ณ ชนเผ่าคุโมโม่ หลังจากความบังเอิญวันนั้น พี่เสือสามารถคิดค้นคันธนูขึ้นมาได้ หากแต่เค้ายังไม่พอใจ เพราะเมื่อเทียบความแรงแล้ว ยังมิใกล้เคียงกับที่ยิงมาจากชะง่อนหินเลย พี่เสือใช้ไม้ไผ่เช่นว่านลุ่ย เค้าใช้เชือกสานจากเถาวัลย์หยาบๆ เพียงแต่แม้จะทำด้วยการรีดเร้นมันสมองทั้งหมูบ้าน แต่ธนูหน้าตาประหลาดที่ได้มา กับไม่เข้าใกล้สิ่งที่เรียกว่าธนูจริงๆแม้แต่น้อย นี่เป็นเพียงลำไผ่เล็กๆที่ตัดยาวนำมาผูกเชือก แม้จะยิงได้เช่นกัน แต่ขนาดความยาวและหนักหนาเทอะทะ ต่อให้ใช้นักรบกำยำน้าวสุดแรง สุดท้ายลูกเกาทัณฑ์ที่พุ่งออกไปก็ไกลได้แค่สามสิบสี่สิบวา เพียงแต่พี่เสือมีความสำเร็จอยู่บ้าง เนื่องจากมีลูกเกาทัณฑ์ของว่านลุ่ยเป็นแบบ เค้าจึงประยุกต์มาใช้จนเหมือน กับสร้างลูกศรร้ายกาจออกมาได้ โดยใช้เขี้ยวสัตว์แหลมคมเป็นหัวศร ทั้งยังติดขนหานป่าไว้ที่ปลาย เพื่อควบคุมทิศทางให้ตรงยามพุ่งออกไป แต่ว่าเพียงเท่านี้ก็พอให้ชนชาวเผ่าคุโมโม่ประกาศศักดาได้ เมื่อใช้สิ่งนี้ล่าสัตว์ ทุกคนก็พบว่าง่ายดายกว่าใช้หอกหินและลูกดอกอาบยาพิษยิ่งนัก ไม่นานก็กลายเป็นที่นิยมในชนเผ
คนป่าที่ 21ท้องใหญ่ขนาดนี้ยังจะทำอีก วันเวลายังคงผ่านไป ยิ่งมาท้องว่านลุ่ยยิ่งโย้ นางอยากจะทำนาอีกซักรอบก่อนฤดูหนาว แต่พี่หมีไม่ยินยอมให้นางลงมือลงไม้ สุดท้ายจึงได้แค่ยืนบัญชาการอยู่ในกระท่อม ตะโกนด่าทอเหล่าสาวชาวป่าเซ่อซ่า ที่เหยียบย่ำต้นกล้าของนางจนจมลงไปในดินโคลน ตามคันดินริมลำธารเป็นต้นหม่อน หลายเดือนมานี้กิ่งพันธุ์ที่นางปักไว้ออกพุ่มแล้ว แม้จะยังผลิตใบได้จำนวนไม่มาก แต่ทุกครั้งที่ว่านลุ่ยทอดสายตามองไป นางยังคงยิ้มออกมาด้วยความยินดี แม้การไม่สวมใส่เสื้อผ้าจะสบายยิ่ง แต่ยังคงใส่เถอะจะดีกว่า หญิงสาวตั้งใจจะเปลี่ยนชนเผ่าพี่หมีให้กลายเป็นผู้มีอารยะ เพราะถึงยังไงนางคงต้องอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิต จะให้ทารกน้อยในท้องยามคลอดออกมาก็ร่ำร้องอูก้าอูก้า ถือหอกไม้กระบองหินไล่หวดผู้คนแบบบิดาได้ยังไง ยังมีอันตรายจากนอกชนเผ่า ว่านลุ่ยไม่ทราบถึงขีดจำกัดของคนกลุ่มอื่น แต่นางมั่นใจว่าคงไม่เจริญไปกว่าพวกพี่หมีอย่างแน่นอน เสียงฉึกฉึกดังอยู่ห่างไปไม่ไกล วันนี้พี่หมี่สั่งหยุดงานก่อสร้าง ภายใต้การสอนสั่งของชายหนุ่ม นักรบทุกคนรู้จักใช้ธนูล
