หากมีใครสักคนถามว่าในชีวิตนี้อยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรมากที่สุดล่ะก็ นพรดา ธาราวงศ์ คงไม่ลังเลที่จะตอบว่า...
การหลวมตัวยอมมาเป็นเลขาของภาสกฤต คือสิ่งที่เธอทำพลาดที่สุดในชีวิต!
แม้ใครๆ จะบอกว่าเธอนั้นเป็นคนที่โชคดีมากที่ได้ทำงานใกล้ชิดกับเจ้านายหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย มากความสามารถอย่างหาตัวจับยาก แถมยังเป็นถึงประธานบริษัทใหญ่โตที่ติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศนี้ เขาเนื้อหอมขั้นเทพถึงกับมีสาวน้อยสาวใหญ่จ้องกันตาเป็นมัน ใครๆ ก็ล้วนอยากโชคดีได้เป็นตัวจริงของเขากันทั้งนั้น หรือไม่ได้เป็นตัวจริงก็ขอเป็นคู่ควงชั่วครั้งชั่วคราวเคียงข้างเขาสักครั้งก็ยังดี เอ้า!
คงจะมีแต่เธอนี่แหละมั้งที่อยากหนีห่างผู้ชายแสนเพอร์เฟก อย่างเขาให้ไกลร้อยลี้พันลี้ หากว่างานดีรายได้งามสำหรับเด็กจบใหม่ในเมืองไทยตอนนี้มันหากันง่ายๆ น่ะนะ ถ้าจะถามหาเหตุผลว่าทำไมล่ะก็
นพรดาอยากจะกลอกตามองบน แล้วตะโกนบอกแม่พวกสาวๆ ที่ชอบฝันว่าตัวเองเป็นนางเอกนิยายซึ่งได้พระเอกรูปหล่อพ่อรวยมาเป็นหวานใจในตอนจบของนิยายพาฝันว่า...
พวกหล่อนมาเบิกเนตรดูเจ้านายของฉันให้ดีหน่อยไหม แล้วจะได้รู้ว่าเทพบุตรในฝันที่ว่า แท้จริงแล้วแค่แหกตา ภายใต้ภาพลักษณ์หล่อ หรู ดูแพง ไม่ต้องว่าใคร ตอนที่มาใหม่ๆ เธอเองก็เคยหลงรูปจนยอมหลวมตัวมาเป็นเลขาให้เขาเพราะหน้าตาอันหล่อเหลาเฉียบขาด กับมาดเท่ห์ๆ คูลๆ ดูน่าเข้าหา ถ้าได้ทำงานด้วยได้เห็นหน้าหล่อๆ นั่นทั้งวันทุกวันก็คงเหมือนขึ้นสวรรค์มีแต่กำไรไม่มีขาดทุนแน่นอน เอาอะไรกับสาวน้อยช่างฝันในตอนนั้นล่ะ
กว่าจะบรรลุสัจธรรมและรู้ว่าโดนจกตาว่าที่แท้เทพบุตรที่ว่าก็เป็นแค่ผู้ชายซังกะบ๊วยห่วยแตก ที่รักใครไม่เป็นนอกจากงานของเขา แถมยังเย็นชา และใจร้ายได้โล่
ไม่สิ! เขาไม่ใช่ใจร้ายธรรมดาแต่ร้ายเข้าขั้นไร้หัวใจเลยต่างหาก
กริ๊ง...
เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ทำให้คนเป็นเลขาที่กำลังรัวมือพิมพ์งานอย่างบ้าระห่ำถึงกับสะดุ้งโหยงรีบผวากดรับสายนรกนั่นทันที
“ค่ะบอส...”
“คุณนพรดา! ผมต้องการอ่านรายงานการประชุมชาตินี้นะไม่ใช่ชาติหน้า”
เอาแล้วไงท่าน!
เสียงเย็นเฉียบกดต่ำเขย่าขวัญที่เรียกชื่อเธอเสียเต็มยศนั่นทำให้เลขาสาวแทบจะประสาทเสีย การประชุมประจำวันเพิ่งเสร็จได้ไม่ถึงนาทีเลย เขาก็ทวงรายงานการประชุมจากเธอเสียแล้ว
จะบ้าตาย!
“เก้าส่งไฟล์ให้บอสแล้วค่ะเมื่อห้าวินาทีก่อน ส่วนตัวฮาร์ดก็อปปี้พิมพ์เสร็จแล้วกำลังจะ ตู๊ดๆ...” ยังพูดไม่ทันจบประโยค ปลายสายก็กดตัดการติดต่อไปดื้อๆ ให้เธอต้องกัดปากแน่น เริ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจอีกรอบ
อีตาบ้านี่ ไม่รอให้เธอพูดจบก็วางสายใส่ คำว่ามารยาทน่ะเขาสะกดเป็นบ้างไหมวะ
วางสายไม่ถึงห้าวินาที เสียงกระชากวิญญาณนั่นก็ดังอีกรอบ
“ค่ะบอส”
“กาแฟผมอยู่ไหน”
“สักครู่นะคะบอส เก้ากำลังจะ...”
ตู๊ดๆ...
