ดังนั้นการได้ทำงานร่วมกับเขาทุกวัน ได้มองเขาในเวลาที่เขาเผลอ ได้พูดคุยกับเขา ได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเขา มันจึงมีค่ากับหล่อนมากมายเหลือเกิน เพราะอย่างนี้ไง ตลอดห้าปีที่ผ่านมา หล่อนถึงไม่เคยลาหยุดงานเลย
หลายครั้งที่หล่อนอิจฉาผู้หญิงพวกนั้น และหลายครั้งที่หล่อนอยากจะขึ้นไปทำหน้าที่บนเตียงแทนพวกหล่อน แต่ก็จำต้องหยุดคิด เพราะหากหล่อนทำเช่นนั้นลงไป ธีธัชจะไม่มีวันยอมทำงานร่วมกับหล่อนอีก และแน่นอนว่า หล่อนจะไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิด หรือว่าเห็นหน้าเขาอีกเลยชั่วชีวิต
หล่อนต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ภายในใจ เก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
แม้ว่าจะรักเขามากมายแค่ไหนก็ตาม...
หล่อนเจ็บปวดนะ ทรมานมากด้วย แต่ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว
“เมื่อกี้คุณทำได้ดีมากเลยนะคุณมิ้ม”
เจ้าของช่วงขายาวเอ่ยชมเลขาฯ ของตัวเองไม่ขาดปาก หลังจากจบการประชุมใหญ่ และทุกอย่างราบรื่นจนน่าทึ่ง
“ไม่ใช่เพราะมิ้มหรอกค่ะ เพราะบอสต่างหาก ลูกค้าถึงได้เชื่อถือและยอมตกลงเซ็นต์สัญญาง่ายกว่าที่คาดคิดเอาไว้”
ชายหนุ่มหยุดเดิน และมองเลขาที่ตัวเองเล็กกว่าตนเองไม่น้อย ระดับศีรษะของหล่อนอยู่แค่ปลายคางของเขาเท่านั้นเอง ทำให้เวลาจะพูดคุยด้วย เขาแทบจะต้องย่อเข่าเลยทีเดียว
“คุณถ่อมตัวเสมอต้นเสมอปลายเลยนะคุณมิ้ม ห้าปีก่อนคุณเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม”
“ขอบคุณค่ะบอส”
“แล้วค่ำนี้ว่าไงครับ สรุปหาผู้หญิงให้ผมได้หรือยัง”
“เรียบร้อยค่ะ คนนี้หน้าอกใหญ่ตามที่บอสชอบ”
นี่ธีธัชจะรู้บ้างไหมนะว่าหล่อนจะต้องใช้แรงกายแรงใจมากแค่ไหน ที่จะไม่เขินหน้าแดงยามที่พูดถึงสรีระของสตรีออกไป
“เยี่ยมมาก คุณคนเดียวที่รู้ใจผม”
หล่อนฝืนยิ้ม และก้มหน้าลง
“เตรียมถุงยางให้ผมสักสามสี่ชิ้น”
“ห้าชิ้นดีกว่าไหมคะ ปกติบอสไม่เคยใช้ต่ำกว่านี้”
ธีธัชหัวเราะจนต้องเงยหน้าขึ้นสูง ขณะออกก้าวเดินอีกครั้ง โดยมีเลขาคู่ใจเดินตามมาข้างๆ
“คุณนี่ทำผมเขินจัง โอเค ห้าชิ้นก็ได้ครับ”
“ค่ะ มิ้มจะเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อมค่ะ”
“ขอบคุณมาก”
เขายังคงเดินนำหน้าหล่อน ทำให้หล่อนได้มีโอกาสมองสำรวจเขา
ธีธัชหล่อเหลาไร้ที่ติด แต่ถึงแม้หล่อนจะอยู่ใกล้เขาเพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ธีธัชอยู่ห่างไกลจากหล่อนเหลือเกินไม่มีวันที่จะเอื้อมมือแตะเขาได้ เพราะเขา... ไม่ต้องการนั่นเอง
หญิงสาวก้มหน้าเดินตามเขาไป หัวใจบอบช้ำแต่ก็ต้องเก็บซ่อนเอาไว้
หยาดน้ำใสๆ เอ่อล้นจนแทบจะทะลุแว่นหนาออกมา จนต้องกะพริบตาเร็วๆ เพื่อไล่มันให้หายไป
เมื่อไหร่นะ หล่อนถึงจะสามารถตัดใจเดินจาก
ธีธัชได้เสียที“อ้อ... ผมลืมบอกคุณไปเรื่องหนึ่ง”
จู่ๆ คนที่เดินนำหน้าก็หยุดเดิน จนหล่อนที่ใจเหม่อลอยเบรกไม่ทัน ร่างอรชรชนเข้ากับเรือนร่างใหญ่โตของผู้เป็นเจ้านายเข้าอย่างชัง ทำให้แว่นตากระเด็นออกไปจากดวงหน้างาม
“อ๊ะ...”