นี่คือต้นหม่าฮวง ที่ต้าเว่ยใช้เป็นสมุนไพรแก้ไอและหืดหอบ แต่ระยะหลังกับมีคนนำมาใช้ในทางที่ผิด ราชสำนักจึงมีคำสั่งให้กลายเป็นสิ่งของต้องห้าม ชาวบ้านทั่วไปไม่สามารถซื้อขายหรือครอบครองได้ ว่านลุ่ยครอบครัวประกอบการค้าย่อมต้องจำให้ขึ้นใจ ดังนั้นนางเห็นเพียงแวบเดียวก็ดูออกแล้ว หญ้าชนิดนี้มีทั้งคุณและโทษในตัว เมื่อก่อนใช้เป็นเพียงตัวยาชนิดหนึ่ง แต่หลังจากเหล่าทหารในกองทัพรู้จักวิธีใช้แบบใหม่ พวกเค้าก็ไม่เห็นมันเป็นยาอีกแล้ว รากและลำต้นหม่าฮวงหากนำมาปรุงแต่งด้วยวิธีพิเศษบางอย่าง สิ่งที่ได้กลับมาก็ไม่ต่างจากยาพิษ ผู้ที่กินเข้าไปจะเคลิบเคลิ้มไม่รู้จักเจ็บปวด จนกลายเป็นที่นิยมของพวกทหารในกองทัพ ใช้รับประทานยามสู้รบกับศัตรู แต่เจ้าสิ่งนี้มีผลข้างเคียงมาก คนที่ใช้บ่อยก็จะติดจนเลิกไม่ได้ สุดท้ายราชสำนักสั่งห้ามซื้อขาย กลายเป็นต้นหญ้าหายากและมีราคาแพง ว่านลุ่ยแม้จะรู้ถึงข้อเสีย แต่นางก็ยินดียิ่งที่ได้หญ้าหม่าฮวง ใครจะรู้ว่าในอนาคตอาจต้องใช้ ดังนั้นจึงจัดการขยายพันธุ์ไว้ในแปลงพืชสมุนไพรของตนเอง*** วันเวลาผ่านไปเช่นนี้เอง ว่านลุ่ยบั
คนป่าที่ 22ไข่หิน หนึ่งในเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามาชื่อว่าไข่หิน เค้าคือบุตรชายของพี่สาวจอมยั่วกับพี่หมีเอง ไข่หินมองบิดาด้วยความภาคภูมิใจ ท่านพ่อร้ายกาจยิ่งนัก ขนาดท่านหมอผียังทำให้ท้องได้ แล้วยังมีท่วงท่าหยาบคายนั่น กระแทกเข้าไปแต่ละครั้งจนเกิดเสียงดังลั่น แต่เค้าไม่มีเวลาจะเรียนรู้กระบวนท่าจากผู้พ่อ ดังนั้นจึงส่งเสียงอูก้าอูก้า บอกเค้าว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว เมื่อครู่พบรอยเท้าปริศนาจำนวนมากอยู่ที่ชายป่าด้านทิศตะวันตก หากเป็นทั่วไป การทำเช่นนี้ถือว่าเสียมารยาทยิ่งในหมู่ชนชาวป่า ปกติแล้วหากแขกผู้มาเยือนพบว่าเจ้าบ้านกำลังขึ้นขี่ตัวเมียของตนอยู่ สมควรยืนรอจนกระทั่งอีกฝ่ายเสร็จสม หรือให้เจ้าบ้านเป็นผู้ออกปากพูด มิใช้เอ่ยขัดจังหวะ เช่นนี้ถือว่าไม่ให้เกียรติเจ้าของบ้านอย่างยิ่ง! แต่นี่เป็นบิดาไข่หิน เค้าแม้จะเกรงกลัวแต่ก็จำเป็นต้องกล่าว ไม่กี่เดือนก่อนตนเพิ่งจะได้เลื่อนขั้นเป็นนักรบ ได้รับมอบหมายให้จัดหน่วยลาดตระเวน และนี่เป็นครั้งแรกที่พบความผิดปกติในอาณาเขต เค้าจึงอยากมารายงานบิดาด้วยตนเอง นี่เป็นวิถีชีวิตชาวชนเผ่า ลูกชายห
