“มาแล้วหรือ? นั่งก่อนสิ” หมอสาวลุกขึ้น ส่งยิ้มหวานไปให้ฮิโรยูกิ แต่ก็ต้องชะงักยิ้มไว้เพียงเท่านั้น เมื่อสายตาเหลือบไปเห็น ดวงหน้าสาวไทยร่างเล็กคนนั้นเดินตามมาด้วย ทำเอาหัวใจที่แช่มชื่นเมื่อครู่ กลับหดหู่ขึ้นมาแทนที่ทันที แต่ก็จำต้องฝืนยิ้มให้กับหล่อนแบบแกน ๆ
ฮิโรยูกิเลื่อนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้ามกับฮานะ ให้น้ำรินนั่ง ออกแรงดึงแขนเรียวเล็กที่ทำท่าทางแข็งขืนนิด ๆ บวกกับใบหน้าตึง ๆ นั่น ราวกับว่าเจ้าหล่อนไม่ต้องการนั่งร่วมโต๊ะกับฮานะกระนั้น อย่าบอกนะว่าหล่อนกำลังหึงเขาอยู่ คิดได้เท่านั้น ก็เล่นเอาชายหนุ่มอดอมยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดีไม่ได้ ทางด้านน้ำริน เมื่อถูกมือใหญ่ฉุดให้นั่งลงข้าง ๆ เขาแล้ว หญิงสาวจึงหันไปส่งสายตาขุ่นเขียวให้กับคนเอาแต่ใจ ขบเม้มริมฝีปากอย่างหมั่นไส้ แต่อีกฝ่ายหารู้สึกผิดไม่ กลับทำระรื่นหน้าตาเฉย
“มีธุระอะไรหรือ?” ชายหนุ่มหนึ่งเดียวในนั้น เอ่ยเสียงเข้มขรึม หลังจากที่พาตัวเองนั่งฝั่งตรงข้ามกับหมอสาวเรียบร้อยแล้ว
“ฉันอยากคุยกับคุณลำพัง..แค่สองคนจะได้ไหม?” ฮานะจำต้องพูดเป็นภาษาถิ่น พอให้เข้าใจแค่สองคนระหว
“เรายังเป็นเพื่อนกันได้เสมอฮานะ และตลอดไป” น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ยออกมา คลายวงแขนที่กอดอกนิ่งเมื่อครู่คล้ายกับว่าเขามีเวลาให้หล่อนเพียงแค่นี้เท่านั้น ดวงตางดงามของฮานะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ราวกับว่ามีใครเอาเข็มมาทิ่มแทงจิตใจให้รู้สึกเจ็บแสบนัก หญิงสาวเพ่งมองชายหนุ่มนิ่งสักพัก ก่อนจะค่อย ๆ หันไปยังบริเวณล็อบบี้หน้าร้านอาหารที่ทำเป็นกระจกใส สามารถมองทะลุออกไปด้านนอกได้ ฮานะเห็นหญิงสาวชาวไทยร่างเล็ก นั่งอยู่บนม้านั่งที่ทางร้านจัดเอาไว้ให้ และเธอผู้นั้น ก็หันมาทางนี้พอดีเช่นกัน“เธอน่ารักนะคะ ฉันยินดีกับคุณด้วยภาวนาให้คุณสมหวังในความรัก” ฮิโรยูกิมองตามสายตาของหญิงสาว ก่อนจะพบกับร่างเล็กที่กำลังมองมาทางนี้พอดิบพอดี ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่ง“ผมชอบและรักเธอ ถ้าหากว่าไม่มีปัญหาอะไร ผมก็จะแต่งงานกับเธอให้เร็วที่สุด” ชั่ววินาทีที่กล่าวประโยคนั้นออกมา เขาพูดโดยไม่ได้หันมาทางฮานะ หากใบหน้าและดวงตาของเขากลับจับจ้องไปยังหญิงสาวชาวไทยข้างนอกนั่นอย่างมุ่งมั่น เขาเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่พูดไป เมื่อครู่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง เขาสามารถเอ่ยมันออกมา
