“ผมได้ยินว่าคุณถูกจ้างให้ออกจากงาน” เย็นวันนั้นเองที่ชาไช้แวะมาอีกเป็นรอบที่สองของวันหลังจากที่ซื้อนมมาให้อันอันและเชียวอู่ และแวะรับเหรินเหมยทว่าเพื่อนร่วมงานที่แสนดีของเหรินเหมยกลับบอกความจริงที่เขาไม่ควรรู้เหรินเหมยยิ้มบางๆ“ผมจะไม่ทนเรื่องนี้พี่ซีหยวนทำเกินไปแล้วคุณหมอถงเมื่อวานก่อนได้คุยกันก็เล่าให้ฟังเรื่องที่ถูกแพทย์สภาส่งหนังสือมาขอริบใบประกอบวิชาชีพ แล้วที่ผ่านมาหกเดือนนี้คุณเพิ่งจะได้ทำงานเพราะผมที่ช่วยพูดกับบริษัทแห่งนี้ให้แต่ดูสิ่งที่พี่ซีหยวนทำมันเกินไปแล้วรังแกกันเกินไปแล้ว” เหรินเหมยเดินไปชงกาแฟสองแก้ววางลงหน้าชาไช้“ฉันตัดสินใจแล้วฉันจะไม่ไปสมัครงานที่ไหนแล้ว ตั้งใจจะลองทำอะไรที่ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น เลยีความคิดว่าควรจะทำในสิ่งที่ถนัด นั่นคือการรับจัดงานแต่งงาน และดูแลจัดการเรื่องเสื้อผ้าคู่บ่าวสาวด้วยตัวเอง”“นี่คุณไม่โกรธเลยหรือที่พี่ซีหยวนทำแบบนี้”“โกรธแล้วทำอะไรได้โกรธแล้วเราไม่ต้องกินหรือไรอันอันกับเชียวอู่ยังต้องกินนมและเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ค่าจ้างป้าเหวยก็ต้องจ่าย คุณคิดว่าฉันจะอยู่โดยที่ไม่มีงานได้หรือ”“ผมจะไปคุณ
“คุณพ่อมารับแล้วค่ะอันอันกับเชียวอู่ คุณครูกำลังต้อนเด็กๆ เข้าห้องแต่แยกสองแฝดเพื่อพาไปหาชาไช้ที่เลี้ยวรถเข้ามาภายในโรงเรียนอนุบาล“ไม่ใช่คุณป้อฮับนั่นจุนลุงฮับจุนคู” เชียวอู่ที่ดวงตาดำขลับ ร่างอ้วนป้อมน่ากอดใบหน้าเหมือนเฉิงซีหยวนราวกับแกะเจื้อยแจ้ว ชาไช้ยิ้มถอนหายใจยาวย่อตัวลงรับเอาทั้งอันอันและเชียวอู่ไว้ในอ้อมแขน“กลับบ้านเรากันเถอะ” เด็กหญิงตัวน้อยอันอันที่มองอย่างไรก็ถอดแบบเหรินเหมยออกมายิ้มแก้มใส“จุนแม่ไม่มาด้วยหรือคะ”ชาไช้ยิ้มอ่อนโยน“ถ้าคุณแม่มาเราทั้งหมดก็อดไปที่ศูนย์การค้าสิครับเรามีนัดกันว่าจะไป ซื้อของเล่าที่นั่นอันอันจำไม่ได้แล้วหรือ”“เย้ๆๆๆๆๆๆๆ” เชียวอู่ชูมือร้องดีใจ“ไปกันเล้ยยยยยย” ชาไช้อุ้มเจ้าสองคนไปนั่งเบาะในคาร์ชีทแล้ววิ่งมาด้านหน้าคนขับค่อยๆ พารถเคลื่อนออกจากตรงนั้นไปช้าๆซูจิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง 5ปีแล้วที่ไม่พบไม่พูดคุยกับชาไช้ เขามีลูกแล้วหรือแล้วเขาแต่งกับใคร และใครคือภรรยาเขา“ตามรถคันนั้นไป” สั่งคนขับรถเบาๆ ชี้มือไปที่รถของชาไช้“แต่คุณลีซูจิงครับคุณมีนัดทานข้าวกับคุณท่านนะครับแล้วผมก็มีหน้าที่ขับรถมารับคุณไปที่ภัตตาคารริมน้ำทานอาหารค่ำกับคุณ