เหมือนเดิม ไม่รอให้เธอพูดจบก็ตัดสาย ชาติที่แล้วเขาเป็นกรรไกรหรือไงนะ ถึงขยันตัดได้ตัดดี
เธอก็ได้แต่นินทาในใจและปากขมุบขมิบท่องคาถาสำหรับมนุษย์เงินเดือนต่อไป ในเมื่อเธอไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดนี่นาจะทำไงได้ นอกจากทนก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
หญิงสาวยื่นมือไปรวบกระดาษแผ่นสุดท้ายที่เพิ่งออกจากเครื่องพริ้นเตอร์มาเข้าเล่มอย่างคล่องแคล่วว่องไว ส่วนกาแฟน่ะวางใจได้ หลังจากมาเป็นเลขาให้เขาได้ไม่ถึงเดือน เธอก็สำเร็จเคล็ดวิชาชงไว เพราะใส่แค่กาแฟออแกนิกคั่วบด รสเข้มไปสองช้อนชาครึ่ง ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่ครีม ผสมกับน้ำร้อนในอุณหภูมิแปดสิบองศาเซลเซียสเป๊ะ ห้ามร้อนไป ห้ามเย็นไปกว่านี้ ไม่งั้นได้ชงใหม่อีกรอบ เพราะพ่อเจ้าประคุณไม่ยอมดื่ม แต่จัดการเททิ้งลงถังขยะให้เธอเห็นต่อหน้ากันเลยทีเดียว แต่เหตุการณ์แบบนั้นเท่าที่จำได้เธอเคยโดนแค่สองครั้งเท่านั้นตอนมาใหม่ๆ
ใครๆ ก็ชมว่าเธอคือเลขาที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่บริษัทเคยมีมา หัวไว เรียนรู้เร็ว ทำงานคล่องแคล่ว แต่ละเอียดรอบคอบเป็นที่สุด และเป็นคนเดียวที่ไม่เคยเป่าปี่เสียน้ำตาหน้าห้องให้ใครเห็น แม้จะโดนเจ้านายโรคจิตขยันโขกสับข่มขวัญกันเช้ากลางวันเย็นบางทีก็แถมรอบค่ำอีกรอบ
พอเบื่อหน่ายมากๆ เธอเลยทำเรื่องขอย้ายไปทำงานแผนกอื่นที่ประสาทกินน้อยกว่า เขาก็ดันไม่ยอมอนุมัติให้ย้ายสักที อ้างแต่ว่าจะย้ายได้ก็ต่อเมื่อเขาหาเลขาใหม่มาแทนได้และเธอต้องช่วยเทรนด์งานให้อย่างน้อยก็สามสี่เดือนจนกว่าจะมั่นใจว่าคนมาใหม่จะรู้งานรู้ใจเจ้านายสุดโหด
แต่รอไปเถอะว่าเขาจะหา เธอก็รอจริงๆ นั่นแหละ รอจนอดไม่ไหวเลยเข้าไปเสนอหน้าถาม ก็ได้คำตอบสุดกวนประสาทกลับมาว่า...
หาแล้ว แต่ยังไม่มีใครมีคุณสมบัติเข้าตาซักคน
เวรของกรรม...กรรมก็เลยมาตกที่กรูนี่ไง ต้องก้มหน้ารับใช้เจ้านายผีบ้าต่อไป
แต่อย่านึกเชียวนะว่าเขาจะพิศวาสอะไรเธอจนไม่ยอมหาเลขาคนใหม่มาแทนซักที เหตุผลเดียวที่เธอยังคงรั้งเก้าอี้หน้าห้องของเขาได้เหนียวแน่นนั่นก็คือ...ความอึด ถึก ทน รถสิบล้อวิ่งชนยังไม่ตาย นี่แหละ
แน่ล่ะสิ ก็ใครมันจะไปทนมือทนปากทนนิสัยเจ้านายประสาทแดกอย่างเขาได้ล่ะ เลขาคนก่อนหน้าเธอนั่นไงพยานชั้นเยี่ยม ถ้าไม่ชิงป่วยตายไปก่อน ก็ล้วนแล้วแต่โดนไล่ตะเพิดออกไปหางานใหม่ ไม่ก็โดนเด้งไปอยู่แผนกอื่น เพราะทำงานไม่ถูกใจพระเดชพระคุณท่านนี่แหละ ยังไม่นับเลขาคนก่อนหน้าอีกเกือบสิบคนที่ไม่ผ่านด่านอรหันต์เพราะเหตุผลต่างๆ กันไป
มีก็แต่เธอนี่ไง ตอนแรกว่าจะมาสมัครทำงานเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ตามที่เคยร่ำเรียนมา แต่ผีดันผลักให้ต้องมารับตำแหน่งเลขาจำเป็นเพราะว่าตอนนั้นหาคนมาแทนไม่ได้ จะปล่อยให้ตำแหน่งนี้ว่างก็ไม่ได้อีก เพราะนายท่านจะไม่มีใครรองมือรองเท้าให้โขกสับจนทั้งบริษัทต้องวุ่นวายหัวหน้าฝ่ายบุคคลจึงยื่นข้อเสนอด้วยรายได้งามๆ สำหรับเด็กจบใหม่คนหนึ่งที่เพิ่งโดนเรียกตัวมาสัมภาษณ์เป็นที่แรก หลังจากรองานมาเกือบเก้าเดือน ด้วยเหตุที่ว่าเจ้าของตำแหน่งคนเก่าเพิ่งช็อกหัวใจวายเฉียบพลันจนเสียชีวิตกะทันหันคาโต๊ะทำงานก่อนวันที่เธอถูกเรียกตัวมาสัมภาษณ์เพียงแค่สองวัน ทำให้ส้มหล่นทับหัวเธอเข่งบะเริ่ม พร้อมกับฉายาใหม่ที่ใครๆ ต่างขนานนามลับหลังว่าเธอเป็น ‘เลขาผีผลัก’เวรเอ๊ย! นี่เธอต้องขอบคุณคุณเลขาคนเก่าที่ทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้ายของชีวิตไหม ดีนะที่จิตแข็ง ไม่ค่อยกลัวผีสาง ไม่งั้นคงได้โกยเถอะโยมกันตั้งแต่วันแรกที่รู้เรื่องไปแล้วคนเพิ่งได้งานตอนนั้นก็คิดแค่ว่าตัวเองโชคดีที่มีงานทำ เพิ่งมารู้ตัวว่าเข้าใจผิดก็สาย เลยต้องมาติดแหงกอยู่กับเขานี่ไง แล้วหากกำลังสงสัยว่าถ้ามีเจ้านายซังกะบ๊วยขนาดนั้นทำไมไม่ลาออกไปหางานใหม่เสียล่ะ จะทนทำ
หลังจากแยกกับท่านประธานสุดหล่อที่ลากเธอไปตะลอนมาทั้งวันจนที่สุดท้ายก็เลยเวลาเลิกงานจนได้ หลังไปส่งภาสกฤตไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องส่วนตัวในออฟฟิศของเขาเพื่อจะไปงานเลี้ยงต่อช่วงหัวค่ำเสร็จ คุณเลขาสาวก็ได้เวลาเด้งออกจากออฟฟิศไปทำสวยเหมือนกันนานๆ ทีจะเลิกงานแล้วได้เห็นท้องฟ้าสีฟ้าในยามเย็น แทนที่จะเป็นสีดำมืดมิดเพราะเลยเวลาเลิกงานมาจนค่ำมืด ทำให้หญิงสาวค่อนข้างอารมณ์ดีเป็นพิเศษนพรดามองตัวเองในกระจกหลังจากแปลงโฉม ทำผมแต่งหน้า และเปลี่ยนชุดสวยเสร็จสรรพ วันนี้เธอสวมเดรสสีเงินเมทัลลิกเข้ารูปอวดงานผิว งานหุ่นที่อุตส่าห์เจียดเวลาที่เหลือจากการทำงานอันน้อยนิดไปปั้นมาจนเป๊ะปัง โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจอวบอิ่มที่โดดเด้งเตะตาสุดๆ แต่ไม่ค่อยได้อวดใครที่ออฟฟิศเพราะต้องแต่งตัวด้วยชุดสูทสีสุภาพแบบเรียบร้อยเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้เจ้านายตอนเข้างานมาใหม่ ฝ่ายบุคคลมาแอบกระซิบบอกว่าเจ้านายของเธอนั้นไม่โปรดเลขาที่แต่งตัวจัดจ้านหรือโป๊เกินไป คนที่มาก่อนๆ เลยต้องคุมโทนเสื้อผ้าหน้าผมให้เป็นทางการให้เรียบร้อยแบบไม่มีที่ติ เธอเลยต้องปรับตัวแบบเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เรียบร้อยกว่านี้อีกนิดเธอคงไปสมัครเป็นชีได้นา
“ผมเรียกคุณเก้าได้ไหมครับ”“ได้สิคะ แล้วให้เก้าเรียกคุณว่าอะไรดี หรือให้เรียกบอสตามยัยพลอย”“โห ไม่เอาดีกว่า คำนั้นให้แค่พนักงานที่โชว์รูมเรียกพอแล้ว คุณเรียกผมว่าพี่เวย์ก็ได้ครับ ผมชื่อเวธิศ หรือว่าจะเรียก...ที่รัก ผมก็ไม่ติดนะ”อีกฝ่ายหยอดแบบทีเล่นทีจริง แต่เพราะหน้าตาเป็นมิตรหรือรอยยิ้มตารูปสระอิน่ารักนั่น เลยทำให้คนฟังไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจ“งั้นเก้าขอเรียกคุณเวย์แล้วกันนะคะ”“ตามสบายครับ ว่าแต่คุณเก้าจะดื่มอะไรดี”“อะไรกันคะบอส มาตั้งสองคน แต่ถามแค่ยัยเก้า ไม่แฟร์เลย” พลอยพราวแกล้งตัดพ้อ ก่อนหันไปขยิบตาให้เพื่อนสาวที่ดูท่าจะตกบอสเธอได้ตั้งแต่แรกพบ ส่วนเธอก็แอบเล็งเพื่อนคนหนึ่งของบอสที่นั่งใกล้ๆ เขาอยู่เหมือนกัน เรียกว่าต่างคนต่างปักหมุดเป้าหมายของตนไม่ทับไลน์กันยิ่งตกดึกบรรยากาศในผับก็ยิ่งคึกคัก เสียงเพลงจังหวะเร้าใจทำให้คนที่มาต่างออกไปวาดลวดลายโชว์สเต็ปกันอย่างสนุกสนาน นพรดาและพลอยพราวกลายเป็นดาวเด่นของฟลอร์ที่มีหนุ่มๆ แวะเวียนมาขอเต้นรำด้วยไม่ขาด โดยเฉพาะเวธิศที่คอยประกบสองสาวไม่ห่างราวกับเป็นบอดี้การ์ดนพรดาไม่ได้ออกมาเที่ยวกลางคืนแบบนี้นานมากแล้ว ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่บริษ