หล่อนตกใจหน้าซีดเผือด รีบถอยออกห่าง และขอโทษขอโพยเสียงสั่น
“ขอโทษค่ะ มิ้มมัวแต่คิดอะไรเพลิน”
หล่อนก้มหน้าขอโทษเขา ก่อนจะรีบก้มลงหยิบแว่นตาที่พื้น แต่ธีธัชหยิบมันขึ้นมาเสียก่อน และส่งให้กับหล่อน
แววตาของเขามีอะไรบางอย่าง ยามจ้องมองเข้ามาในดวงตาเบิกกว้างของหล่อน
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคุณใจลอย”
“เอ่อ... มิ้มขอโทษค่ะบอส”
หล่อนรับแว่นมาจากมือของเขา แต่ปลายนิ้วสัมผัสโดนมือของเขาโดยบังเอิญ ไฟร้อนๆ แล่นปรู๊ดปร๊าดเข้ามาในกระแสโลหิต จนช่องท้องร้อนผ่าว จิตวิญญาณคล้ายกับถูกเขย่า
“และก็เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นดวงตาของคุณ โดยไร้แว่นหนาเตอะ”
“เอ่อ...”
หล่อนฝืนยิ้ม พร้อมกับขยับออกห่าง มือกระชับแฟ้มเอกสารเอาไว้ข้างตัว
“ตาคุณสวยนะ ไม่น่าใส่แว่นปิดเอาไว้เลย”
“ขอบคุณค่ะบอส”
หล่อนคาดเดาว่าเขาคงชื่นชมตามมารยาทเท่านั้น
“ตอนนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้วนะ”
“เอ่อ... ยี่สิบหกค่ะ”
“สมควรมีคนรักได้แล้วนะ”
หล่อนอึ้งไป เกลียดตัวเองที่เสียใจกับคำพูดของธีธัช ทั้งๆ ที่เขาก็แค่หวังดี
“มิ้ม... ยังไม่คิดเรื่องนั้นหรอกค่ะ”
“ความจริงผมไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคุณหรอกนะ แต่เพราะผมเห็นคุณเป็นเหมือนเพื่อน ผมก็อยากให้คุณได้ลิ้มลองความสุขในแบบผู้ชายผู้หญิงบ้าง”
คราวนี้แก้มนวลแดงระเรื่อขึ้นจนไม่อาจจะปกปิดจากสายตาของคู่สนทนาได้ หล่อนเห็นเขาระบายยิ้มน้อยๆ
“พรุ่งนี้ผมมีงานเลี้ยง ไปกับผมนะ แต่งตัวสวยๆ รับรองว่าคุณจะต้องได้แฟนจากงานนี้แน่ อ้อ... และที่สำคัญในงานนี้มีแต่นักธุรกิจรวยๆ ทั้งนั้น”
“มิ้ม... คงไม่...”