“ขอนั่งด้วยคนนะคะ..คุณหมอ” ฮีจินเดินเข้ามาในร้านอาหาร ของทางโรงพยาบาล ร้านอาหารถูกจัดง่าย ๆ ไม่จำกัดชนิดและประเภทของอาหาร ผู้คนทั่วไปจึงเข้ามาทานได้ วันนี้ผู้คนแลดูจะพลุกพล่านพอดู เนื่องจากเป็นเวลาพักเที่ยงนั่นเอง ไม่รู้เพราะอะไร หล่อนจึงได้มาถึงที่นี่ เพียงเพื่อต้องการมาพบหน้าเขา พยาบาลที่อยู่หน้าห้องบอกว่าเขามาทานอาหารกลางวัน หล่อนจึงเดินตามมา และทันเห็นชายหนุ่มนั่งเหม่อลอย ไม่ยอมแตะอาหารที่สั่งมาเลย สีหน้าของเขาเหมือนหมดอาลัย และเหมือนต้องการลืมเรื่องบางอย่าง“คุณฮีจิน! มาทำอะไรที่นี่หรือครับ? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? นั่งก่อนสิครับ” หมอหนุ่มหันมามองยังหญิงสาวร่างเพรียวระหง น้ำเสียงหวานใส บวกกับรอยยิ้มสวยสดของหล่อนเขายังจำได้ดีชายหนุ่มจึงเอ่ยถามออกไปแบบกระตือรือร้น ตามประสาคนที่ชอบเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นเขาไปเสียหมด“มาโรงพยาบาลนี่ ต้องเป็นคนป่วยทุกคนเลยหรือคะ? ก็ได้ ฉันป่วยหนักหนักมากด้วยคุณจะช่วยรักษาให้ฉันจะได้ไหมล่ะคะ” ฮีจินตอบกลับไปแบบทีเล่นทีจริง มองสบตาหมอหนุ่มอมยิ้มนิด ๆ แต่เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าเป็นกังวลของยูอิจิ หญิงสาวถึงกับ
“บ่ายนี้..ผมไม่มีเคสผ่าตัดจะมีอีกทีก็ช่วงเย็นดังนั้น..ผมขอไปส่งคุณที่สนามบินได้ไหมครับ?” ฮีจินช้อนดวงหน้าสวยหวาน ขึ้นสบตากับชายหนุ่มแทบจะทันที แววตาแปลกใจ มีแววลิงโลดปะปนไปด้วยความคิดหลากหลาย ไม่เข้าใจกับคำพูดของเขาเท่าใดนัก ฮีจินเห็นนัยน์ตาที่แสดงออกถึงความจริงใจ ไม่ได้แอบแฝงเล่ห์กลอะไรใด ๆ ก็แทบจะร้องไห้ น้ำตาที่คลออยู่รอบดวงตาหวาน จู่ ๆ มันก็ไหลออกมาเองโดยเจ้าตัวไม่รู้เลยด้วยซ้ำ“อ๊ะ! คุณร้องไห้ อย่าร้องเลยนะครับ เอ่อ..ผมจะไปส่งคุณเองไม่ต้องห่วงนะ ไม่ต้องไปสนใจเจ้าฮีโร่มัน..เดี๋ยวผมจะไปจัดการมันให้เองไม่ต้องห่วงนะ” ยูอิจิเข้าใจไปอีกอย่าง ละล่ำละลักคิดว่าตนทำให้หญิงสาวร้องไห้ ร่างสูงของหมอหนุ่มลุกขึ้นมาโอบกระชับร่างเพรียวบาง ที่สะอื้นไห้อยู่อย่างไม่รู้สาเหตุ จู่ ๆ หล่อนก็ร้องไห้ออกมา นั่นทำให้หญิงสาวยิ่งเพิ่มแรงสะอื้นฮักเข้าไปใหญ่ ยูอิจิงงไปกับ ท่าทางของหล่อน จึงกระชับวงแขนเข้าหากันเพื่อปลอบโยนและถ่ายเทความอบอุ่นไปยังร่างเพรียวบาง ภายในห้องอาหารของโรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล รวมทั้งคนไข้และบุคคลทั่วไปที่เข้ามาท
“ งั้น..ท่านปู่จะเป็นผู้ใหญ่ทางฝ่ายเธอได้ใช่ไหมครับ?” “ อื้อ ได้สิแต่..” “ แต่..อะไรหรือครับท่านปู่ มีปัญหาอย่างนั้นหรือครับ” “ หลานลืมไปแล้วหรือว่า..วงศ์ตระกูลของเราเคร่งครัดเรื่องคู่ครองมาก ถึงแม้ทางญี่ปุ่นจะไม่คิดมากเรื่องนี้ แต่ญาติผู้ใหญ่ที่ยังหลงเหลืออยู่เกาหลีโน้น คงไม่ยอมแน่ เธอคิดว่า หนูน้ำรินจะยอมอดทนฟันฝ่าอุปสรรคตรงนี้ไปได้ไหม? ปู่เกรงว่ามันจะซ้ำรอย” “ ไม่หรอกครับท่านปู่ ผมจะไม่มีวันแยกจากเธอเป็นอันขาด ผมจะทำทุกวิถีทางให้ผู้ใหญ่ทางโน้นยอมรับน้ำริน แต่งเข้าตระกูลของเราให้ได้” “ พูดอย่างนี้ แสดงว่าหนูน้ำรินเอง ก็รักเธออย่างนั้นหรือฮีโร่ หลานเชื่อมั่นในตัวเธอว่าจะยอมสู้เพื่อที่จะได้ครองรั