“นี่เงินของเธอ” เฉิงซีหยวนวางเงินบนโต๊ะหัวเตียง ร่างเปลือยของจูลี่ส่ายหน้าไปมา“ยังไม่อิ่มเลยนี่คะจะให้ไปได้อย่างไรฉันแถมให้คุณฟรีๆ ที่หนึ่งเลยถ้าคุณยอมมาทำให้ฉัน”เฉิงซีหยวนลุกขึ้นสวมเสื้่อคลุมอาบน้ำเดินเข้าห้องน้ำไม่สนใจคำพูดของจูลี่สักนิดจูลี่ลุกขึ้นจากเตียงนอนเดินเข้าไปในห้องน้ำที่เปิดอ้าอยู่ มือขาวโอบกอดแผ่นหลังมาที่อกแน่นแล้วลูบต่ำไปจนถึงจุดสำคัญรูดขึ้นรูดลงอย่างชำนาญ เอี่ยวตัวมาส่งยิ้มหวานหยด เขย่งเท้าจูบริมฝีปากที่เย็นชื้นมันวาวเพราะหยดน้ำของเฉิงซีหยวน“อีกครั้งได้ไหมทำใหม่อีกครั้งได้โปรด….” เสียงสั่นกระเส่า เฉิงซีหยวนผลักร่างเปลือยติดผนังห้องน้ำใช้ร่างเปลือยของเขากดทับไว้ จับขาขาวพาดที่ไหล่แกร่งโยกขยับกายไปมาอีกครั้ง จูลี่ยิ้ม ความเสียวซ่านแผ่ไปทั่วท้องน้อย“อ่าาาาาสุดจริงค่ะฉันติดใจคุณเสียแล้ว”เป็นผู้หญิงคนแรกสินะ ที่เฉิงซีหยวนยอมเอาถึงสองครั้งจีคอเปเรชั่น“คุณจีค่ะคุณต้องมาคัดตัวช่างภาพค่ะ” เลขาเดินสาวถือเรซูเม่ของช่างภาพหลายคนเข้ามา“หือเยอะจังมีคนมาสมัครเยอะขนาดนี้เลยหรือ” เลิกคิ้วสวยขึ้นมองขนตาดำขลับดวงตากลมโต ใกล้เข้ามาแล้วสินะ งานใหญ่งานยักษ์ที่มัดจำนอนรออยู่ในบัญช
“ฝากด้วยนะจือหรานพรุ่งนี้ฉันจะเอากำหนดการต่างๆมาให้เธอช่วยดูเย็นนี้ฉันต้องรีบกลับเพราะป้าเหวยขอลา เจ้าสองแสบนั่นไม่มีใครทำอาหารเย็นให้ทาน”“ค่ะคุณจี ฉันล่ะชื่นชมคุณจริงๆเอาเวลาไหนไปพักผ่อนกันค่ะงานราษฎร์งานหลวง แล้วยังดูแลทั้งสองแสบได้ดีขนาดนั้น”เหรินเหมยยิ้ม คิดถึงอันอันกับเชียวอูที่อ้อนเหรินเหมยแต่เช้าด้วยการมานั่งตักและหอมแก้มเหรินเหมยคนละข้าง อ้อนจะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สุดสัปดาห์นี้ ชาไช้คงสอนกันมา แต่งานยังรัดตัวเหรินเหมยจึงยังไม่ได้รับปากรถโดยสารประจำทางจอดลงที่หน้าบ้นหลังน้อย ที่มีบริเวณไม่มากนัก ป้าเหวยจูงแขนจอมซนทั้งสองรอที่หน้าประตู เหรินเหมยก้าวลงจากรถ อันอันกับเชียวอู่รีบเปิดประตูกอดขาเหรินเหมยคนละข้างเหรินเหมยส่งกระเป๋าเอกสารให้กับป้าเหวยเหรินเหมยย่อตัวลงโอบกอดตัวน้อยทั้งสองหอมแก้มคนละฟอดต่อเติมกำลังใจในวันที่เหนื่อยๆแบบนี้การที่ได้กลิ่นแป้งเด็กกับตัวอ้วนอ้วนนุ่มนิ่มและอ้อมกอดเล็กๆที่กอดรวบลำคอของเหรินเหมย มันทำให้หายเหนื่อยได้เลยทีเดียว“จุนแม่ฮับ”เสี่ยวอู่กำเงินหยวนในมือส่งให้เหรินเหมยที่ทำหน้างงๆ“คืออะไรครับ”ป้าเหวยยิ้มขำ“คือๆๆๆเงินของเราสองคนที่รวมกันครับ”เด็กชายตัวน
“กริ้งงงงงเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจีเหรินเหมยรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาทันที“ค่ะจะต้องไปเดี๋ยวนี้เลยหรือ ยี่สิบนาทีตอนนี้ฉันอยู่ในเมือง กำลังจะพาเด็กๆ กลับบ้าน” อันอันน้อยขมวดคิ้ว“จุนแม่ขาจะไปไหนคะ” หน้าเง้าแต่เสียงออดอ้อน“แม่จะกลับไปเคลียร์งานพรุ่งนี้จะหยุดเพื่อพาพวกหนูไปเที่ยวคืนนี้นอนกับป้าเหวยได้ไหม”“แล้วก้ไม่มีนิทานก่อนนอน” เชียวอู่พูดขึ้นทำหน้าเศร้า“พรุ่งนี้แม่ทบให้สองเรื่องเลย