หล่อนจะปฎิเสธ แต่เขาไม่เปิดโอกาสใดๆ ให้กับหล่อนเลย
“เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมให้”
“มิ้ม... ขอบคุณค่ะ แต่ว่ามิ้มเกรงใจบอส”
มือใหญ่ยื่นมาแตะท่อนแขนของหล่อน เขาไม่ได้คิดอะไร แต่หล่อนกลับรู้สึกหวั่นไหวกับสัมผัสของชายหนุ่มเหลือเกิน
“ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก คุณทำเพื่อผมมาตั้งห้าปีแล้ว แค่นี้ทำไมผมจะทำให้คุณไม่ได้...”
ยิ่งดวงตาของเขามีรอยยิ้มพร้อมๆ กับริมฝีปากเช่นนี้ ธีธัชก็ยิ่งไม่ต่างจากเทพบุตรชั้นฟ้า
“ผมอยากให้คุณมีความสุขบ้าง ผ่อนคลายจากเรื่องงาน”
“มิ้ม...”
“ตกลงตามนี้นะครับ”
หล่อนอยากปฏิเสธเขา แต่พอเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจของธีธัช หัวใจก็อ่อนยวบ และก็ต้องตอบรับไปในที่สุด
“ค่ะบอส”
“เยี่ยมมาก เลขาฯ ดีเด่นของผม”
ตอนที่ 3.มิรดาจ้องมองภาพผู้หญิงที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาภายในห้องพักของตัวเองด้วยความอัศจรรย์ใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เพราะไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่เห็นจากกระจกเงาจะคือตัวเองจริงๆ“นี่เราจริงๆ เหรอเนี่ย”มือเล็กยกขึ้นแตะใบหน้านวลที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจากช่างมืออาชีพที่ธีธัชจัดหามาให้ซ้ำไปซ้ำมาหล่อนจริงๆ ด้วย...กลีบปากอิ่มหนาเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูหวานแวววาว แก้มนวลถูกแต้มด้วยสีสันจนมองไม่เห็นผิวเนื้อแท้จริงดวงตาเลื่อนลงมามองที่ลำคอของตัวเองที่ถูกเปิดเผยออกมาจากอาภรณ์มากกว่าทุกครั้ง บ่าเนียนมีเพียงแค่สายเล็กๆ สองเส้นที่ร้อยจากคริสตัสสีทองคล้องเอาไว้ทั้งสองข้าง และต่ำลงไปกว่านั้นก็คือเนินอกสาวที่หล่อนไม่เคยเปิดเผยแกสายตาของใครมาก่อนเลยหล่อนไม่เคยมั่นใจกับรูปร่างของตัวเองเลย โดยเฉพาะที่หน้าอกมันใหญ่เกินตัว และมันก็ทำให้หล่อนต้องสวมใส่ชุดตัวใหญ่กว่าขนาดจริงมาตลอดตั้งแต่อายุสิบสอง หน้าอกของหล่อนโตเร็วและเด่นชัดกว่าเพื่อนๆ ร่วมชั้น ซึ่งขนาดของมันใหญ่โตจนถูกแซวจากเพื่อนผู้ชายบ่อยครั้งหล่อนต้องซ่อนตัวเองเอาไว้ภายใต้เสื้อตัวโคร่ง และก็ห่อไหล่ลงเมื่อต้องเดินผ่านผู้คน เพราะเกรงว่าห
ตอนที่ 4.หล่อนตอบรับเสียงเรียบ ขณะก้าวเดินตามคนตัวโตออกไป เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก“วันนี้บอสขับรถเองเลยเหรอคะ”“ใช่ครับ พอดีลุงแกไม่ค่อยสบาย ผมก็เลยขับเอง”“เอ่อ... ให้มิ้มขับให้ไหมคะ”ธีธัชที่กำลังจะเปิดประตูรถชะงัก แววตาที่มองมามีประกายขบขัน“คุณคิดว่าผมจะเอาเปรียบคุณขนาดนั้นเลยหรือ คุณมิ้ม”“เอ่อ... บอสไม่ได้เอาเปรียบนะคะ แต่มิ้มเป็นเลขาฯ เอ่อ...”