“พี่ซีหยวนครับใจเย็นๆ ครับ” ชาไช้เอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ไปให้พ้น ไปให้หมด อย่ามาให้เห็นหน้า ไม่มีใครจริงใจไม่มีใครเชื่อได้ทั้งนั้นไปให้พ้น” ออกปากไล่ ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ยกมือขึ้นกุมขมับ หากเหรินเหมยมองไม่ผิดน้ำตาของเฉิงซีหยวนกำลังไหล“ผมขอโทษ” หมอถงยังพูดว่าขอโทษซ้ำๆ“หยุดพูดได้แล้วไปให้พ้น” กำคอเสื้อของหมอถงไว้อีกครั้งเหรินเหมยรีบพุ่งเข้าไปขวางไว้“ปึกๆๆ” เฉิงซีหยวนชกมัดเข้าอย่างเร็วเข้าที่กำแพงห้องอย่างแรงสองสามทีเฉี่ยวใบหน้าของหมอถงที่หลับตาปี๋ เฉิงซีหยวนกัดฟันข่มความรู้สึกที่กำลังจะระเบิดออกมาผลักหมอถงอย่างแรงกระแทกเข้ากับร่างเล็กของเหรินเหมยที่มาอยู่ด้านหลังหมอถง เซถลาล้มลงกับพื้นอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัวทั้งจุกและเจ็บ ชาไช้รีบมาประคองเหรินเหมย“พี่ซีหยวนได้โปรดเถอะครับ” เหรินเหมยยกมือคล้ำที่ท้องของตัวเอง รู้สึกปวดที่ท้องอย่างมาก กัดฟันข่มความเจ็บปวด“อย่าหวังว่าฉันจะอภัยไม่มีทาง” ก้าวขาออกจากบ้านบนเขา เดินตรงไปที่รถเสียงเครื่องยนต์รถดังกระหึ่มก่อนที่รถคันโตจะแล่นจากไปด้วยความเร็วสูง“ปะปะปวดท้องจังทำไมมันปวดอย่างนี้” หมอถงเงยหน้าชาไช้จ้องมองเหรินเหมยที่ทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้กุมท้องใบ
ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ พาฉันออกจากตรงนี้ที” ชาไช้ส่ายหน้าไปมา“ไม่นะ ถึงในท้องนั่นจะลูกของเธอแต่ก็เป็นลูกของพี่ซีหยวนเหมือนกันอย่างไรพี่ซีหยวนจะต้องรับผิดชอบเธอนี่ เธอจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก้ได้ฉันจะขอร้องพี่ซีหยวนให้เะออยู่ที่นี่จนกว่าเธอพร้อมที่จะจากไไปเราไม่มีใครกดดันเธอหรอกนะ เธออยู่ๆ ด้ตามที่ต้องการแต่อาจไม่สะดวกสบายเท่าที่ผ่านมาเพราะป้าจูเสี่ยวจี้และคนอื่นๆ อาจจะต้องกลับไปที่บ้านเฉิงตามคำสั่งของพี่ซีหยวน แต่ฉันได้ยินว่าพี่หยวนจะขายบ้านหลังนี้ ในอีกหกเดือนข้างหน้านั่น เธอก็คงคลอดลูกพอดีถึงเวลานั้นพี่ซีหยวนอาจเอ็นดูเด็กๆ ขึ้นมาก็ได้ เหรินเหมยอย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรเด็ดขาดลงไปอย่างนั้น” เหรินเหมยยิ้มเศร้าๆ“อย่าสร้างปัญหาเพิ่มให้เขาเลยฉันไม่ใช่นางเอกฉันแค่อายที่ต้องคอยพึ่งพาเขาทั้งๆ ที่รวมหัวกันหลอกเขา แต่หมอถงคุณก็ควรร่วมกันรับผิดชอบฉันจะไม่ถือโทษคุณถ้าคุณจะพาฉันออกจากตรงนี้ เพราะอย่างไรเขาก็คงไม่รับรองบุตรให้อยู่แล้วฉันอาจหาใครสักคนมาจดทะเบียนรับรองบุตร ฉันจะเลี้ยงดูพวกเขาด้วยตัวเอง” หมอถงถอนหายใจยาว“เธอไม่เกี่ยวเรื่องนี้เธอเองก็เป็นผู้เสียหายนะเหรินเหมยฉันสารภาพไปหมดแล้วว่าเธอไม่รู้
“ลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้ชีวิตเราต้องดำเนินต่อไปใครตายไปสักคนไม่ได้ทำให้เราหยุดหายใจไปด้วย”“ผมเข้าใจครับคุณแม่” คุณเสวียเตอพยักหน้าขึ้นลง“คงสมควรแก่เวลาแล้ว บริษัทไม่เข้าไม่มีการประชุม ไม่มีการแก้ไขเรื่องที่ผิดพลาดของอวิ๋นเฉิง ทุกคนกำลังเป้นห่วงลูกนะ คำสัญญาที่ให้ไว้กับซูจ๋ายเรื่องที่จะแต่งซูจิงควรจะจัดการได้แล้วลูกควรมีคนดูแลจะได้หายเหงา” “ครับ”“เฉิงชาไช้ก็เอาแต่หายตัว เขาไปไหนของเขานะทำไมไม่มาช่วยฉันปลอบใจคนเศร้าบ้างก็ไม่รู้ คุณเสวียเตอบ่นเบาๆ เฉิงซีหยวนดวงตาเป็นประกาย“ผมขอตัวครับ” พุ่งตัวออกจากบ้านเฉิงเรียกหลี่ตงให้มาขับรถ“หลี่ตง ไปบ้านบนเขา” หลี่ตงรีบพารถแล่นออกจากบ้านเฉิงไปในทันทีบ้านบนเขาเหรินเหมยก้าวขึ้นไนั่งเบาะหลังของรถเก่งคันสวยของหมอถง ไมไ่ด้มีเสื้อผ้าหรืออะไรที่มากมายมีเพียงกระเป๋าแค่ใบเดียว รถแล่นออกจาทางลาดกำลังจะจากไปจากที่นี่ป้าจู เสี่ยวจี้และเสี่ยวหยู โบกมือหยอยๆชาไช้ถอนหายใจเดินกลับเข้าไปในบ้านใจหายไม่น้อย“ป้าเรื่องนี้ใครผิด” ป้าจูส่ายหน้าไปมา“ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ คุณจีไม่ผิด คุณหมอถงถ้าบอกว่าทำเพื่ออยากให้คุณท่านเฉิงกับคุณนายเฉิงสมหวังก็ถือว่าคิดดี เงินค่าจ้างเขา
บ้านบนเขา“รถเลี้ยวเข้าไปจอดเฉิงซีหยวนนั่งนิ่งบนรถ ทั้งๆ ที่หลี่ตงเปิดประตูให้แล้วไม่ยอมลงมาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ชาไช้เดินมาที่รถเมื่อเห็นว่านั่นคือเฉิงซีหยวน ที่เพิ่งจะแวะมาทั้งๆ ที่เหรินเหมยกับหมอถงจากไปแล้ว“พี่ซีหยวน”“พวกเขาไปไหนกันหมด”“เอ่อ ๆๆ คุณหมอถงกับเหรินเหมย เก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านไปแล้วครับตอนนี้ป้าจูและคนอื่นกำลังรอว่าพี่จะมีคำสั่งว่าอย่างไรในเมื่อเหรินเหมยไม่อยู่ที่นี่แล้ว”“ผู้หญิงคนนั้นก็ไปกับคุณหมออย่างนั้นหรือ ใครอนุญาตให้เขาไปแล้วนายให้เขาไปอีกหรือ”“พี่จะห้ามเขาได้อย่างไร เหรินเหมยเองเขาก็สูญเสียคุณแม่เขาเองก็ตายแล้วพี่ ยังมาเป็นแบบนี้อีกหลายวันมานี้พี่เอาแต่เศร้าโศกเสียใจ กับการจากไปของพี่สะใภ้ ไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง”“ฮึ คงตั้งใจหอบท้องหนีเพื่อที่จะได้ เอาลูกในท้องมาต่อรองหรือแบ้ลดเมลล์เอาเงินจากฉันอีกสินะ” ชาไช้ขมวดคิ้วที่แรกคิดว่าเฉิงซีหยวนห่วงเหรินเหมยแต่เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ ชาไช้ถึงกับงง เแิงซีหยวนล้วงหยิบดทรศัพท์ออกมาบนรถ“กริ๊งงงงงงๆๆๆ”“ครับคุณเฉิง” เหรินเหมยใจเต้นตึกตักหมอถงเปิดลำโพงให้เหรินเหมยได้ยินด้วยกัน“พวกคุณ ตั้งใจทำอะไรกันหมอถง”“ครับก็แค