“อยู่นิ่ง ๆ แบบนี้ก่อนได้ไหม? น้ำรินฉันอยากกอดเธอ อยากจูบเธอ อยากสัมผัสเธอ อยากทำตามหัวใจตัวเองที่มันร่ำร้องใจแทบขาด” จมูกโด่งสวย ก้มลงมาดอมดมที่ซอกคอ และข้างแก้มของหล่อน อย่างหลงใหล ลมหายใจอุ่น ๆ รดรินติดกับแก้มนวลใส สูดดมกลิ่นกายสาวเข้าปอดลึกอย่างชื่นอกชื่นใจ..“คุณ..”“เรียกฉันว่า ฮีโร่ เฉย ๆ ได้ไหม? หือ น้ำริน ฉันอยากให้เธอเรียกอย่างนั้น” สัมผัสอันแผ่วเบาชวนให้ขนลุก ยิ่งหลบก็เหมือนยิ่งยุ เมื่อลมหายใจอุ่น ๆ ริมฝีปากร้อนผะผ่าวแตะแต้มไปทั่ว ปลุกเร้าให้เลือดในร่างกายหญิงสาวตื่นตัว น้ำรินพยายามสะกดกั้นอารมณ์วาบหวามที่กำลังปะทุ ราวกับพลุแตกไปทั่วร่างกาย“ฮีโร่คะได้โปรด..อย่าทำกับฉันเหมือนเป็นผู้หญิงที่ไร้ค่าเลยนะคะ” ฮิโรยูกิชะงักการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ ก้มลงมองดวงหน้าขาวใส หยดน้ำเค็ม ๆ ไหลรินลงมาจากดวงตากลมสุกใส ปลายนิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มช่วยไล่น้ำตาให้อย่างเบามือ เต็มไปด้วยความอ่อนโยน“อย่าเข้าใจผิดสิ ฉันแค่ทำตามหัวใจที่มันเรียกร้องต่างหาก เธอเองก็คิดไม่ต่างจากฉันใช่ไหม”“ต่างกันค่ะ ใ
ฮิโรยูกิแทบหยุดหายใจไปเลย เมื่ออยู่ดี ๆ เจ้าหล่อนก็เล่นทำเอาใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ เป็นครั้งแรกที่หล่อนจูบเขาก่อน แม้จะเพียงแค่แตะ ๆ เท่านั้น ชายหนุ่มดันร่างเล็กออกจากกายนิด ๆ เชยคางหญิงสาวให้สบตากัน นิ้วเรียวปาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน เขาชอบที่จะเห็นหล่อนยิ้ม หัวเราะ มากกว่าร้องไห้แบบนี้ ฮิโรยูกิก้มลงไปจูบที่กระหม่อม แล้วปล่อยวงแขน พร้อมกับยิ้มกว้างขวาง รอยยิ้มละมุนละไม กระจ่างดุจดั่งดอกไม้งามปานเทพบุตร จนทำหัวใจของน้ำริน กระตุกไหววูบ เต้นระรัวราวกับตีกลอง ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายก็ยิ้มสวยได้เหมือนกัน“น้ำริน.. ฉันขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำไม่ดีกับเธอ ที่ฉันบังคับ ขโมยจูบเอากับเธอ ดูถูกเธอ ทุกครั้งที่ฉันเห็นเธออยู่กับผู้ชายอื่น แล้วก็ทำไม่ดีกับเธอ นั่นก็เพราะ..ฉันหึง ฉันรู้นะน้ำริน เธอไม่ใช่คนแบบที่ฉันเคยดูหมิ่นศักดิ์ศรี ไม่ใช่อย่างแน่นอน ฉันรู้ ต่อไปนี้ จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ฉันสัญญาจะไม่ทำให้เธอร้องไห้อีก” ร่างเล็กที่เอาแต่ก้มหน้างุดอยู่ เงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าคมเข้ม ด้วยสายตาแปลกไปกว่าเก่า มีแววลังเล ระคนสงสัย ไม่แน่ใจในคำพูดของเขาเท่าใดนัก คิ้วเล็กขมวดเข้าหากัน ป