พอไปถึงที่หมายเธอก็รีบโทรหาภาสกฤต แต่กลับถูกตัดสาย โทรอีกก็ถูกตัดสายอีก จนครั้งสุดท้ายถึงกับปิดเครื่องไปดื้อๆ“โวะ อะไรของเขาวะเนี่ย บอกให้มารับแล้วตัดสายทำไม” เลขาสาวบ่นอย่างหัวเสีย พลางเดินเตร่เข้าไปในคลับเลาจน์หรู แต่เธอไม่ได้เป็นเมมเบอร์ไม่มีบัตรผ่าน จึงเข้าไม่ได้“อยู่ไหนของเขาเนี่ย”ระหว่างที่เธอกำลังยืนหันรีหันขวางลังเลว่าจะเอายังไงต่อดีนั้น จู่ๆ หางตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงสง่าคุ้นตาของใครบางคนเดินออกมาเสียก่อน“บอส!”ภาสกฤตไม่ได้มาคนเดียว แต่มีหญิงสาวหน้าแฉล้มแต่งตัวเซ็กซี่โชว์เนื้อหนังติดมือมาด้วย ทำให้คนเป็นเลขาถึงกับชะงักไปนิดๆมากับเด็กนี่หว่า แล้วจะเรียกเรามาทำไมเนี่ย หรือวันนี้อยากจะทรีซั่ม ไอ้เวรตะไลเอ๊ย!หญิงสาวก่นด่าในใจ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหา อย่างน้อยก็ให้เขาเห็นหน้าว่าเธอมาแล้ว จากนั้นจะไปไหนก็ไสหัวไปเถอะ ไม่ใช่ความผิดของเธอแล้ว“บอสคะ”คนถูกเรียกสะบัดศีรษะแรงๆ ทีหนึ่ง ก่อนหันมาตามเสียงเรียก ดวงตาคมจัดจ้องหน้าเธออย่างว่างเปล่า“คุณเป็นใคร”เกือบจะโบกคนถามด้วยกระเป๋าครัชใบงามในมือเสียแล้ว หากไม่บังเอิญหันไปเห็นตัวเองในกระจกด้านหน้าเสียก่อน ผู้หญิงที่วันนี้แ
“งั้นเดี๋ยวเก้าโทรตามลุงชัยก่อนนะคะ” มือที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์ต้องชะงัก เมื่อถูกมือหนาคว้าไว้เสียก่อน หางตาเขาเหลือบไปทางประตูเล็กน้อย ทำให้เธอต้องหันไปมองตาม“อย่ามอง! อย่าเพิ่งถามด้วย”เอ...ชักไม่ชอบมาพากลแฮะ“เรียกแท็กซี่เถอะ...”จังหวะนั้นก็บังเอิญมีแท็กซี่เลี้ยวเข้ามาจอดส่งผู้โดยสารพอดี นพรดาจึงรีบกัดฟันลากคนตัวโตขึ้นรถ แต่ตอนที่เธอจะไปนั่งข้างหน้า เขากลับฉุดตัวเธอลงมานั่งข้างๆ แทน ยังไม่ทันได้ถาม เสียงเข้มๆ ก็สั่งขึ้นเสียก่อน“รีบออกรถ”“แล้วคุณจะไปที่ไหนครับ” แท็กซี่หันมาถาม“ช่วยไปส่งที่เพนท์เฮ้าส์...ด้วยค่ะ” นพรดารีบตอบแทนเจ้านายที่ตอนนี้นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ตัวเกร็งร้อนผ่าว แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากตัวเธอเสียที“บอสคะ คุณไหวไหมคะ หรือเราจะแวะโรงพยาบาลก่อนดี”“ไม่! ไม่ต้อง ผมไหว” เขาเอ่ยลอดไรฟันด้วยน้ำเสียงพร่าแปร่งหู“แต่ท่าทางคุณดูไม่ดีเลย เก้าว่า...อุ๊ย!”นพรดาอุทาน ตัวแข็งทื่อ เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็ซบใบหน้าลงมาที่ซอกคอเธอเสียนี่อีบอสชีกอนี่ อยู่ๆ ก็คิดจะมาแต๊ะอั๋งกัน ไหนว่าสมภารไม่กินไก่วัดไงวะ“ร้อน...ผมร้อนจัง”ใช่! เธอก็เริ่มจะร้อนเหมือนกัน วันนี้ก่อนมาก็จัดไปหลายคาราเบลอย
“อื้อ...” หญิงสาวตาเหลือก มือทุบไหล่กว้างรัวๆ เพราะเธอกำลังขาดอากาศหายใจอยู่รอมร่อ จนสุดท้ายเขาจึงยอมถอนริมฝีปากออกเพื่อให้เธอตะครุบเอาออกซิเจนเข้าปอดเฮือกใหญ่ไม่ได้การแล้ว ขืนไม่ทำอะไรซักอย่าง เธอคงโดนปล้ำในแท็กซี่นี้แน่ มองออกไปนอกหน้าต่างรถก็เห็นว่าใกล้ถึงที่หมายเต็มที“พี่คะ เหยียบให้ไวสุดๆ เลยได้ไหม หนูไหว้ล่ะ”หญิงสาววิงวอนปากคอสั่น แต่มือต้องคอยปัดป้องริมฝีปากร้ายๆ ที่กำลังจะโน้มลงมาหาอีกรอบ แต่ไม่ได้ช่วยอะไรมาก สภาพเธอตอนนี้ใช่ว่าสติจะเต็มร้อย ก็จัดหนักมาไม่น้อยเหมือนกัน ถ้ารู้แบบนี้จะไม่ดื่มก่อนมา แต่คิดตอนนี้มีประโยชน์ที่ไหน ในเมื่ออีกฝ่ายรุกหนักจนเธอเริ่มจะหมดแรงต้าน จูบเมื่อกี้ก็ทำเอาใจเหลวไปหมดแล้วเนี่ยกว่ารถแท็กซี่จะมาจอดเทียบหน้าที่พักสุดหรูของบอสหนุ่ม นพรดาก็เกือบจะเสียผีให้เขาในรถโชว์หนังสดอวดคนขับเสียแล้ว ทั้งกอด ทั้งหอมแก้ม ทั้งจูบ ทั้งไซ้ จะโดดลงรถหนีก็กลัวเสียโฉมอีก“บอสคะ ถึงแล้วรีบลงไปสิคะ” กะว่าจะดีดเขาให้พ้นตัวแล้วชิ่งหนี แต่ฝ่ายนั้นก็ดันรู้ทันกระชากตัวเธอลงจากรถมาด้วยกันเสียนี่“เดี๋ยวค่ะบอส ค่าแท็กซี่ยังไม่ได้จ่าย”หญิงสาวละล่ำละลักบอก พลางหยิบโทรศัพท์มาแส