“กริ๊งงงงงงงงง” หมอถงรับสายอีกครั้งเฉิงซีหยวนยังส่งเสียงเกรี้ยวกราด“คุณหมอแน่ใจหรือว่าไม่ได้ไปกับผู้หญิงคนนั้น” เหรินเหทยถอนหายใจยาว“ครับผมแน่ใจเหรินเหมยให้ผมส่งเขาที่สนามบินและผมก็แยกกันกับเหรินเหมยแล้วครับตอนนี้ผมอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว” เแิงซีหยวนวางสาย เหรินเหมยถอนหายใจยาว“หนักใจหรือ” เหรินเหมยยิ้มบางๆ“เขาคุกคามจริงๆ เอาแบบนี้ต่อไปผมจะเมมเบอร์เขาไว้ว่าไม่ต้องรัยบสายดีไหมเธอจะได้ไม่ต้องเครียด”คราวนี้ เฉิงซีหยวนปาโทรศัพท์ลงพื้นจนแต่กระจาย“หลี่ตงไปที่สนามบิน” ชาไช้วิ่งตามไปติดๆ กลัวว่าเฉิงซีหยวนจะไปอาละวาดเหรินเหมยที่น่าสงสารที่สุดในตอนนี้“นายตามมาทำไม” คนอารมณ์ร้อนยังคงฟาดงวงฟาดงา“ผมก็แค่ตามมาเผื่อว่าจะพบเหรินเหมยแล้วจะช่วยเกลี่ยกล่อมให้เขากลับมาพร้อมกับเรา” เฉิงซีหยวนขมวดคิ้วห้าเดือนผ่านไป“ร่างกระจ้อยนอนนิ่งในเปลใสเคียงข้างกันฝาแฝดชายหญิงที่ทารกชายใบหน้าละม้ายเฉิงซีหยวนส่วนทารกเพศหญิงใบหน้าเหมือนกับเหรินเหมยราวกับกับพิมพิ์เดียวกัน“ลูกแม่” หมอถงยืนอยู่ข้างๆ ก้มมองทารกทั้งสองด้วยรอยยิ้มโล่งอก“แข็งแรงทั้งคู่เลย และเหมือนจะเลี้ยงง่ายนะดูสิหลับปุ๋ยเชียว”“ขอบคุณคุณหมอที่ผ่า
“คุณกำลังข่มขู่เรา” ชาไช้ถอนหายใจ กับคำพูดของเหรินเหมยที่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยบ่งบอกอารมณ์“ผม ไม่ได้ตั้งใจแต่เด็กสองคนอย่างไรก็คือคนของอวิ๋นเฉิง คุณไม่อยากได้อะไรที่เป็นตระกูลเฉิงแต่ผมในฐานะ ผู้สืบถอดอันดับสองของอวิ๋นเฉิงจะไม่ยอมให้สกุลเฉิงต้องไร้ตัวตนในประเทศนี้อย่างน้อยเขาจะต้องมีแซ่เฉิง” หมอถงฝืนยิ้ม“เหรินเหมยเราจะมีทางออกเรื่องนี้ ฉันสัญญาฉันจะปกป้องเธอกับเจ้าแฝดนี่ไม่ให้ใครมาระราน”พูดเหมือนตัวเองเป็นไม้กันหมาพูดเพื่อให้ชาไช้รู้ว่าเขาอีกคนที่ไม่ยอม กับสิ่งที่เหรินเหมยต้องเผชิญไมไ่ด้เผชิญเพียงลำพังบ้านเฉิง“แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”“ครับ”“กว่าจะหาเวลาได้พบกันนี่ต้องนัดผ่านเลขาเลยไหม” คุณเสวียเตอเหน็บแนม“ไม่ครับ คุณแม่มีอะไรสำคัญ” เฉิงซีหยวนทิ้งตัวลงบนโซฟาในท่าสบาย“เรื่องงานแต่งงานไม่พูด หรอกนะแต่เรื่องที่อยากจะพูดคือ เด็กในท้องที่แม่ได้ยินข่าวลือ”“ครับ”“ไม่ได้ตามหาหรือสืบเสาะถามข่าวคราวบางหรือ นั่นมันลูกของแกนะซีหยวน” เฉิงซีหยวนถอนหายใจยาว“ครับ”“จะต้องส่งนักสืบตามหาผู้หญิงคนนั้นใช้เงินกับหล่อนให้พาลูกของแกมาอยู่ในการปกครองของบ้านเฉิงให้ได้ ที่แกทำที่ผ่านมาแม่ไม่อยากก้าวก่
“หลี่ตงไปโรงพยาบาลAAA เร็วที่สุด” ก้าวขาขึ้นไปบนรถอย่างรีบร้อน“แข็งแรงดีทั้งแม่ทั้งลูก หมอให้กลับบ้านได้แล้ว ผมกับกู้เหวินเราไปหาซื้อของใช้สำหรับเด็กเตรียมไว้ให้คุณเราจัดห้องใหม่เพื่อต้อนรับทั้งสองแฝดเรียบร้อยแล้ว” หมอถงเดินมาไปอุ้มเจ้าแฝดพี่ชายไว้ในอ้อมกอด“กลับบ้านเรากันเถอะ” เหรินเหมยถอนหายใจยาวจะบอกกับถงชือว่าอยากจะย้ายออกไปแต่ก็กลัวว่าหมอถงจะเสียน้ำใจชาไช้กุลีกุจอมาช่วยยกของใช้สำหรับเด็กและพยุงเหรินเหมยออกจากโรงพยาบาล