ดวงหน้าและนัยน์ตาที่ฉายแววจริงจังจนทำให้น้ำรินรู้สึกยินดี และตื้นตันใจเป็นล้นพ้น เขาขอแต่งงานกับหล่อนถึงสองครั้งในค่ำคืนอันหนาวเหน็บนี้ ถ้าหากว่าใจดำปฏิเสธออกไป คงกลายเป็นคนเลือดเย็นจนเป็นน้ำแข็ง เหมือนอากาศที่หนาวเหน็บข้างนอกเป็นแน่“คุณไม่รังเกียจผู้หญิงธรรมดา ๆ อย่างฉันหรือคะ สวยก็ไม่สวย ฐานะต่ำต้อยต่างกับคุณลิบลับราวฟ้ากับดิน คุณจะยอมรับได้หรือคะ? ที่จะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่มีอะไรเลยแบบฉัน” น้ำรินจำต้องพูดในสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจมานาน ชายหนุ่มผู้เพอร์เฟกต์ทุกอย่างแบบเขา จะมาแต่งงานกับหล่อนจริง ๆ น่ะหรือ ไม่อยากจะเชื่อเลย“ถ้าฉันคิดเรื่องพวกนั้น ป่านนี้ฉันคงไม่มานั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเธอเป็นชั่วโมงแบบนี้หรอกน้ำริน เชื่อฉัน.. ฉันสัญญาว่าจะดูแลเธอ จะรักเธอไปตลอดชีวิตไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรเราจะฟันฝ่ามันไปด้วยกัน” น้ำรินงุนงงกับถ้อยคำของเขา ปัญหา คนระดับเขายังจะมีปัญหาอะไรให้ฟันฝ่าอีกอย่างนั้นหรือ? แต่อะไรก็ช่างเถอะ ในเมื่อเขาลงทุนทำถึงขนาดนี้แล้ว แม้จะเกิดอะไรขึ้น หล่อนก็พร้อมจะเผชิญหน้าไปพร้อมกับเขาอย่างแน่นอน“ตกลงค่ะ..ฉันจะแต่งงานกั
“ไม่นะคะ..ชอบมากต่างหาก ชอบมากกว่าที่คุณบอกว่าจะจัดงานแต่งให้ฉันซะอีก” น้ำรินส่ายหน้าไปมาอย่างน่าเอ็นดูมิอาจเปล่งวาจาใด ๆ ออกมา เพราะรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจเหลือเกิน หญิงสาวยิ้มหวานหยด เม้มริมฝีปากบางแน่น โผเข้าไปกอดที่ซอกคอแข็งแรงอีกครั้ง ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะผละออกมาปาดน้ำตาออกจากดวงตาหวานซึ้ง“คืนนี้..คุณนอนที่นี่กับฉัน จะได้ไหมคะ?” น้ำเสียงหวานใสปนเครือเล็กน้อย เอ่ยออกมาแบบอาย ๆ เอียงคอมองคนตรงหน้าตาแป๋ว รอฟังคำตอบอย่างใจจดจ่อ รู้สึกอายขึ้นมาตงิด ๆ ที่เอ่ยปากชวนเขานอนด้วยอย่างนี้ ทางฝ่ายชายหนุ่มที่เอาแต่นิ่งเงียบ เพราะคาดไม่ถึงว่าหล่อนจะชวนเขาแบบนี้ ซึ่งปกติแล้ว เจ้าหล่อนคงไล่ตะเพิดเขากลับห้องไปแล้ว ชายหนุ่มยิ้มกว้างขวางกับปฏิกิริยาของหญิงสาวผู้เป็นที่รัก ดูเหมือนว่าหล่อนจะเริ่มอ้อนเขาเป็นแล้วนี่ ฮิโรยูกิชอบใจนักที่หล่อนทำท่าทางออดอ้อน ให้ท่าเขาแบบนี้ มันเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของหล่อน ไร้จริตมารยา มองทีไรแล้วให้ชุ่มชื่นหัวใจนัก หล่อนหลับไปแล้ว หลับทั้ง ๆ ที่เขายังมีอารมณ์พิศวาสคุกรุ่นอยู่เต็มอก ฮิโรยูกิได้แต่ครางฮึ่ม ๆ ในลำคอ
การกระทำของทั้งสองได้เรียกน้ำตาให้กับคนที่พบเห็น บริเวณห้องฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี ชั่ววินาทีนั้นราวกับว่าได้หยุดทุกสิ่งทุกอย่างให้หยุดอยู่กับที่ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ป่วยที่ร้องโอดโอย เพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลบริเวณหน้าขา เพิ่งถูกเข็นผ่านเข้ามาภายใน ต้องหยุดชะงักงันไปชั่วขณะ เหลือบมองมายังคู่หนุ่มสาวทั้งสองด้วยความงุนงงสงสัย ลืมความเจ็บปวดเมื่อครู่ไปเลยทีเดียว ทางด้านผู้สูงอายุทั้งสาม ถึงกับอึ้งไปกับการกระทำของทั้งสองหนุ่มสาว ความรู้สึกตื้นตัน และเห็นความตั้งใจจริงของทั้งสอง