ติ๊ง!เสียงสัญญาณลิฟท์ดังขึ้น แต่ไม่ได้ขัดจังหวะในการนัวเนียของสองหนุ่มสาวที่ตอนนี้กำลังดุเดือดเข้มข้น จากจูบเดียวเริ่มลุกลาม นพรดาโอบรอบต้นคอแกร่งไว้มั่น เมื่อเขาผละจากริมฝีปากมาซุกไซ้ที่ต้นคอเธออย่างวาบหวาม จนอารมณ์สาวโสดเตลิดไปไกลมือหนาบีบเนื้อหนั่นแน่นที่บั้นท้ายของเธออย่างแรง ก่อนจะสอดเข้าไปภายในชุดเดรสเซ็กซี่เพื่อสำรวจเป้าหมายต่อไป“หืม?”คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิดๆ เมื่อพบว่าภายใต้ชุดแนบเนื้อนั่นคือ...“จีสตริง!”มุมปากหยักกระตุกขึ้น ก่อนที่จะขบเม้มต้นคอและจูบข้างแก้มนวลหอมกรุ่นของแม่เลขาสาวที่ซ่อนความเร่าร้อนไว้ภายใน“บอสคะ!”นพรดาไหวตัว เมื่อรับรู้ถึงมือที่ป้วนเปี้ยนสำรวจร่างกายใต้ร่มผ้าของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต พอมองเห็นภาพอันเร่าร้อนที่สะท้อนจากกระจกในลิฟท์ตัวนั้น ใบหน้าสวยก็แดงวาบท่านี้ไม่ดีต่อใจเสียเลย เธอถูกเขาอุ้มกระเตงเหมือนลิงกำลังอุ้มแตง น่าหวาดเสียวเหลือเกิน หากใครมาเห็นเข้าล่ะก็ งามหน้าทั้งนายทั้งเลขาก็คราวนี้“ปะ ปล่อยก่อน ลิฟท์ถึงชั้นที่คุณอยู่แล้วค่ะ”“อืม...”อืมอะไรวะ อืมแล้วไม่ปล่อยคืออะไร ยังไม่ทันได้คำตอบ หญิงสาวก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเปรี๊ยะ!คนมือบอ
สวบ! อึก!นพรดากัดฟันแน่น เพียงแค่ส่วนปลายผ่านเข้าไปได้นิดเดียวก็ทำเธอจุกแน่น เสียววาบไปทั้งท้องน้อย“โอ๊ก! เจ็บสัส!” เสียงอุทธรณ์นั่นทำให้บอสหนุ่มถึงกับชะงัก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันใด“นี่เธอยัง...ซิงเหรอ!” ภาสกฤตสบถหนักๆ เมื่อพบว่าช่องทางตรงหน้าไม่อาจบุกทะลวงเข้าไปได้ง่ายๆ“โธ่เว้ย ทำไมไม่บอกว่าไม่เคย”“บอกทันที่ไหนล่ะ คุณเล่นสวบไม่ถามนี่ ฮือ...”คน ‘ไม่เคยโดนสวบ’ สวนกลับ น้ำตาคลอเบ้าจนทำให้บอส หนุ่มใจอ่อนยวบ เมื่อเห็นน้ำตาผู้หญิงตรงหน้า ครั้นจะให้เขาถอยทัพก็ไม่ได้เพราะตอนนี้ร่างกายมันร้อนระอุจนไฟแทบลุก หากไม่ได้รับการปลดปล่อยหรือบรรเทาความปวดร้าวตอนนี้คงแย่“ผมถอยห่างตอนนี้ไม่ได้แล้ว งั้นคุณลองถ่างเอาหน่อยแล้วกัน”“ถ่าง...ถ่างอะไร” คนถูกสั่งเลิ่กลั่ก หน้าแดง ในหัวคิดดีไม่ได้เลย“ขาไง...ถ่างกว้างๆ หน่อย จะได้เข้าง่ายๆ ลึกๆ”“อ๋อ...เฮ้ย!”มันใช่เหรอวะ ยังไม่ทันหายงง คุณบอสตัวร้ายก็จัดการถ่างขาเธอออกเสียเองจนได้“คุณเจ็บมากไหม”“เจ็บสิคะ ถามได้”หญิงสาวพยักหน้าถี่ๆ ลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ จากอาการเกร็งตัวด้วยความกลัวเจ็บชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงโน้มตัวลงพรมจูบที่แผ่นหลังขาวเนียนตา และหัวไห