ไปที่รถแล้วขับรถออกจากโรงพยาบาลไปในทันทีต่อมา“เอ่อ คุณแม่เพิ่งคลอดคุณจีเหรินเหมย ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วค่ะ” เฉิงซีหยวนนิ่งงัน“มีที่อยู่สำหรับติดต่อคนไข้ไหมครับเบอร์โทรศัพท์หรือที่อยู่”“ไม่มีเลยค่ะคนไข้บอกว่ากำลังจะย้ายที่อยู่และจะแจ้งภายหลังหากได้ที่อยู่ที่แน่นอน” เฉิงซีหยวนพยักหน้า แต่อารมณ์ขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัดเดินคอตกออกมาด้านหน้า“ท่านครับ ทำไมไม่ใช้บริการนักสืบเอกชนเหมือนที่เคยละครับ” หลี่ตงพดขึ้นเบาๆ“เขาหนีฉันตามเขาก็หนี ครั้งนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะตามเขายังหนี รูปที่ถ่ายมานั้นนักสืบให้เงินกับพยาบาลคนหนึ่งเพื่อให้ได้รูปนี้มาคงจะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
“มาแล้วๆ” เจ้าแฝดทั้งสองประสานเสียงกันร้องระงม เหรินเหมยวิ่งถือขวดนมมาป้อนทั้งสองคน“ป้าเหวยคะ ขอข้าวสำหรับเด็กๆด้วยค่ะ เหมือนจะหิวจริงจัง” หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีเดินถือข้าวโอ๊ตที่บดผสมธัญพืชและเนื้อสัตว์มาวางตรงหน้าของเหรินเหมย“คุณขารีบไปทำงานเถอะค่ะสายมากแล้วรถจะเต็มไม่มีที่นั่งนะคะสายๆ ใครก็รีบ”“อีกแป็บค่ะยังไม่ได้จุ๊บเหม่งเจ้าสองแฝดเลย” ก้มลงจุ๊บที่หน้าผากสองแฝดที่หยุดร้องในทันที ดวงหน้าใสของสองแฝดยิ้มแป้น นั่งในโต๊ะสำหรับป้อนข้าว“ฉันไปแล้วค่ะป้าเหวย เดือนนี้ต้องขยันหน่อยอีกสองวันจะพา อันอัน กับเซียวอูไปฉีดวัคซีนแล้วค่ะฉะนั้นจะต้องรีบเก็บแต้มไว้พรุ่งนี้ค่อยขอลางานค่ะ” ป้าเหวยยิ้ม“เดินทางปลอดภัยค่ะ บ่ายๆ คุณชาไช้คงจะซื้อนมสำหรับเด็กๆ เข้ามาค่ะ” เหรินเหมยยิ้มหยิบกระเป๋าถือเดินออกจากบ้านหลังไม่เล็กนักที่ชาไช้ซื้อไว้ให้กับเหรินเหมยส่วนเขาแวะเวียนมาบ้างบางเวลา แต่ไม่เคยมาค้างเหรินเหมยหอบกระเป๋าสัมภาระและงานออกแบบเสื้อผ้าที่ต้องนำเสนอ สำหรับการออแบเสื้อผ้าของศิลปินเข้าไปในตึกสูงของเมืองที่มีอยู่ไม่มากนัก“คุณจี คุณกวงเรียกพบคุณ” จีเหรินเหมยยิ้มหวานหยดใบหน้าที่แต่งแต้มเพียงบางเบาด
เหรินเหมยนั่งเหม่ออยู่ตรงมุมโต๊ะอาหาร ทั้งที่ข้างหน้าคือเกี๊ยวปูที่ป้าจูเพิ่งจะให้เสี่ยวจี้ยกมา กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วแต่เหรินเหมยไม่ยอมหยิบมันเข้าปากน้ำตาหยดไหลลงข้างแก้มโดยไม่รู้ตัว… เธอรีบเช็ดมันออกด้วยหลังมือ แล้วสูดหายใจเข้าลึก“ฉันไม่เป็นไร…” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วยิ้มสดใสแต่ก็รู้ดี… ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอพยายามแสร้งเข้มแข็งเกินไปทั้งที่ในใจเหมือนมีเข็มนับร้อยเล่มทิ่มแทง“จูดี้ก็แค่ท้อง... ลูกของเขา”เสียงในหัวตอกย้ำซ้ำไปมา เธอหลับตาแน่น พยายามกลั้นน้ำตา แต่ยิ่งฝืนเท่าไหร่ กลับยิ่งรู้สึกว่าหัวใจอ่อนแรงลงเสียงฝีเท้าเล็กๆ ของลูกทั้งสองคนดังขึ้นหลังบ้าน“จุนแม่คะจุนแม่ฮับบบบบบ” เหรินเหมยรีบลุกขึ้นเช็ดน้ำตาจนแห้ง ฝืนยิ้ม แล้วต้อนรับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้จะรู้ว่ารอยร้าวบางอย่างในใจเธอ… กำลังแตกออกช้าๆ อย่างไร้เสียง“จุนแม่ฮับเราวิ่งเล่นเหนื่อยแล้วฮับหิวแล้วฮับบบ” เหรินเหมยกอดเชียวอู่และะอันอันไว้ในอ้อมแขน“คุณจีขา ให้เสี่ยวจี้โทรหาคุณผู้ชายดีไหมคะ” เหรินเหมยส่ายหน้า“ไม่ต้องฉันจัดการทุกอย่างไปแล้วไม่ต้องห่วงฉันก็แค่รู้สึกว่า รู้สึกว่าขอเวลาฉันทำให้ตัวเองเข้มแข็งเสียหน่อ
“วันนี้ผมมีประชุมด่วนความจริงแล้วตั้งใจพาคุณกับลูกๆ ไปพบคุณนายเสวียเตอ ซึ่งป่านมนี้หมอนั่นผมหมาถึง ชาไช้คงไปที่นั่นเพื่อที่จะขอให้คุณแม่หาฤกษ์ดีดีให้เขากับซูจิงแล้วล่ะ คุณอดใจรออีกหน่อยได้ไหมบางที่อาจเป็นวันพรุ่งนี้” เฉิงซีหยวนพูดในขณะที่อาบน้ำสะอาด และกำลังแต่งตัวกลิ่นสบู่หอมอ่อนกับน้ำยาโกนหนวดหากเป็นเมื่อก่อนหน้านั้นเหรินเหมยคงใจเต้นตึกตักแต่ตอนนี้มีเส้นบางๆ ที่กางกั้นไว้จนเหรินเหมยเองก็กลัวเฉิงซีหยวนเดินมาใกล้ๆ ก้มลงกดจมูกกับหน้าผาก กลิ่นสบู่ยอมผ่อนคลาย“คุณโกรธอีกแล้วหรือ” เหรินเหมยส่ายหน้ายิ้มบาง“ฉันกำลังคิดว่างานแต่งของเราควรเลื่อนไปก่อนในเมื่อ ในเมื่อจูดี้…ฉันหมายถึงเรื่องของจูดี้ยังทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรที่หนักอึ้ง“คุณจะว่าอะไรไหมหากผมจะพาคุณไปที่บ้านคุณหมอฟานเราจะคุยเรื่องี้กับจูดี้กับข้อเสนอหลายๆ อย่างจนกว่าจูดี้จะพอใจ” เหรินเหมยถอนกายใจ“แล้วถ้าสิ่งที่จูดี้ต้องการก็คือการที่ ได้เป็นภรรยาของคุณเพียงคนเดียวหรือต้องการให้คุณใช้ชีวิตแบบสามีภรรยาเล่าคุณจะทำอย่างไร” เฉิงซีหยวนยิ้มรวบร่างเล็กมากอดไว้“ผมก็จะกอดคุณแบบนี้จูบคุณแบบนี้” ก้มลงจูบเหริยนเหมยอย่างกับคนที่หิวกระหายไ
“ผมป้องกันทุกครั้งที่มีอะไรกับจูดี้ และมันแค่สองครั้งสองครั้งจริงๆ” น้ำเสียงหนักแน่นหากแต่ไม่มั่นใจ มีครั้งหนึ่งที่จูดี้มาพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และเขากับจูดี้ก็ดื่มจนเมาทั้งคู่ คืนนั้นจึงเป็นคืนที่สนุกสุดเหวี้ยง“ผมเชื่อ” คุณหมอฟานพูดเร็ว ราบเรียบแต่หนักแน่น “ผมรู้จักลูกตัวเองดีพอ จูดี้... ผมตามใจเธอมาตลอด” หยุดคำพูดไว้ตรงนั้นทั้งที่อยากจะพูดว่า ผมให้เธอเรียนหมอ ให้เธอเลือกเส้นทางและเธอก็เดินทางเดียวกับที่ผมเดิน แต่ผมไม่คิดเลยว่าเธอจะทำอะไรแบบนี้สายตาของเขามองไปที่เหรินเหมย ราวกับจะขอโทษแทนลูกสาวของตน“ผมแค่อยากให้รู้ว่า...ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมจะรับผิดชอบเองทุกอย่าง ขอแค่อย่าปล่อยให้ความสุขของพวกคุณพังทลายเพราะใครคนเดียว”เฉิงซีหยวนลุกขึ้นมายืนข้างเหรินเหมยทันที แล้วกุมมือเธอไว้แน่น“ไม่มีใครพรากเราไปจากกันได้อีกแล้วครับคุณลุง... ผมขอสัญญา”เหรินเหมยหันไปสบตาสามี ดวงตาแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง ในขณะที่คุณหมอฟานพยักหน้าเบาๆ“นั่นล่ะ...สิ่งที่ผมอยากได้ยินที่สุด แต่รู้ไหมจูดี้เองก็มีลูกของคุณในท้องซึ่งผมอยากจะมาเพื่อบอกและการันตีว่าจะดูแลเด็กในท้องของจูดี้ด้วยตัวเองแต่ในใจก็ย