แสดงให้รู้ว่าพวกเขารักกันมากมายขนาดไหน ฝ่ายชายถึงกับสามารถตัดขาดจากสมบัติและวงศ์ตระกูลได้เลย เพื่อแลกกับการได้ครองรักกับหญิงสาวร่างเล็กบอบบางข้างกาย ลี ฮาซันถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับที่หางตา มองไปทางด้านผู้เป็นสามีคล้องวงแขนเข้ากับลำแขนของอีกฝ่ายซุกหน้ากับอกของสามี ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ ทางด้านลี จางชีก็มีอาการไม่ต่างจากกันนัก จึงแตะที่แขนของภรรยาอย่างปลอบประโลม ชายชราหนึ่งเดียวนั้นก็ไม่ได้มีอาการแตกต่างจากคนอื่นเท่าใดนัก ร่างที่ค่อนข้างค้อมเล็กน้อย ไขว้มือที่เหี่ยวย่นไว้ด้านหลังข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างวางอยู่บน
น้ำรินพยายามลืมตาตื่น รู้สึกมึนงงไปหมด อาการคลื่นไส้ จะเป็นลม หายเป็นปลิดทิ้งหลังจากที่ได้ให้น้ำเกลือ และนอนพักเต็มอิ่มแล้ว ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำอุ่น ๆ เค็ม ๆ ถูกเช็ดออกจากดวงหน้าด้วยนิ้วเรียวใหญ่อย่างเบามือของผู้เป็นสามี“ตื่นแล้วหรือ? เป็นไงบ้าง? ยังเวียนหัวอยู่หรือเปล่า?” คำถามรัวถี่ติด ๆ กันจนคนถูกถามแทบตอบไม่ทัน จึงได้แต่ส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ หล่อนไม่อยากให้เขาเป็นกังวลมากนัก“ไอ้หมอหัวล้านกับเจ้ายูมันให้เธอกลับบ้านได้ แต่ฉันว่าเธอยังไม่แข็งแรงดีเลย ยังไงนอนพักดูอาการที่นี่สักคืนดีไหม” ผู้เป็นภรรยาส่ายหัวดิกเมื่อ ได้ยินผู้เป็นสามีบอกให้นอนพักที่นี่สักคืน“ไม่เอาค่ะ หายดีแล้ว ไม่เวียนหัว ไม่คลื่นไส้ ไม่มีอาการอะไรทั้งนั้นแล้ว ฉันหายดีแล้วจริง ๆ นะคะ” อยากจะบอกเหลือเกินว่า แค่ตื่นขึ้นมาแล้วได้เจอหน้าเขา มาอยู่ใกล้ ๆ อย่างนี้อาการต่าง ๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้งทันทีเลยล่ะ“จริงนะ ห้ามโกหก เป็นพยาบาลอะไรไม่ชอบโรงพยาบาลเฮ้อ!” ชายหนุ่มชะโงกหน้า มองเสี้ยวหน้าภรรยาตัวน้อยด้วยความมันเขี้ยว มือใหญ่วางแปะที่ศีรษะเล็กนั้น เขย่าเบา ๆ อย่างเอ็นดู“กลับบ้านกันเถอะนะคะ” คนไข้ตัว
“ดี..แล้วก็เอาหัวล้าน ๆ ของไอ้หมอคนเมื่อกี้ออกไปห่างเมียกันหน่อยได้ไหม กันไม่ชอบขี้หน้ามันเลยว่ะ” ฮิโรยูกิหันมากระซิบข้างหูเพื่อนรักทันทีที่หันไปเห็นแพทย์คนเมื่อสักครู่ เดินเลี่ยงออกไปทางด้านซ้ายของเตียงคนไข้ นั่นก็เรียกรอยยิ้มให้ยูอิจิได้เป็นอย่างดี ขี้หึงจริง ๆ นะเพื่อนเรา แม้แต่หมอแก่ร่างท้วม กับหัวที่มีผมทางตอนหน้าเหลือน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง ไปหาว่าเขาหัวล้านซะนี่ ร้ายจริง ๆ“ออกไปก่อนเถอะเพื่อน ไม่ต้องห่วงทางนี้ กันจะช่วยดูให้อีกแรงหนึ่ง” คำยืนยันของยูอิจิ บอกว่าภรรยาของเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างสูงจึงยอมถอยห่างออกมาแต่ไม่ได้ไปไหนไกล เขายังคงปักหลักยืนอยู่ห่าง ๆ ในมุมห้องแคบนั้น พลางกอดอกมองแพทย์และพยาบาลตรวจร่างกายหล่อนเงียบ ๆ“ฮีโร่..