้นมาให้ พวกท่านเก็บเอาไว้"นางบอกกับเขาเรื่องของต้วนฉวิน บอกเรื่องโรคนั้นที่ชินอ๋องเซียวป่วย"่ต้วนฉวิน ตอนที่ข้าเพิ่งกลับเมืองหลวงเขาก็เข้ามารอบหนึ่ง ต่อมาก็ไม่เข้ามาอีกเลย แต่เมื่อวานนี้เขาส่งจดหมายมาฉบับหนึ่ง เชิญข้าไปดื่มสุรา ข้าไม่ได้รับปากไป"ฟู่จิ้นเชินคิดๆ เอ่ยต่อว่า "ต้วนฉวินคนนี้ พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ด้วย แต่ว่า ตอนนั้นพวกเรากว่าจะออกไปจากเมืองหลวงได้ ตอนที่มึนงงไม่รู้จะไปไหนอยู่บนถนนทางการก็เจอเข้ากับเขา เขาให้กระเป๋าผ้าเก่าๆ เรามาสองใบ"ตอนนั้นที่ออกจากคุกมา แล้วยังมุดอยู่ในถังของคนเทขยะอีก ดังนั้นพวกเขาจึงตัวสกปรกมาก เสื้อผ้าเหม็นไปหมดต้วนฉวินเองก็ไม่กล้าช่วยพวกเขา กระทั่งไม่พูดกับพวกเขา โยนถุงผ้าลงมาจากรถม้า ด้านในมีเสื้อผ้าใหม่อยู่สองชุดดังนั้น นี่ถือเป็นการส่งฟืนให้กลางหิมะกระมัง"ข้าจำเขาได้แล้ว" เสิ่นเชี่ยวเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่ง"เขาป่วยด้วยหรือ?" ฟู่จิ้นเชินถามฟู่จาวหนิง"เปล่า แค่เขากลัวตัวเองตาย ดังนั้นจึงกังวลอยู่ตลอด ข้าให้คนคอยจับตาดูไ
เป็นอย่างที่พวกเขาคาดเดาไว้ จวนชินอ๋องเซียวตอนนี้คึกคักน่าดูจวนอ๋องแขวนโคมไฟขาวแล้ว เหมือนกำลังจะจัดงานศพแต่ว่า หมอเทวดาหลี่กำลังด่าทอสาดเสียเทเสียอยู่ที่หน้าประตูจวนอ๋องด่าชินอ๋องเซียว แล้วยังด่าเซียวเหยียนจิ่งด้วย"เซียวเหยียนจิ่งเจ้าคนสารเลว! เจ้าเดรัจฉานไร้น้ำใจ! พ่อเจ้าตายไปยังไม่ทันได้ฝัง เจ้าก็ดันไม่ต้องการภรรยาเสียอย่างนั้น!""ลูกสาวข้าป่วยจากจวนชินอ๋องของพวกเจ้า จวนอ๋องของพวกเจ้ามันสกปรกเลวทราม เจ้าพวกหญิงสาวเหล่านั้นของเจ้าไปพูดเรื่อยเปื่อยกับลูกสาวข้า จนนางเข้าไปเอาของในห้องพ่อเจ้าแล้วติดโรคระบาดมา! พ่อสารเลวของเจ้า ต้องไปมั่วข้างนอกมาแน่ ตัวเองถึงได้ป่วยโรคสกปรกแบบนั้น พอเขาป่วย พวกเจ้าก็ไม่เอาสิ่งของไปเผาทิ้ง แต่ยังเก็บไว้ในบ้านเพื่อทำร้ายคนอื่น!""ลูกสาวข้าเป็นคนบริสุทธิ์ไร้เดียงสา สมองไม่ได้คิดเคี้ยวอะไร นางจึงรังแกง่าย แต่เพราะตามืดบอด เลยถูกวพวกเจ้าทำร้ายเอา แล้วยังถูกถพวกเจ้าสาดน้ำสกปรกใส่อีก!""เดิมทีเรื่องเหล่านั้นเกี่ยวอะไรกับนางกัน? เป็นเพราะเป็นความผิดของจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า! เซียวเหยียนจิ่งจ้าสารเลว หลอกหใ้ข้าพาจื่อเหยากลับบ้าน บอกว่ให้ข้าได้รักษา
ตอนนี้พอแง้มประตูเปิดแล้วตัวเองก็ลงไปนั่งหลับแบบนี้ นี่มันอะไรกัน?แต่ว่าเขามีแต่ความคิดจะสะสางบัญชีกับเซียวเหยียนจิ่ง จึงไม่สนใจความแปลกประหลาดจุดนี้พอเข้าประตูมา เขาก็ตรงไปที่ด้านในทันที"เซียวเหยียนจิ่ง เจ้ารีบไสหัวออกมาซะ! เจ้าทำให้จื่อเหยาต้องตาย!"เซียวเหยียนจิ่งอยู่ที่โถงหน้า ผู้ดูแลมาเรียกเขานานแล้ว เขาไม่ให้คนเปิดประตู แต่ตนเองก็ไม่หนีไปไหน คอยจับตาดูอยู่ที่นี่ คิดหาวิธีรับมืออยู่"รัฐทายาท ตอนนี้ทำอย่างไรดี" ผู้ดูแลมองเขาสีหน้ากังวล "พระชายารัฐทายาททำไมถึงตายไปแบบนี้กัน?"เซียวเหยียนจิ่งหงุดหงิดสุดๆ ขมับเต้นตุบๆ "ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?"เขาเองก็เพิ่งได้ข่าวนี้ เขาเองก็ตกตะลึงเหมือนกันเถอะ!"