พรุ่งนี้เล่าสองเรื่องคืนนี้แม่อยู่ดึกหน่อยพอเรียบร้อยแล้วแม่จะรีบกลับมา”“จุนแม่จะต้องรีบกลับอย่าทำงานหนักนะคะ ห้ามนอนดึก” อันอันสั่ง“เจ้าค่ะนายหญิง แม่จะรีบกลับสองแฝดไปรอแม่ที่บ้านดีไหมแม่จะให้ป้าเหวยมารับ” ทั้งสองคนพยักหน้าน้อยๆป้าเหวยมาแล้วเหรินเหมยโบกมือหยอยๆจือหรานโทรมาบอกมีปัญหานิดหน่อยให้มาช่วยตัดสินใจความจริงแล้วเหรินเหมยสองวันมานี้กลับบ้านตรงเวลาเพื่อจะได้อยู่กับสองแฝดเพราะตั้งแต่ทั้งสองคนเก็บเงินเป็นเงินค่าจ้างให้หยุดงาน ทำให้เหรินเหมยรู้สึกว่าไม่มีเวลาให้ตัวน้อยทั้งสองเท่าที่ควรนั่งรถไฟฟ้าไปยังที่ทำงานเหมือนเดิมดุนาฬิกาข้อมือเกือบจะสิบเก้านาฬิกาแล้ว ป้าเหวยคงพาเด็กๆ กลับบ้านอย่างปลอดภัย“หิวน้ำฮ
คาเฟ่แห่งหนึ่ง“ที่นี่เลยค่ะคุณจี อีกยี่สิบนาทีคุณชงซูจิงจะมาถึง” เหรินเหมยพยักหน้ายิ้มๆ เดินเข้าไปข้างในจือหรานทักทายคนในร้านอย่าสนิทสนมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ถูกนำมาเสริ์ฟ เหรินเหมยยกแก้วขึ้นมาส่องดู“นานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มมึนเมาพวกนี้”จือหรานยิ้ม“หายากนะคะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ดีที่สุดแบบคุณจีเป็นแบบอย่างที่ดีจนฉันคิดว่าไม่มีใครทำได้เหมือนคุณอีกแล้ว”“ฉันไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องกินของพวกนี้นี่ แล้วการไม่ดื่มกินของพวกนี้ก็ดีต่อสุขภาพนะ”“มิน่าคุณถึงดูผิวพรรณดีอ่อนเยาว์” ซูจิงเดินเข้ามาในตัวอาคารด้วยเสื้อผ้าที่มองแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าราคาแพงระยับ“ขอโทษที่มาช้า” จือหรานลุกขึ้นขยับให้ซูจิงนั่งลงตรงหน้าจีเหรินเหมยส่วนจือหรานเดินเข้าไปกระซิบกับบริกรเรื่องเครื่องดื่มของซูจิงตามแบบของการบริการลูกค้าที่ดี พร้อมกับสั่งอาหารสองสามอย่างเหรินหมยยิ้มน้อยๆ“ไม่คิดว่าคุณอายุยังน้อยได้ยินว่าทีมงานของคุณมีคุณภาพสูงฉันเลยคิดว่าผู้บริหารจะต้อง ..มีอายุสักหน่อย”จ้องมองใบหน้าใสแต่งแต้มเพียงบางเบาของจีเหรินเหมยแล้วนึกอิจฉาคนอะไรจะหน้าเนียนใสรูปหน้าปากคอคิ้วคางเข้ารูปรับกันได้ดี
“คุณจะทำร้ายเธอหรือครับ”“นี่นายคิดว่าคนอย่างฉันทำร้ายผู้หญิงหรือ ฉันนะใจดีจะตายเบาะๆก็แค่สั่งสอนให้รู้ว่าไม่ควรดื่มในเมื่อเป็นแม่ของลูกฉัน” แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทั้งที่ตัวเองกำลังจะแต่งงาน แล้วมีสิทธิ์อะไรมาแสดงความเป็นเจ้าของทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน“ถ้าเป็นเมื่อก่อน…ไม่แน่ครับแต่ตอนนี้ผมว่าคุณปล่อยคุณจีไปเถอะครับเธอน่าสงสารปากกัดตีนถีบเพื่อหาเลี้ยงลูกถึงสองคน”“นั่นสินะแต่ก็ไม่ควรมานั่งดื่มสบายใจแบบนี้ลูกฉันรอแม่กลับบ้านเป็นแม่ภาษาอะไร คงมาดื่มจนชินสินะถึงดื่มเก่งขนาดนั้น”เหรินเหมยกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ลงคออีกอึกใหญ่ จือหรานดึงแก้วในมือมาดื่มเสียเอง“พอแล้วค่ะคุณจีคุณไม่ควรดื่ม เร็วขนาดนี้การดื่มเร็วๆ แบบนี้ทำให้เมาง่าย แล้วยิ่งคุณไม่เคยดื่ม”ความเครียดแม้จะสะกดกลั้นไว้ภายในได้แต่ภายนอกก็ต้องแสดงออกจีเหรินเหมยคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรจึงจะบอกยกเลิกการเป็นผู้จัดการงานแต่งงานของเฉิงซีหยวนได้เอาจริงๆ ไม่อยากได้ยินชื่อของเขาด้วยซ้ำไป“ฮะฮะไม่เมาหรอกน่าคุณซูจิงตามสบายเลยนะคะ วันนี้เหรินเหมยเลี้ยงเอง อ๋อแล้วเรื่องธีมของงานตามที่อยากจะคุยกันก็คุยมาได้เลยค่ะทางเราตามใจเจ้าสาวเสมอเพ
หลี่ตงถอนหายใจ“คุณจะไม่ปล่อยคุณจีไปหรือครับ เขา…เอ่อไม่เหมาะกับเรื่องแบบนี้ คุณจีเธอน่ารักนะครับเธอ เหมาะที่จะเป็นคุณแม่แล้วก็เป็นคุณแม่ของลูกของคุณ”“หุบปากยุ่งเสียจริง ทำไมพูดมากแบบนี้ฉันไม่เห็นว่านายจะสนใจอะไร ผู้หญิงคนอื่นก็ผู้หญิง ผู้หญิงคนนี้ก็ผู้หญิง คนอื่นนายไม่เป็นจะสนใจว่าฉันจะทำกับคนพวกนั้นแบบไหน แล้วทำไมต้องมาสนใจจีเหรินเหมยคนนี้ด้วย” หลี่ตงก้มหน้า“ขับรถไปแล้วไม่ต้องออกความเห็นอะไรฉันตัดสินใจฉันเองได้ถ้าผู้หญิงคนนี้ดีจริงเขาจะรวมหัวกันหลอกฉันทำไมอย่างไรพวกเขาก็ผิดดีแค่ไหนแล้วฉันไม่แจ้งความเรื่องนี้” หลี่ตงหุบปากนิ่งแต่มในใจกลับเถียงไม่หยุดดีที่ไม่แจ้งความแต่ก็ไม่ให้โอกาสทั้งเหรินเหมยและหมอถงเฉิงซีหยวนอุ้มคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนพาเดินขึ้นลิฟต์แบบสบายๆ โดยมีหลี่ตงอำนวยความสะดวกให้ เมื่อถึงห้องเขาก็หันมาพูดกับหลี่ตง“นายกลับไปพักผ่อนที่ห้องนานเสียพรุ่งนี้เช้าค่อยมาที่นี่” หลี่ตงถอนหายใจหวั่นใจกับความปลอดภัยของเหรินเมหยไม่น้อย เฉิงซีหยวนถ้าเป็นเฉิงซีหยวนเมื่อห้าปีที่แล้วตอนที่ซูจ๋ายยังอยู่ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่แต่นี่เฉิงซีหยวนคนนี้ จะมีผู้หญิงกี่คนที่รอดไปได้ ยิ่งเมาๆ แบบนี้ด้
ลานหน้าบ้านบนเขา เสียงหัวเราะสดใสดังมาจากสวนหลังบ้าน “จุนย่าขา! จะต้องดูอันอันกระโดดนะ!” อันอันในชุดกระโปรงสีฟ้ากระโดดข้ามหินอย่างกล้าหาญ ส่วนเชียวอู่ก็วิ่งมาพร้อมดอกไม้ในมือ “นี่ของจุนย่าฮะ! เชียวอู่เด็ดมาเองเลยนะฮับ ดอกไม้ที่สวยที่สุดในสวนเลย!สำหรับจุนย่าที่ใจดีที่สุดในโลก”คุณเสวียเตอหญิงสูงวัยที่มักดูสง่างาม เยือกเย็นในสายตาผู้อื่นยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง เธอนั่งยองๆ ลงกับพื้น หอมแก้มหลานทั้งสองข้างพร้อมกัน “โอ๊ยย ย่าใจละลายหมดแล้วลูกเอ๊ย พวกหนูนี่มันน่ารักอะไรอย่างนี้!”เชียวอู่หัวเราะเสียงใส “จุนย่าฮับ! จุนย่ามาอยู่กับเรานะครับ จะได้เล่านิทานให้เราฟังทุกคืนเลย!”