เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ วันนี้จึงเป็นวันที่ทุกคนได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา จึงมีรับสั่งให้ตั้งโต๊ะสำรับตรงศาลากลางสวนบุปผาที่กำลังเบ่งบานให้บรรยากาศสดชื่นนัก ฮ่องเต้ที่ทอดพระเนตรโอรสของพระองค์ทั้งสามคนซึ่งยังมิมีผู้ใดแต่งชายาเลยสักคนได้แต่ทอดถอนพระทัยชีวิตพระองค์ช่างเงียบเหงานัก พระองค์คงต้องทำอะไรสักอย่าง อย่างไรเสียในงานเลี้ยงที่จะถึงนี้พระองค์จะต้องได้สะใภ้มาอุ้มท้องหลานของพระองค์ให้จงได้บุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นโอรสทั้งสามพระองค์ที่รู้สึกถึงสายพระเนตรที่มองมานั้นรู้สึกหนังตาชักจะกระตุกอย่างไรไม่รู้จึงได้แต่ลอบมองหน้ากันเมื่อเสร็จจากมื้ออาหาร จึงได้นั่งจิบน้ำชาและร่วมสนทนากันด้วยรอยยิ้ม ช่างเป็นภาพที่ข้ารองบาทผู้จงรักภักดีทั้งหลายเห็นแล้วต่างรู้สึกตื้นตันและน่ายินดีนัก ภาพเหล่านี้พวกเขาต่างมิได้เห็นเลยตั้งแต่อดีตฮองเฮาพระมารดาของทั้งสามพระองค์สวรรคต ต่อแต่นี้ไปฝ่าบาทคงจะมีแต่ความสุขอ๋องสามที่ถือโอกาสนี้บอกเรื่องราวของหลานลี่เซียนให้ฮ่องเต้พระบิดาของพระองค์ได้รับรู้ว่านางมิใช่ภรรยาของอันฉางชุนนามอันหนี่ฮวา แต่เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตบุตรีสหายของพระองค์เอาไว้และเป็นผู้ที่เก็บ
เสียงหัวเราะของบุรุษสูงศักดิ์ทั้งสี่พระองค์ทำให้ว่านกงกงที่มีนางกำนัลมากระซิบอะไรบางอย่างถึงกับแสดงสีหน้าไม่ค่อยจะพอใจนักเพราะไม่อยากเข้าไปขัดช่วงเวลาแห่งความเกษมสำราญของทุกพระองค์ ไม่บ่อยนักที่จะได้มีช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าเช่นนี้ แต่ก็ยังมีมารมาขัดความสุขอีกจนได้ฮ่องเต้ที่เห็นว่านกงกงมีสีหน้าท่าทางไม่ค่อยจะดีนักจึงเอ่ยถามขึ้น"มีอะไรหรือ ว่านกงกง" "เอ่อ ขออภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท นางกำนัลมาเรียนว่า ขณะนี้คุณหนูหนานเว่ยอิงมาคุกเข่าร้องขอความเป็นธรรมอยู่หน้าตำหนักเฉียนชิงพ่ะย่ะค่ะ" ฮ่องเต้เมื่อได้ยินชื่อหลานสาวของสตรีคนรักมารดาของโอรสทั้งสามที่ล่วงลับ สายพระเนตรพลันหันมามองใบหน้ามืดครึ้มของโอรสองค์เล็กที่หลานสาวผู้นั้นปักใจรักมาตั้งแต่เด็กแล้วให้คิดหนักนัก เพราะหลานสาวคนนี้ผู้เป็นภรรยาได้ฝากฝังเอาไว้ก่อนจะสิ้นใจ เพราะไม่มีบุตรีจึงรักและเอ็นดูนางดั่งบุตรแท้ๆ แต่ความรักนั้นมันบังคับกันมิได้ และพระองค์ก็มิอยากผิดต่อโอรสผู้นี้อีกเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ได้รับปากกับนางไปแล้วด้วยว่าจะให้นางสมปรารถนาในรัก อย่างไรเสียคงต้องถามความสมัครใจของอีกฝ่าย"เจ้าสาม เจ้าจะว่าอย่างไร" อ๋องสามที่มองม