ฮีโร่..ตื่นเถอะ”“อ๊ะ! ฮ๊ะ! ยู..เมียฉันล่ะเมียฉันเป็นไงบ้าง!” ร่างสูงผวาตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงยูอิจิปลุกให้ตื่น เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“หึ..ตื่นขึ้นมาก็โวยวายเลยนะ คุณน้ำรินปลอดภัยแล้ว หมอให้น้ำเกลือ แล้วย้ายเธอไปนอนพักดูอาการที่ห้องข้าง ๆ โน่นแล้ว”“เหรอ? แล้วอยู่ไหนล่ะ?”“เดี๋ยวสิเพื่อน นี่นายไม่อ
“อือ ๆ ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ” แล้วก็มีเสียงงึมงำจากคนรอบข้าง ที่บ่งบอกว่าเห็นด้วยกับความเห็นของเขา และนั่นก็ให้คุณคิม เซยอนชักสีหน้าอย่างไม่พอใจให้สามีทันที“เอาอย่างนี้สิ อะไรที่เป็นฝีมือของเธอ เราก็ชิมอันนั้นก็แล้วกัน..เรามาวัดกันที่รสชาติเป็นไง” และก็เป็นท่านปู่อีกตามเคยที่เอื้อมมือมาช่วยหล่อนไว้ ทำให้น้ำรินลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก การทดสอบเรื่องอาหารผ่านไปด้วยดี ผลที่ออกมาหล่อนได้คะแนนเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าสูงมากเลยทีเดียว และสุดท้ายก็คือการชงชาที่ถูกต้อง ขณะที่กำลังนำถาดน้ำชาไปเสิร์ฟให้ผู้หลักผู้ใหญ่นั้นเอง วูบหนึ่งหล่อนรู้สึกหน้ามืด วิงเวียนจนแทบล้ม แต่ก็พยายามข่มใจไว้ พลางยืดอกขึ้นสูดลมหายใจเพื่อเอาออกซิเจนเข้าปอดลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดเรื่องที่หญิงสาวไม่ต้องการให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้“อุ๊บ! อ๊ะ!” เพล้ง! จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อกลิ่นของชาชั้นดีโชยมาแตะเข้าที่จมูก กลิ่นของมันทำให้แก๊สในกระเพาะอาหารปั่นป่วนจนวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอ แทบอ้วกออกมา เท่านั้นเองโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว หล่อนเผลอยกมือขึ้นมาปิดปาก ทำให้น้ำหนักถูกเทไปที่มืออีก
สามวันแล้วสินะที่หล่อนโดนการทดสอบแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคุณอาหญิง วันแรกเธอให้หล่อนขัดถูเครื่องใช้โบราณที่อยู่ในครัว ทำอยู่เป็นวันกว่าจะเสร็จก็เล่นเอามือถลอกไปเลยทีเดียว ถัดมาอีกวันหนึ่งหล่อนถูกทดสอบการทำอาหารซึ่งหล่อนถนัดนักล่ะ ไม่ว่าเธอจะสั่งให้ทำอะไรหล่อนก็ทำมันออกมาได้เป็นอย่างดี และนั่นก็ทำให้คุณลี ฮาซัน เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับหล่อนดีขึ้น วันนี้เธอช่วยสอนวิธีชงชาที่ถูกวิธีให้กับหล่อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฮีจินมาเยี่ยมหล่อนเมื่อช่วงบ่าย ก่อนจะกลับหล่อนได้ยื่นของสิ่งหนึ่งมาให้ นั่นก็คือหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลีในแต่ละยุคสมัย คุณลีบอกว่าอีกสองวันจะมีการประชุมผู้อาวุโสของตระกูล ให้หล่อนเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อถึงวันนั้นเธอบอกว่าจะคอยช่วยหล่อนอีกแรงหนึ่ง