หล่อนยังพูดไม่จบ ธีธัชก็แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขัน“ผมรู้ว่าคุณทำเพื่อผมได้ทุกอย่าง คุณเก่ง คุณเป็นเลขายอดวิเศษที่ผมไม่อาจจะหาใครมาเทียบได้ แต่เรื่องขับรถ ให้ผมทำเองบ้างเถอะนะ”เขาหัวเราะขณะก้าวขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยรถ หล่อนรีบก้าวตามขึ้นไปนั่งเบาะหน้าข้างๆ“มิ้มก็แค่อยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้นเองค่ะ”คนตัวโตที่เพิ่งคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ หันมามอง แต่สายตาของเขาไม่ได้มองหน้าของหล่อนหรอกนะ แต่มันจ้องไปที่หน้าอกที่ล้นทะลักของหล่อนแทน คล้ายกับเขาลืมตัวนี่ธีธัชจะรู้ไหมนะว่าสายตาของเขาทำให้หล่อนร้อนเป็นไฟรู้หรอกว่าเขาก็มองหล่อน เหมือนกับที่ผู้ชายมองผู้หญิงนมโตนั่นแหละ ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรเลย แต่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้“คุณทำหน้
ตอนที่ 5.หล่อนอยากกลับห้อง...ไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่ไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้เลยมิรดาก้มลงมองเนื้อตัวของตัวเองอย่างเวทนา ต่อให้หล่อนสวยแค่ไหน พยายามทำตัวให้คู่ควรกับเขายังไง แต่ธีธัชก็ไม่มีทางมองสองแขนยกขึ้นโอบกอดเนื้อตัวเอาไว้ด้วยความเหน็บหนาว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีเสื้อสูทของใครบางคนคลุมทับมาบนบ่า“อุ๊ยยยย...”หล่อนตกใจมาก รีบหันไปมอง ก็พบว่าผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเป็นเจ้าของเสื้อสูทบนบ่าบอบบางของตัวเอง“ผมเห็นคุณยืนตัวสั่นน่ะ ก็เลยให้ยืม”“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าไม่เป็นไรค่ะ”หล่อนจะส่งเสื้อสูทคืนเขา แต่เขาขยับออกห่าง และส่ายหน้า“ไม่เป็นไรครับ ยืมเถอะ ผมไม่คิดเงินหรอก”มิรดาอมยิ้มขบขันออกมาในที่สุด“ผมดีใจที่เห็นคุณหัวเราะนะครับ”“ฉันก็ไม่ได้ร้องไห้สักหน่อยนี่คะ”ผู้ชายเจ้าของเสื้อสูทเดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะชวนหล่อนไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร และชวนคุยต่อ“ก็ผมเห็นคุณเดินหน้าเศร้านี่ครับ”หล่อนเอียงหน้ามองเจ้าของคำพูดที่ตัวเองไม่อาจจะปฏิเสธได้“นี่แสดงว่าคุณจับตามองฉันตลอดเวลาเลยอย่างนั้นเหรอคะ”เขาหัวเราะอีกแล้ว ท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย หากหล่อนเป็นแบบเขาบ้างก็