อ๋องสามที่รีบเร่งกลับจวน มาถึงก็ล่วงเข้ายามซวีแล้ว ก็รีบเดินตรงไปยังทิศทางที่เป็นที่ตั้งของเรือนสตรีที่ทรงคิดถึง โจวเฟิงที่ยืนรออยู่ เมื่อเห็นว่าอ๋องสามกำลังจะไปที่ใดจึงรีบเอ่ยขึ้น"แม่นางลี่เซียนมิได้อยู่ที่เรือนพ่ะย่ะค่ะ"อ๋องสามที่ชะงักเท้ารีบหันมามองผู้พูด"แล้วนางไปไหน"โจวเฟิงที่เห็นพระพักตร์นายเหนือหัวมืดครึ้มลงจึงรีบเอ่ยขึ้น"คุณหนูเสี่ยวซีมีไข้ แม่นางลี่เซียนจึงไปนอนเรือนคุณหนูเสี่ยวซีพ่ะย่ะค่ะ"ได้ยินเช่นนั้นใบหน้าหล่อเหลาจึงได้คลายความกังวลลง ก่อนจะหรี่ตามององครักษ์โจวเฟิงอย่างเจ้าเล่ห์ เดิมโจวซุ่นและ โจวเฟิง สององครักษ์คนสนิทนั้นเป็นสหายของพระองค์ตั้งแต่เยาว์วัยเพราะทั้งสองเป็นบุตรชายของราชครูโจวชุนจง อาจารย์ผู้สั่งสอนความรู้ด้านการปกครองให้พระองค์และพระเชษฐาทั้งสอง เมื่อครั้งที่พระองค์ไปร่ำเรียนจึงได้ทั้งสองมาเป็นสหายและผู้ติดตามตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าพระองค์จะปรากฏตัวที่ใดจึงมักจะเห็นสองพี่น้องนี้เสมอ และเมื่อหนานเว่ยอิงเข้าวังมาอยู่กับเสด็จแม่ก็มักจะคอยเดินตามพระองค์ต้อยๆ เป็นประจำ จึงทำให้ได้พบกับสององครักษ์ และเว่ยอิงก็มักจะคอยพูดจากระทบกระเทียบกระแนะกระแหนโจวเฟิ
ฝ่ายหนานเว่ยอิงที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในตำหนักเฉียนชิงร้องขอความเป็นธรรมจากฮ่องเต้จนดวงตาหงส์แดงก่ำ"พระองค์ต้องช่วยอิงเอ๋อนะเพคะ" เฮ่อออ! วันนี้ทั้งวันพระองค์รู้สึกว่าถอนหายใจไปแล้วหลายครั้งนัก"อิงเอ๋อ ลุงก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเจ้าเช่นไร ลุงรึสู่อุตส่าห์ส่งเจ้าให้ไปอยู่ใกล้ชิดเหยียนหรงเพื่อให้เจ้าเอาชนะใจเขา แต่แล้วกลับกลายเป็นว่าเจ้ามิสามารถเฉียดใกล้จวนอ๋องได้อีก หากเป็นเช่นนี้มิเท่ากับว่า เจ้าจะไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เหยียนหรงอีกแล้วหรอกหรือ เฮ่ออ! เจ้าคงจะมีโอกาสได้เจอเหยียนหรงแค่ในงานเลี้ยงที่จะถึงนี้เท่านั้น ลุงว่าเจ้าตัดอกตัดใจเสียเถอะนะ"หนานเว่ยอิงที่ฟังคำของบุรุษผู้อยู่เหนือผู้คนได้แต่คิดตามคำพูดนั้น ใช่นางยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่งในงานเลี้ยงที่จะถึงนี้ อย่างไรเสียตำแหน่งชายาของจวิ้นอ๋องมู่เหยียนหรงจะต้องเป็นของนาง คิดได้ดังนั้นจึงขอตัวกลับไป นางต้องทำให้สำเร็จให้จงได้เมื่อร่างเล็กลับจากสายตาเว่ยกงกงจึงกล่าวขึ้นอย่างเสียมิได้"ทำเช่นนี้จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ" "เจิ้นยังมิได้ทำสิ่งใดเลยนะเว่ยกงกง เจ้าก็ได้ยินมิใช่หรือว่าเจิ้นกล่าวเตือนให้นางตัดใจแล้ว หากนางยังดึงดันก็สุดแล้วแต่โชคช