บนชะง่อนหิน ใกล้ๆกับสระเล็กๆที่ว่านลุ่ยขุดขึ้นเพื่อรองรับน้ำจากกังหัน ต้นอ้อยที่นางปล้นชิงมาถูกหั่นเป็นท่อนๆ ฝังกลบไว้ตามคันดิน เมื่อมีเจ้าสิ่งนี้ นางก็ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำผึ้งอีก รอให้พวกมันโตซักหน่อยค่อยขยายพันธุ์เพิ่ม จะได้เอามาคั้นน้ำเคี่ยวเป็นน้ำตาล เกือบสองปีที่ผ่านมานางได้พืชพันธุ์จำนวนมาก มีทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก แต่อาชีพของนางเมื่อก่อนเป็นแม่ค้า ทั้งยังขายเครื่องเทศนำเข้า นางย่อมรู้จักคัดแยกสิ่งที่กินได้และไม่ได้ เรื่องพวกนี้ถือเป็นพื้นฐานของเฒ่าแก่เนี้ย ไม่เช่นนั้นนางจะเปิดเหลาอาหารได้เป็นสิบร้านหรือ บนกำแพง พี่หมีเนื้อตัวเต็มไปด้วยดินโคลน แม้แต่เจ้าลาน้อยก็ถูกจับมาลากเกวียนไม้ บรรทุกก้อนหินที่เริ่มขนไกลขึ้นเรื่อยๆ เพราะแถวๆหมู่บ้านถูกนำมาใช้ก่อสร้างหมดแล้ว ว่านลุ่ยมองสามีชาวป่าของตนอยู่ที่ห่างไกล นางรู้สึกผิดนิดๆ เมื่อก่อนชายหนุ่มเพียงแค่ตื่นนอนแล้วเข้าป่าล่าสัตว์ ใช้ชีวิตอิสระเรียบง่าย แตกต่างจากทุกวันนี้ ต้องรับผิดชอบหลายหน้าที่ กับกลายเป็นว่าเหนื่อยกว่าเมื่อก่อนอีก “…” หญิงสาวมองบุรุษชาวป่าเดินเข้าๆออกๆหมู่บ้าน ทุ
คนป่าที่ 23สำรวจทะเล บนทางรกร้างภายในป่าเขา ว่านลุ่ยยืนโก้งโค้งเกาะเปลือกไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง พี่หมีใช้เท้าเขี่ยขาทั้งสองของนางออกให้แยกกว้าง จัดท่าจัดทางตามที่ต้องการ แล้วจึงเริ่มซอยสะโพกเข้าออกช้าๆ แล้วค่อยเร็วขึ้น เร็วขึ้น... “โอ้ย!จะเสร็จซักทีได้รึยัง ข้าปวดขา!” ว่านลุ่ยด่าทอคนด้านหลังด้วยภาษาต้าเว่ย นางอยากจะถีบเค้าให้กระเด็นตกเขานัก ตนท้องโตขนาดนี้ยังจะทำอีก ไม่เห็นใจกันบ้างเลย! พี่หมีเหมือนจะรู้ว่าตัวเมียของตนไม่พอใจ เค้ารัดเอวนางไว้แน่น เสยสะโพกเข้าออกสุดชีวิต จากนั้นตอกอัดเน้นๆเชื่องช้าอีกเจ็ดแปดครั้ง ปากก็ร้องครวญคราง อู อู อู “ป็อก!” เสียงบางอย่างเคลื่อนหลุดออก ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าตามเรียวขาหญิงสาว จะเปรอะเปื้อนเลอะเทอะเพียงใด นานสองนาน ว่านลุ่ยใช้น้ำจากกระบอกไม้ไผ่ที่นำมาทำความสะอาดกลีบท้อ นางไม่อยากขัดใจสามีมาก เมื่อเค้าต้องการนางก็จัดให้ จากนั้นทั้งสองก็ออกเดินทางต่อ เพราะตอนนี้เวลาไม่เช้าแล้ว ตะวันคล้อยบ่าย ว่านลุ่ยและพี่หมีเดินมาถึงยอดเขา จากถ้ำของนางมานี่ใช้เวลาเพียงครึ่งวั
จนกระทั่งค่ำ คนป่าเกือบสิบนั่งล้อมวงรอบกองไฟว่านลุ่ยพร่ำสอนพวกเค้าจนปากเปียกปากแฉะ ให้ทุกคนจดจำชนิดได้ โดยเฉพาะเนี่ยวเกอ แม้แต่เป็นตัวที่ตายแล้วมีแต่เปลือกก็ต้องเอา! กลางดึก หลังจากกินหอยเผา ว่านลุ่นพลันปวดฉี่ยิ่งนัก หญิงสาวเห็นพวกพี่หมีไม่หลับไม่นอน นางจึงลุกเดินลงไปยังทะเล นั่งยองย่อฉี่ลงน้ำเสียเลย แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น! จู่ๆนางรู้สึกยุบยับอยู่ที่ขา พอลองเอามือไปแตะๆดูก็พบว่านุ่มๆดีดดิ้นไปมา นางตกใจสุดขีดจนร้องเสียงหลง รีบวิ่งขึ้นจากน้ำร่ำร้องเป็นภาษาต้าเว่ยว่ากลัวแล้วกลัวแล้ว เอามันออกไปเอามันออกไป! พี่หมีมองดูตัวเมียเกลือกกลิ้งบนพื้นทราย เค้าไม่รู้ไฉนนางบ้าขึ้นมาอีก เพราะว่าตรงที่นางอยู่มืดมาก จึงไม่เห็นเจ้าตัวที่เกาะอยู่ตรงขาภรรยาตนเอง “ตายแล้ว ข้าจะตายแล้ว”!!! ว่านลุ่ยดิ้นไปมาด้วยความตกใจ! แต่พี่หมีไม่รอช้า เค้าพุ่งเข้าไปอุ้มหญิงสาว จากนั้นจึงพบตัวยุบยังตรงขา ใช้กำลังเพียงเล็กน้อยก็ดึงออกมาได้อย่างง่ายดาย*** เสียงเปลวไฟลั่นเพี๊ยะพะ เป็นอีกครั้งที่ว่านลุ่ยจ้องมองศัตรูของตนด้วยความเค
คนป่าที่ 24ต้มเกลือ ท่อนซุงถูกขูดจนกลายเป็นเรือเล็ก ว่านลุ่ยนำหัวท้ายวางบนก้อนหินใหญ่ ตรงกลางเจาะรูไม่ใหญ่มาก ต่อท่อให้น้ำไหล เมื่อนำเดินเค็มใส่เข้าเรือไม้จนเต็ม เหยียบอัดให้แน่น จากนั้นตักน้ำจากลำธารมาหมักไว้ รอจนหยดลงเต็มถังไม้ นำมาต้นไม่นานก็ได้เกลือแล้ว ความยากลำบากผ่านพ้นไป ว่านลุ่ยสอนอยู่นานจนน้องสาวทั้งสองจำได้ นางถึงขั้นลงทุนสร้างกระท่อมน้อยเป็นเพิงพักให้คนทั้งคู่ วันทั้งวันจะได้มิต้องไปไหน ทำหน้าที่ต้มเกลือให้กับตนก็พอ ที่ต้าเว่ย การค้าเกลือถือเป็นสิ่งที่ทำกำไลมากที่สุด หากไม่มีใบอนุญาตควบคุมจากราชสำนัก ชาวบ้านทั่วไปมิสามารถขนส่งค้าขายได้ ดังนั้นว่านลุ่ยจึงเห็นว่าเจ้าสิ่งนี้สำคัญยิ่ง หน้าที่นี้จึงตกเป็นของน้องสาวทั้งสองที่ตนไว้ใจ ผ่านไปอีกหลายวัน ท้องของว่านลุ่ยโตมาก นางคิดว่าลูกในท้องคงจะเกิดในหน้าหนาว ดังนั้นจึงรีบทำสิ่งสำคัญหลายอย่าง เพื่อให้ทันก่อนที่หิมะจะตกมา อย่างเช่นวันนี้ ว่านลุ่ยยืนคุมคนงานสองคนขุดหน้าดิน พอเห็นดินเหนียวที่ต้องการนางก็ร้องบอกว่าพอแล้ว แสดงท่วงท่าบ้าใบ้ว่าข้าต้องการสิ่งนี้ ให้ขุดข
ในสายตาแมงมุมหิน นางนอนอยู่ที่พื้น มิทราบเกินเรื่องราวใดขึ้น เพียงไม่กี่อึดใจ พวกศัตรูก็ล้มลงเจ็ดแปดคน จึงอาศัยจึงหวะปลดเครื่องพันธนาการที่ขา คว้ามีดหินจากศพคนที่ตายข้างๆ จากนั้นคลานคืบคลานศอกมุ่งไปทางชายสูงใหญ่ผู้หนึ่ง ที่กำลังหลบซ่อนอยู่ข้างตอไม้ หันหลังให้กับตนเอง พี่หมีอยู่บนที่สูง เค้าย่อมเห็นการกระทำของเด็กหญิง ในใจก็นึกชื่นชมในความกล้า แต่ตอนนี้คนป่าที่เหลืออยู่หกคนซ่อนตัวดีมาก ไม่ยอมโผล่ออกมาให้ยิงอีกเลย “…”*** “อูก้า!อูก้า!