คุณเสวียเตอพยักหน้าเบา ๆ กอดหลานๆ ไว้แน่น “ย่าไม่เคยคิดเลยว่าพอมาพบหลานทั้งสองแล้วจะมีความสุขขนาดนี้… ความสุขอยู่ที่อ้อมกอดของเด็กตัวเล็กๆ สองคนนี้แหละ”เหรินเหมยยืนดูจากมุมระเบียง ลมโชยอ่อนๆ พัดปลายผมเธอพลิ้วเบาๆ เธอเอามือกุมหน้าอก รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังคลี่คลาย ความไม่มั่นคง ความกลัว… เหมือนถูกกล่อมด้วยเสียงหัวเราะของลูก และรอยยิ้มของคนเป็นแม่เฉิงซีหยวนเดินมาหยุดข้างๆ สบตากับเหรินเหมยยิ้มกรุ้มกริ่ม แล
เหรินเหมยนั่งเหม่ออยู่ตรงมุมโต๊ะอาหาร ทั้งที่ข้างหน้าคือเกี๊ยวปูที่ป้าจูเพิ่งจะให้เสี่ยวจี้ยกมา กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วแต่เหรินเหมยไม่ยอมหยิบมันเข้าปากน้ำตาหยดไหลลงข้างแก้มโดยไม่รู้ตัว… เธอรีบเช็ดมันออกด้วยหลังมือ แล้วสูดหายใจเข้าลึก“ฉันไม่เป็นไร…” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วยิ้มสดใสแต่ก็รู้ดี… ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอพยายามแสร้งเข้มแข็งเกินไปทั้งที่ในใจเหมือนมีเข็มนับร้อยเล่มทิ่มแทง“จูดี้ก็แค่ท้อง... ลูกของเขา”เสียงในหัวตอกย้ำซ้ำไปมา เธอหลับตาแน่น พยายามกลั้นน้ำตา แต่ยิ่งฝืนเท่าไหร่ กลับยิ่งรู้สึกว่าหัวใจอ่อนแรงลงเสียงฝีเท้าเล็กๆ ของลูกทั้งสองคนดังขึ้นหลังบ้าน“จุนแม่คะจุนแม่ฮับบบบบบ” เหรินเหมยรีบลุกขึ้นเช็ดน้ำตาจนแห้ง ฝืนยิ้ม แล้วต้อนรับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้จะรู้ว่ารอยร้าวบางอย่างในใจเธอ… กำลังแตกออกช้าๆ อย่างไร้เสียง“จุนแม่ฮับเราวิ่งเล่นเหนื่อยแล้วฮับหิวแล้วฮับบบ” เหรินเหมยกอดเชียวอู่และะอันอันไว้ในอ้อมแขน“คุณจีขา ให้เสี่ยวจี้โทรหาคุณผู้ชายดีไหมคะ” เหรินเหมยส่ายหน้า“ไม่ต้องฉันจัดการทุกอย่างไปแล้วไม่ต้องห่วงฉันก็แค่รู้สึกว่า รู้สึกว่าขอเวลาฉันทำให้ตัวเองเข้มแข็งเสียหน่อ
“วันนี้ผมมีประชุมด่วนความจริงแล้วตั้งใจพาคุณกับลูกๆ ไปพบคุณนายเสวียเตอ ซึ่งป่านมนี้หมอนั่นผมหมาถึง ชาไช้คงไปที่นั่นเพื่อที่จะขอให้คุณแม่หาฤกษ์ดีดีให้เขากับซูจิงแล้วล่ะ คุณอดใจรออีกหน่อยได้ไหมบางที่อาจเป็นวันพรุ่งนี้” เฉิงซีหยวนพูดในขณะที่อาบน้ำสะอาด และกำลังแต่งตัวกลิ่นสบู่หอมอ่อนกับน้ำยาโกนหนวดหากเป็นเมื่อก่อนหน้านั้นเหรินเหมยคงใจเต้นตึกตักแต่ตอนนี้มีเส้นบางๆ ที่กางกั้นไว้จนเหรินเหมยเองก็กลัวเฉิงซีหยวนเดินมาใกล้ๆ ก้มลงกดจมูกกับหน้าผาก กลิ่นสบู่ยอมผ่อนคลาย“คุณโกรธอีกแล้วหรือ” เหรินเหมยส่ายหน้ายิ้มบาง“ฉันกำลังคิดว่างานแต่งของเราควรเลื่อนไปก่อนในเมื่อ ในเมื่อจูดี้…ฉันหมายถึงเรื่องของจูดี้ยังทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรที่หนักอึ้ง“คุณจะว่าอะไรไหมหากผมจะพาคุณไปที่บ้านคุณหมอฟานเราจะคุยเรื่องี้กับจูดี้กับข้อเสนอหลายๆ อย่างจนกว่าจูดี้จะพอใจ” เหรินเหมยถอนกายใจ“แล้วถ้าสิ่งที่จูดี้ต้องการก็คือการที่ ได้เป็นภรรยาของคุณเพียงคนเดียวหรือต้องการให้คุณใช้ชีวิตแบบสามีภรรยาเล่าคุณจะทำอย่างไร” เฉิงซีหยวนยิ้มรวบร่างเล็กมากอดไว้“ผมก็จะกอดคุณแบบนี้จูบคุณแบบนี้” ก้มลงจูบเหริยนเหมยอย่างกับคนที่หิวกระหายไ