ยามสายของวันใหม่ เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังแว่วลอดออกมาจากสวนหลังบ้านอันอันกับเชียวอู่กำลังเล่นวิ่งไล่จับกับเสี่ยวจี้และเสี่ยวหยูอย่างสนุกสนาน“คุณหนูทั้งสองคนวิ่งช้าๆ หน่อย” เสียงเสี่ยวจี้ดังมาแต่ไกล บ้านไม้สีอ่อนริมเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยแสงแดดอ่อนและกลิ่นหอมของดอกไม้ป่า เฉิงซีหยวนนั่งมองอันอันหัวเราะคิกคัก ส่วน “เชียวอู่” กำลังปีนขึ้นหลังเหรินเหมยหนีการจับตัวจากเสี่ยจวจี้ อย่างสนุกสนาน“พรุ่งนี้ผมอยากชวนคุณกับลูกๆ ไปที่บ้านเฉิงเพื่อพบคุณแม่สักครั้งแล้วไม่นานท่านก็จะหาฤกษ์ดีดีให้เราสองคนเพื่อแต่งงาน” เหรินเหมยยิ้มก้มหน้าอายๆ“ไม่ต้องแต่งได้ไหม”“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด จะต้องแต่งเพราะผมจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกคุณ”“จุนแม่ฮับ ผมจะขี่หลังเป็นม้าละนะ” เชียวอู่ที่กระโดดขึ้นไปบนหลังของเหรินเหมยตะโกนดังๆ“ถ้าตกลงมานี่ม้าจะไม่รับผิดชอบเลยนะเจ้าคะ” เหรินเหมยหัวเราะ พลางหันไปยิ้มกับเฉิงซีหยวนเฉิงซีหยวนยิ้มบางๆ เดินเข้ามาจูบที่หน้าผากเชียวอู่“ลงมาได้แล้วครับ” อุ้มเชียวอู่ไว้กับอ้อมแขนเสียงรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ชายวัยกลางคนในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงผ้าลินินเบาสบายก็เปิดประตูลงมา ใบหน้าค
ในห้องที่มืดสนิท มีเพียงแสงจากโคมข้างเตียงส่องกระทบใบหน้าที่แสดงให้เห้นว่าดีใจอย่างที่สุดของจูดี้ ขณะที่เธอจ้องที่แถบขีดสีแดงสองเส้นบนแท่งตรวจครรภ์ในมือ หัวใจเต้นโครมคราม ริมฝีปากสั่นระริกก่อนจะค่อย ๆ ยกยิ้ม… ยิ้มที่มีทั้งความหวาดหวั่นและดีใจเจืออยู่ในคราวเดียวกัน“ในที่สุด… ฉันก็ทำได้…” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะง่ายดายขนาดนี้ดวงตาเปล่งประกายแปลกประหลาด ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่หน้าท้องของตัวเองอย่างแผ่วเบา“ลูกของเขา… ลูกของ เฉิงซีหยวน เลือดเนื้อเชื้อไขของอวิ๋นเฉิง”เธอกัดริมฝีปากแน่น ก่อนหันไปหยิบแฟ้มเอกสารที่ซ่อนไว้ใต้ลิ้นชัก โต๊ะข้างเตียง บรรจุผลแล็บที่แอบทำไว้ ใบรับรองการใช้สเปิร์มจากคลินิกในช่วงเวลาที่เฉิงซีหยวนมอบไว้เพื่อฝากอุ้มบุญ ได้มาง่ายดายเพราะเข้าออกโรงพยาบาลBBBได้ง่ายดาย“ถ้าฉันไม่พูด… ไม่มีใครรู้อย่างนั้นก็ทำลายมันเสียก็แค่อ้างว่าวันนั้นซีหยวนเมามากพอนอนกับฉันเลยแตกในดีไหมนะ ไม่สิลืมสวมถุงฮะฮะฮ่าาาา” ใบหน้าสวยเฉียวพูดด้วยท่าทีมั่นหน้าเหลือเกิน “ดูสิว่าฉันมีลูกของเขาในท้องลูกที่ไม่ได้ผสมเทียมไม่ได้ฝากไข่แต่เป็นการเย้กันจริงๆ เขาจะทำหน้าอย่างไร แล้วก็