น้ำรินรู้สึกดีใจเหลือเกิน ที่สามารถเอาชนะใจคุณลี ฮาซันได้ เพียงแค่ระยะเวลาอันสั้น ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน พ่อบ้านเก่าแก่ ต่างก็ให้ความเป็นกันเองกับหล่อนมากขึ้นผิดกับวันแรก ๆ ที่หล่อนมาถึงที่นี่ลิบลับ หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งในช่วงเย็น หลังจากร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นกับผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กก้าวเข้าไป
ช่วงเดือนพฤษภาคมที่เกาหลีแลดูสดชื่นนัก ความสวยงามของดอกไม้ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ พันธุ์ไม้ต่าง ๆ ผลิดอกบานสะพรั่งก่อนที่จะมีใบสีเขียวชอุ่มตามมา ไกด์จำเป็นอธิบายให้หล่อนฟังว่า ริมทางที่รถวิ่งผ่านมาส่วนมากจะเป็นต้นเมเปิลต้นอึนแฮง ( ต้นแป๊ะก๊วย) ต้นบอทือ ( ต้นหลิว) ต้นบอช ( ต้นซากุระ) ต้นชัน (คล้ายต้นสน) ส่วนที่อยู่บนเนินเขาจะมีดอกจิลดัลแล สีชมพูอมม่วง ดอกแคนารีสีเหลือง และดอกซากุระ หรือดอกชนามู สีขาวอมชมพู ต่างผลิดอกออกมาประชัน เปรียบเสมือนสีผ้าต่าง ๆ พืด ปูประดับประดาไว้อย่างสวยงาม ต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ยืนเรียงรายริมถนนเริ่มผลิใบอ่อนบ้างแล้ว ตามกิ่งก้านจะมีนกเจบีตัวเล็ก ๆ สีดำส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง รถคันจิ๋ววิ่งลัดเลาะผ่านภูเขาที่ดูคดเคี้ยว จากกรุงโซลออกมาแถวชานเมือง ได้สักพักใหญ่ ๆ คนขับกิตติมศักดิ์ของหล่อนก็หักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวขวาขึ้นไปบนเนินสูงเบื้องหน้า วิ่งผ่านรั้วกำแพงสูงใหญ่เข้าไปด้านใน ก่อนจะจอดนิ่งสนิทหน้าลานกว้าง น้ำรินก้าวลงจากรถพลางเหม่อ
“อืมม์ เก่งขึ้นทุกวันนะเราใครสอนกันนะ โอ๊ะ! หึ ๆ” พูดออกไปแล้วก็ต้องร้องครวญครางด้วยความเจ็บ เมื่อถูกกำปั้นน้อย ๆ ทุบที่หน้าอกทีหนึ่งจากคนตัวเล็กตรงหน้า แก้มแดงระเรื่อทำให้เขาอดใจไม่ไหว ช้อนร่างหล่อนอุ้มขึ้นมากระชับไว้ในวงแขนอันอบอุ่น ก่อนจะพามาวางลงบนที่นอนโดยมีร่างสูงหนาตามมาติด ๆ ลมหายใจรินรดกันจนแทบจะสัมผัสได้ ตาต่อตาประสานกันนิ่ง ชายหนุ่มแนบหน้าเข้ามาใกล้เกลือกจมูกโด่งสวยเป็นสัน กับแก้มเนียนอมชมพูสูดดมความหอมอย่างรักใคร่หลงใหล ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากจากมุมปากประกบไว้แนบแน่น มือหนึ่งช้อนไว้ที่ท้ายทอยของหล่อน ส่วนมืออีกข้างก็ทำการสำรวจร่างกาย ลูบไล้ไปทั่วก่อนจะสอดหายเข้าไปใต้เนื้อผ้า.. สักพักชุดนอนเนื้อผ้าบางเบาก็ถูกปลดออกจากร่าง เหลือไว้เพียงร่างขาวนวลเนียนกระจ่างตา“ยังเช้าอยู่เลยนะคะ” หญิงสาวจำต้องยกมือขึ้นแตะที่แขนของสามีเป็นเชิงเตือน เมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น“ไม่เห็นเป็นไรเลยเช้า ๆ นั่นแหละดี”“แต่ว่า..คุณต้องไปทำงาน”“อื้อ..อย่าดื้อน่า เมื่อกี้ยังเชื้อเชิญอยู่เลย นะ..ขอหน่อยนะที่รัก หลายวันแล้วนะที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย อีกหน่อยเธอก็ต้องไปที่โซลแล้ว เมื่อถึ