ตอนที่ 1.เสียงเคาะประตูห้องเช่าดังขึ้นหนึ่งครั้ง...“สักครู่นะคะ”พลอยแพรวาที่เพิ่งเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกเสร็จรีบเช็ดไม้เช็ดมือด้วยความรีบร้อน“รอแม่แปบนะคะไพลิน”หญิงสาวพูดกับลูกสาววัยเก้าเดือนกว่าที่นอนอยู่บนเบาะนุ่มที่ปูเอาไว้บนพื้นห้องด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นและเดินตรงไปยังประตูห้องเช่า เพราะคิดว่าเป็นป้าสำลี คนที่หล่อนจ้างเลี้ยงลูกสาวหล่อนกุมลูกบิดประตู และดึงให้มันเปิดกว้างออก และก็ต้องช็อกตาค้าง เมื่อบุคคลที่อยู่หลังบานประตูไม่ใช่ป้าสำลี แต่กลับเป็นคนที่หล่อนพยายามหนีมาตลอดคริสเตียโน่ ลาร์กอส มหาเศรษฐีหนุ่มรูปงามผู้ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ในลาสเวกัส เขาเป็นเจ้าของคาสิโนยักษ์ใหญ่ รวมถึงโรงแรมหรูในหลายประเทศ หากเอ่ยชื่อเขาออกมา ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักความทรงจำในอดีตเมื่อต้นปีก่อนผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้งราวกับดอกเห็ดหน้าฝนในอดีตหล่อนคือสาวใช้ในบ้านของเศรษฐีคนหนึ่ง แต่ค่ำคืนหนึ่งที่ไม่มีใครอยู่บ้าน หล่อนได้เก็บบัตรเชิญงานเลี้ยงหรูหราได้จากถังขยะในห้องของอรนภา ซึ่งเป็นลูกสาวคนสวยของบ้าน และคงเพราะโชคชะตาเล่นกล ทำให้หล่อนกล้าบ้าบิ่นพอที่จะปลอมแปลงตัวเป็นอรนภาและไปร่วมงานเลี้ยงในค่ำคื
ตอนที่ 5.หล่อนอยากกลับห้อง...ไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่ไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้เลยมิรดาก้มลงมองเนื้อตัวของตัวเองอย่างเวทนา ต่อให้หล่อนสวยแค่ไหน พยายามทำตัวให้คู่ควรกับเขายังไง แต่ธีธัชก็ไม่มีทางมองสองแขนยกขึ้นโอบกอดเนื้อตัวเอาไว้ด้วยความเหน็บหนาว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีเสื้อสูทของใครบางคนคลุมทับมาบนบ่า“อุ๊ยยยย...”หล่อนตกใจมาก รีบหันไปมอง ก็พบว่าผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเป็นเจ้าของเสื้อสูทบนบ่าบอบบางของตัวเอง“ผมเห็นคุณยืนตัวสั่นน่ะ ก็เลยให้ยืม”“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าไม่เป็นไรค่ะ”หล่อนจะส่งเสื้อสูทคืนเขา แต่เขาขยับออกห่าง และส่ายหน้า“ไม่เป็นไรครับ ยืมเถอะ ผมไม่คิดเงินหรอก”มิรดาอมยิ้มขบขันออกมาในที่สุด“ผมดีใจที่เห็นคุณหัวเราะนะครับ”“ฉันก็ไม่ได้ร้องไห้สักหน่อยนี่คะ”ผู้ชายเจ้าของเสื้อสูทเดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะชวนหล่อนไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร และชวนคุยต่อ“ก็ผมเห็นคุณเดินหน้าเศร้านี่ครับ”หล่อนเอียงหน้ามองเจ้าของคำพูดที่ตัวเองไม่อาจจะปฏิเสธได้“นี่แสดงว่าคุณจับตามองฉันตลอดเวลาเลยอย่างนั้นเหรอคะ”เขาหัวเราะอีกแล้ว ท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย หากหล่อนเป็นแบบเขาบ้างก็