เสียงกองไฟในเตาผิงแตกดังเปาะแปะ กลิ่นขนมปังที่เหรินเหมยอบไว้ยังอุ่นกรุ่นบนโต๊ะ เด็กแฝดสองคนในชุดนอนตัวโตกำลังนั่งวาดรูปอยู่บนพรมสีขาวสะอาดกลางห้องอันอันเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเฉิงซีหยวนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ มือใหญ่ของเขาลูบผมลูกสาวตัวน้อยที่บรรจงแต่งแต้มสัสันลงบนภาพวาด เบา ๆ“จุนพ่อ…คะนี่คือพ่อกับแม่ กับอันอันกับเชียวอู่ พวกเราอยู่ด้วยกัน…” เธอกะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มแก้มป่อง แล้วชี้ภาพวาดที่เธอระบายสี เชียวอู่ชะโงกหน้ามามอง“พี่อันอันเก่งจังเลยครับวาดรูปให้เราอยู่ด้วยกันได้ด้วย”“เพราะว่าอันอันกับเชียวอู่อยากให้พวกเราอยู่ด้วยกัน”เฉิงซีหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วโน้มตัวลงกอดทั้งสองวาดไว้แนบอก“ต่อไปนี้... พ่อจะอยู่ตรงนี้กับพวกหนูตลอดไป”เชียวอู่ กอดจากอีกด้าน มือเล็ก ๆ ดึงเสื้อของเขาแน่น “สัญญานะครับ…จุนพ่อ”“พ่อสัญญาเลย” เขาพยักหน้า แล้วหันไปมอง เหรินเหมย ที่ยืนพิงประตูอยู่อย่างเงียบ ๆสายตาทั้งสองมองสบกัน เฉิงซีหยวนลุกขึ้นเดินไปหาเธออย่างช้า ๆ แล้วจับมือเธอไว้“ผมขอโทษ…ที่เคยปล่อยมือคุณไป และครั้งนี้…ผมจะไม่มีวันปล่อยอีก”เหรินเหมยพยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา ดวงตาเปล่งป
เสียงเครื่องยนต์ดับลงหน้าบ้านไม้หลังเล็กกลางหุบเขา เหรินเหมย ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่เงยหน้าขึ้น เห็นรถของเฉิงซีหยวนที่คุ้นตา แต่กลับเปิดประตูออกมาเป็น ชาไช้ กับ ซูจิงเธอชะงัก มือที่จับสายยางสั่นเล็กน้อย ในมเื่อเหรินเมหยคิดว่าตัวเองทำผิดกับซูจิงที่แอบมาอยู่ที่นี่กับเฉิงซีหยวนทั้งๆ ที่ซูจิงดีกับเหรินเหมยขนาดนั้นเฉิงซีหยวนเดินออกมาตามเสียงรถ หยุดลงข้างเหรินเหมย เขามองเห็นทั้งสองที่เดินเข้ามา ไม่มีถ้อยคำทักทาย ไม่มีคำอธิบาย มีเพียงสายตาของทั้งสี่ที่สื่อสารกันอย่างเงียบงัน“ขอโทษที่มารบกวน” ซูจิงเอ่ยเสียงเบา แววตาซ่อนความสั่นไหว แม้จะบอกว่าไมไ่ด้รุ้สึกอะไรกับพี่เขยอย่างเฉิงซีหยวนแต่กลับรู้สึกว่าเขามองว่าซูจิงโง่“นายกับซูจิงไม่สิสองคนมาด้วยกันได้อย่างไร” เฉิงซีหยวนถามตรง สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์เขาไม่มีทางหวั่นเกรงอะไรเพราะตอนนี้คนที่เขาจะต้องปกป้องคือเหรินเหมยกับลูกถ้าหากว่าซูจิงจะไม่พอใจที่เหรินเหมยกับเขาอยู่ด้วยกันเหมือนกับซูจิงถูกหักหลังและชาไช้จะโกรธเขา ที่แอบเอาเหรินเหมยมากกที่นี่“เพราะผมอยากจะคุยกับพี่ให้เข้าใจ” ซูจิงเหลือบตามองเหรินเหมย “กับเธอ…ด้วย เหรินเหมย” ชาไช้พูดตรงๆเหริ