ภาพของบุรุษร่างสูงสง่างามในอ้อมแขนมีเด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ด้านข้างมีโฉมสะคราญงามล่มเมืองเดินเคียงข้างเรียกความสนใจจากบรรดาขุนนางและเหล่าฮูหยิน คุณหนูคุณชายทั้งหลายให้หันมามองเป็นจุดเดียวกัน สายตาชื่นชมขัดเขินจากบรรดาหญิงงามทั้งหลายที่ส่งมาให้อ๋องสามมู่เหยียนหรงกลับมิได้รับความสนใจจากบุรุษสูงศักดิ์ แต่สายตาคมดุจพยัคฆ์กลับส่งกระแสคุกคามไปให้บรรดาคุณชายทั้งหลายที่มองมายังสตรีข้างกายสายตากรุ้มกริ่มเหล่านั้นต้องหลบสายตากันพัลวัน จนเมื่อได้ยินเสียงเล็กในอ้อมแขนถามขึ้น บุรุษสูงศักดิ์จึงได้ถอนสายตามามองเด็กน้อย"ท่านลุงเจ้าคะ ท่านป้าผู้นั้นเหตุใดถึงท้องใหญ่จังเจ้าคะ" อ๋องสามที่มองตามสายตาของเสี่ยวซีน้อย ก็เห็นเป็นสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ประมาณห้าถึงหกเดือนจึงยกยิ้มขึ้นก่อนจะตอบเด็กน้อย"ก็ท่านป้าผู้นั้นกำลังจะมีก้อนแป้งขาวๆ อวบๆ ตัวเล็กๆ อย่างไรเล่า" ตอบพลางมองใบหน้าเล็กที่กำลังครุ่นคิด" ท่านป้ากำลังจะมีน้องตัวเล็กๆ หรือเจ้าคะ" เสียงเล็กที่ร้องถามขึ้นอย่างตื่นเต้น ทำให้อ๋องสามที่หันมามองสตรีที่เว้นระยะห่างเยื้องไปด้านหลังของพระองค์เล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะกระตุกรอยยิ้มเจ้าเล่ห
เมื่อบุรุษที่อยู่ในชุดคลุมมังกรสีทองปรากฏกายขึ้นเสียงถวายพระพรก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงและเมื่อพระองค์นั่งลงบนบัลลังก์สีทองนั้นก็รับสั่งให้เริ่มงานได้ หลังจากนั้นจึงเปิดงานด้วยการแสดงจากบรรดานางรำที่ล้วนแต่ดูงดงามจนเสี่ยวซีน้อยนั่งจ้องตาแป๋ว นางที่รอบมองพระพักตร์ของบุรุษผู้นั่งอยู่เหนือบัลลังก์ถึงกับสะดุ้งเกร็งตัวขึ้นเมื่อสบเข้ากับพระเนตรที่กำลังทอดมองนางอยู่เช่นกัน แต่เพียงไม่นานอาการเกร็งก็คลายลงเพราะในสายพระเนตรของพระองค์เต็มไปด้วยความเมตตา นางจึงมองไปยังอ๋องสามที่นั่งรวมอยู่กับพระเชษฐาทั้งสองพระองค์ต่างส่งยิ้มอบอุ่นมาให้นาง นางจึงคลี่ยิ้มหวานส่งไปให้ เห็นสายตากรุ้มกริ่มของอ๋องสามจึงรีบหลบสายตานั้นหันมาชมการแสดงจากบรรดาคุณหนูจากตระกูลต่างๆเพราะรู้สึกขัดเขินนัก การแสดงยังคงดำเนินต่อไปที่มีทั้งร่ายรำ เล่นดนตรี การแสดงความสามารถในรูปแบบต่างๆ ที่สตรีในชนชั้นสูงจำเป็นต้องเรียนรู้ เสียงร่างเล็กข้างกายที่เงียบไปจากที่ส่งเสียงถามมาตลอดจึงทำให้นางหันไปมองก็พบกับใบหน้าจิ้มลิ้มที่ตอนนี้นั่งสัปหงกอย่างน่าเอ็นดู จึงหันไปหาอ๋องสามเพื่อขอความช่วยเหลือ จึงสบเข้ากับแววตาเอ็นดูที่มองมายังนางและเสี่ย
อ๋องสามที่กำลังเดินมาหาลี่เซียนที่อยู่ท่ามกลางสตรีที่เข้ามาทำความรู้จักกับนาง ต้องหยุดชะงักลงเพราะมีนางกำนัลผู้หนึ่งโดนกระแทกจนชาที่อยู่ในมือนางหกใส่อาภรณ์ของพระองค์จนเปียกไปหมด"ขออภัยเพคะท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจเพคะ" นางกำนัลผู้นั้นที่หมอบลงด้วยร่างที่สั่นเทาอย่างหวาดกลัว ลี่เซียนที่เดินเข้ามาเมื่อนางเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"เป็นอย่างไรบ้างเพคะ โดนลวกหรือไม่" เสียงหวานที่ถามขึ้นอย่างห่วงใย"ไม่เป็นไร ชามิได้ร้อนแล้ว