เอาเถอะ นาทีนี้ชีวิตคนต้องมาก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง หญิงสาวหลับตาเพื่อเลี่ยงภาพบาดใจ แต่ทว่า...“ผมผายปอดไม่เป็น!”หญิงสาวลืมตามองคนพูดทันใด“ขอโทษครับ ใครผายปอดแบบเม้าท์ทูเม้าท์ได้บ้าง” ธิเบศหันไปถามเหล่าไทยมุงหน้าตาเฉย และไม่นานก็มีพลเมืองดีอาสา“ผมทำได้ครับ ผมเคยฝึกมา” คนพูดคือชายวัยกลางคนตัวใหญ่ผิวคล้ำ แม้ท่าทีจะดูน่ากลัวไปนิด แต่ถือว่าเขามีน้ำใจ“งั้นช่วยกันหน่อยนะครับ ถือว่าเอาบุญ” ธิเบศลงเสียงหนักในประโยคสุดท้าย ก่อนรีบขยับหลีกทางให้พลเมืองดีเข้ามาทำหน้าที่แทน ส่วนเขาก็รีบยืนข้างๆ ภรรยาที่ตอนนี้ทำหน้าเหวอ ก่อนกระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ“รอดูฉากเด็ดนะ”ฉากเด็ด! ฉากเด็ดอะไรล่ะ หญิงสาวได้แต่มองหน้าสามีสุดหล่ออย่างงุนงง ก่อนหันไปจ้องมองนาทีชีวิตของเมลดาตาแทบไม่กะพริบพลเมืองดีคนนั้นท่าทางจะมีความรู้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นคนจมน้ำจริงอย่างที่พูด เขาจัดการลงมือช่วยหญิงสาวอย่างคล่องแคล่ว หากทว่าตอนที่เขากำลังจะทำการเป่าปากแบบเม้าท์ทูเม้าท์นั้นเอง จู่ๆ คนที่นอนนิ่งก็ล
จารุพัชรเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดุขึ้งจากอารมณ์ขุ่นมัวที่ค้างมาจากอดีตแฟนเก่า มืออุ่นๆ ของเขายังกุมมือเธอไว้แน่น และวงแขนแข็งแรงก็โอบอุ้มยอดดวงใจตัวน้อยไว้ไม่ปล่อยเธอไม่เคยเห็นเขาโมโหมากเท่านี้มาก่อน หากสิ่งที่เมลดาทำนั้นก็สมควรที่จะทำให้เขาไม่พอใจ“คุณธิมคะ” อดไม่ได้เลยเรียกเขาเบาๆ“หืม...คุณมีอะไรเหรอ เมื่อกี้เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”“แจนไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ส่วนลูกก็คงตกใจแต่ยังไม่ทันโดนทำร้ายอะไร”ธิเบศถอนหายใจ พลางหยุดเดินแล้วหันมาสบตา“ผมขอโทษนะ”“ขอโทษเรื่องอะไรคะ แจนกับลูกต้องขอบคุณคุณต่างหากที่เข้ามาปกป้องเราสองคน ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้ ทำให้สีหน้าดุๆ คลายลง“ขอบคุณเฉยๆ เหรอ แล้วรางวัลของผู้กล้าล่ะ”จารุพัชรมองคนพูดอย่างหมั่นใส้ แต่ทว่าเธอก็ยอมเขย่งปลายเท้าขึ้นและบรรจงจูบที่แก้มของเขาเบาๆ ไปทีหนึ่ง แต่เจ้าตัวกลับยื่นปากให้ หญิงสาวยิ้มเขินๆ“พอแล้วค่ะ อายลูกบ้าง”“อายทำไมเนอะลูกเนอะ หนูชอบให้พ่อกับแม่ส
“นี่แก!” เมลดามองศัตรูหัวใจราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เจ็บใจที่ผิดแผน ต้องโทษที่ยัยเด็กบ้านี่ทำให้เธอเสียอาการจนดูแย่ในสายตาบุรุษที่หมายปอง“ธิมคะ...เมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ...”“ไม่ตั้งใจงั้นเหรอ...คนที่คุณควรขอโทษคือลูกและเมียผมต่างหาก อ้อ! แล้วที่คุณว่าลูกผมว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนน่ะ ผมว่าคงไม่ใช่ลูกผมหรอกที่ควรโดนว่า แต่เป็นคุณต่างหาก...” เมลดาสะอึก หน้าเสีย ดวงตาคู่งามมีน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปากร้ายขนาดนี้“ธิมคะ ทำไมคุณว่าเมหนักแบบนี้ เมบอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ แล้วเมก็ยังไม่ได้ทำร้ายลูกคุณเลยนะคะ”“พอเถอะนะเม ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรของคุณ เอาเป็นว่า เราต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะ คุณจะทำเป็นไม่รู้จักผมเลยก็ได้ ผมไม่สน แต่อย่ามายุ่งกับลูกเมียผมอีก จะให้ดีคุณช่วยหายไปเหมือนวันนั้นได้ไหม ผมจะขอบคุณมาก”โอ้...จารุพัชรนิ่วหน้านิดๆ แอบเจ็บแทนคนฟัง ธิเบศเวอร์ชั่นปราบมารนี้อาจดูใจร้ายไปสักหน่อยสำหรับเมลดา แต่กลับกร้าวใจคนเป็นภรรยาเหลือเกิน พ่อคนหวงลูกหวงเมีย พ่อพระเอกนอกจอโอ๊ย...พ่อทูนหั