อูก้า!” จู่ๆเกิดเสียงคำรามบนเนินสูงดังลั่น ก็เป็นจังกวะเดียวกับเด็กน้อยเชือดคอหอยพอดี! พี่หมีช่วยเหลือเด็กสาวอีกครั้ง แม้นางจะกล้าแต่ว่าโง่มาก การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากฆ่าตัวตาย หากเค้าไม่ดึงความสนใจคนที่เหลือไว้ นางคงถูกเจ้าพวกนั้นสังหารไปแล้ว จริงอย่างที่คิด ทั้งห้าหารู้ไม่ว่าสหายผู้หนึ่งถูกเหยื่อของตนย่องไปเชือดคอจากด้านหลัง แม้จะมีเสียงดิ้นรนสุดท้ายก่อนขาดใจ แต่พวกเค้าก็มิได้ยินเสียง เพราะมัวแต่เพ่งมองไปตามเสียง ชมมองหมีดำยืนตีอกชกหัวอยู่บนขอนไม้ ร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งอยู่คนเดียว “กา
คนป่าที่ 26เผ่ากินคน สถานที่ตั้งกระโจมกลายเป็นทุ่งหญ้าขึ้นสูง พี่หมีแม้มิได้ผูกพันแต่ก็รู้สึกใจหาย ถึงไม่สืบต่อเค้าก็ทราบได้ทันที่ว่าเกิดสิ่งใด นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ชนเผ่าที่เคยรุ่งเรืองสมัยก่อนก็มักเป็นเช่นนี้เอง ชายหนุ่มเดินเข้าไปสำรวจร่องรอย โครงกระดูกจำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่ว เศษเนื้อเน่าเปื่อยไปหมดแล้ว บางโครงก็ชิ้นส่วนไม่ครบ ถูกสัตว์ป่าคาบไปกินตามที่ต่างๆ ห่างไปไม่ไกลพี่หมีพบตุ้มหินสองลูก ผูกโยงเข้าด้วยกันกับเถาวัลย์ไม้ รัดพันเข้ากับขาทั้งสองของซากกระดูกโครงหนึ่ง เมื่อเห็นอาวุธพันธนาการ พี่หมีก็ทราบได้ทันที่ว่าชนเผ่าใดเป็นผู้บุกโจมตี นี่เป็นพวกป่าเถื่อนแดนเหนือ! กลุ่มที่ชื่นชอบการกินเนื้อมนุษย์ พวกมันมักจะกระจัดกระจายกันอยู่ตามที่ต่างๆ คอยซุ่มโจมตีชนเผ่าเล็กๆ ทั้งยังเชี่ยวชาญการขี่ม้า เลี้ยงสุนัขป่าตัวโตร้ายกาจอีกด้วย เพราะพื้นที่แถบนี้เป็นขุนเขามากมาย ต่างจากแดนเหนือที่เป็นทุ่งหญ้าพื้นเรียบ ชนเผ่าละแวกใกล้เคียงจึงไม่นิยมขี่ม้า ต่างกับพวกกินคนแดนเหนือ ที่ใช้ชีวิตบนหลังม้าเป็นปกติ เล
ไม่ไกลจากลำธาร หัวหน้าเผ่าคุโมโม่มาทันเห็นนักรบทั้งสี่ถูกสอยร่วง เค้าร่ำร้องตะโกนสุดเสียงด้วยความแค้น จังหวะนั้นไม่มีผู้ใดกลัวตายซักนิด คนป่ากว่าครึ่งร้อยที่ตามมาก็มุ่งตรงกระโดดข้างแม่น้ำตามเค้าไป คนแล้วคนเล่า ทั้งหมดข้ามได้อย่างปลอดภัย พี่หมีเห็นศัตรูมามากก็เผ่นแนบไปก่อนแล้ว คนหัวเสือยามนี้พบว่าหนึ่งในผู้ตายที่นอนอยู่บนโขดหิน เป็นบุตรชายตนเองก็ยิ่งแค้น ก้มลงไปกอดศพเด็กหนุ่มร่ำไห้ สาบานว่าต่อให้แลกด้วยชีวิต เค้าก็ต้องสังหารเจ้าหมีดำให้ได้ด้วยมือตนเอง การไล่ล่ายังคงดำเนินต่อไป นักรบคุโมโม่เกือบสองร้อย แบ่งกันอ้อมไปดักตามเส้นทางต่างๆ พี่เสือกลืนความแค้นลงท้อง