แค่อาภรณ์เปียกชื้นเท่านั้น"" พระองค์ไปเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนดีกว่านะเพคะ" "ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่กลับมานะ" "ส่วนเจ้าก็ลุกขึ้นเสีย ต่อไปก็จงระวังหน่อยก็แล้วกัน"" โจวซุ่น เจ้าไปนำอาภรณ์มาให้เปิ่นหวางเปลี่ยนที เปิ่นหวางจะไปรอที่ห้องรับรอง"" รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ"ด้านโจวเฟิงที่ถูกสั่งให้คอยจับตามองหนานเว่ยอิงกำลังกระสับกระส่ายจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตั้งแต่เห็นร่างบางหายเข้าไปในห้องรับรองห้องหนึ่ง และมีนางกำนัลผู้หนึ่งที่ยืนอยู่บริเวณหน้าห้องที่อยู่ติดกัน เมื่อรอบเข้าไปแอบมองว่านางกำลังทำสิ่งใดอยู่ ใบหน้าของเขาพลันไร้สีเลือดรีบถอยออกมาจากบริเวณห้องนั้น
"อ่าาา อื้อออ" ปากบางเล็กที่ถูกดูดดึง จูบซับความหวานจนบวมเจ่อ ทำให้ลืมสิ้นความนึกคิดได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสของบุรุษเหนือร่าง ที่กำลังบดจูบปากเล็กอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้อนถูกส่งมากวาดต้อนความหวานจากโพลงปากเล็ก ก่อนจะผละออกมาจูบไซร้ไปตามลำคอหอมกรุ่น และอ้าปากงับยอดทรวงที่แข็งเป็นตุ่มไต ก่อนที่มือหนาจะจับเรียวขางามให้แยกออกกว้าง ผละปากหนาอุ่นร้อนมาบดคลึงปากบางอีกครั้งก่อนจะจับท่อนเนื้อขนาดใหญ่ที่หัวลื่นแข็งนั้นกำลังบดบี้นวดคลึงอยู่ตรงตุ่มเกสรเม็ดงาม"อ่าาาา ซี้ดดดด เสียววว" ใช้ท่อนเอ็นนั้นถูไถไปตามร่องฉ่ำชื้นนั้น ก่อนดันจนหัวลื่นๆ นั้นผลุบหายเข้าไปในช่องทางลี้ลับ จนร่างบางเกร็งตัวขึ้นเพราะรู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวกลางกายสาวที่ตอนที่บีบรัดจนท่อนเอ็นขนาดใหญ่นั้นไม่สามารถผ่านต่อไปได้ "อื้ออออ เจ็บบบบ"" อ่าาา อย่าเกร็ง อ่าาา" มือหนาที่บีบนวดต้นขาด้านในก่อนจะแยกให้อ้าออกกว้างขึ้น จับยึดเอวคอดกิ่ว ก่อนจะดันท่อนเนื้อเข้ามาจนสุดความยาว"กรี้ดดดด อื้อออ" "อ่าาาาา" ปากหนาที่ประกบลงมาดูดกลืนเสียงกรีดร้องก่อนจะบดคลึงอย่างปลอบประโลม เมื่อเห็นว่าร่างบางเริ่มจะตอดรัดแกนกายถี่กระชั้นจึง
อ๋องสามมู่เหยียนหรงที่กลับมาจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ รีบสาวเท้าตรงมายังเรือนนอนของตนกับผู้เป็นชายาอย่างเร่งรีบกลายเป็นภาพชินตาของบรรดาบ่าวไพร่ที่จะเห็นภาพเหล่านี้เมื่อวันเวลาสี่วันเวียนมาบรรจบวันนี้พระองค์รีบเร่งสะสางงานเพื่อจะได้รีบกลับมาอยู่กับชายารัก ซึ่งวันนี้เป็นวันของพระองค์หากจะถามว่าเหตุใดจึงกล่าวว่าวันนี้เป็นวันของพระองค์น่ะหรือ เหตุเพราะการแย่งชิงกันที่จะได้นอนกอดมารดาของเจ้าสี่แสบ ทำให้ต้องทำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันนอนกับมารดา และผู้เป็นบิดาเช่นพระองค์ก็มิได้รับข้อยกเว้น จำต้องแบ่งวันอยู่กับชายารักเหมือนกับบุตรทั้งสี่ แม้จะได้นอนร่วมเตียงแต่ก็มีบุตรตัวน้อยที่นอนคั่นกลาง ซึ่งวันนี้ก็เวียนมาบรรจบที่พระองค์จะได้อยู่ตามลำพังกับผู้เป็นชายา หลังจากมิได้นอนกอดชายารักมาหลายค่ำคืนเมื่อสาวเท้าข้ามผ่านประตู เห็นชายารักนั่งหวีผมยาวสลวยอยู่หน้ากระจก มองจากการแต่งกายให้รู้ว่านางอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จนทำให้คิ้วหนาขมวดมุ่น"เหตุใดจึงไม่รออาบพร้อมกัน" ลี่เซียนที่มองสบตาสวามีผ่านกระจก เห็นสายตาร้อนแรงนั้น ให้รู้สึกร้อนวูบวาบนัก"ก็ อากาศมันร้อนอบอ้าวหนิเจ้าคะ" เสียงหวานใสที่เอ่ยขึ้นใบหน้
"ท่านแม่เจ้าขาาา"เสียงเล็กที่ร้องเรียกดังมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างกลมป้อมของเจ้าของเสียงที่สองมือเล็กนั้นถือข้าวของมาเต็มสองมือ ทำให้ลี่เซียนที่กำลังเล่นอยู่กับเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสามต้องเงยหน้าขึ้นมอง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวแสบ ดูท่าช่วงนี้จะมั่งคั่งเหลือเกินนะเราน่ะ ไปรับสินบนจากใครมากัน หืม"เจ้าตัวเล็กเห็นสายตาที่มองมาของมารดาถึงกับสะดุ้ง รีบเอ่ยจนปากเล็กสั่นระรัว "สินบนอันใดกันเจ้าคะ ลูกไม่เห็นจะเข้าใจเลย ข้าวของเหล่านี้ เป็นบิดาเมตตาลูกเองทั้งนั้น ลูกมิได้ร้องขอแม้แต่น้อย"ลูกแค่บอกว่าถุงเงินของลูกช่างเบายิ่งนักท่านพ่อก็กุลีกุจอยัดเยียดกุญแจหีบเงินให้ลูก แน่นอนว่าประโยคนี้มิได้หลุดออกไปจากริมฝีปากเล็กใบหน้าเล็กใสซื่อเอ่ยขึ้นในตาใสแจ๋ว"อืมมม บิดาเจ้าช่างประเสริฐแท้"ลี่เซียนที่เอ่ยขึ้นอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงผู้ที่ทำให้นางรู้สึกจุกหน่วงในท้องอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วหางตาก็เห็นผู้ประเสริฐกำลังเดินยิ้มร่าเข้ามาแล้วช้อนตัวเจ้าตัวแสบขึ้นอุ้ม พร้อมหอมแก้มย้วยนั้นฟอดใหญ่ มองใบหน้างอง้ำของภรรยาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม"เสี่ยวซี ซื้ออันใดมาฝากพ่อบ้าง หืม" " เยอะแยะเลยเจ้าค่ะ มีชาแบบใหม่ด้วยนะเจ้าคะ
ภาพโฉมสะคราญนอนเปลือยแผ่นหลังขาวผ่องอยู่บนตั่งเล็กริมหน้าต่าง ทำให้อ๋องสามยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล ช่างงดงามดังเทพธิดาที่ปรมาจารย์ผู้เป็นเอกด้านรูปวาดจรดปลายพู่กันปั้นแต่งความงามเหมาะเจาะลงตัวปรากฏเป็นภาพโฉมสะคราญที่ทำให้ผู้คนหลงใหล เส้นผมดำยาวดุจดังน้ำหมึกที่หลุดลุ่ยคลอเคลียบนกรอบใบหน้าเล็กขาวนวลเนียน คิ้วเรียวดั่งคันศรดำขลับโดยมิต้องเติมแต่ง ดวงตาที่ปิดสนิทเห็นแพขนตางอนยาวทาบทับเปลือกตา จมูกโด่งเล็กรั้นเชิดตรงส่วนปลาย และริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอน้อยๆ ช่างชวนให้อยากสัมผัสความหวานที่พระองค์รู้ดีว่าละมุนเพียงใด สายตาคมดุจพยัคฆ์ไล่สำรวจมายังลำคอและลาดไหล่ขาวละเอียดเห็นเนินอกขาวผ่องรำไรพาลให้ลมหายใจสะดุด