“ผมป้องกันทุกครั้งที่มีอะไรกับจูดี้ และมันแค่สองครั้งสองครั้งจริงๆ” น้ำเสียงหนักแน่นหากแต่ไม่มั่นใจ มีครั้งหนึ่งที่จูดี้มาพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และเขากับจูดี้ก็ดื่มจนเมาทั้งคู่ คืนนั้นจึงเป็นคืนที่สนุกสุดเหวี้ยง“ผมเชื่อ” คุณหมอฟานพูดเร็ว ราบเรียบแต่หนักแน่น “ผมรู้จักลูกตัวเองดีพอ จูดี้... ผมตามใจเธอมาตลอด” หยุดคำพูดไว้ตรงนั้นทั้งที่อยากจะพูดว่า ผมให้เธอเรียนหมอ ให้เธอเลือกเส้นทางและเธอก็เดินทางเดียวกับที่ผมเดิน แต่ผมไม่คิดเลยว่าเธอจะทำอะไรแบบนี้สายตาของเขามองไปที่เหรินเหมย ราวกับจะขอโทษแทนลูกสาวของตน“ผมแค่อยากให้รู้ว่า...ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมจะรับผิดชอบเองทุกอย่าง ขอแค่อย่าปล่อยให้ความสุขของพวกคุณพังทลายเพราะใครคนเดียว”เฉิงซีหยวนลุกขึ้นมายืนข้างเหรินเหมยทันที แล้วกุมมือเธอไว้แน่น“ไม่มีใครพรากเราไปจากกันได้อีกแล้วครับคุณลุง... ผมขอสัญญา”เหรินเหมยหันไปสบตาสามี ดวงตาแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง ในขณะที่คุณหมอฟานพยักหน้าเบาๆ“นั่นล่ะ...สิ่งที่ผมอยากได้ยินที่สุด แต่รู้ไหมจูดี้เองก็มีลูกของคุณในท้องซึ่งผมอยากจะมาเพื่อบอกและการันตีว่าจะดูแลเด็กในท้องของจูดี้ด้วยตัวเองแต่ในใจก็ย
ยามสายของวันใหม่ เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังแว่วลอดออกมาจากสวนหลังบ้านอันอันกับเชียวอู่กำลังเล่นวิ่งไล่จับกับเสี่ยวจี้และเสี่ยวหยูอย่างสนุกสนาน“คุณหนูทั้งสองคนวิ่งช้าๆ หน่อย” เสียงเสี่ยวจี้ดังมาแต่ไกล บ้านไม้สีอ่อนริมเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยแสงแดดอ่อนและกลิ่นหอมของดอกไม้ป่า เฉิงซีหยวนนั่งมองอันอันหัวเราะคิกคัก ส่วน “เชียวอู่” กำลังปีนขึ้นหลังเหรินเหมยหนีการจับตัวจากเสี่ยจวจี้ อย่างสนุกสนาน“พรุ่งนี้ผมอยากชวนคุณกับลูกๆ ไปที่บ้านเฉิงเพื่อพบคุณแม่สักครั้งแล้วไม่นานท่านก็จะหาฤกษ์ดีดีให้เราสองคนเพื่อแต่งงาน” เหรินเหมยยิ้มก้มหน้าอายๆ“ไม่ต้องแต่งได้ไหม”“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด จะต้องแต่งเพราะผมจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกคุณ”“จุนแม่ฮับ ผมจะขี่หลังเป็นม้าละนะ” เชียวอู่ที่กระโดดขึ้นไปบนหลังของเหรินเหมยตะโกนดังๆ“ถ้าตกลงมานี่ม้าจะไม่รับผิดชอบเลยนะเจ้าคะ” เหรินเหมยหัวเราะ พลางหันไปยิ้มกับเฉิงซีหยวนเฉิงซีหยวนยิ้มบางๆ เดินเข้ามาจูบที่หน้าผากเชียวอู่“ลงมาได้แล้วครับ” อุ้มเชียวอู่ไว้กับอ้อมแขนเสียงรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ชายวัยกลางคนในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงผ้าลินินเบาสบายก็เปิดประตูลงมา ใบหน้าค