ห้องพักในรีสอร์ตเสียงฝนพรำกระทบกระจกหน้าต่างไม่ช่วยให้หัวใจของ ซูจิง สงบลงได้เลย เธอยืนพิงขอบหน้าต่าง มองออกไปยังคลื่นที่ซัดสาดไปที่ทะเล ร่างในเสื้อยืดบางมองเห็นทรวดทรงชัดเจน แววตาเต็มไปด้วยความสับสนชาไช้ เดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดผม เขามองซูจิงเงียบ ๆ ก่อนจะวางผ้าลงบนเก้าอี้ “คุณ ยังไม่นอนหรือ คุณหลับได้เลยนะกว่าเราจะกลับก็คงเย็นๆ”“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอคุณแม่…เสียที เราสองคนหนีความจริงไม่พ้น” เสียงซูจิงแผ่วเบา …ต้องไปเจอคุณแม่อยู่ดีจะช้าหรือเร็ว…” ชาไช้ยิ้มอ่อนโยนเดินเข้าไปใกล้ ชะงักเล็กน้อยแล้วถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่เธอ “ผมสัญญา จะไปเผชิญปัญหาด้วยกันกับคุณ ไม่ต้องกลัว”“กลัว?” ซูจิงหันมามองเขา ดวงตาสั่นไหว “ไม่ใช่แค่กลัว… แต่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงด้วยซ้ำ ฉันทำลายทุกอย่างเองกับมือ... ทั้งงานแต่ง... ทั้งชื่อเสียงของพ่อแม่... และ คุณแม่คาดหวังในตัวฉันมาก มากจนฉันไม่กล้าที่จะทำให้คุณแม่ผิดหวัง”"พี่ซีหยวนไม่ใช่คนที่ปล่อยอะไรไว้ค้างคา" ชาไช้พูดเสียงขรึม “เขาจะต้องพูดอะไรออกมาแน่ๆ และเรา... ต้องยอมรับมัน ไม่สิผมจะยอมรับผิดเพียงคนเดียวคุณไม่ต้องพูดอะไรทุกอย่างเป็นความผิดของผม”ซูจิง
ห้องนอนที่เงียบงันบนเตียงนั้นมีเพียงเสียงลมหายใจ...เฉิงซีหยวนที่ไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เด็กแฝดสองคนอยู่ที่ดรงเรียนสินะและในเมื่อเหรินเหมยไม่ได้ปฏิเสธความรักจากเขา เขาจัดการร่างอุ่นใต้ร่างเขาจนอยู่หมัดในผ้าห่มสีอ่อน เหรินเหมยนอนหอบหายใจ หยาดเหงื่อเกาะเรียวคอ เสื้อคลุมหลุดลุ่ยจนเห็นผิวเนียนละเอียดแทบทั้งแผ่นหลัง“หยุด… พอแล้ว…ได้โปรด” เสียงเธอแผ่วเบาราวกับฝนที่กระทบหน้าต่าง “ฉันกำลังจะตายฉัน….ฉัน”เฉิงซีหยวนที่โน้มตัวคร่อมเธออยู่ยกยิ้มบาง จูบริมหน้าผากที่ชื้นเหงื่อของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะกระซิบชิดหู“แค่นอนเฉยๆ ... ปล่อยให้ผมได้แสดงความรักกับคุณก็พอ”มือของเขายังลูบไล้เบา ๆ ไปที่เอวเปลือยคอดกิ่ว สัมผัสของเขาราวกับรู้ว่าตรงไหนที่เธออ่อนไหวที่สุดกดเอวลงซ้ำๆ จังหวะของเขานุ่มนวล แต่แน่วแน่… และเต็มไปด้วยความเย้ายวนจนเหรินเหมยหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้านขัดขืนทำไมเก่งจังทำไมเขาทำได้เก่งขนาดนี้เหรินเหมยเบนหน้าหนี ริมฝีปากพ่นลมหายใจหอบเหนื่อย เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง... แต่ไม่ทันได้เปล่งเสียง ริมฝีปากของเขาก็กดทับลงมาอีกแล้วจูบนั้นทั้งหนักแน่นและลึกซึ้ง... เขาบอกรักเธอด้วยการจูบ