นำกำลังสามสิบคนไล่ตามรอยเท้า พี่หมีก็ไม่ยอมให้ตามทันง่ายๆ ระหว่างทางเค้าพบรังต่อรังแตนก็ใช้กิ่งไม้ขว้างปาไปทั่ว ยั่วยุให้สัตว์มีพิษเหล่านี้บินว่อน เพื่อสร้างความลำบากให้ผู้ที่ติดตามมาด้านหลัง จะได้ไม่ตามตนเองได้ง่ายเกินไป จนกระทั่งมืดค่ำ ต่อให้เชี่ยวชาญการแกะรอยแค่ไหน เมื่อไร้แสงอาทิตย์ พี่หมีก็สลัดหลุดจากศัตรู หากแต่ชายหนุ่มยังคงมุ่งขึ้นเหนือเป็นเส้นตรง เพราะคาดว่าฝ่ายตรงข้างคงวางกำลังโอบล
คนป่าที่ 25ถูกซุ่มโจมตี ตะวันคล้อยบ่าย หากแต่ใบไม้หนาทึบบดบังแสงแดดยิ่ง คนป่าบนเนินห้าเสือเพียงรอให้ศัตรูโผล่ออกมา พวกเค้าก็จะระดมยิงเกาทัณฑ์ใส่จากทุกทิศทาง ต่อให้หัวหน้าเผ่าอูก้าร้ายกาจแค่ไหน สภาพต้องไม่ต่างจากตัวเม่นแน่นอน แต่สิ่งที่ทุกคนมิทันคาดคิดพลันเกิดขึ้น ขณะที่ทั้งหมดยังไม่เห็นศัตรูเผยตัวออกจากที่ซ่อน ลูกเกาทัณฑ์อีกฝ่ายกับพุ่งเข้าใส่ฝั่งตนก่อนแล้ว! เสียงฉึกเมื่อหัวศรปักจมลงเนื้อไม้ นักรบคุโมโม่ที่ซุ่มอยู่ข้างๆถึงกับสะดุ้ง เค้าไม่ทราบเจ้านี่ถูกยิงมาจากตรงไหน แต่เสียงสวบสาบของฝีเท้าใกล้ๆ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าคนหัวหมีกำลังหลบหนี พริบตาเดียวเสียงเป่าเขาสัตว์ดังลั่น จากนั้นเป็นเสียงเฮโลของคนป่าไล่กวดตามไป ในเสี้ยวอึดใจ พี่หมียิงเกาทัณฑ์มั่วๆออกไปสองลูก ดอกหนึ่งปักเข้ากับต้นไม้ อีกดอกปักใส่คอหอยนักรบคุโมโม่ผู้หนึ่งพอดี…*** ด้วยจำนวนคนที่แตกต่าง คนหัวเสือแค้นใจนัก เค้าไล่ตามเสียงแหวกกิ่งไม้เบื้องหน้า ด้านหลังยังมีสมุนหลายสิบคนวิ่งติดตามมา เมื่อครู่เห็นนักรบของตนผู้หนึ่งล่วงจากต้นไม้กับตา เจ้าหมีสร้า
ชายชราแม้สูงวัยแต่แข็งแรงยิ่ง สิบกว่าปีก่อนตอนเข้าร่วมกับพี่หมี เค้าช่วยเหลือหัวหน้าเผ่าไม่น้อย ทำหน้าที่แฝงตัวสืบขาวสารพัด แต่ละครั้งมิเคยถูกจับได้ สมกับชื่อหมอกดำของตนที่บิดาตั้งให้โดยแท้ ลงใต้เป็นหน่วยของเจ้าเม่นหิน ชายผู้นี้จัดอยู่ในอันดับสี่ของนักรบในชนเผ่า เค้าเชี่ยวชาญการซัดเข็มหนามยิ่ง ระยะเจ็ดแปดวาขว้างปาไม่มีพลาด ทั้งยังเป็นบุตรชายของหมอกดำเอง เม่นหินได้รับคำสั่งก็พานักรบรุ่นใหม่ห้าคนลงใต้ทันที เค้าได้รับมอบหมายให้สืบข่าวเผ่าอากู หนึ่งในคนที่ติดตามยังเป็นบุตรชายหัวหน้าเผ่า ไก่หินผู้เป็นน้องชายไข่หินอีกด้วย “ใช่แล้ว” ควรรู้เอาไว้ว่า ชนชาวป่ามักจะตั้งชื่อบุตรประหลาดเช่นนี้ ส่วนมากมักจะเรียกต่อท้ายว่าหิน แม้แต่ กวางหิน หรือนกหินงูหินก็มี “…”*** ไม่นานหลังจากสามหน่วยแยกทาง พี่หมีไม่รู้ตัวซักนิด ทันทีที่ตนเหยียบเข้าเขตคุโมโม่ สายสอดแนมของศัตรูก็ตรวจพบแล้ว! ปกติมิค่อยมีชนเผ่าใดวางกำลังชายแดน พี่หมีจึงชะล่าใจ กับเป็นพี่เสือที่คิดเตลิดในตอนนั้น ตื่นตัวอยู่ก่อน นำคนเผ้าสังเกตการณ์ตามจุดต่างๆมาหลายเดือนแล้ว ยามนี้ร