ในห้องที่มืดสนิท มีเพียงแสงจากโคมข้างเตียงส่องกระทบใบหน้าที่แสดงให้เห้นว่าดีใจอย่างที่สุดของจูดี้ ขณะที่เธอจ้องที่แถบขีดสีแดงสองเส้นบนแท่งตรวจครรภ์ในมือ หัวใจเต้นโครมคราม ริมฝีปากสั่นระริกก่อนจะค่อย ๆ ยกยิ้ม… ยิ้มที่มีทั้งความหวาดหวั่นและดีใจเจืออยู่ในคราวเดียวกัน“ในที่สุด… ฉันก็ทำได้…” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะง่ายดายขนาดนี้ดวงตาเปล่งประกายแปลกประหลาด ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่หน้าท้องของตัวเองอย่างแผ่วเบา“ลูกของเขา… ลูกของ เฉิงซีหยวน เลือดเนื้อเชื้อไขของอวิ๋นเฉิง”เธอกัดริมฝีปากแน่น ก่อนหันไปหยิบแฟ้มเอกสารที่ซ่อนไว้ใต้ลิ้นชัก โต๊ะข้างเตียง บรรจุผลแล็บที่แอบทำไว้ ใบรับรองการใช้สเปิร์มจากคลินิกในช่วงเวลาที่เฉิงซีหยวนมอบไว้เพื่อฝากอุ้มบุญ ได้มาง่ายดายเพราะเข้าออกโรงพยาบาลBBBได้ง่ายดาย“ถ้าฉันไม่พูด… ไม่มีใครรู้อย่างนั้นก็ทำลายมันเสียก็แค่อ้างว่าวันนั้นซีหยวนเมามากพอนอนกับฉันเลยแตกในดีไหมนะ ไม่สิลืมสวมถุงฮะฮะฮ่าาาา” ใบหน้าสวยเฉียวพูดด้วยท่าทีมั่นหน้าเหลือเกิน “ดูสิว่าฉันมีลูกของเขาในท้องลูกที่ไม่ได้ผสมเทียมไม่ได้ฝากไข่แต่เป็นการเย้กันจริงๆ เขาจะทำหน้าอย่างไร แล้วก็
เสียงกองไฟในเตาผิงแตกดังเปาะแปะ กลิ่นขนมปังที่เหรินเหมยอบไว้ยังอุ่นกรุ่นบนโต๊ะ เด็กแฝดสองคนในชุดนอนตัวโตกำลังนั่งวาดรูปอยู่บนพรมสีขาวสะอาดกลางห้องอันอันเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเฉิงซีหยวนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ มือใหญ่ของเขาลูบผมลูกสาวตัวน้อยที่บรรจงแต่งแต้มสัสันลงบนภาพวาด เบา ๆ“จุนพ่อ…คะนี่คือพ่อกับแม่ กับอันอันกับเชียวอู่ พวกเราอยู่ด้วยกัน…” เธอกะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มแก้มป่อง แล้วชี้ภาพวาดที่เธอระบายสี เชียวอู่ชะโงกหน้ามามอง“พี่อันอันเก่งจังเลยครับวาดรูปให้เราอยู่ด้วยกันได้ด้วย”“เพราะว่าอันอันกับเชียวอู่อยากให้พวกเราอยู่ด้วยกัน”เฉิงซีหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วโน้มตัวลงกอดทั้งสองวาดไว้แนบอก“ต่อไปนี้... พ่อจะอยู่ตรงนี้กับพวกหนูตลอดไป”เชียวอู่ กอดจากอีกด้าน มือเล็ก ๆ ดึงเสื้อของเขาแน่น “สัญญานะครับ…จุนพ่อ”“พ่อสัญญาเลย” เขาพยักหน้า แล้วหันไปมอง เหรินเหมย ที่ยืนพิงประตูอยู่อย่างเงียบ ๆสายตาทั้งสองมองสบกัน เฉิงซีหยวนลุกขึ้นเดินไปหาเธออย่างช้า ๆ แล้วจับมือเธอไว้“ผมขอโทษ…ที่เคยปล่อยมือคุณไป และครั้งนี้…ผมจะไม่มีวันปล่อยอีก”เหรินเหมยพยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา ดวงตาเปล่งป