แผ่นหลังขาวนวลตัดกับเส้นผมดำยาวที่คลอเคลียไหล่มนจนมาถึงแผ่นหลัง ดึงให้ฝ่ามือหนายกขึ้นปัดป่ายก่อนจะประทับริมฝีปากร้อนลงบนหัวไหล่ไล่พรมจูบมาตามกระดูกสันหลัง มือหนาที่พยายามดึงรั้งให้อาภรณ์ที่เกาะเกี่ยวสะโพกงามงอนให้พ้นทาง ปากร้อนก็จูบพรมไปทั่วแผ่นหลังบอบบาง จนเจ้าของร่างเย้ายวนรู้สึกตัวตื่น สัมผัสแผ่วเบาที่ขยับยุกยิกทางด้านหลังจนทำให้รู้สึกวาบหวิวจนต้องลืมตาฉ่ำน้ำมองสิ่งที่รบกวนการพัก
"ท่านพ่อมีอะไรหรือเจ้าคะ" เสียงเล็กที่กระซิบแผ่วเบากับร่างสูงที่ย่อตัวลงนั่งชันเข่าขึ้นข้างนึงเพื่อให้คุยกับร่างเล็กได้สะดวก "วันนี้ซีเอ๋อไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนหรือ" เสี่ยวซีที่ทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น"อืมมม ไม่เจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ เพราะท่านแม่นั้นเหนื่อยมาก" "ให้พ่อช่วยดีหรือไม่ ส่วนซีเอ๋อจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก" "ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่กับท่านแม่"ว่าพลางร่างเล็กก็ทำท่าจะหันหลังกลับเข้าไป อ๋องสามที่รีบคว้าไหล่เล็กเอาไว้ จนไม่ทันสังเกตรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่ยกขึ้นของเจ้าตัวเล็ก" เมื่อวันก่อนพ่อได้ยินว่าท่านแม่ของเจ้าบ่นว่าอยากกินถังหูลู่ด้วยนะ ถ้าท่านแม่ได้กินคงจะหายเหนื่อยแน่ๆ เอ.. หรือว่าพ่อจะไปซื้อเองนะ แต่หากเสี่ยวซีเป็นคนไปซื้อท่านแม่คงจะชื่นใจจนหายเหนื่อยเป็นแน่"เสี่ยวซีน้อยที่มองใบหน้าของบิดาที่กำลังมองนางสายตาพราวระยับ"ท่านแม่ ไม่ชอบกินของหวาน"เจ้าตัวเล็กที่ใช้มือเล็กกลมยกขึ้นกอดอก"แต่พ่อได้ยินจริงๆ นะ""ท่านพ่อจะหลอกให้ลูกออกไปข้างนอก เพื่อจะได้อยู่กับท่านแม่ตามลำพังใช่หรือไม่เจ้าคะ"OoO! ".... " อ๋องสามที่โดนจับได้ รีบก้มห
หลังจากวันนั้นที่สองพ่อลูกผู้มากเล่ห์ใช้กลเม็ดต่างๆ ขยันหาเรื่องจนนางอดสงสารทั้งสี่คนไม่ได้ ก็ดูเหมือนเรื่องราวของทั้งสี่จะเริ่มชัดเจนขึ้นโดยมีสองพ่อลูกที่เป็นผู้รับหน้าที่ผูกด้ายแดงเชื่อมโยงหนุ่มสาวให้กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ปล่อยให้มันสายเกินไปจนยากที่จะแก้ไข แต่กว่าทุกอย่างจะลงเอยได้ด้วยดีก็เล่นเอาบอบช้ำกันไปตามๆ กัน เพราะบรรดาพระเชษฐาของสามีนางจะมีใครธรรมดาได้อย่างไร ตอนนี้ท้องของนางใกล้จะคลอดเต็มที ยิ่งใกล้คลอดนางยิ่งรู้สึกกังวล แต่ก็มีสามีที่คอยอยู่ใกล้ๆ ให้กำลังใจและยังมีเจ้าตัวเล็กที่มักจะมานั่งคุยกับน้องๆ ทั้งสามอยู่เสมอ จนเมื่อถึงวันที่นางเจ็บท้องคลอดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจของบุคคลทั้งสองที่นางรัก ทั้งนางและบุตรตัวน้อยทั้งสามล้วนปลอดภัยและแข็งแรงดี อ๋องสามและเสี่ยวซีที่เห่อเจ้าตัวเล็กทั้งสามจนไม่คิดจะออกห่างไปไหนต่างช่วยกันดูแลนางและเจ้าตัวน้อยทั้งสาม บุตรที่คลอดออกมาคนแรกนั้นเป็นอ๋องน้อยเป็นคุณชายใหญ่ของจวนบิดาให้นามว่า มู่หยวนฟง คนที่สองก็ยังเป็นบุตรชายคุณชายรองนามว่า มู่อวิ๋นซาน ส่วนคนที่สามเป็นท่านหญิงน้อยซึ่งดูจะได้รับความโปร