คนป่าที่ 24ต้มเกลือ ท่อนซุงถูกขูดจนกลายเป็นเรือเล็ก ว่านลุ่ยนำหัวท้ายวางบนก้อนหินใหญ่ ตรงกลางเจาะรูไม่ใหญ่มาก ต่อท่อให้น้ำไหล เมื่อนำเดินเค็มใส่เข้าเรือไม้จนเต็ม เหยียบอัดให้แน่น จากนั้นตักน้ำจากลำธารมาหมักไว้ รอจนหยดลงเต็มถังไม้ นำมาต้นไม่นานก็ได้เกลือแล้ว ความยากลำบากผ่านพ้นไป ว่านลุ่ยสอนอยู่นานจนน้องสาวทั้งสองจำได้ นางถึงขั้นลงทุนสร้างกระท่อมน้อยเป็นเพิงพักให้คนทั้งคู่ วันทั้งวันจะได้มิต้องไปไหน ทำหน้าที่ต้มเกลือให้กับตนก็พอ ที่ต้าเว่ย การค้าเกลือถือเป็นสิ่งที่ทำกำไลมากที่สุด หากไม่มีใบอนุญาตควบคุมจากราชสำนัก ชาวบ้านทั่วไปมิสามารถขนส่งค้าขายได้ ดังนั้นว่านลุ่ยจึงเห็นว่าเจ้าสิ่งนี้สำคัญยิ่ง หน้าที่นี้จึงตกเป็นของน้องสาวทั้งสองที่ตนไว้ใจ ผ่านไปอีกหลายวัน ท้องของว่านลุ่ยโตมาก นางคิดว่าลูกในท้องคงจะเกิดในหน้าหนาว ดังนั้นจึงรีบทำสิ่งสำคัญหลายอย่าง เพื่อให้ทันก่อนที่หิมะจะตกมา อย่างเช่นวันนี้ ว่านลุ่ยยืนคุมคนงานสองคนขุดหน้าดิน พอเห็นดินเหนียวที่ต้องการนางก็ร้องบอกว่าพอแล้ว แสดงท่วงท่าบ้าใบ้ว่าข้าต้องการสิ่งนี้ ให้ขุดข
จนกระทั่งค่ำ คนป่าเกือบสิบนั่งล้อมวงรอบกองไฟว่านลุ่ยพร่ำสอนพวกเค้าจนปากเปียกปากแฉะ ให้ทุกคนจดจำชนิดได้ โดยเฉพาะเนี่ยวเกอ แม้แต่เป็นตัวที่ตายแล้วมีแต่เปลือกก็ต้องเอา! กลางดึก หลังจากกินหอยเผา ว่านลุ่นพลันปวดฉี่ยิ่งนัก หญิงสาวเห็นพวกพี่หมีไม่หลับไม่นอน นางจึงลุกเดินลงไปยังทะเล นั่งยองย่อฉี่ลงน้ำเสียเลย แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น! จู่ๆนางรู้สึกยุบยับอยู่ที่ขา พอลองเอามือไปแตะๆดูก็พบว่านุ่มๆดีดดิ้นไปมา นางตกใจสุดขีดจนร้องเสียงหลง รีบวิ่งขึ้นจากน้ำร่ำร้องเป็นภาษาต้าเว่ยว่ากลัวแล้วกลัวแล้ว เอามันออกไปเอามันออกไป! พี่หมีมองดูตัวเมียเกลือกกลิ้งบนพื้นทราย เค้าไม่รู้ไฉนนางบ้าขึ้นมาอีก เพราะว่าตรงที่นางอยู่มืดมาก จึงไม่เห็นเจ้าตัวที่เกาะอยู่ตรงขาภรรยาตนเอง “ตายแล้ว ข้าจะตายแล้ว”!!! ว่านลุ่ยดิ้นไปมาด้วยความตกใจ! แต่พี่หมีไม่รอช้า เค้าพุ่งเข้าไปอุ้มหญิงสาว จากนั้นจึงพบตัวยุบยังตรงขา ใช้กำลังเพียงเล็กน้อยก็ดึงออกมาได้อย่างง่ายดาย*** เสียงเปลวไฟลั่นเพี๊ยะพะ เป็นอีกครั้งที่ว่านลุ่ยจ้องมองศัตรูของตนด้วยความเค