“จะรีบไปไหนล่ะคะ”เมลดาก้าวเข้ามาหาสองแม่ลูก วันนี้เธอสวมชุดว่ายน้ำทูพีชมีเสื้อคลุมเนื้อบางเบาสวมทับไว้อย่างสวยเก๋และดูเซ็กซี่ เรือนร่างของนางแบบสาวตรงหน้างดงามอย่างไม่มีที่ติ“คุณนั่นเอง มาเดินเล่นเหรอคะ”จารุพัชรยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน“เมมาดูพระอาทิตย์ขึ้นน่ะค่ะ พอดีเห็นคุณกับ...ลูกเสียก่อน” เมลดาส่งยิ้มหวานให้ “นี่ลูกคุณเหรอคะ หนูชื่ออะไรเอ่ย”“ชื่อน้องทับทิมค่ะ”ชื่อนั้นทำให้คนฟังหน้าเสียไปนิดๆตั้งชื่อพ้องกับชื่อพ่อขนาดนี้ กลัวใครไม่รู้หรือไงว่าสามีชื่ออะไร เมลดาค่อนขอดคนตรงหน้าในใจอย่างหมั่นไส้ แต่ใบหน้าสวยยังคงยิ้มหวาน“แหม...ถ้าไม่บอกคงไม่รู้นะคะว่าเป็นลูกธิม”คนฟังชักทะแม่งหู ใครๆ ก็บอกว่าลูกสาวเธอหน้าเหมือนพ่ออย่างกับแกะจากพิมพ์เดียวกัน คำพูดของคนตรงหน้ามีนัยยะใดแอบแฝงหรือเปล่านะ“ขอโทษนะคะที่ฉันพูดตรงไปหน่อย แต่จริงๆ ฉันอยากบอกว่าหนูทับทิมหน้าเหมือนคุณมากกว่า ไม่ค่อยมีเค้าธิ
เมลดากัดฟันแน่น เมื่อเห็นอดีตคนที่เธอเคยทิ้งไปอย่างไม่ไยดีคอยเอาใจผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ คนนั้นอย่างหวานชื่น ทั้งที่ยัยนั่นไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาสักอย่าง คนที่ไม่อาจเทียบกับเมลดานางแบบสาวสวยไฮโซคนนี้แม้ปลายเล็บด้วยซ้ำคิดไปแล้วก็แสนจะเจ็บใจ ค่าที่วันนั้นเธอไม่น่าใจเร็วด่วนได้หลงไปกับเปลือกนอกจอมปลอมของสามีไฮโซคนปัจจุบันอ้อ! ไม่ใช่สิ เขาคนนั้นกำลังจะกลายเป็นอดีตสามีต่างหาก ในเมื่อเธอกำลังจะฟ้องหย่าเร็วๆ นี้แล้วดวงตาสวยเฉี่ยวมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของอดีตแฟนเก่า ธิเบศในวันนี้หล่อเหลาและมีออร่าจับ ต่างจากธิเบศคนเก่าที่เธอทิ้งไปอย่างไม่ลังเลในวันนั้น ก็ใครจะรู้เล่าว่าเขาจะกลายเป็นพระเอกซุปเปอร์สตาร์เหมือนอย่างวันนี้ เพราะถ้ารู้คนที่นั่งตรงหน้าเขาต้องเป็นเธอไม่ใช่ผู้หญิงกระจอกๆ คนนั้นยิ่งเห็นเขาเอาอกเอาใจภรรยา ดูเหมือนว่าเขาจะรักเธอคนนั้นมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งร้อนรนราวกับไฟเผาผลาญ นึกอยากย้อนวันเวลากลับไปในวันที่เคยรักกันอีกครั้ง เธอยังจำได้ว่าธิเบศทั้งรักและเอาอกเอาใจเธอมากแค่ไหน ความเร่าร้อนของเขาทำให้เธอติดใจไม่หาย แม้สามีคนปัจจุบันก็ยังไม่ทำให้เธอพอใจเท่า
“กุ้งผัดกระเทียมพริกไทยดำนี่อร่อยดี เดี๋ยวผมแกะให้นะ” ธิเบศ เอ่ยหน้าตาเฉย พลางแกะกุ้งตัวโตในจานตนก่อนตักให้เธอราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นโอ๊ย...อีพี่ธิมเวอร์ชั่นเลือดเย็น!!!นี่เธอควรดีใจหรือสงสารผู้หญิงคนนั้นดีล่ะเนี่ย“ทำแบบนั้นกับเธอจะดีเหรอคะ”“หรือคุณอยากให้ผมบอกเบอร์ตัวเองล่ะ” คนถูกถามชะงักไป“ถ้าคุณอยากบอก แจนจะไปห้ามอะไรได้”“ได้สิ แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมรู้ดีว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ผมไม่อยากให้เราต้องมีปัญหากันทีหลัง” คนฟังชะงักไป พลางคิดตามมันก็จริงแฮะ เธอเคยเห็นในละครบ่อยๆ ฉากที่นางร้ายพยายามเข้ามายุแหย่ทำให้พระเอกกับนางเอกเข้าใจผิด แล้วส่วนใหญ่มันก็สำเร็จสมใจนางร้าย 99% เสียด้วย ใครจะไปนึกว่าเธอต้องมาเจอเหตุการณ์แบบในละครน้ำเน่าพวกนั้น ยังดีที่ไม่ต้องมีฉากลุกขึ้นตบธิเบศถอนหายใจเบาๆ พลางยื่นมือมากุมมือภรรยาสาวไว้“ผมชอบอยู่กับปัจจุบันมากกว่าอดีตนะ อะไรที่ผ่านมาแล้วน่าจดจำก็จำ แต่ถ้ามันไม่น่าจำ ผมก็ไม่อยากเก็บไว้ให้รกสมอง”“แ