หมอเทวดาหลี่ถ้าเอาแต่อาละวาดอยู่ข้างนอก เรื่องนี้คงลือออกไปเร็วแน่ จะไม่ดีกับชื่อเสียงของรัฐทายาทเอา""เช่นนั้นก็ห้ามให้เขาเข้ามา! เขาสัมผัสหลี่จื่อเหยาไปสองวันแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาติดโรคนั่นมาหรือยัง? แล้วที่บอกว่าหลี่จื่อเหยาสะดุดล้มจนตาย ใครจะรู้ว่าใช่หรือไม่ใช่?"ผู้ดูแลพอได้ยินเซียวเหยียนจิ่งพูดเช่นนี้ ก็อดสูดลมหายใจลึกไม่ได้ "รัฐทายาทสงสัยว่านางป่วยตายหรือ?""พ่อของข้ายังป่ว
ผู้ดูแลตัวแข็งทื่อ เดินไปที่ธรณีประตูทางนั้น เพียงแค่มองใจก็เย็นวาบไปแล้วทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้?ตอนที่หมอเทวดาหลี่ล้มลงมา ก็กระแทกเข้ากับธรณีประตูอย่างจัง แล้วก็แรงมากเลยทีเดียว ทำเอาหน้าผากของเขาแตกจนเป็นแผลใหญ่ ตอนนี้เลือดทะลักออกมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น มุมปากเขาก็มีเลือดไหลด้วยเป็นไปได้ว่าการถีบของรัฐทายาททำเอาเขาใกล้ตายเลยทีเดียวเขาย่อตัวลงมา ยื่นมือไปผลักๆ หมอเทวดาหลี่ "หมอเทวดาหลี่ รีบตื่นเถอะ!"หมอเทวดาหลี่แน่นิ่งไปแล้วเขายื่นมือไปวัดลมหายใจ แล้วก็รีบหดมือกลับอย่างรวดเร็ว หันหน้าไปมองเซียวเหยียนจิ่ง "รัฐทายาท เขา ไม่หายใจแล้ว!"เซียวเหยียนจิ่งร่างโงนเงน สมองขาวโพลนไปหมดเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงถึงแม้จะไม่เห็นฉากนี้ แต่ว่าเซียวหลันยวนกำลังภายในมากล้น ระยะห่างแค่นี้ แล้วยังเสียงดังขนาดนี้ เขาได้ยินมันอย่างชัดเจนเขาบอกกับฟู่จาวหนิง"เซียวเหยียนจิ่งสังหารหมอเทวดาหลี่แล้ว"เขายังคิดไม่ถึง ว่าเรื่องจะบานปลายมาขนาดนี้ฟู่จาวหนิงงงเป็นไก่ตาแตก"ทำไมพ่อลูกหัวกระแทกตายกันหมดเลยล่ะ?"นี่มันบังเอิญจนประหลาดไปไหม?ถึงแม้หลี่จื่อเหยาจะหกล้มไปเอง หมอเทวดาหลี่ถูกถีบลอยออกไปถ
เซียวหลันยวนอธิบาย "แล้วตอนนี้ องค์จักรพรรดิจะปกป้องเซียวเหยียนจิ่งหรือ? พวกเขาแทบจะไม่มีคุณค่าอะไรแล้ว ต่อให้เขาคิดจะปกป้อง ก็จะมีคนมากดดันเขาเอง"ใครให้สมาคมหมอใหญ่มีตัวตนสูงส่งขนาดนี้ในใต้หล้ากันล่ะ?"ดังนั้น เซียวเหยียนจิ่งคือจบเห่แล้วหรือ?""ใช่"เซียวหลันยวนมองจวนชินอ๋องเซียว น้ำเสียงเย็นลงเล็กน้อย "เขาเองก็น่าจะจบเห่แล้ว"แล้วก็ตามคาด เพียงไม่นาน เซียวเหยียนจิ่งก็ถูกคุมตัวออกมาเขาไม่อยากเชื่อว่าคนในที่ว่าการจะกล้าจับเขาจริงๆ ยังคิดจะต่อต้านอยู่ แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่นำมาจะพูดกับเขาเสียงแหบต่ำว่า "รัฐทายาทเซียว เกรงว่าท่านคงยังไม่รู้ องค์จักรพรรดิยังกังวลว่าโรคระบาดจะแพร่ออกมาจากพวกเจ้าทางนี้ ตอนนี้พวกเจ้าตายก็ตายไป ต้องรับโทษก็รับโทษไป เหมาะเจาะพอดี"พอคำพูดนี้ออกมา ใจของเซียวเหยียนจิ่งก็ดิ่งลงทันควันเขาเข้าใจขึ้นมาในพริบตาองค์จักรพรรดิกลัวตายขนาดนั้นเชียว!กลัวตายเพราะชินอ๋องเซียวป่วยตาย องค์จักรพรรดิเลยกลัวว่าเขาจะติดโรคนั่นด้วย ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในราชวงศ์ ถ้าหากเกิดไปสัมผัสกับคนในราชวงศ์คนอื่น ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่โรคจะระบาดไปถึงตัวองค์จักรพรรดิได้ดังนั้น อง
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้