ตอนนี้บรรยากาศในศาลาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดเจี๊ยวจ๊าวของเจ้าตัวเล็กที่ดูจะชอบพี่สาวคนสวยทั้งสองเป็นอย่างมาก จากที่ได้สนทนากันคุณหนูหลิวทั้งสองนั้นน่าคบหามากเลยทีเดียว จนตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานลี่เซียนก็สามารถพูดคุยกับทั้งสองอย่างเป็นกันเองอย่างสนิทใจแต่เหตุใดนางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป พี่หย่งไท่ที่มักจะพูดคุยหยอกล้อกับเสี่ยวซีกลับเงียบจนผิดปกติจะมีหันมาตอบคำถามบ้างเมื่อมีใครถามเท่านั้นและนางยังไม่เห็นพระองค์พูดกับหลันเอ๋อแม้แต่คำเดียว ส่วนองค์รัชทายาทนั้นที่ปกติมักจะเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอดแต่ก็ยังสนทนากันบ้างวันนี้กลับเงียบจนน่าอึดอัด แต่นางกลับเห็นว่าสายตาคู่นั้นมักจะมองมายังสตรีผู้หนึ่งเสมอ มิใช่คู่หมั้นแต่เป็นน้องสาวของคู่หมั้น แต่เชี่ยนเชี่ยนกลับนิ่งเฉยนางรู้สึกได้ว่าเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกถึงสายตาที่มองมาแต่กลับไม่ยอมหันไปสบตายังคงพูดคุยหยอกล้ออยู่กับเสี่ยวซีด้วยรอยยิ้ม บางครั้งรอยยิ้มสดใสนั้นก็มักมีความเศร้าหมองวาบผ่านโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงออกมาฝ่ามืออุ่นที่โอบกระชับรอบเอวทำให้นางหลุดจากภวังค์หันมามองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามีที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาใ
ภาพบุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นพระเชษฐาองค์รองและสององครักษ์คนสนิทที่กำลังนั่งจิบชาสนทนากันอยู่ในศาลากลางสวนสวย ทำให้ผู้เป็นเจ้าของจวนที่ในอ้อมแขนมีร่างอวบอิ่มของชายารักยกยิ้มขึ้น วันนี้พระองค์ขอเรียกศักดิ์ศรีที่พังยับเยินกลับคืนมาเสียที และขอเอาคืนสักเล็กน้อยเถอะนะโจวเฟิง โจวซุ่นที่อ๋องสามให้หยุดพักหน้าที่องครักษ์จนกว่าฮูหยินของทั้งสองจะคลอด เมื่อเห็นเจ้าของจวนจึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพ อ๋องสามที่ประคองร่างอวบอิ่มของชายารักนั่งลงเรียบร้อยพลันยืดอกแกร่งขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย ชินอ๋องมู่หย่งไท่ที่เห็นท่าทางเช่นนั้นแล้วรู้สึกหมั่นไส้เป็นยิ่งนัก "ขออภัยที่ปล่อยให้ทุกคนต้องรอ พอดีว่าเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อยน่ะ" อ๋องสามที่กล่าวขึ้นพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้ชายารักที่ใบหน้านั้นแดงระเรื่อ ลี่เซียนนั้นอยากจะลุกขึ้นตะกุยหน้าแสนร้ายกาจนั้นนักที่ชอบทำให้นางได้อับอายอยู่เรื่อย"เซียนเอ๋ออาการแพ้หายแล้วหรือ"" เพคะ พี่หย่งไท่"ตอบคำถามของบุรุษตรงหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ำ"แล้วพี่ใหญ่เล่า" อ๋องสามที่ไม่เห็นพระเชษฐาองค์โตให้ถามขึ้น แต่ไม่เป็นไรสำหรับพี่ใหญ่นั้นพระองค์จะอภัยให้ถึงอย่างไรพี่ใหญ่ก็มิได้เอ่ยคำทิ่มแทงใ