เสียงเครื่องยนต์ดับลงหน้าบ้านไม้หลังเล็กกลางหุบเขา เหรินเหมย ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่เงยหน้าขึ้น เห็นรถของเฉิงซีหยวนที่คุ้นตา แต่กลับเปิดประตูออกมาเป็น ชาไช้ กับ ซูจิงเธอชะงัก มือที่จับสายยางสั่นเล็กน้อย ในมเื่อเหรินเมหยคิดว่าตัวเองทำผิดกับซูจิงที่แอบมาอยู่ที่นี่กับเฉิงซีหยวนทั้งๆ ที่ซูจิงดีกับเหรินเหมยขนาดนั้นเฉิงซีหยวนเดินออกมาตามเสียงรถ หยุดลงข้างเหรินเหมย เขามองเห็นทั้งสองที่เดินเข้ามา ไม่มีถ้อยคำทักทาย ไม่มีคำอธิบาย มีเพียงสายตาของทั้งสี่ที่สื่อสารกันอย่างเงียบงัน“ขอโทษที่มารบกวน” ซูจิงเอ่ยเสียงเบา แววตาซ่อนความสั่นไหว แม้จะบอกว่าไมไ่ด้รุ้สึกอะไรกับพี่เขยอย่างเฉิงซีหยวนแต่กลับรู้สึกว่าเขามองว่าซูจิงโง่“นายกับซูจิงไม่สิสองคนมาด้วยกันได้อย่างไร” เฉิงซีหยวนถามตรง สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์เขาไม่มีทางหวั่นเกรงอะไรเพราะตอนนี้คนที่เขาจะต้องปกป้องคือเหรินเหมยกับลูกถ้าหากว่าซูจิงจะไม่พอใจที่เหรินเหมยกับเขาอยู่ด้วยกันเหมือนกับซูจิงถูกหักหลังและชาไช้จะโกรธเขา ที่แอบเอาเหรินเหมยมากกที่นี่“เพราะผมอยากจะคุยกับพี่ให้เข้าใจ” ซูจิงเหลือบตามองเหรินเหมย “กับเธอ…ด้วย เหรินเหมย” ชาไช้พูดตรงๆเหริ
ห้องพักในรีสอร์ตเสียงฝนพรำกระทบกระจกหน้าต่างไม่ช่วยให้หัวใจของ ซูจิง สงบลงได้เลย เธอยืนพิงขอบหน้าต่าง มองออกไปยังคลื่นที่ซัดสาดไปที่ทะเล ร่างในเสื้อยืดบางมองเห็นทรวดทรงชัดเจน แววตาเต็มไปด้วยความสับสนชาไช้ เดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดผม เขามองซูจิงเงียบ ๆ ก่อนจะวางผ้าลงบนเก้าอี้ “คุณ ยังไม่นอนหรือ คุณหลับได้เลยนะกว่าเราจะกลับก็คงเย็นๆ”“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอคุณแม่…เสียที เราสองคนหนีความจริงไม่พ้น” เสียงซูจิงแผ่วเบา …ต้องไปเจอคุณแม่อยู่ดีจะช้าหรือเร็ว…” ชาไช้ยิ้มอ่อนโยนเดินเข้าไปใกล้ ชะงักเล็กน้อยแล้วถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่เธอ “ผมสัญญา จะไปเผชิญปัญหาด้วยกันกับคุณ ไม่ต้องกลัว”“กลัว?” ซูจิงหันมามองเขา ดวงตาสั่นไหว “ไม่ใช่แค่กลัว… แต่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงด้วยซ้ำ ฉันทำลายทุกอย่างเองกับมือ... ทั้งงานแต่ง... ทั้งชื่อเสียงของพ่อแม่... และ คุณแม่คาดหวังในตัวฉันมาก มากจนฉันไม่กล้าที่จะทำให้คุณแม่ผิดหวัง”"พี่ซีหยวนไม่ใช่คนที่ปล่อยอะไรไว้ค้างคา" ชาไช้พูดเสียงขรึม “เขาจะต้องพูดอะไรออกมาแน่ๆ และเรา... ต้องยอมรับมัน ไม่สิผมจะยอมรับผิดเพียงคนเดียวคุณไม่ต้องพูดอะไรทุกอย่างเป็นความผิดของผม”ซูจิง