คนป่าที่ 23สำรวจทะเล บนทางรกร้างภายในป่าเขา ว่านลุ่ยยืนโก้งโค้งเกาะเปลือกไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง พี่หมีใช้เท้าเขี่ยขาทั้งสองของนางออกให้แยกกว้าง จัดท่าจัดทางตามที่ต้องการ แล้วจึงเริ่มซอยสะโพกเข้าออกช้าๆ แล้วค่อยเร็วขึ้น เร็วขึ้น... “โอ้ย!จะเสร็จซักทีได้รึยัง ข้าปวดขา!” ว่านลุ่ยด่าทอคนด้านหลังด้วยภาษาต้าเว่ย นางอยากจะถีบเค้าให้กระเด็นตกเขานัก ตนท้องโตขนาดนี้ยังจะทำอีก ไม่เห็นใจกันบ้างเลย! พี่หมีเหมือนจะรู้ว่าตัวเมียของตนไม่พอใจ เค้ารัดเอวนางไว้แน่น เสยสะโพกเข้าออกสุดชีวิต จากนั้นตอกอัดเน้นๆเชื่องช้าอีกเจ็ดแปดครั้ง ปากก็ร้องครวญคราง อู อู อู “ป็อก!” เสียงบางอย่างเคลื่อนหลุดออก ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าตามเรียวขาหญิงสาว จะเปรอะเปื้อนเลอะเทอะเพียงใด นานสองนาน ว่านลุ่ยใช้น้ำจากกระบอกไม้ไผ่ที่นำมาทำความสะอาดกลีบท้อ นางไม่อยากขัดใจสามีมาก เมื่อเค้าต้องการนางก็จัดให้ จากนั้นทั้งสองก็ออกเดินทางต่อ เพราะตอนนี้เวลาไม่เช้าแล้ว ตะวันคล้อยบ่าย ว่านลุ่ยและพี่หมีเดินมาถึงยอดเขา จากถ้ำของนางมานี่ใช้เวลาเพียงครึ่งวั
บนชะง่อนหิน ใกล้ๆกับสระเล็กๆที่ว่านลุ่ยขุดขึ้นเพื่อรองรับน้ำจากกังหัน ต้นอ้อยที่นางปล้นชิงมาถูกหั่นเป็นท่อนๆ ฝังกลบไว้ตามคันดิน เมื่อมีเจ้าสิ่งนี้ นางก็ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำผึ้งอีก รอให้พวกมันโตซักหน่อยค่อยขยายพันธุ์เพิ่ม จะได้เอามาคั้นน้ำเคี่ยวเป็นน้ำตาล เกือบสองปีที่ผ่านมานางได้พืชพันธุ์จำนวนมาก มีทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก แต่อาชีพของนางเมื่อก่อนเป็นแม่ค้า ทั้งยังขายเครื่องเทศนำเข้า นางย่อมรู้จักคัดแยกสิ่งที่กินได้และไม่ได้ เรื่องพวกนี้ถือเป็นพื้นฐานของเฒ่าแก่เนี้ย ไม่เช่นนั้นนางจะเปิดเหลาอาหารได้เป็นสิบร้านหรือ บนกำแพง พี่หมีเนื้อตัวเต็มไปด้วยดินโคลน แม้แต่เจ้าลาน้อยก็ถูกจับมาลากเกวียนไม้ บรรทุกก้อนหินที่เริ่มขนไกลขึ้นเรื่อยๆ เพราะแถวๆหมู่บ้านถูกนำมาใช้ก่อสร้างหมดแล้ว ว่านลุ่ยมองสามีชาวป่าของตนอยู่ที่ห่างไกล นางรู้สึกผิดนิดๆ เมื่อก่อนชายหนุ่มเพียงแค่ตื่นนอนแล้วเข้าป่าล่าสัตว์ ใช้ชีวิตอิสระเรียบง่าย แตกต่างจากทุกวันนี้ ต้องรับผิดชอบหลายหน้าที่ กับกลายเป็นว่าเหนื่อยกว่าเมื่อก่อนอีก “…” หญิงสาวมองบุรุษชาวป่าเดินเข้าๆออกๆหมู่บ้าน ทุ