เมื่อรับรู้ถึงแรงขมิบตอดรัดของช่องทางรักแสนคับแน่นกายแกร่งกลับถอดถอนท่อนเอ็นร้อนผ่าวออก จับร่างบางพลิกคว่ำยกสะโพกงอนกระดกขึ้นกลายเป็นท่าคลานเข่า มือหนาจับเข่าเล็กให้อ้าออกกว้างกดแผ่นหลังบางขาวผ่องจนใบหน้าและหน้าอกอวบอิ่มแนบไปกับพื้นเตียงนุ่ม บั้นท้ายงามงอนกระดกขึ้น บุปผางามชุ่มฉ่ำน้ำปรากฏสู่สายตาที่ไฟแห่งราคะกำลังโหมกระพือกลีบดอกอวบอูบสีแดงบวมช้ำจากการถูกลุกลานจากแกนกายใหญ่ล่อลวงให้ส่งลิ้นร้อนหนาสากระคายตวัดไล้เลียโลมลูบปลอบประโลม กดปลายลิ้นอุ่นชื้นไปตรงตุ่มเกสรกลางดอกไม้งาม ดุนดันจนสะโพกผายส่ายเร่าครวญครางเสียงสั่น ก่อนจะถอนปากร้อนออก มือหนาส่งนิ้วเรียวไปบดบี้ตุ้มเกสรแล้วส่งนิ้วยาวใหญ่เข้าไปในช่องทางรักชักเข้าออกจนน้ำหวานติดตามง่ามนิ้วถอดถอนนิ้วเรียวออกมาจากช่องทางรักที่บีบรัดแน่น แล้วใช้สองนิ้วแยกกลีบดอกอวบอูมออกกว้างก่อนจะชอนไชลิ้นหนาสากเข้าไปยังร่องสวาทปาดเลียขึ้นลงตามร่องเปียกแฉะ ก่อนจะกดลึกลงไปตรงแอ่งน้ำน้อยที่กลืนกินเท่าไหร่ก็ไม่เหือดแห้งกลืนกินจนร่างบางครางระงมกระดกปลายลิ้นถี่รัว น้ำหวานหลั่งรินจนเปียกชุ่มไหลเอ่อแอ่งน้ำน้อย "อาาาส์ ได้โปรดไม่ไหวแล้ว อร้ายยย" เสียงครางแว่วหวา
วันนี้ลี่เซียนรู้สึกว่าท้องฟ้าช่างมืดเร็วนัก หลังจากอาบน้ำชำระกายเรียบร้อยก็เตรียมตัวเข้านอน แต่เมื่อก้าวออกมาจากหลังฉากกั้น ก็เห็นร่างของสามีที่นอนตะแคงข้างเปลือยอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนอนรอท่าอยู่บนเตียง เมื่อสายตาคมที่เต็มไปด้วยประกายวาบหวามใช้มือหนาตบที่นอนนุ่มข้างตัวเบาๆ ด้วยท่าทางสบายๆ แต่กลับทำให้หัวใจนางเต้นกระหน่ำค่อยๆ ก้าวขาที่รู้สึกว่าจะอ่อนแรงเสียดื้อๆ ขึ้นลานเชือด ก่อนค่อยๆ ล้มตัวลงนอนข้างๆ บุรุษที่กลิ่นตัวบุรุษเพศของพระองค์ในตอนนี้ช่างทำให้นางถึงกับใจสั่น รู้สึกถึงลมหายใจที่เป่าลดอยู่นั้นมันร้อนรุ่มเหมือนเจ้าของจะจับไข้อ๋องสามที่ได้กลิ่นของเนื้อนวลที่ถวิลหา ทำให้หัวใจแกร่งเต้นระส่ำอยากจะโจนจ้วงเข้าหานางปลดปล่อยอารมณ์รุนแรงที่อัดแน่นอยู่ในกายแกร่ง อารมณ์ปรารถนาสูบฉีดจนเลือดในกายวิ่งพล่าน แต่พยายามข่มอารมณ์ลงเพราะลูกน้อยในครรภ์แม้อยากจะรักนางให้สมกับการรอคอยเพียงใดแต่ก็ต้องหักห้ามใจไม่ให้เผลอทำรุนแรงริมฝีปากหนาและลมหายใจผ่าวร้อนที่ก้มลงมาขบเม้มลำคอหอมกรุ่นขาวผ่องทำให้ขนอ่อนลุกพรึ่บไปทั้งร่าง พร้อมอาการเกร็งตัวขึ้นของสตรีในอ้อมแขน"อย่าเกร็ง" เสียงสั่นแหบพร่าร้องสั่งขึ้น