“นี่คุณแจน ภรรยาของผม แจนครับ นี่คือคุณเมลดา เขาเป็น ‘อดีตคนเคยรู้จัก’...” เมลดาชะงักกึก“แค่คนรู้จักเท่านั้นเองหรือคะ แต่เท่าที่เมจำได้ตอนนั้นเรารักกันมาก มากเสียจนคุณเคยบอกว่าอยากแต่งงานกับเมด้วยซ้ำนะคะ”จารุพัชรถึงกับสะอึก อึ้งไปชั่วขณะ พอหันไปมองสามีก็เห็นสีหน้านิ่ง แต่แววตาดุขึ้ง ดูท่าเรื่องที่ว่าคงมีมูลอยู่มากทีเดียว“เมยังไม่เคยลืมช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เมคิดถึงธิมมากเลยนะคะ”หืม...คิดจะเปิดเกมส์บุกกันแบบนี้เลยเหรอแม่คุณ“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเมลดา” จารุพัชรส่งยิ้มให้ ราวกับไม่ถือสา แต่ตามองคนตรงหน้าอย่างประเมินผลเงียบๆผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสวยทั้งรูปร่างดีราวกับดารานางแบบ การแต่งกาย หรือบุคลิกภาพก็ไม่ได้ต่ำทรามอะไร ดูไปแล้วก็เหมาะสมกับธิเบศไม่น้อย ยกเว้นก็แต่แววตาของเจ้าหล่อนที่เผยความปรารถนาออกมาชัดเจนโจ่งแจ้งไปหน่อย แต่ทุกอย่างไม่สำคัญสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนข้างกายเธอต่างหากที่คิดอย่างไร ยังอาวรณ์กับอดีต หรือไม่คิดอะไรด้วยแล้ว นี่ต่างหากที่สำคัญ และเท่
“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อย่าไปยึดติดอะไรมากเลยค่ะ นั่นลูกหลับแล้ว” ธิเบศหันไปมองเจ้าตัวน้อยที่เอียงคอซบไหล่พ่อหลับปุ๋ยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้“ถ้าถึงวันนั้น วันที่ผมไม่ได้เป็นดาราชื่อดัง ไม่ใช่ธิม-ธิเบศที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ แต่กลายเป็นนายธิเบศผู้ชายธรรมดา คุณจะว่าไง”“จะไปว่าอะไร ก็แค่หาสามีใหม่สิคะ” คำนั้นทำให้ชายหนุ่มหันขวับ“ว่าไงนะ”“ฮ่าๆ ฉันล้อเล่นค่ะ ดูคุณทำหน้าเข้าสิ” จารุพัชรหัวเราะคิก ก่อนที่จะหันไปมองสบตาเขา“คุณจะเป็นดาราดัง หรือเป็นคนธรรมดาแล้วไง ตราบใดที่คุณเป็นพ่อของลูกและเป็นสามีที่ดีของแจนแบบนี้ ก็พอแล้วนี่คะ”“ไดอะล็อกนี้คุ้นๆ จัง แต่ผมชอบแฮะ”“แจนก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่มีคุณกับลูก แจนก็มีความสุขแล้ว” หญิงสาวเงยหน้าสบตาเขาอย่างจริงใจ ก่อนที่จะเผยอริมฝีปากรับจุมพิตแสนหวานของสามีที่โน้มลงมาทาบทับอย่างนุ่มนวลชวนฝันสองหนุ่มสาวและลูกน้อยโอบกอดกันท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นที่ตะวันใกล้ลับขอบ
“ไงธิม...ที่พักโอเคไหม”เสียงทักทายมาตามสายของผู้จัดการคู่ใจทำให้พระเอกหนุ่มที่กำลังทอดสายตามองไปที่ชายหาดซึ่งมีร่างเพรียวบางนั่งอยู่บนผืนทรายสีขาวละเอียดราวกับแป้ง ข้างกายมีลูกสาวตัวน้อยนั่งจุมปุ๊ก ทั้งสองกำลังเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะใสๆ คลอกับเสียงคลื่นทะเลทำให้เขาพลอยเพลิดเพลินไปด้วย“ธิม...ฟังพี่อยู่หรือเปล่า”“ครับ ฟังอยู่ครับ”“แล้วเรื่องละครเรื่องใหม่ที่พี่ส่งไปธิมจะว่ายังไงรับหรือเปล่า บทพระเอกพ่อลูกอ่อนน่ะ”ธิเบศยิ้มกับตัวเอง เมื่อได้ยินคำนั้น“ถ้าพี่บีอ่านแล้วโอเค ก็ตอบรับไปได้เลยครับ อ้อ! แจ้งทางกองไปด้วยว่า...”“ไม่จูบจริงทุกกรณี เลิฟซีนต้องไม่ถึงเนื้อถึงตัวมาก” ศุภกรดักคอพระเอกในสังกัดอย่างรู้แกว เพราะหลังๆ ชายหนุ่มค่อนข้างเคร่งเรื่องนี้มาก จะบทไหนเขาก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น หากตกลง เขาก็รับเล่น“เท่านี้ใช่ไหมครับ”“เดี๋ยวๆ จะรีบไปไหนกัน พี่ยังพูดไม่จบ มีอีกงานเพิ่งเข้ามาวันนี้ เป็นงานถ่ายโฆษณาสินค้าพวกสเปรย์