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้มันสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายจึงใช้ส้นเท้ากระทืบลงที่หลังเท้าของมันเต็มแรง ก่อนจะก้มลงไปกัดที่มือหยาบหนาบริเวณที่มันโอบเหนือเอวหล่อนขึ้นมา เมื่อถูกฟันคม ๆ ของหล่อนกดลึกเข้าไปในผิวเนื้อจนมันรู้สึกเจ็บ ร้องจ๊ากออกมา จนสะบัดมือ สะบัดเท้าเร่า ๆ หญิงสาวมองเห็นความหวังที่จะรอดไปได้ขึ้นมารำไร จึงรีบสลัดตัวออกจากแขนใหญ่ล่ำ ที่พันธนาการหล่อนอยู่ทันที ก่อนจะก้มลงไปหยิบปืนที่หล่นอยู่แทบเท้าเมื่อครู่ด้วยมืออันสั่นเทา นิ้วชี้กระชับพร้อมที่จะเหนี่ยวไกเพื่อกระชากวิญญาณของพวกมันได้ทุกเมื่อ หญิงสาวอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอย่างที่ร่ำเรียนมา ปลายกระบอกปืนส่ายสลับไปมา ระหว่างชายฉกรรจ์ที่ยึดตัวหล่อนและสามีไว้เมื่อครู่อย่างหมายมาด สถานการณ์กลับกลายไปเป็นอีกแบบหนึ่งทันที ฮิโรยูกิย่างสามขุมตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของโทรุ ด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนไอ้สองคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการพันธนาการฮีจินอยู่ ชะงักงัน หนึ่งในนั้นพยายามที่จะงัดปืนออกมาจากเอวของมันแต่ถูกเสียงเข้มดุดัน ตะโกนสั่งออกมาเสียก่อน“ทิ้งปืนซะ! ถ้าไม่อยากให้เจ้านายของแกตาย แล้วก็แก้มัดเพื่อนฉัน
“ทำได้ดีมาก..ที่รัก” ฮิโรยูกิยังมีอารมณ์หันมาเอ่ยปากชมหล่อนทันทีที่ร่างเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาหลบอยู่ข้างหลังเขา ความขุ่นมัว กรุ่นโกรธก่อนหน้านี้ค่อยผ่อนคลายลงไปได้นิดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหล่อนแก้เผ็ดไอ้คนที่กระทำการอันน่ารังเกียจกับหล่อนได้อย่างไม่น่าเชื่อไม่เสียแรงเลยที่เขาอุตส่าห์ให้หล่อนหัดเรียนรู้วิธีป้องกันตัว เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมาทั้ง ๆ ที่กลัวเหลือเกินว่าเนื้อตัวของหล่อนจะบอบช้ำจากการฝึกฝน แต่ดูเหมือนว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะติดใจการฝึกหัดทุกรูปแบบเสียจนบางครั้ง ไม่สนใจเขาไปเลยในช่วงนั้น โดยเฉพาะเวลาที่เธอฝึกยิงปืนกับครูหนุ่ม การเอาใจใส่จนออกนอกหน้าของครูฝึกคนนั้น ทำให้เขาต้องย้ายหล่อนให้มาฝึกกับครูผู้หญิงแทน ส่วนครูฝึกคนแรกนั้น ถูกย้ายทันทีในวันถัดมา นี่ล่ะ..ผู้หญิงที่จะมาเป็นนายหญิงของตระกูลคัทซึฮิโกะตัวจริง“หึ ๆ แกแน่มาก ฮิโรยูกิแต่ดูเหมือนว่าแกจะประเมินฉันต่ำไปแล้ว” ฮิโรยูกิกับน้ำรินรู้สึกแปลกใจในคำพูดของโทรุ ที่จู่ ๆ มันก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาจากลำคอ ทันใดนั้นทั้งสองก็ต้องอ้าปากค้างร้องอุทานออกมาเกือบพร้อมกัน“ฮ