ตอนที่ 4.หล่อนตอบรับเสียงเรียบ ขณะก้าวเดินตามคนตัวโตออกไป เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก“วันนี้บอสขับรถเองเลยเหรอคะ”“ใช่ครับ พอดีลุงแกไม่ค่อยสบาย ผมก็เลยขับเอง”“เอ่อ... ให้มิ้มขับให้ไหมคะ”ธีธัชที่กำลังจะเปิดประตูรถชะงัก แววตาที่มองมามีประกายขบขัน“คุณคิดว่าผมจะเอาเปรียบคุณขนาดนั้นเลยหรือ คุณมิ้ม”“เอ่อ... บอสไม่ได้เอาเปรียบนะคะ แต่มิ้มเป็นเลขาฯ เอ่อ...”หล่อนยังพูดไม่จบ ธีธัชก็แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขัน“ผมรู้ว่าคุณทำเพื่อผมได้ทุกอย่าง คุณเก่ง คุณเป็นเลขายอดวิเศษที่ผมไม่อาจจะหาใครมาเทียบได้ แต่เรื่องขับรถ ให้ผมทำเองบ้างเถอะนะ”เขาหัวเราะขณะก้าวขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยรถ หล่อนรีบก้าวตามขึ้นไปนั่งเบาะหน้าข้างๆ“มิ้มก็แค่อยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้นเองค่ะ”คนตัวโตที่เพิ่งคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ หันมามอง แต่สายตาของเขาไม่ได้มองหน้าของหล่อนหรอกนะ แต่มันจ้องไปที่หน้าอกที่ล้นทะลักของหล่อนแทน คล้ายกับเขาลืมตัวนี่ธีธัชจะรู้ไหมนะว่าสายตาของเขาทำให้หล่อนร้อนเป็นไฟรู้หรอกว่าเขาก็มองหล่อน เหมือนกับที่ผู้ชายมองผู้หญิงนมโตนั่นแหละ ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรเลย แต่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้“คุณทำหน้
ตอนที่ 3.มิรดาจ้องมองภาพผู้หญิงที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาภายในห้องพักของตัวเองด้วยความอัศจรรย์ใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เพราะไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่เห็นจากกระจกเงาจะคือตัวเองจริงๆ“นี่เราจริงๆ เหรอเนี่ย”มือเล็กยกขึ้นแตะใบหน้านวลที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจากช่างมืออาชีพที่ธีธัชจัดหามาให้ซ้ำไปซ้ำมาหล่อนจริงๆ ด้วย...กลีบปากอิ่มหนาเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูหวานแวววาว แก้มนวลถูกแต้มด้วยสีสันจนมองไม่เห็นผิวเนื้อแท้จริงดวงตาเลื่อนลงมามองที่ลำคอของตัวเองที่ถูกเปิดเผยออกมาจากอาภรณ์มากกว่าทุกครั้ง บ่าเนียนมีเพียงแค่สายเล็กๆ สองเส้นที่ร้อยจากคริสตัสสีทองคล้องเอาไว้ทั้งสองข้าง และต่ำลงไปกว่านั้นก็คือเนินอกสาวที่หล่อนไม่เคยเปิดเผยแกสายตาของใครมาก่อนเลยหล่อนไม่เคยมั่นใจกับรูปร่างของตัวเองเลย โดยเฉพาะที่หน้าอกมันใหญ่เกินตัว และมันก็ทำให้หล่อนต้องสวมใส่ชุดตัวใหญ่กว่าขนาดจริงมาตลอดตั้งแต่อายุสิบสอง หน้าอกของหล่อนโตเร็วและเด่นชัดกว่าเพื่อนๆ ร่วมชั้น ซึ่งขนาดของมันใหญ่โตจนถูกแซวจากเพื่อนผู้ชายบ่อยครั้งหล่อนต้องซ่อนตัวเองเอาไว้ภายใต้เสื้อตัวโคร่ง และก็ห่อไหล่ลงเมื่อต้องเดินผ่านผู้คน เพราะเกรงว่าห
ตอนที่ 2.ดังนั้นการได้ทำงานร่วมกับเขาทุกวัน ได้มองเขาในเวลาที่เขาเผลอ ได้พูดคุยกับเขา ได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเขา มันจึงมีค่ากับหล่อนมากมายเหลือเกิน เพราะอย่างนี้ไง ตลอดห้าปีที่ผ่านมา หล่อนถึงไม่เคยลาหยุดงานเลยหลายครั้งที่หล่อนอิจฉาผู้หญิงพวกนั้น และหลายครั้งที่หล่อนอยากจะขึ้นไปทำหน้าที่บนเตียงแทนพวกหล่อน แต่ก็จำต้องหยุดคิด เพราะหากหล่อนทำเช่นนั้นลงไป ธีธัชจะไม่มีวันยอมทำงานร่วมกับหล่อนอีก และแน่นอนว่า หล่อนจะไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิด หรือว่าเห็นหน้าเขาอีกเลยชั่วชีวิตหล่อนต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ภายในใจ เก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกแม้ว่าจะรักเขามากมายแค่ไหนก็ตาม...หล่อนเจ็บปวดนะ ทรมานมากด้วย แต่ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว“เมื่อกี้คุณทำได้ดีมากเลยนะคุณมิ้ม”เจ้าของช่วงขายาวเอ่ยชมเลขาฯ ของตัวเองไม่ขาดปาก หลังจากจบการประชุมใหญ่ และทุกอย่างราบรื่นจนน่าทึ่ง“ไม่ใช่เพราะมิ้มหรอกค่ะ เพราะบอสต่างหาก ลูกค้าถึงได้เชื่อถือและยอมตกลงเซ็นต์สัญญาง่ายกว่าที่คาดคิดเอาไว้”ชายหนุ่มหยุดเดิน และมองเลขาที่ตัวเองเล็กกว่าตนเองไม่น้อย ระดับศีรษะของหล่อนอยู่แค่ปลายคางของ
ตอนที่ 1.เสียงเคาะประตูห้องเช่าดังขึ้นหนึ่งครั้ง...“สักครู่นะคะ”พลอยแพรวาที่เพิ่งเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกเสร็จรีบเช็ดไม้เช็ดมือด้วยความรีบร้อน“รอแม่แปบนะคะไพลิน”หญิงสาวพูดกับลูกสาววัยเก้าเดือนกว่าที่นอนอยู่บนเบาะนุ่มที่ปูเอาไว้บนพื้นห้องด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นและเดินตรงไปยังประตูห้องเช่า เพราะคิดว่าเป็นป้าสำลี คนที่หล่อนจ้างเลี้ยงลูกสาวหล่อนกุมลูกบิดประตู และดึงให้มันเปิดกว้างออก และก็ต้องช็อกตาค้าง เมื่อบุคคลที่อยู่หลังบานประตูไม่ใช่ป้าสำลี แต่กลับเป็นคนที่หล่อนพยายามหนีมาตลอดคริสเตียโน่ ลาร์กอส มหาเศรษฐีหนุ่มรูปงามผู้ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ในลาสเวกัส เขาเป็นเจ้าของคาสิโนยักษ์ใหญ่ รวมถึงโรงแรมหรูในหลายประเทศ หากเอ่ยชื่อเขาออกมา ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักความทรงจำในอดีตเมื่อต้นปีก่อนผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้งราวกับดอกเห็ดหน้าฝนในอดีตหล่อนคือสาวใช้ในบ้านของเศรษฐีคนหนึ่ง แต่ค่ำคืนหนึ่งที่ไม่มีใครอยู่บ้าน หล่อนได้เก็บบัตรเชิญงานเลี้ยงหรูหราได้จากถังขยะในห้องของอรนภา ซึ่งเป็นลูกสาวคนสวยของบ้าน และคงเพราะโชคชะตาเล่นกล ทำให้หล่อนกล้าบ้าบิ่นพอที่จะปลอมแปลงตัวเป็นอรนภาและไปร่วมงานเลี้ยงในค่ำคื